Survival Canada
Group Blog
 
All blogs
 

Canada Permanent Resident Visa

วิธีการได้มาซึ่ง PR Visa ของประเทศ Canada มีหลายวิธี ผมขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอะไรนักหนา อาศัยอ่านเอา เคยบ้าถึงขนาดใช้ Google search คำว่า Immigration to Canada แล้วเข้าไปอ่านมันทุก Website เลย ในที่นี้ผมขอเล่าตามประสบการณ์ของผมเท่านั้น (อย่าเชื่อผมทั้งหมดล่ะ)

ผมตัดสินใจจะสมัคร Canada PR Visa แบบ Skilled Worker Class ประมาณ January 2001 ตอนนั้น pass mark อยู่ที่ 75 คะแนน อาชีพทางสายบัญชีและวิทยาศาสตร์ที่อยู่ใน NOC list (National Occupation List) มีส่วนทำให้ได้คะแนนมากกว่าสาขาอื่น ที่สำคัญ ขณะนั้นคะแนนภาษาอังกฤษของผมและคุณสมบัติของ ผบ.ทบ. ก็ไม่มีส่วนในการพิจารณา (คุณสมบัติของ Spouse or common-law partner) หลังจากทราบข้อมูลต่างๆ และเอกสารที่ต้องเตรียม ผมก็รีๆรอๆ ผลัดวันประกันพรุ่ง อยู่หลายเดือน

ไม่เหมือนตอนที่ผมสมัคร ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ กฏเกณฑ์การให้คะแนนเปลี่ยนไป Canada ต้องการคนจากหลากหลายอาชีพมากขึ้น ทุกสาขาอาชีพ ได้คะแนนเท่ากัน คะแนนภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนอย่างมากในการพิจารณา อย่างไรก็ตามรายละเอียดหรือกฎเกณฑ์ต่างๆ ของการขอ Permanent Resident Visa แบบต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ หากสนใจต้องเข้าไปตรวจสอบข้อมูลข่าวคราวจากเวบไซต์ที่เกี่ยวข้องเสมอๆ โดยเฉพาะเวปไซด์ของหน่วยงาน Citizenship and Immigration Canada (CIC) สำหรับคนที่อยากสมัคร Canada Permanent Resident Visa แบบ Skill Worker ใน Website นี้จะมีโปรแกรมให้เราประเมินคุณสมบัติตัวเองก่อน ว่าผ่านเกณฑ์หรือไม่

เอกสารที่ต้องเตรียมต้องเผื่อเวลาไว้บ้าง เพราะการติดต่อหน่วยงานราชการ มีขั้นตอนเงื่อนไขที่ค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร ผมคิดว่าเตรียมตัวมาดีแล้ว ยังหัวเสียบ่อยๆ กับการติดต่อหน่วยงานต่างๆ ดังนั้นก่อนไปติดต่อควรศึกษาหาข้อมูลและเตรียมตัวให้รอบคอบ จะได้ไม่เสียเวลา

การยื่นใบสมัครและเอกสารประกอบการพิจารณาของผู้ที่พำนักอยู่ในประเทศไทยต้องยื่นที่สถานทูตแคนาดาในประเทศ Singapore เอกสารสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ Guide, Application form และ Visa Office Specific Instructions ผมคิดว่า Checklist ใน Visa Office Specific Instructions ทำให้เราง่ายต่อการเตรียมเอกสาร (ดูตาม Checklist) เอกสารเหล่านี้ถ้าเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้วก็ใช้ได้เลยไม่ต้องให้ใครรับรอง เช่น Transcript แค่ถ่ายเอกสาร เขียนว่า “Certify True Copy” แล้วเซ็นต์ชื่อ ส่วนเอกสารที่เป็นภาษาไทยต้องแปลแล้วเอาไปให้สถานกงสุลไทย รับรองคำแปล

  1. FORMS: ผู้สมัครหลักคือตัวผม และภรรยาต้องกรอกคนละชุด ในนั้นจะมีรายละเอียดที่ซ้ำกันคือส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับลูก ส่วนที่ต่างกันคือข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา, พ่อ-แม่-พี่-น้อง

  2. IDENTITY AND CIVIL STATUS DOCUMENTS: เอกสารที่สำคัญของผมและผบ.ทบ. เช่นสูติบัตร, บัตรประชาชน, ทะเบียนสมรส, สำเนาทะเบียนบ้าน

  3. CHILDREN’S INFORMATION (IF APPLICABLE): เอกสารที่สำคัญของลูก เช่น สูติบัตร และสำเนาทะเบียนบ้าน

  4. TRAVEL DOCUMENTS AND PASSPORTS: Passport ของทุกคน ถ้าไปทำที่กรมการกงสุล จังหวัดนนทบุรี ใช้เวลาดำเนินการ 2 วันทำการ จึงจะไปรับได้ ผม, ผบ.ทบ. และลูกบังเกิดเกล้าทั้ง 2 หน่อ (ตอนที่เริ่มสมัคร หน่อที่ 3 ยังไม่มีแววจะเกิด) ไม่มีใครเคยเดินทางไปต่างประเทศเลย จึงเป็น passport เล่มแรกในชีวิตของพวกเรา ตอนนั้นแค่ไปทำ passport ยังตื่นเต้นมาก เหมือนว่ากำลังจะได้ไปต่างประเทศเลย

    ถ้ามี Passport อยู่แล้ว ต้องตรวจสอบดูว่าใกล้หมดอายุหรือยัง หากใกล้หมดอายุภายใน 12 เดือน ต้องไปต่ออายุ

    ก่อนไปควรจะตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อนจะได้ไม่เสียเวลา เอกสารที่ต้องเตรียมทุกอย่างต้องเป็นฉบับจริง ได้แก่ บัตรประชาชน ส.ด.8 (ใบผ่านทหาร ถ้ามี) ทะเบียนสมรส ทะเบียนบ้านของทุกคน สูติบัตรของลูก เป็นต้น

    //www.mfa.go.th/web/785.php

    ข้อที่ต้องระวังอีกข้อหนึ่งคือ ต้องให้แน่ใจว่าชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษใน Transcript ต้องตรงกับใน passport ผมเคยถกเถียงกับเจ้าหน้าที่เหมือนกัน เขาบอกว่านามสกุลของผมสะกดไม่ถูกต้อง และเขาจะใส่ไปใน Passport ตามที่เขาว่า ผมก็เลยเอา Transcript ให้เขาดู บอกว่าผมไม่อยากเกิดปัญหายุ่งยากภายหลัง หากจำเป็นต้องใช้ Passport คู่กับ Transcript

  5. PROOF OF RELATIONSHIP IN CANADA (IF APPLICABLE): ข้อนี้ผมไม่มี แต่เห็นมีคนสงสัยกันเยอะว่าทำไงเขาถึงจะรู้ ข้อนี้ถ้าเป็นผม ผมจะถ่ายเอกสารของ ผู้ที่ผมมี relation เช่น PR-Visa หรือ Citizenship card, SIN Card (Social Insurance Number Card), T4 (เอกสารแสดงการเสียภาษีรายได้ประจำปี), สูติบัตร (เพื่อแสดงว่ามีพ่อแม่เดียวกัน) และที่สำคัญน่าจะเป็น Chart คล้ายๆ Organization Chart เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์กัน

  6. EDUCATION/TRAINING/QUALIFICATIONS: Transcript ที่ได้จากมหาวิทยาลัย และเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ไม่ต้องเอาไปให้ใครรับรองอีก ถ่ายเอกสารและเซ็นต์รับรองใต้คำว่า “Certify True Copy” ได้เลย ส่วนของ ผบ.ทบ. เป็นภาษาไทย จึงต้องไปที่สถานศึกษา เขียนคำร้องให้เขาออกเอกสารเป็นภาษาอังกฤษให้ ถ้ามี Training / Certificate อะไรก็ควรจะส่งไปให้ด้วย

    ผมกลับไปขอจดหมายรับรองจากคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ หัวจดหมายเป็น Logo ของมหาวิทยาลัย ประทับตราคณะวิทยาศาสตร์ เนื่องจากตอนที่ผมเรียนไม่มี Major Computer Science ผมได้รับ Bachelor of Science in Statistics แต่มีหน่วยกิจที่เรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากกว่า 30 หน่วยกิจและมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงานด้าน Computer Programmer

    พูดถึงเอกสารทางการศึกษา ผมเคยเจอรายนึงที่นำเอกสาร Transcript ที่เป็นภาษาไทยไปแปล แล้วนำมาให้สถานกงสุลรับรองคำแปล ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่แนะนำว่าต้องนำไปให้กระทรวงศึกษาธิการรับรอง อีกรายนึง เดินทางมาถึง Canada แล้ว ปรากฎว่า Transcript ที่นำมาดันเป็นภาษาไทย ทีนี้ก็เลยไปติดต่อสถานฑูตไทย ที่ Ottawa เจ้าหน้าที่บอกว่าแปลให้ได้ รับรองได้ แต่ไม่รู้จะนำไปใช้ได้หรือเปล่านะ (อ้าว) ผมว่าง่ายที่สุดคือให้สถานศึกษานั่นแหละเป็นคนออกให้จะดีที่สุด และต้องให้แน่ใจว่าชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษตรงกับชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษใน passport ทั้งนี้รวมทั้งข้อมูลอย่างอื่นด้วย เช่นวัน-เดือน-ปีเกิด, ปีที่จบการศึกษา ผมเคยเจอว่าเขาแปลงจาก พศ. เป็น คศ. ผิดจากความเป็นจริง

  7. WORK EXPERIENCE: จดหมาย Recommend จากหัวหน้างานของผม และของผบ.ทบ. อธิบายความเก่งกล้าสามารถ และ Job Description อย่างชัดเจน ข้อนี้สำหรับคนที่ไม่อยากให้หัวหน้ารู้ อาจจะลำบากหน่อย ส่วนผมเป็นคนไม่ค่อยมีความลับก็เลยบอกหัวหน้างานตรงๆ แล้วดัดแปลง Resume ของตัวเอง พิมพ์ใส่หัวจดหมายบริษัท ประทับตรายางของบริษัท แล้วรบกวนให้หัวหน้าเซ็นต์ให้ อย่าลืมขอนามบัตรหัวหน้างานที่เซ็นต์ชื่อ clip ไปกับเอกสารด้วย ข้อนี้นอกจากจะมีจดหมายจากหัวหน้างานแล้ว ผมแนบจดหมาย recommend จากบริษัทที่ผมไปทำงาน sideline ไปด้วย ลักษณะจดหมายคล้ายๆ กัน แต่หัวจดหมายคนละบริษัท ผมขอนามบัตรคนที่กรุณาเซ็นต์ชื่อ clip ไปกับเอกสารด้วยเช่นกัน

    นอกจากนี้ผมยังแนบ Portfolio เอกสารอธิบายลักษณะงานที่ผมทำเป็น PowerPoint Presentation ของระบบงานที่ผมออกแบบและรายละเอียดของงานที่ทำสำเร็จอย่างคร่าวๆ ไปด้วย

  8. PROOF OF LANGUAGE PROFICIENCY: ข้อนี้มีคนสงสัยกันเยอะว่าส่งดีหรือไม่ส่งดี เพราะดูจากใน Website ของ CIC เขาระบุไว้ 2 choices คือผลสอบ IELTS กับเอกสารอธิบายความสามารถทางภาษาอังกฤษ แต่อย่างไรก็ดีเขาบอกชัดเจนว่า strongly recommend ให้ส่งผลสอบ IELTS และมีตารางชัดเจนว่าจะได้คะแนนเท่าไรในส่วนนี้ สำหรับผมคิดว่าเอา sure ตามตารางคะแนนดีกว่า ไม่อยากฝากความหวังและมานั่งลุ้นว่าเจ้าหน้าที่จะประเมินคะแนนให้ผมเท่าไร

    ครั้งแรกที่ผมไปสอบ Speaking เจอคนพูดภาษาอังกฤษอยู่ในลำคอ เลยได้คะแนนนิดเดียว (ทั้งหมดได้ 4.5) สามเดือนต่อมาผมไปสอบใหม่ เจอคนพูดฟังง่าย เลยได้คะแนนทั้งหมด 5.5 (อย่างไรก็ตาม ผมค่อนข้างโชคดีที่ ผลสอบภาษาอังกฤษไม่มีผลกับคะแนนตัดสินด้วยกฏเกณฑ์เก่า และผมส่งใบสมัครก่อนเปลี่ยนกฏเกณฑ์การให้คะแนนแค่ 4 เดือนเท่านั้นเอง)

    ผมต้องการให้เขาเห็นว่าผมมีความพยายาม มีความตั้งใจไปเรียนภาษาอังกฤษถึง 3 ที่ จึงขอใบรับรองระดับการเรียนและจำนวนชั่วโมงเรียนจากทุกที่ส่งไปด้วย ในใจคิดว่าดูซิว่า Immigration Officer จะใจดำปฏิเสธ PR Visa ได้ลงคอหรือเปล่า

  9. ARRANGED EMPLOYMENT (IF APPLICABLE): คือจดหมายรับรองจากนายจ้างที่แคนาดาว่าจะรับเราเข้าทำงานที่ Canada ข้อนี้บริษัทที่จะรับเราเข้าทำงาน ต้องไปติดต่อที่ HRDC Human Resources Development Canada คะแนนจากข้อนี้ใครๆ ก็อยากได้ แต่ผมใบ้แดก คือไม่มีครับ

  10. ACCOMPANYING FAMILY MEMBERS DECLARATION (IF APPLICABLE): ข้อนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะเป็นว่าถ้าเรามีภรรยาและลูก แต่ไม่ต้องการสมัครในตอนนี้ก็ให้บอก information ของเขาเหล่านั้นไปด้วย เผื่อในภายหน้าเขาจะ apply จะได้ง่ายขึ้นต้องการให้คะแนนในส่วนของ RELATIONSHIP IN CANADA

  11. SETTLEMENT FUNDS: เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วผมกับผบ.ทบ.เจอกันในผับแห่งหนึ่ง นิสัยผมคล้ายกันคือ ไม่ค่อยชอบทำกับข้าวกินกันที่บ้าน อาทิตย์นึงต้องมี 3-4 วันที่นัดเพื่อนไปกินข้าวเย็น กินเหล้า-ร้องคาราโอเกะ วันไหนไม่มีใครไปด้วย ก็กินกัน 2 คน เหล้าแบน โซดา 2 โค๊ก 1 เสาร์-อาทิตย์ก็พาลูกไปเที่ยวห้าง ใช้เงินหยั่งงี้ จะเหลือหรือครับ ถ้าจะถามเรื่อง Settlement Funds ผมปวดหัวกับเรื่องนี้มาก กรณีของผมคนเยอะด้วย ผมตัดสินใจตากหน้าไปหาเพื่อนที่เป็นเจ้าของบริษัท ในวันที่เขาจะเข้าเงินเดือนให้พนักงาน ให้เขาโอนให้ผมก่อน เสร็จแล้วก็รบกวนให้พนักงานแบงค์นั่นแหละถ่ายเอกสารให้ (โชคดีกระดาษที่ใช้ถ่ายเอกสาร มีลายน้ำของ logo ของ bank ด้วย เลยดูน่าเชื่อถือหน่อย) ถ่ายเอกสารเสร็จ ผมก็โอนคืนให้เพื่อนไปเลย เสร็จแล้วผมก็เข้าไปที่ Website ของ Bank พิมพ์อัตราแลกเปลี่ยน เขียนด้วยลายมือคำนวณให้เสร็จว่าเป็น Canadain dollar เท่ากับเท่าไหร่ แนบไปด้วย

  12. POLICE CERTIFICATES AND CLEARANCES: อ่านจากที่เขาเขียนไว้ในเอกสาร Check Sheet ผมเข้าใจว่าตอนที่ส่งใบสมัคร ยังไม่จำเป็นต้องส่งใบรับรองประวัติอาชญากรรมก็ได้



    อย่างไรก็ตามตอนนั้น ผมส่งไปพร้อมกับใบสม้ครเลย (ทำให้ผมต้องไปขอใหม่อีกครั้ง หลังจาก 3 ปีผ่านไป)

    ผมและผบ.ทบ. ไปขอ Proof of criminal records ของไทย ที่ ศูนย์บริการออกหนังสือรับรองความประพฤติ
    อาคาร 24 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โทรศัพท์ 0-2205-2168 , 0-2205-2169 Fax 0-2205-2169 ใกล้ๆ กับสยามสแควร์ World Trade Center และโรงพยาบาลตำรวจ โดยเตรียมเอกสาร ดังนี้

    • หนังสือเดินทาง (Passport) พร้อมสำเนา 1 ฉบับ
    • บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา 1 ฉบับ
    • ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนา 1 ฉบับ
    • หากเคยเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลต้องมีหลักฐานการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลพร้อมสำเนา 1 ฉบับ
    • หลักฐานทางทหาร( สด.8 หรือ สด.43 หรือหนังสือรับรองการเรียน รด.หลักสูตร 3 ปี หรือ 5 ปี สำหรับชายไทยอายุ 20 ปีขึ้นไป และ สด.9 สำหรับชายไทยอายุ 17 – 19 ปี) พร้อมสำเนา 1 ฉบับ
    • ใบสำคัญการสมรส หรือใบสำคัญการหย่า (ถ้ามี) พร้อมสำเนา 1 ฉบับ
    • หนังสือส่งตัวขอให้ตรวจสอบประวัติจากสถานทูตของแต่ละประเทศที่จะเดินทางไป (ถ้ามี) รูปถ่าย ขนาด 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป

    ผมเคยเจอคนที่เอา Passport ที่หมดอายุไปทำ - หน้าแตก แถมเสียเวลาอีกต่างหาก ตามความคิดผมถ้า Passport จะหมดอายุภายใน 1 ปี ควรไปทำใหม่

    เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เราเข้าไปติดต่อด้วยจะให้กระดาษมาคนละแผ่นให้เก็บไว้ให้ดี ในนั้นจะระบุชื่อของเขา, เบอร์โทร และระยะเวลาดำเนินการ โดยประมาณคือ 15 วัน (แต่ทำใจไว้เลยว่าอาจจะเป็นเดือน) เมื่อถึงกำหนดเวลาให้โทรไปเช็คกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เราติดต่อด้วยก่อนไปรับเอกสาร ใบรับรองประวัติอาชญากรรมจะออกให้ 2 ฉบับ คือฉบับจริง และฉบับที่มีตรา COPY สีแดง ใช้ฉบับจริงในการสมัคร PR Visa ส่วนฉบับที่มีตรา COPY สีแดง ผมเก็บไว้ ไปติดต่อเสร็จแล้วผมชอบแวะไปกินข้าวขาหมู แถวๆ ข้างถนนอังรีดูนังค์ อร่อยดี

    หลายปีที่แล้วก่อนที่จะไปขอใบรับรองประวัติอาชญากรรม ผมกับผบ.ทบ.เคยเล่นรัมมี่กับพี่ๆ น้องๆ ในบ้าน ดันมีผู้ประสงค์ดี แจ้งตำรวจมาจับ ถือเป็นคดีอาญา ต้องไปนั่งเล่นในกรงขังหลายชั่วโมง กว่าจะมีคนไปประกันตัว หลังจากนั้นก็ไปขึ้นศาลเสียค่าปรับ ทีนี้หลังจากยื่นเรื่องขอใบรับรองประวัติอาชญากรรมแล้ว ผมรออยู่ 2 อาทิตย์จึงโทรไปถาม ปรากฎว่าของผบ.ทบ. เสร็จแล้ว เป็นภาษาอังกฤษระบุว่า No Criminal Record (อาจเป็นไปได้ว่าตอนโดนจับ เรายังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ตอนนั้น ผบ.ทบ. ก็เลยยังเป็นนางสาว และยังใช้นามสกุลเดิมอยู่) ส่วนของผมเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเขาต้องทำจดหมายไปที่สถานีตำรวจท้องที่ ให้สถานีตำรวจท้องที่รับรองมาว่าคดีสิ้นสุดแล้ว หรือผมต้องไปคัดคำสั่งศาลมา ผมเห็นท่าจะไม่ได้การแน่ ถ้ารอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำจดหมายกันไป-มา ไม่รู้เมื่อไหร่จะเสร็จเรื่อง จึงอาสาถือจดหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาที่สถานีตำรวจท้องที่ โชคดีตำรวจท้องที่กรุณาไปค้นหาเอกสารและพิมพ์จดหมายรับรองมาว่าคดีสิ้นสุดแล้วภายในวันนั้นเลย ผมรีบนำกลับไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากนั้นอีกประมาณ 15 วัน จึงได้ใบรับรองเป็นภาษาไทยระบุว่ามีประวัติคดีอาญา และคดีสิ้นสุดแล้ว ผมนำใบรับรองประวัติอาชญากรรมที่เป็นภาษาไทยไปแปล แล้วเอาไปให้สถานกงสุลไทย รับรองคำแปล

  13. FEE PAYMENT:

    “Canadian dollar payments must be made in the form of a BANK DRAFT, drawn on a bank in Canada and made payable to the RECEIVER GENERAL FOR CANADA.”

    ผมไปซื้อ Bank Draft ที่ธนาคารกสิกรไทย (ที่มีป้ายฝ่ายบริการการต่างประเทศ) ต้องพิมพ์รายละเอียดจาก Website ว่าเราจะจ่ายค่าอะไรไปให้เจ้าหน้าที่ธนาคารด้วย (เขาจะเก็บไว้เป็นหลักฐาน)

  14. PHOTO REQUIREMENTS: ดูที่ Appendix C: Photo Specifications. เขาบอกว่าอย่าใช้ staple เย็บไป ผมก็เลยใส่รูปไว้ในซองพลาสติกเล็กๆ ที่ได้มาจากร้านถ่ายรูป (ผมเขียนชื่อ-นามสกุลด้วยดินสอไว้หลังรูปทุกใบด้วย) แล้วใช้ paper clip หนีบไปกับใบสมัคร

    ผม print หน้านี้ไปให้ร้านถ้ายรูปดูด้วย



เมื่อเอกสารครบ เงินพร้อม ผมส่งใบสมัครและค่า Processing fee ไปที่ สถานทูต Canada ที่ Singapore เมื่อวันที่ August 27, 2001 ตอนนั้นอายุ 34 ปี

หลังจากส่งใบสมัครไป 2 อาทิตย์ ก็มีจดหมายที่มี Logo ของ Canada Immigration



ตอนแม่ยายเอามาให้ ผมตื่นเต้นมาก รีบเปิดดูแล้วนั่งอ่านแล้วอ่านอีกอยู่ตั้งหลายรอบ ทั้งๆ ที่เป็นแค่ใบเสร็จ, file number และจดหมายตอบกลับมาว่าเขาได้รับเอกสารเราไปพิจารณา ลงวันที่ August 27, 2001
ในจดหมายบอกให้รอ แล้วเขาจะติดต่อมาเอง

รุ่งขึ้นตอนเช้าเป็นวันหยุด ผมไปหาซื้อหนังสือ และ Video ที่เกี่ยวกับประเทศ Canada มาอ่านมายกใหญ่ รวมทั้งซื้อแผนที่โลก อันใหญ่ขึ้น, ตัวอักษร ABCD (สำหรับให้เด็กเรียนภาษาอังกฤษ) มาติดข้างฝาบ้าน ด้วยความตื่นเต้นสุดขีด ผบ.ทบ. กับแม่ยายบอกว่าบ้าไปแล้ว และไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าจะได้มา Canada

September 11, 2001 วันที่ตึกแฝดโดนถล่ม ผมบอกตัวเองว่า process ต่างๆ คงจะช้าลงแน่ มีข่าวว่ากฎเกณฑ์ต่างๆ กำลังจะเปลี่ยนไป ผมได้แต่รอ ช่วงนี้ก็ฟุ้งซ่าน เปิดอ่านแต่ web site ที่เกี่ยวข้องกับ Immigration อ่านแล้วอ่านอีก ไม่รู้จักเบื่อ บังเอิญเปิดไปเจอ web site ของสถานทูต Canada ที่ Singapore บอกว่า ค่าเฉลี่ยของ processing time อยู่ที่ 36 เดือน ก็เลยทำใจ

February 2003 ก็มีจดหมายมาบอกว่าคุณสมบัติเบื้องต้นผ่านแล้ว ตอนนี้อยู่ใน interview list ให้รอเรียกสัมภาษณ์ พอได้รับจดหมายฉบับนี้ ก็เริ่มตื่นเต้นอีก ได้เพื่อนที่ชื่อ Google ช่วยหาตัวอย่างคำถาม-คำตอบ รวมทั้งข้อมูลที่เกี่ยวกับการสัมภาษณ์

October 2003 มีจดหมายมาให้ผม update ข้อมูลทั้งหมดใหม่ ภายใน 180 วัน รวมทั้งให้ส่ง POLICE CERTIFICATES AND CLEARANCES (ใบรับรองประวัติอาชญากรรม) ไปใหม่ ผมต้องไปขอเอกสารที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง ข้อนี้ผมเซ็งมากแบบว่าขี้เกียจไปขอใหม่ กลับไปอ่านดูใน check list ผมเข้าใจว่าตอนที่สมัครไปตอนแรก ยังไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารชิ้นนี้ไปหรอก แต่ให้รอรับจดหมายจากเขาก่อนว่าให้ไปขอ แล้วค่อยเอาจดหมายนั้นไปประกอบการขอใบรับรองประวัติอาชญากรรม

นอกจากนี้ยังให้ส่งผลสอบ IELTS ไปด้วย (ตอนที่ผมส่งเอกสารไปครั้งแรกไม่ได้ส่ง ผล IELTS ไป เพราะตอนนั้นเขาไม่ได้ต้องการ แต่หลังจาก December 2001 มีการเปลี่ยนกฏเกณฑ์ใหม่หลายอย่าง)

ต้นเดือน April 2004 ก่อนเกินกำหนด 180 วันแค่ 2-3 วัน ผมส่งเอกสารทั้งหมดของครอบครัวไปใหม่ทั้งหมด รวมทั้งเอกสารของลูกบังเกิดเกล้า หน่อที่ 3 ที่ไม่ได้ส่งไปในครั้งแรก รวมทั้งค่า Processing Fee ของลูกคนนี้ (ที่ไม่ได้ส่งไปตั้งแต่ทีแรกเพราะตอนนั้นเขายังไม่เกิด) เรียงเอกสารตาม Checklist ทุกอย่าง และเอา Checklist ปะหน้าไปด้วย รวมทั้งเขียนจดหมายปะหน้าไปด้วย

ต้นเดือน June 2004 มีจดหมายมาบอกว่า ผมไม่ต้องเข้า Interview ให้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลที่เขาระบุมาในจดหมาย ผมรีบพาครอบครัวไปตรวจร่างกายประมาณต้นเดือน July 2003 หมอที่ตรวจไม่ได้ให้ผลการตรวจร่างกายกับเรา แต่เขาจะส่งไปที่สถานฑูต Canada เอง

หลังจากนั้น ประมาณ 3 อาทิตย์ ได้รับจดหมายว่าให้ส่ง Passport และ RIGHT OF PERMANENT RESIDENCE FEE (RPRF) (บางคนเรียกค่า Landing Fee) ด้วย ไปให้เขา ผมต้องไปซื้อ Bank Draft เพื่อจ่ายค่า Landing Fee ของผมกับผบ.ทบ. คนละ $975 ส่วนลูกๆ ไม่ต้องจ่ายเงินในส่วนนี้

ผมใช้ซองสีน้ำตาลขนาดกระดาษ A4 จ่าหน้าซองถึงตัวเอง แล้วพับใส่ซองไปกับ Passport และใบ แบบฟอร์ม Appendix A ที่เขาให้มา (ผมวงเล็บเบอร์โทรไว้ที่ซองด้วยด้วย แบบว่ากลัวหายมากๆ ส่งไปตั้ง 5 เล่ม) ทั้งหมดผมใส่ซองกระดาษจ่าหน้าถึงสถานทูต Canada ที่ Singapore (ตามที่อยู่ที่เขาให้มา เข้าใจว่าเป็น PO Box) พอไปติดต่อที่ DHL

DHL จะมีซองพลาสติก ให้ใส่และกรอก Address ที่จะส่งไปอีกที

ไม่เหมือนการส่งเอกสารด่วนทั่วไปที่ใช้เวลาส่งไป Singapore ภายในวันเดียว เจ้าหน้าที่ DHL แจ้งว่า การส่ง Passport ออกนอกประเทศ จะมี Process ของการตรวจสอบ ก่อนที่จะส่งให้เรา ดังนั้นอาจใช้เวลาถึง 3 วันทำการ และที่อยู่ที่จะส่งไปต้องไม่ใช่ PO Box ต้องมีชื่อผู้รับและเบอร์โทรอีกต่างหาก โชคดีเอาจดหมายที่ได้รับจากสถานฑูต Canada ไปด้วย และในนั้นระบุว่าให้เราส่งไปที่ PO BOX เขาก็เลย OK

หลังจากนั้นประมาณ 10 วัน (August 27, 2004 นับได้ 36 เดือนพอดี) เขาก็ส่งเอกสารสำคัญสำหรับการ landing ของทุกคนกลับมา คือ Confirmation of Permanent Resident Visa (COPR) และ Passport (ที่เราส่งไป) ใน passport นั้นจะมี PR Visa สำหรับเดินทางเข้า Canada ติดอยู่ (มีลักษณะคล้ายๆ สติ๊กเกอร์) มีอายุ 1 ปี นับจากวันที่เราไปตรวจร่างกายผ่าน (ส่งกลับมาแบบ Cash on Delivery คือ เราต้องจ่ายเงินให้กับบริษัทที่มาส่ง แล้วเขาจึงให้เอกสารเรา) ผมตื่นเต้นมาก ดูแล้ว ดูอีก ดูแทบทุกวัน

รุ่งขึ้นวันที่ August 28, 2004 ผมกับผบ.ทบ.ยื่นใบลาออกจากงาน หัวหน้างานไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะผมพูดไว้ 3 ปีแล้ว บ้านผมยังไม่ขาย เพราะต้องให้แม่ยายอยู่ต่อ ส่วนรถขายให้เพื่อนไป สมบัติมีแค่นั้น

October 29, 2004 กำหนดขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตของทุกคนในครอบครัว




 

Create Date : 15 กันยายน 2548    
Last Update : 22 มกราคม 2549 2:21:43 น.
Counter : 2304 Pageviews.  


Tripple Jack
Location :
Ontario, Canada

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




Friends' blogs
[Add Tripple Jack's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.