VUW - Victoria University of Wellington, New Zealand
Group Blog
 
All Blogs
 
สมรภูมิที่ สตาลินกราด ในสงครามโลกครั้งที่ 2

สมรภูมิที่ สตาลินกราด ในสงครามโลกครั้งที่ 2

Battle of Stalingrad


โดย พันเอก ศนิโรจน์ ธรรมยศ




ทหารเยอรมันขณะเริ่มยุทธการบาร์บารอสซา (Barbarrossa) เพื่อรุกเข้าสู่ประเทศรัสเซีย โดยไม่คาดว่าความหายนะครั้งยิ่งใหญ่กำลังรออยู่ข้างหน้า


---------------------------------



นับแต่เริ่มยุทธการบาร์บาร์รอสซ่า (Barbarrossa) เยอรมันทำการรบอย่างสายฟ้าแลบ ท่ามกลางความตื่นตระหนก และเสียขวัญของกองทัพรัสเซีย เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่า เยอรมันจะโจมตีตนเอง

กองทัพเยอรมันรุกอย่างรวดเร็ว หน่วยยานเกราะ Panzer เป็นหัวหอกนำ สนับสนุนด้วยหน่วยบิน Luftwaffe ที่ทิ้งระเบิดโจมตีจุดยุทธศาสตร์ และกองกำลังของรัสเซีย หน่วยทหารตามเข้าตีอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงแรกๆ มีทหารรัสเซียถูกจับเป็นเชลยนับแสน อย่างไรก็ตาม ยิ่งรุกเร็วมากเท่าไร หน่วยส่งกำลังบำรุงและเสบียงของกองทัพเยอรมันก็ยิ่งถูกทิ้งห่างจากแนวหน้ามากขึ้นเท่านั้น

และในที่สุด กองทัพที่ 6 ของเยอรมัยก็รุกเข้าไปจนสุดสายการส่งกำลังบำรุง ณ เมืองเมืองหนึ่ง ริมแม่น้ำวอลก้า เมืองที่มีชื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำรัสเซีย โจเซฟ สตาลิน นั่นคือเมือง สตาลินกราด

กองทัพที่ 6 ของนายพล ฟอน เปารัส (Paulus) มีเป้าหมายหลักที่สำคัญอยู่ที่เมืองสตาลินกราด โดยมีกองทัพแพนเซอร์ที่ 4 ของพลเอก แฮร์มนาน์ โฮท (Colonel General Hermann Hoth) กองทัพทั้งสองได้มุ่งหน้าสู่เมืองสตาลินกราดอย่างมั่นคง กวาดล้างกองทัพแดง ของรัสเซียลงอย่างราบคาบ

แต่แล้ว ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมัน ก็ได้เข้ามาก้าวก่ายการวางแผนของฝ่ายเสนาธิการเยอรมัน โดยสั่งการให้ กองทัพแพนเซอร์ที่ 4 มุ่งหน้าลงใต้สู่คอเคซัส ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันที่มีค่ามหาศาล เพื่อยึดทรัพยากรดังกล่าว แม้ฝ่ายเสนาธิการจะได้ทัดทานว่า การกำหนดเป้าหมายหลักทางทหารสองแห่งพร้อมๆกัน จะทำให้กำลังที่กำลังรุกไปข้างหน้าเสียสมดุล และขาดความเข็มแข็งที่แท้จริง เนื่องจากจะต้องมีแบ่งกำลังออกเป็นสองส่วน แทนที่จะทุ่มไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

แต่ฮิตเลอร์ก็หาได้ฟังคำทัดทานนั้นไม่ กองทัพแพนเซอร์ที่ 4 จึงถูกแยกออกจากกองทัพที่ 6 และทำให้ กองทัพที่ 6 รุกไปสู่สตาลินกราดได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ฝ่ายรัสเซียมีเวลาในการเตรียมการ และนั่นคือจุดผิดพลาดอันยิ่งใหญ่จุดหนึ่งของเยอรมัน

ครึ่งเดือนต่อมา ฮิตเลอร์เปลี่ยนใจและสั่งการให้กองทัพแพนเซอร์ที่ 4 ซึ่งเป็นกองทัพยานเกราะ กลับไปช่วยกองทัพที่ 6 ของนายพลเปารัส แต่ก็ช้าไป

ในวันที่ 9 สิงหาคม 1942 เนื่องจากต้องเคลื่อนย้ายไปๆมาๆ ทำให้กองทัพแพนเซอร์ที่ 4 ของนายพลโฮท ต้องหยุดลงเนื่องจากขาดน้ำมันและอาหาร โดยหยุดอยู่ห่างจากสตาลินกราดเพียง 160 กิโลเมตร ในขณะที่กองทัพที่ 6 ได้ข้ามแม่น้ำดอน (Don) มุ่งเข้าสู่ชานเมืองสตาลินกราด กองทัพที่ 62 และ 64 ของฝ่ายรัสเซียที่อยู่ในเมืองทำการต่อต้านอย่างเหนียวแน่น

เยอรมันสร้างสนามบิน เพื่อการส่งกำลังบำรุงบริเวณช่องว่างระหว่างแม่น้ำดอน และแม่น้ำวอลก้า (Volga) เพื่อให้กองทัพอากาศที่ 4( Luftflotte 4) สามารถลำเลียงอาวุธยุทธปัจจัยได้สะดวกขึ้น และในวันที่ 2 กันยายน กองทัพที่ 6 และกองทัพแพนเซอร์ที่ 4 จึงสามารถเชื่อมต่อกันได้




ปืนใหญ่ต่อสู้รถถังของหน่วยยานเกราะ เอส เอส ที่ 2 ดาส ไรซ์ ของกองทัพเยอรมัน ในรัสเซีย กำลังยิงต่อสู้กับข้าศึก ทั้งสองฝ่ายมีการปืนใหญ่ต่อสู้รถถังกันอย่างกว้างขวางในการรบที่สตาลินกราด เพราะสภาพสมรภูมิ เป็นการรบในเมือง ทำให้รถถังมีขีดจำกัดในหลายๆ ด้าน และง่ายที่จะตกเป็นเหยื่อของปืนต่อสู้รถถัง

รถถังเพียงคันเดียวที่ถูกยิงขวางถนนกลางเมือง ที่สองข้างทางเป็นซากตึก อาจจะเป็นเหตุให้รถถังที่เหลือไม่สามารถเคลื่อนที่ไปทางอื่นได้ และตกเป็นเหยื่อของปืนใหญ่ที่ซ่อนอยู่ตามซากอาคาร

ยุทธวิธีนี้สหรัฐอเมริกามีการศึกษาอย่างมาก ก่อนการเข้ายึดกรุงแบกแดดของอิรัคครั้งล่าสุด ไม่เช่นนั้นแล้ว รถถังนำขบวนเพียงคันเดียวที่ถูกยิงบล็อคขบวนรถถังทั้งหมด บนถนนที่ขนาบไปด้วยอาคารทั้งสองข้าง อาจส่งผลให้รถถังที่เหลือ กลายเป็นเป้านิ่ง (sitting duck) ได้ในที่สุด




การรุกเข้าไปสู่สตาลินกราด กล่าวได้ว่าทุกเมตร ทุกหลา เต็มไปด้วยการต่อสู้อย่างนองเลือด เยอรมันพยายามทำลายตึกรามต่างๆ ด้วยปืนใหญ่และการทิ้งระเบิดจากเครื่องบิน

แต่สตาลินกราดเป็นเมืองสมัยใหม่ ตึกต่างๆถูกสร้างอย่างแน่นหนา การโจมตีของเยอรมันจึงเพียงแต่ทำลายรูปทรงอาคารเท่านั้น ตึกต่างๆถูกยุบ ทำลายลงเป็นเสมือนป้อมปราการให้ฝ่ายรัสเซีย ที่ใช้ทุกมุม ทุกซอก ต่อต้านทหารเยอรมัน อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการต่อสู้อย่างหนัก เยอรมันก็เข้าถึงใจกลางเมืองได้ และมุ่งหน้าสู่เขตอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดหนัก

ในวันที่ 29 กันยายน ทหารรัสเซียภายใต้การนำของนายพลชุยคอฟ (Chuikov) ก็เข้าตีตอบโต้ นายพลของรัสเซียอีกคนหนึ่งคือนายพลซูคอฟ (Zhukov) ได้เตรียมกำลังที่สดชื่นและมีจำนวนมหาศาล รอคอยการตีโต้ตอบด้วยเช่นกัน

การตีโต้เริ่มขึ้นในวันที่ 19 พฤศจิกายน กำลังจำนวนมหาศาลของรัสเซียสร้างความประหลาดใจให้กับกองทหารเยอรมันที่อ่อนล้า ภายในเวลาแค่ 24 ชม. กองทหารเยอรมัน และทหารรูเมเนีย ซึ่งร่วมกับทหารเยอรมันในฐานะฝ่ายอักษะ ถูกตีแตกกระจัดกระจายและทำการโอบล้อมทหารเยอรมันจำนวน 270,000 คนให้ตกอยู่ในวงล้อมภายในสตาลินกราด

ในขณะที่วงล้อมยังไม่แข็งแรง ฝ่ายเสนาธิการของเยอรมันเสนอให้ฮิตเลอร์ถอนกองทัพที่ 6 ออกจากสตาลินกราด เพื่อจัดแนวใหม่ แต่ฮิตเลอร์ปฏิเสธ พร้อมกับออกคำสั่งให้ทหารเยอรมันสู้จนคนสุดท้าย นับเป็นความผิดพลาดอีกครั้งหนึ่ง ทหารเยอรมันต่อสู้อย่างสมเกียรติ และห้าวหาญ

นายพลแมนสไตน์ (Erich Von Manstein) ของเยอรมันนำทัพมาช่วย โดยอยู่ห่างจากเมือง 48 กม. และขอให้นายพลเปารัส นำกองทัพที่ 6 ฝ่าออกมา แต่เปารัสปฏิเสธ และขอสู้ตามคำสั่งของฮิตเลอร์

ฮิตเลอร์ตอบสนองด้วยการแต่งตั้งเปารัสเป็นจอมพล เพราะยังไม่เคยมีจอมพลของเยอรมันที่ยอมแพ้ข้าศึก

ขณะเดียวกันรัสเซียก็เริ่มบีบวงล้อมให้แน่นขึ้น สนามบินซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่สามารถส่งกำลังบำรุงให้กองทัพที่ 6 ก็ตกเป็นของรัสเซีย ในวันที่ 25 มกราคม จากวิทยุที่ได้รับรายงานจากสตาลินกราด แสดงให้เห็นว่าทหารรัสเซียกำลังบุกเข้ามาทุกทิศทุกทาง บางส่วนอยู่ที่หน้ากองบัญชาการของจอมพลเปารัส

กองทัพน้อยที่ 11 ของเยอรมันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพที่ 6 พยายามต่อต้านอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้ เนื่องจากขาดกระสุน และยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น

ในที่สุด วันที่ 2 กุมภาพันธ์ จอมพลเปารัสก็สั่งให้ทหารเยอรมันยอมจำนน ทหารเยอรมันกว่า 200,000 คนถูกจับ จำนวนนี้เพียง 5,000 คนที่รอดชีวิตจากค่ายเชลยอันทารุณของรัสเซีย ฮิตเลอร์ ได้รับรู้ถึงรสชาดของความพ่ายแพ้ ความพ่ายแพ้ที่เป็นจุดวกกลับจุดหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2


---------------------------------






Create Date : 12 กรกฎาคม 2552
Last Update : 13 สิงหาคม 2553 6:42:25 น. 14 comments
Counter : 12638 Pageviews.

 
ไม่น่าเลยเยอรมันเกือบชนะแล้ว


โดย: จอมสงครามโลก IP: 118.173.51.96 วันที่: 5 กันยายน 2552 เวลา:20:25:19 น.  

 
ผิดเพราะฮิตเลอร์ตัวเดียวเข้ามาก้าวก่ายในกองมากเกินไป


โดย: ฝูงบินพลีชีพกามิกาเซ IP: 118.173.51.96 วันที่: 5 กันยายน 2552 เวลา:20:26:56 น.  

 
เพราะความอวดดีของไอ้ฮิตเลอร์+ความโง่เขลาของปัญญามันไม่เคยแม้แต่เข้าสนามรบสั่งการแต่ในบังเกอร์


โดย: COD2 IP: 203.113.1.130 วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:13:10:28 น.  

 
เคยครับ ฮิตเลอร์ผ่านสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 2 มามาก


โดย: cart.c.b IP: 118.174.102.15 วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:19:22 น.  

 
ฮิตเลอรเคยรบในสงครามโลกครั้งที่1 มีวีรกรรมพอตัว จนได้รับกางเขนเหล็ก ที่อิตเลอ่รจะติดตัวโชว์ตลอด ฮิตเลอร อ่านหนังสือของเหล่านายพลเขียนไว้ถึงการรบสมัยใหม่ จนเรียกตัวมาทำงานหลายคน ดังนัน้อิตเลอ่รไม่ช่ายคนวิสัยทัศน์แคบนะครับ โดยเฉพาะไฮนกูเดอเลียน ฮิตเล่อรชอบมาก แต่ฮิตเล่อร์มีอำนาจมากเกินไปจน ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องให้ตัวเองเป็นผุ้อนุมัติในทุกๆเรื่องหมดคนเดียว มันทำให้เกิดอาการมึนได้ หงุดหงิด ทำให้หลายๆครั้งฮิตเลอ่ร ตัดสินมั่ว หรือเลื่อนการตัดสินใจออกไป จนทำให้สูญเสียเวลาอันมีค่าไป
แต่อย่าได้ดุถูกฮิตเลอ่รนะครับ ถ้าได้อ่านหนังสือที่หญิงไทยคนนึง แปลถึงตอนโรมาเนียภายใต้การปกครองของนาซี จะเห็นชัดๆว่าอิตเล่อรไม่ธรรมดา มีแนวคิดที่ทำให้คนในประเทสอยุ่ดีกินดีได้ ฮิตเลอ่รมุ่งเน้นการหาผลผลิตทรัพยกรล่อเลี้ยงประชาชน นั่นแหละทำให้ฮิตเลอร์อยากได้ดินแดนคอเคซัสที่มีน้ำมันมหาศาล(ขนาดเสี่ยหมีซื้อเชลซีสร้างทีมรวมดาราโลกได้) เพราะเยอรมันไม่มีน้ำมัน จะเอาจากทะเลทรายก็ติดที่อังกฤษครองทะเลไปหมด
ดังนั้นจะมองฮิตเลอ่รในด้านลบมากไม่ได้ การรบในรัสเซียมันมีสาเหตุที่มีจุดมุ่งหมายนะครับ


โดย: รอมเมล IP: 58.9.64.111 วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:8:25:40 น.  

 
ถ้าได้อ่านศึกสตาลินกราด จะเห็นว่าฮิตเลอ่ร์ทำตามแผนที่วางไว้ในการบุกรัสเซียก่อนประกาศสงครามกับรัสเซีย เป็นแผนที่ดีมากประสบความสำเร็จดีเยี่ยม ประเมินทหารรัสเซียได้ขาดลอย แต่นักประวัติศาสตร์ตำหนิแผนการบุกมีจุดอันตรายนี่ว่า ฮิตเลอร์กลับไม่ประเมินถึงความอ่อนแอของกองทัพตัวเอง(เยอรมัน) ความกว้างขวางมหาศาลของรัสเซียจะทำให้การขนส่งกลายเป็นตัวถ่วงพลังการโจมตีตามแผน ซึ่งก็ดูเหมือนจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ กองทัพเยอรมันไม่ช่ายไม่รุ้จุดอ่อนนี้ ถ้าไม่ช่ายเพราะฤดุฝนที่เป็นะเลโคลน หิมะที่น่ากลัว ป่านนี้สงครามคงจบไปนานแล้ว
แต่พอฤดุหนาวมาปัญหาขนส่งกลายเป็นตัวทำลายกองทัพยิ่งกว่าทหารรัสเซียเสียอีก เห็นง่ายๆทั้งที่รถถังเยอรมันล้าหลังรถถังT-34 แต่กลับทำลายT-34มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่รถถังรุ่นใหม่ๆอย่างไทเกอร หรือมาค4ที่ติดปืนรุ่นใหม่ยังมาไม่ถึง แต่รถถังในแนวหน้ากลับขาดอะไหล่ น้ำมัน จนไม่ใช้งานได้เต็มที่ แถมโรงงานผลิตรถถังของรัสเซียอยู่ไกลเกินว่าที่เครื่องบินทิ้งระเบิดเยอรมันจะบินไปทิ้งระเบิดได้ ทำให้กำลังการผลิตทำได้100% แต่กะนั้นภายใต้ความชิปหายเหล่านี้เยอรมันกลับเดินทางใกล้ถึงจุดแห่งชัยชนะ ตามแผนที่วางไว้
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเหล่านายพลจึงเสนอให้ฮิตเล่อรมุ่งหน้ายึดมอสโคให้เร็วที่สุด เพื่อจบสงคราม แต่ฮิตเล่อรพยายามทำตามแผนที่วางไว้แต่แรกจนเกินไป คือล้อมทำลายกองทัพรัสเซียให้หมด เชื่อมั่นในทหารเยอรมันแข็งแกร่ง แต่ทั้งทหาร รถถัง รบนานๆก็ไม่ไหว ประสิทธภาพลดลง ทำให้สงครามยึดยาวออกไป ฮิตเลอรืไม่เข้าใจถึงความเป็นจริงว่าสงครามสายฟ้าแลบ จุดมุ่งหมายคือเข้ายึดเมืองหลวงจุดศูนย์กลาง
จิ๋นซีเคยบุกแค้วนจ้าวที่กว้างใหญ่ จึงยกทัพ7แสนไล่ทำลายทุกเมืองจนแค้วนจ้าวพ่ายแพ้ แบบฮิตเล่อรเลย แต่!!เคลาวิทเคยกล่าวไว้ "อย่ารบกับศัตรูเจ้าเดียวจนเนิ่นนานจนเกินไป เพราะมันจะรู้ทันกลยุทธเรา" สตาลินสั่งถอนทหารกลับมารวมกำลัง เพื่อรบในวันหน้า จะเห็นได้ชัดเลยศึกสตาลินกราด นายพลชูคอฟมีกำลังมหาศาลทั้งที่ กองทัพโดนทำลายไปมหาศาลในต้นสงคราม


โดย: รอมเมล IP: 58.9.64.111 วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:8:50:11 น.  

 
สงครามโลกครั้งที่ ๒ เสร็จสิ้นในปี ๑๙๔๕ ที่น่าสังเกตก็คือประเทศใหญ่ ๆ ที่ร่วมสงครามมีผู้นำประเทศที่เป็นพลเรือนเพียง ๒ ท่าน เท่านั้น คือ ประธานาธิบดีโรสเวลล์ของสหรัฐอเมริกาและนายเชอร์ชิล นายกรัฐมนตรี ของอังกฤษ ส่วนผู้นำประเทศอื่นได้แก่ ฮิตเลอร์ มุสโสลินี สตาลินและพลเอก โตโจ นั้นเป็นทหารและนักปฏิวัติมาทั้งสิ้น สงครามคราวนี้ได้ให้บทเรียนด้านการเมืองและการทหาร ไว้หลายแง่หลายมุม ซึ่งคิดว่าคงจะมีประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อยสงครามโลกครั้งที่ ๒ เสร็จสิ้นในปี ๑๙๔๕ ที่น่าสังเกตก็คือประเทศใหญ่ ๆ ที่ร่วมสงครามมีผู้นำประเทศที่เป็นพลเรือนเพียง ๒ ท่าน เท่านั้น คือ ประธานาธิบดีโรสเวลล์ของสหรัฐอเมริกาและนายเชอร์ชิล นายกรัฐมนตรี ของอังกฤษ ส่วนผู้นำประเทศอื่นได้แก่ ฮิตเลอร์ มุสโสลินี สตาลินและพลเอก โตโจ นั้นเป็นทหารและนักปฏิวัติมาทั้งสิ้น สงครามคราวนี้ได้ให้บทเรียนด้านการเมืองและการทหา
สงครามโลกครั้งที่ ๒ เสร็จสิ้นในปี ๑๙๔๕ ที่น่าสังเกตก็คือประเทศใหญ่ ๆ ที่ร่วมสงครามมีผู้นำประเทศที่เป็นพลเรือนเพียง ๒ ท่าน เท่านั้น คือ ประธานาธิบดีโรสเวลล์ของสหรัฐอเมริกาและนายเชอร์ชิล นายกรัฐมนตรี ของอังกฤษ ส่วนผู้นำประเทศอื่นได้แก่ ฮิตเลอร์ มุสโสลินี สตาลินและพลเอก โตโจ นั้นเป็นทหารและนักปฏิวัติมาทั้งสิ้น สงครามคราวนี้ได้ให้บทเรียนด้านการเมืองและการทหาร ไว้หลายแง่หลายมุม ซึ่งคิดว่าคงจะมีประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย


โดย: เก่งๆ IP: 125.25.32.134 วันที่: 17 มกราคม 2554 เวลา:18:42:59 น.  

 
555


โดย: รรร IP: 192.168.2.28, 203.172.236.37 วันที่: 31 พฤษภาคม 2554 เวลา:14:57:45 น.  

 
ธรรมะ ย่อมชนะ อธรรม


โดย: แพนด้า IP: 123.242.176.233 วันที่: 16 กันยายน 2554 เวลา:2:31:18 น.  

 
ดด


โดย: -ไำ IP: 223.204.38.159 วันที่: 26 มีนาคม 2555 เวลา:19:29:19 น.  

 
การรบที่สตาลินกราดเป็นความผิดพลาดของฮิตเลอร์ตอนแรกกองที่4และที่6จะรุกเข้าสตาลินกราดแต่ฮิตเลอรืสั่งให้กองทัพที่6บุกสตาลินกราดและกองทัพที่4บุกคอเคซัสที่มีบ่อน้ำมันขนาดใหญ่มีแม่ทัพหลายคนทักทวงว่าควรจะทุ่มกำลังไปที่ใดที่หนึ่งกองทัพจึงจะเข้มแข็งอย่างแท้จริงแต่งฮิตเลอร์ไม่ฟังสั่งให้กองทัพที่6รุกไปสตาลินกราดการรบช่วงแรกเยอรมันได้ทิ้งถล่มอย่างหนักทำให้อาคารพังทายเป็นที่หลบซ่อนให้กองทัพแดงต่อต้านนาซีต่อมากองหนุนในไซบีเรียก็มาถึงกองทัพแดงทำการโฮบล้อมทหารเยอรนี270000ขณะวงล้อมยังไม่แข่งแกร่งก็ไม่ฝ่าวงล้อมออกมาฮิตเลอร์กับสั่งให้บุกจนในที่กองทัพที่6ก็ล่มสลายในศึกสตาลินกราดกองทัพที่4ก็พ่ายแพ้ในคอเคซัสทำให้กองทัพได้เปรียบเป็นฝ่ายรุกโต้ตอบจนเยอรนีแพ้สง
ครามในที่สุด


โดย: มะโบ่ IP: 223.204.38.159 วันที่: 26 มีนาคม 2555 เวลา:19:44:17 น.  

 
การรบที่สตาลินกราดเป็นความผิดพลาดของฮิตเลอร์ตอนแรกกองที่4และที่6จะรุกเข้าสตาลินกราดแต่ฮิตเลอรืสั่งให้กองทัพที่6บุกสตาลินกราดและกองทัพที่4บุกคอเคซัสที่มีบ่อน้ำมันขนาดใหญ่มีแม่ทัพหลายคนทักทวงว่าควรจะทุ่มกำลังไปที่ใดที่หนึ่งกองทัพจึงจะเข้มแข็งอย่างแท้จริงแต่งฮิตเลอร์ไม่ฟังสั่งให้กองทัพที่6รุกไปสตาลินกราดการรบช่วงแรกเยอรมันได้ทิ้งถล่มอย่างหนักทำให้อาคารพังทายเป็นที่หลบซ่อนให้กองทัพแดงต่อต้านนาซีต่อมากองหนุนในไซบีเรียก็มาถึงกองทัพแดงทำการโฮบล้อมทหารเยอรนี270000ขณะวงล้อมยังไม่แข่งแกร่งก็ไม่ฝ่าวงล้อมออกมาฮิตเลอร์กับสั่งให้บุกจนในที่กองทัพที่6ก็ล่มสลายในศึกสตาลินกราดกองทัพที่4ก็พ่ายแพ้ในคอเคซัสทำให้กองทัพได้เปรียบเป็นฝ่ายรุกโต้ตอบจนเยอรนีแพ้สง
ครามในที่สุด


โดย: มะโบ่ IP: 223.204.38.159 วันที่: 26 มีนาคม 2555 เวลา:19:46:38 น.  

 
ฮิตเลอร์ไม่ได้ผิดที่สั้งให้หน่วย panzer เเยกออกเเต่เขาผิดตั้งเเต่ เขาสั่งให้สังหารหมู่ชาวยิวเเทนที่จะนำพวกชาวยิวมาช่วยทำสงครามเเละเขาผิดตั้งเเต่เขาโจมตีรัสเซียเเทนที่เขาจะทุ่มกำลังไปโจมตีอังกฤษให้เเตกเสียก่อน


โดย: กบ IP: 182.52.174.85 วันที่: 15 มีนาคม 2556 เวลา:20:05:04 น.  

 
เป็นไงล่ะ ซ่านัก สุดท้ายก็วิ่งหนีเเทบไม่ทัน


โดย: Taynaya01 IP: 118.172.169.165 วันที่: 23 มิถุนายน 2557 เวลา:14:08:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unmoknight
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]




ฉันจะบิน ... บินไป ... ไกลแสนไกลไม่หวั่น
เก็บร้อยความฝันที่มันเรียงราย ...
ให้กลายมาเป็นความจริง ...
New Comments
Friends' blogs
[Add unmoknight's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.