|
พุทธศาสนสุภาษิต ๑๖.ปุคคลวรรค คือ หมวดบุคคล ( ๗ )
พุทธศาสนสุภาษิต
เรียบเรียงจาก หนังสือพุทธศาสนสุภาษิต ของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรณาณวโรรส และ พระมหาทองสืบ จารุวณฺโณ พร้อมด้วยคณะกรรมการ
--------------------------------------------------------------
๑๖. ปุคคลวรรค คือ หมวดบุคคล (ต่อ)
โจรํ หรนฺตํ วาเรนฺติ หรนฺโต สมโณ ปิโย สมณํ ปุนปฺปุนายนฺตํ อภินนฺทนฺติ ปณฺฑิตา. บัณฑิตขัดขวางโจรผู้นำของไป, ส่วนสมณะนำไป ย่อมเป็นที่รัก บัณฑิตย่อมยินดีต้อนรับสมณะผู้มาบ่อย ๆ. (พุทฺธ) สํ. ส. ๒๕/๖๐.
ชยํ เวรํ ปสวติ ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต อุปสนฺโต สุขํ เสติ หิตฺวา ชยปราชยํ. ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมนอนเป็นทุกข์ คนละความชนะและความแพ้ได้แล้ว สงบใจได้ ย่อมนอนเป็นสุข. (พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๔๒.
ตสฺมา สตญฺจ อสตญฺจ นานา โหติ อิโต คติ อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ สนฺโต สคฺคปรายนา. (เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม) คติที่ไปจากโลกนี้ของสัตบุรุษและอสัตบุรุษจึงต่างกัน, คืออสัตบุรุษไปนรก, สัตบุรุษไปสวรรค์. (พุทฺธ) ขุ. ชา. มหา. ๒๘/๔๓๕.
ตสฺมา หิ ธีโร อิธุปฏฺฐิตาสติ กาเม จ ปาเป จ อเสวมาโน สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเม ปฏิโสตคามีติ ตมาหุ ปุคฺคลํ. เพราะนักปราชญ์มีสติตั้งมั่นในธรรมวินัยนี้ ไม่เสพกามและบาป พึงละกามพร้อมทั้งทุกข์ได้ ท่านจึงกล่าวบุคคลนั้นว่า ผู้ไปทวนกระแส (พุทฺธ) องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๗.
ทุทฺททํ ททมานานํ ทุกฺกรํ กมฺมกุพฺพตํ อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ สตฺ ธมฺโม ทุรนฺวโย. เมื่อสัตบุรุษให้สิ่งที่ให้ยาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก, อสัตบุรุษย่อมทำตามไม่ได้ เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม (โพธิสตฺต) ขุ. ชา. ทุก. ๒๗/๖๓.
น ชจฺจา วสโล โหติ น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ กมฺมุนา วสโล โหติ กมฺมุนา โหติ พฺรมหฺมโณ. บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่ (แต่) เป็นคนเลวเพราะการกระทำ เป็นผู้ประเสริฐก็เพราะการกระทำ. (พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๓๕๒.
นิฏฺฐํ คโต อสนฺตาสี วีตตณฺโห อนงฺคโณ อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานิ อนฺติโมยํ สมุสฺสโย. บุคคลถึงความสำเร็จแล้ว (เพราะอรหัตผล ) ไม่สะดุ้ง ปราศจากตัณหา ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ตัดลูกศรอันจะนำไปสู่ภพได้แล้ว ร่างกายนี้จึงชื่อว่า มีในที่สุด. (พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๖๓.
นิลฺโลลุโป นิกฺกุโห นิปฺปิปาโส นิมฺมกฺโข นิทฺธนฺตกสาวโมโห นิราสโส สพฺพโลเก ภวิตฺวา เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป. ผู้ไม่ละโมภ ไม่อำพราง ไม่กระหาย ไม่ลบหลู่ ขจัดโมหะ ดุจน้ำฝาดแล้ว ไม่มีความมุ่งหวัง ครอบงำโลกทั้งหมด ควรเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด (พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๓๓๖. ขุ. จู. ๓๐/๓๗๙.
ปาป น กยิรา วจสา มนสา กาเยน วา กิญฺจน สพฺพโลเก กาเม ปหาย สติมา สมฺปชาโน ทุกฺขํ น เสเวถ อนตฺถสญฺหิตํ. บุคคลไม่ควรทำบาปซึ่งเป็นเครื่องกังวลในโลกทั้งปวง ด้วยกาย วาจา หรือด้วยใจ มีสติสัมปชัญญะ ละกามทั้งหลายได้แล้ว ไม่ควรเสพทุกข์อันประกอบด้วยสิ่งที่ไร้ประโยชน์. (จุลฺลโกกนทา ปชฺชุนฺนธีตา) สํ. ส. ๑๕/๔๒.
มทนิมฺมทนํ โสกนุทํ สํสารปริโมจนํ สพฺพทุกฺขกฺขยํ มคฺคํ สกฺกจฺจํ ปฏิปชฺชถ. ท่านทั้งหลายจงดำเนินตามทางที่สร่างความเมา บรรเทาความโศก เปลื้องสงสาร เป็นที่สิ้นทุกข์ทั้งปวง โดยความเคารพ. (พุทฺธ) ขุ. พุ. ๓๓/๔๑๕.
มานํ ปหาย สุสมาหิตตฺโต สุเจตโส สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต เอโก อรญฺเญ วิหรํ อปฺปมตฺโต ส มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปารํ. ผู้ใดละมานะ มีตนตั้งมั่นดีแล้ว มีใจดี หลุดพ้นในที่ทั้งปวง อยู่ในป่าคนเดียว เป็นผู้ไม่ประมาท, ผู้นั้นพึงข้ามฝั่งแห่งแดนมฤตยู (พุทฺธ) สสํ. ส. ๒๕/๖.
โมสวชฺเช น นิยฺเยถ รูเป เสฺนหํ น กุพฺพเย มานญฺจ ปริชาเชยฺย สาหสา วิรโต จเร. บุคคลไม่ควรนิยมการกล่าวคำเท็จ ไม่ควรทำความเสน่หาในรูปโฉม ควรกำหนดรู้มานะ และประพฤติงดเว้นจากความผลุนผลัน. (พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๑๘. ขุ. มหา. ๒๙/๕๑๗.
มาเนน วญฺจิตา เส สงฺขาเรสุ สงฺกิลิสฺสมานา เส ลาภาลาเภน มถิตา สมาธึ นาธิคจฺฉนฺติ. ผู้ถูกมานะหลอกลวง เศร้าหมองอยู่ในสังขาร ถูกลาภและความเสื่อมลาภย่ำยี ย่อมไม่ลุถึงสมาธิ. (เสตุจฺฉเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๒๘๓.
ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ อหึสา สญฺญโม ทโม ส เว วนฺตมโล ธีโร โส เถโรติ ปวุจฺจติ. ผู้ใดมีความสัตย์ มีธรรม มีความไม่เบียนดเบียน มีความสำรวม และมีความข่มใจ ผู้นั้นแล ชื่อว่า ผู้มีปัญญา หมดมลทิน เขาเรียกท่านว่า เถระ. (พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๕๐.
ยทา ทุกฺขํ ชรามรณนฺติ ปณฺฑิโต อวิทฺทสู ยตฺถ สิตา ปุถุชฺชนา ทุกฺขํ ปริญฺญาย สโต ว ฌายติ ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ. เมื่อใด บัณฑิตรู้ว่า ชราและมรณะเป็นทุกข์ กำหนดรู้ทุกข์ซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งปุถุชน มีสติเพ่งพินิจอยู่ เมื่อนั้น ย่อมไม่ประสบความยินดีที่ยิ่งกว่านั้น. (ภูตเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๓๔๔.
ยสฺส ราโค จ โทโส จ มาโน มกฺโข จ ปาติโต สาสโปริว อารคฺคา ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ. ผู้ใดทำ ราคะ โทสะ มานะ และมักขะ ให้ตกไป เหมือนทำให้เมล็ดผักกาดตกจากปลายเหล็กแหลม, เราเรียกผู้นั้นว่า พราหมณ์ (พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๖๙.
ยสฺสาลยา น วิชฺชนฺต อญฺญาย อกถงฺกถี อมโตคธํ อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ. ผู้ใดไม่มีความอาลัย รู้แล้วหาความสงสัยมิได้ เราเรียกผู้หยั่งลงสู่อมตะ บรรลุประโยชน์แล้วนั้นว่าเป็นพราหมณ์. (พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๗๐.
เย เกจิ กาเมสุ อสญฺญตา ชนา อวีตราคา อิธ กามโภคิโน ปุนปฺปุนํ ชาติชรูปคา หิ เต. ตณฺหาธิปนฺนา อนุโสตคามิโน. คนบางพวกเหล่าใด ไม่สำรวมในกาม ยังไม่ปราศจากราคะ เป็นผู้บริโภคกามในโลกนี้ คนเหล่านั้นถูกตัณหาครอบงำ ลอยไปตามกระแส (ตัณหา) ต้องเป็นผู้เข้าถึงชาติชราร่ำไป (พุทฺธ) องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๗.
-------------------------------------------------------------
หมายเหตุ บทความ พุทธศาสนสุภาษิต นี้มาจากการเรียบเรียงสุภาษิตในหมวดเดียวกันให้มารวมกัน จากหนังสือ พุทธศาสนสุภาษิต เล่ม ๑ ที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้ทรงเรียบเรียง และหนังสือพุทธศาสนสุภาษิต เล่ม ๒ และเล่ม ๓ ที่ พระมหาทองสืบ จารุวณฺโณ พร้อมด้วยคณะกรรมการ ได้รวบรวมและเรียบเรียงไว้ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประสงค์จะทราบได้อ่านสุภาษิตในหมวดเดียวกันจากหนังสือทั้ง ๓ ต่อเนื่องกันในครั้งเดียว
เนื่องจากบทความนี้ ผู้เขียนได้เรียบเรียงโดยคัดลอกเนื้อความมาจากเวปของวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน โดยมิได้ตรวจทานความครบถ้วนถูกต้องจากหนังสือต้นฉบับที่ถูกกล่าวถึง ผู้ที่ประสงค์จะนำไปใช้อ้างอิง กรุณาตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง คัดลอกจาก เวป //www.doisaengdham.org
Create Date : 06 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 6 สิงหาคม 2556 5:38:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1106 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]
|
บทความในกลุ่ม ข้อคิด-ธรรมะ ได้ถูกเรียบเรียงขึ้น โดยบางบทความได้คัดลอกและสำเนาภาพมาถ่ายทอดจากหนังสือธรรมะต่างๆ หรือหนังสืออื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ด้วยเจตนาประสงค์จะให้ธรรมะอันเป็นสัจจะและมงคลของพระพุทธศาสนาได้รับการเผยแพร่และเข้าถึงพุทธศาสนิกชนหรือผู้ที่สนใจให้ได้มากที่สุด รวมทั้งให้บทความธรรมะได้ถูกรวบรวมไว้ในรูปแบบที่จะสะดวกแก่การสืบค้นและเข้าถึงในภายหลัง
ผู้ที่ประสงค์จะคัดลอกไปเพื่อประโยชน์ทางพาณิชย์ กรุณาตรวจสอบกับต้นฉบับหรือเจ้าของลิขสิทธิ์ ด้วยครับ
|
|
|
|
|
|
|
|