|
ทำงานที่ร้านอาหารฝรั่ง
ต้นเดือน June 2005 นับได้ 7 เดือนหลังจากวัน Landing ผมก็ยังคงแห้วจากการสัมภาษณ์งานเสมอ ใจนึงก็คิดว่าน่าจะมาจากภาษาอังกฤษของเรา อีกใจนึงก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าเราคุยกับ Taxi เจ้าหน้าที่ธนาคาร Family Doctor และคนที่จะมาขายของเรา ทำไมเขาเข้าใจ (วะ) อีกใจนึงก็โมโหตัวเองที่เวลาไปสัมภาษณ์งาน บางคนพูดมาเลยว่าเราต้องไปฝึกภาษาอังกฤษซะก่อน ไอ้เราก็เคยไปเรียนภาษาอังกฤษ ตามหน่วยงานที่รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้ PR ได้เข้าไปเรียนฟรี ก็ไม่ชอบจะฝึกพูดในเหตุการณ์สมมุติ ครั้นจะรอได้งานแแบบที่ทำอยู่เมืองไทย ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้
ผมกลับมาทบทวนตัวเองใหม่ คิดว่าถ้าได้ไปเรียน หรือไปทำงานในร้านอาหารฝรั่ง ก็น่าที่จะช่วยฝึกภาษาได้บ้าง ก็เลยไปสมัครเรียนที่ University of Toronto ขณะเดียวกันก็พยายามหาสมัครงานร้านอาหารฝรั่งทำในช่วงเลิกเรียน
ตอนนั้นผมบอกกับตัวเองว่างาน Programmer แบบที่เคยทำอยู่ที่เมืองไทย ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ แก่ตัวลงไปทุกวัน มวยวัดนี่แหละวะ ทำงานหาเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่แรงจะมี ไม่อยากรอเวลา เดี๋ยวแกมากไปกว่านี้จะไม่มีแรงไปทำงานที่ต้องใช้แรงทำงาน ผมพยายามเดินเข้าไปสมัครตามร้านอาหารฝรั่งที่เขาเขียนว่า Hiring ตลอด ตอนแรกก็เดินไปมือเปล่า แต่เห็นหลายที่เขาบอกให้ส่ง Resume ด้วย ก็เลยใช้ Google Search พา Resume ประเภทนี้ แล้วเอามาดัดแปลงเอา แต่ไม่เคยได้เลย ระยะหลังผมเลยหาสมัคร ผ่านทาง //www.jobback.gc.ca ซึ่งเป็น website ของรัฐบาล ผมส่งไปสมัครไปเยอะมาก ในที่สุดก็มีอยู่ที่นึงเรียกไปสัมภาษณ์คือ Café Supreme //www.cafesupreme.ca เป็นร้านที่อยู่ใต้ Office หรูแถวๆ Adelaide St W / York Street มี franchisee เป็นสามี-ภรรยาชาวอินโดนีเซียคู่นึง วันไปสัมภาษณ์เขาบอกผมว่าเขาเข้าใจว่าผมรู้สึกอย่างไร เรื่องภาษาอังกฤษเขาก็บอกว่าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวมันจะพ้ฒนาขึ้นเอง ที่นี่เขาจะให้ผมทำทั้งในครัวและหน้าร้าน จะได้ฝึกภาษาอังกฤษไปด้วย และจะให้ค่าแรงชั่วโมงละ 8 CNDทำงาน 7 โมงเช้า 4 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่ค่อนข้างลงตัว เพราะอยู่ไกล้ๆ กับร้านอาหารไทยที่ผมต้องไปทำงาน 5 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม
ถึงแม้ตอนนั้นผมได้ค่าแรงชั่วโมงละ 12 CNDแล้ว ก็ไม่ได้กังวลเรื่องค่าแรงเท่าไร เพราะคิดว่าเป็นการได้ทำงานที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร จะได้ฝึกพูดไปด้วย ก่อนวันเริ่มงาน 1 อาทิตย์ ผมได้รับ E-mail ตอบรับเข้าเรียน Oracle Internet Application Development ที่ University of Toronto เป็น Course 6 เดือน พร้อมๆ กับ E-mail อนุมัติเงินกู้จาก OSAP เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียน ผมตัดสินใจเลือกที่จะไปเรียนก่อน จึงจำเป็นต้องโทรไปขอยกเลิกการไปทำงานที่ Café Supreme อย่างน่าเสียดาย
เวลาเรียนที่ University of Toronto คือ 8.00 11.00 เป็นการเข้าห้อง Lab ศึกษาด้วยตนเอง โดยจะมี Instructor คอยตอบคำถามที่เราสงสัย หลังจากนั้นก็ไปเข้าห้องเรียน เวลา 11.00 - 14.00 ช่วงนั้นเป็นหน้าร้อน เลิกเรียน ผมก็จะไปหาที่นอนแถวๆ Harbourfront Centre ก่อนเข้าเริ่มงานที่ร้านอาหารไทยตอนห้าโมงเย็น เลิกงานก็กลับไปทำ Assignment ต่อที่บ้าน ดูเวลาค่อนข้างจะลงตัวดี
หลังจากไปเรียนได้ประมาณ 2 เดือน ผมรู้สึกว่าตัวเองโดดร่มการเข้าห้อง Lab อยู่เรี่อยๆ พอๆ กับโดดเรียน ก็เลยอยากหางานทำช่วงเช้า เพื่อบังคับตัวเองไม่ให้เอาแต่นอน พอดีกับมีเพื่อนคนไทยคนนึงที่ให้คำแนะนำและช่วยเหลือมาตลอด แนะนำให้ไปสมัครงานที่ร้านอาหารฝรั่ง เวลาทำงาน 5 ทุ่มถึง 7 โมงเช้า ผมไปทำงานที่นี่หลังจากเลิกงานร้านอาหารไทยตอน 4 ทุ่มแล้ว ได้มีโอกาสติดต่อสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อนร่วมงานก็อัธยาศัยดีเป็นส่วนใหญ่ ผมว่าคนโสดๆ จะมีโอกาสได้แฟนต่างชาติก็จากการทำงานในร้านอาหารฝรั่งนี่แหละ ผมทำงานที่นี่ได้ประมาณ 2 เดือน ก็เริ่มมีอาการปวดหลัง เพราะต้องยกของหนักๆ จากห้องเย็นที่อยู่ชั้นใต้ดินขึ้นมาบ่อยๆ
ผมโทรไปปรึกษาเพื่อนคนไทยที่ฝากงานให้ เขาบอกว่าบอกผู้จัดการก็ได้ว่าเรายกของหนักไม่ได้ เขาจะได้ให้งานอย่างอื่นทำ อย่างไรก็ดี ช่วงนั้นผมกำลังอยู่ระหว่างรอผลการสัมภาษณ์งาน Programmer ผมตัดสินบอกผู้จัดการว่าผมกำลังจะได้งาน Programmer และขอลาออก
ถึงตอนนี้หลายคนก็ยังสับสนว่า (รวมทั้งตัวผมเองตอนที่มาใหม่ๆ) จะทำ Survival Job แบบไหนดี ร้านอาหารไทย ร้านอาหารฝรั่ง หรืองานโรงงานดี ผมมีคำตอบ (ที่ตอบตัวเองนะครับ ต่างจิตต่างใจ ต่างความคิด เดี๋ยวจะมาว่ากันทีหลัง)
โรงงานส่วนใหญ่อยู่นอก Toronto ผมเคยไปสมัครอยู่ทีนึง (เค้าไม่รับผมหรอก ตอนนั้นใช้ resume แบบเดียว สมัครทุกงาน) แต่ผมก็คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าผมดันมาตั้งหลักใน Toronto ซะแล้ว เมีย-ลูก 3 คนเริ่มมีเพื่อนอยู่แถวนี้ family doctor ก็อยู่แถวนี้ ดังนั้นถ้าได้การเดินทางก็คงลำบากเอาการอยู่ ในสายตาของผม การทำงานโรงงาน อาจมีโอกาสก้าวหน้า ตามสายงาน หากเขามีการรับสมัครงานภายใน หากอ้ธยาศัยดีก็จะมีเพื่อนที่บังคับให้เราไม่ให้พูดภาษาไทย เป็นการฝึกภาษาอังกฤษไปในตัว แต่เราต้องหาที่พักใกล้ๆ โรงงาน เวลาไปทำงานต้องพกอาหารไปกินเองเพราะไม่มีร้านอาหารในโรงงานเหมือนบ้านเรา
ร้านอาหารฝรั่ง มีโอกาสได้เจอเพื่อนร่วมงานต่างชาติ บ้างก็เป็นนักเรียน น่าตาจิ้มลิ้ม ได้มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษทั้งในการพูดการฟัง ถือว่าได้ฝึกฝนไปในตัว มีโอกาสมีโอกาสก้าวหน้า ตามสายงานเช่นกัน
ผมว่าทั้งงานโรงงานและร้านอาหารฝรั่ง จะทำให้คนโสดมีโอกาสพบเนื้อคู่ที่เป็นชาวต่างชาติ นับเป็นโอกาสที่ดีทางหนึ่ง โอกาสก้าวหน้าตามสายงาน หากเรามีความสามารถ
สำหรับร้านอาหารไทย บังเอิญตอนที่อยู่เมืองไทย ผมเคยเปิดร้านอาหารในโรงงาน ก็พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง เป็นคนทำอาหารได้อยู่แล้ว พอได้น้องที่มีประสบการณ์ ช่วยให้ได้เป็นพ่อครัว ปรับตัวอยู่หลายเดือน ก็ค่อยยังชั่ว ข้อเสียคือไม่ค่อยได้ฝึกภาษาอังกฤษ ข้อดีคือมีโอกาสกินอาหารร้อนๆ 2-3 มื้อ และได้ประสบการณ์ หากในอนาคตอยากเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารไทย
จบดื้อๆ แค่นี้ก่อนครับ
Create Date : 22 มกราคม 2549 | | |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2549 21:52:19 น. |
Counter : 1211 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|