|
- ผลิบาน ในลานธรรม - การบริหารจิต วิธีการดับไฟนรก หลวงพ่อพุทธ ฐานิโย
- Debug my heart ฮิตเลอร์ ดาไลลามะ ไอสไตน์ .......
- มาดู O so cute คาตากูน การ์ตูนเด็กเพื่อการศึกษาและพัฒนาทางอารมณ์
- หลวงพ่อโสธร -คำพรพระ ไหว้พระ พบปะ อาหารอร่อย
- "หลุดจากความทุกข์ เพราะสติรู้ตัว" (เมื่อได้ฟัง จึงรู้ ) หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ
- คลื่นแห่งมุทิตาจิต : คมความคิด กัลยาณมิตร รางวัลแมกไซไซ
- When the time ...stop...
- I GOT A JOY-JOY-JOY ป๋มมีความสุขที่หัวใจ ปอด ตับ ไต และม้ามมมมม...(กึ๋ย)...
- no me , just thee (ทำ)เต็มที่ ไม่มีลุ้น Syncrony, unlind, boundless energy, NEVER GIVE UP
- ...หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ..ถาม:"ท่านยังโกรธอยู่ไหม" หลวงปู่ตอบ "มี แต่ไม่เอา"
- Heaven on earth: ธรรมะของพระพุทธเจ้า ..ไม่เนิ่นช้า ท่าน ก เขาสวนหลวง หลวงปู่ดุลย์ อาจารย์ปราโมทย์
- Eradicating, peak , rejuvenizing ...this...
- มาโด๊บกัน... อิอิ... Flexibity is a key, gentleness is never out of league..
- Look, look, what is cooking in your mind
- อย่างน้อยชีวิต .. ก็ได้ใช้.. เพื่อสร้างสรรค์ สิ่งใด ในใจหวัง...
- May your life filled with tranquility and energy...
- จิตที่ส่งออกนอก....เป็นสมุทัย(หลวงปู่ดุลย์ อตุโล) ...........หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช
- เทวดาองค์น้อยๆ.. ชะรอยให้สดใส... purest precious..little angel
- แก้มใคร?.....
- Teacher....my stroke...
- ให้นำใจ(5) : แลบ่มร่ำ.... ให้นำใจ.. คุ้มภัยพาล ..
- ให้นำใจ (4) : to learn ..to let go ณ กึ่งกลางบันดาลใจ...ไฟส่องทาง
- Mistake is ..to learn... Self-understanding is graduated...
- ให้นำใจ(3) : ๑,๒๔๐ รูป ๑,๒๕๐ ก้าว.....
- ให้นำใจ(2) : เป็นเพียงอาการของจิต ระลึกรู้
- ....ให้นำใจ.. : ห้องพระ(ในใจเรา)...
- มงคลที่ ๑๑.....
- เพียงขณะ...หากรำลึก..: อัญเชิญประวัติเจ้าแม่กวนอิม(2)
- ขออัญเชิญ ประวัติเจ้าแม่กวนอิม(1)
- Always still...
- ..ด้วยฤทธีแห่งธรรม..
- เก้าอี้ดนตรีใจ ..ระวังไว้จะให้ใครนั่ง...
- ..แท้เพียง...
- Happiness within: a fractional moment of time
- Water and Fire(3) : in the jungle
- Water and Fire(2) : Water
- Water and fire(1) : Fire
- ..in the purest sense of the way..
- ..ได้อย่างไร..
- ..young grass..
- ..เพียรพิศ..
- ..it is a high time for high tea..
- ..ย่อม..จักยาก..
- ..like a stardust..that ever last..
- ..คลื่น... (แล้วไรต่อ?)
- ..เพียงรอยจาง..
- ..to dream the possible dream ..(with peaceful and calm)
- ..make a habbit of catching thought..
- ..May love is ever all around ..
- ..เปิด..
- ..อารมณ์ไม่ดี..
- ..Just take a deep breath ..at any case..
- ..ก็ลุล่วง..
- Snug as a bug hug : เก่ง ก็กอด... ไม่เก่ง ก็กอดดด..
- ..พักสายตา..
- ไกลกันหมื่นลี้.. ใจใกล้..
- Race to freedom ..กำจรจาย...
- ..เพียงเพราะ..
- อย่างบริสุทธิ์ใจ ในความรัก : To love for the sake of love
- ..บางเวลา..
- What is about your?
- เมื่อไหร่ ดอกไม้จักบาน..
- ......I can never explain..my hero..เป็นดวงไฟส่องสว่างกลางความฝัน..
- ..ฮ้าวววววว..
- Tag ทำดีเพื่อพ่อ
- ..แว่ว..
- ..ห่มใด?..
- ..ทบเท่าพันทวี..
- ..You ..do.. something to me...
- ..หากแม้นว่าได้มอบแหวน ให้ใครหนึ่ง..
- ..เมื่อ-ใน-เงียบ....
- Mr. Snowman
- ..เป็นใจ..
- ..หนาวนี้ ..
- ..คนที่ทำให้อุ่น ..
- ...แห่งไมตรี...
- ..คน"ขัด"ใจ...
- ..ต้อง เย็น..
- A Stolen kiss
- ..หนีใจ..
- ..(เหยียบ)ให้มิด..
- Things an angel can live without
- ...all beauteous things...
- ..ม้าตีนปลาย..
- ..ล้อมใจ...
- ..เติมให้เต็ม...
- ..นั่งเมอร์เตอร์ไซด์(ปรื้นๆ)
- ..เพียงอุ่นๆ..
- The mystical night
- ....บัวใจ บัวใน.... (ดีใจ เปลี่ยน BG เป็นแล้ว อิอิ เกี่ยวไม๊เนี่ย..)
- ...ตื่น...
- ...การไหว้...
- .....ดินกลบหน้า....
- ..หลังฝน...
- ...จัก...รัก...
- ...ชีพดำรง...
- ...ยิ่ง...
- ห่มใด จักสุขกว่า...?
- คม-คำ
- ปรากฏการณ์ "เธอ"
- ...เพียงสายตา...
- ..รู้ตัวไหม..
- เป็นอะไร!
- วิชานี้...ไม่มีสอน...
|
|
|
|
|
ให้นำใจ (4) : to learn ..to let go ณ กึ่งกลางบันดาลใจ...ไฟส่องทาง
คลี่คลาย..ดีร้าย... เวียนเปลี่ยนผัน เพียรตามกรรม ปัจจุบัน อดีตหนา คลี่คลาย... ดีร้าย ยังศรัทธา ย่อมมุ่งหน้า เดินสู่ ในหมู่ธรรม....

Let love ... and let go
ณ. กึ่งกลาง บันดาลใจ มีประทีปใส ไฟส่องทาง
พระธรรมเทศนา : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

ภาวนาและบริกรรมต่างกันอย่างไร
ถาม :
คำว่า ภาวนา และ บริกรรม ต่างกันอย่างไรขอรับ คือเคยฟังพระเถระผู้ใหญ่บอกว่า การภาวนานี้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน แม้ไม่อยู่ในสมาธิ แม้ทำอะไร ก็สามารถทำได้อยู่ได้ตลอดเวลาใช่ไหมขอรับ?
หลวงพ่อ :
ใช่แล้ว คำว่า ภาวนา กับ บริกรรม มีต่างกัน
ภาวนา หมายถึง การอบรมคุณงามความดีให้เกิดขึ้น เป็นสมบัติของผู้อบรม เช่น อบรมใจให้มีความเลื่อมใสในการบำเพ็ญภาวนา ก็ได้ชื่อว่า ภาวนา
แต่ บริกรรม นั้น หมายถึง จิตของผู้ปฏิบัตินึกอยู่ในคำใดคำหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น พุทโธ เป็นต้น ซ้ำ ๆ อยู่ในคำเดียวเรียกว่า "บริกรรม" บริกรรมก็คือส่วนของภาวนานั่นเอง
หลวงพ่อ :
เมื่อตะกี้ได้ถามอะไรอาตมาอีก
ถาม :
ภาวนาทำได้ตลอดเวลาทุกสถานที่หรือไม่?
หลวงพ่อ :
การภาวนานี้ทำได้ตลอดเวลา ทุกที่ ทุกสถานที่ ไม่เลือกกาล ไม่เลือกเวลา
เช่นอย่างภาวนาในขั้นบริกรรมภาวนา เช่น ภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด ตลอดทุกอิริยาบถ บริกรรมภาวนาพุทโธ พุทโธ ได้
ทีนี้ถ้าหากว่าไม่นึกบริกรรมภาวนา พุทโธ การกำหนดรู้ทุกอิริยาบถ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ทำ พูด คิด รู้อยู่ตลอดเวลา อันนี้เป็นการภาวนา
จุดมุ่งหมายของการภาวนา หรือบริกรรมภาวนา ก็อยู่ที่ความต้องการความมีสติสัมปชัญญะ มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ดีแล้ว จิตก็มีสมรรถภาพในการคุ้มครองตัวเอง ให้ยืนยันอยู่ในความเป็นอิสรภาพ ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นอิสรภาพโดยเด็ดขาดทุกอย่างก็ตาม
ตราบใดที่จิตยังตกอยู่ในอำนาจของอารมณ์กิเลสและสิ่งแวดล้อม จิตก็รู้ตัวว่ายังหย่อนสมรรถภาพ อยู่ในอำนาจของสิ่งแวดล้อม จิตก็ย่อมรู้
การบริกรรมภาวนา บางท่านเมื่อจิตไม่ตรงกับนิสัยบริกรรมภาวนาเป็นปี ๆ จิตไม่สงบ ก็มีอุบายที่จะปฏิบัติได้
คือ ต้องกำหนดรู้ดูความคิดของตนเองตลอดเวลาว่าเราคิดอะไรก็รู้ สิ่งที่คิดมันหายไปก็รู้ อันใหม่เกิดขึ้นมาก็รู้ กำหนดรู้ตามไปเรื่อย ๆ เมื่อจิตมีสติกำหนดตามรู้ความคิดกำหนดทันความคิดของจิตเมื่อใด เมื่อนั้นจิตจะสงบเป็นสมาธิได้
วิญญาณคือธาตุรู้

ถาม :
คำว่า วิญญาณ หมายความว่า "ธาตุรู้" ใช่ไหมขอรับ?
หลวงพ่อ :
คำว่า วิญญาณ คือ "ธาตุรู้"
วิญญาณในเบญจขันธ์หมายถึง วิญญาณรู้จากของ ๒ อย่างกระทบกัน เช่น
ตากับรูปกระทับกัน เกิดภูมิรู้ขึ้น เรียกว่า จักขุวิญญาณ
เสียงกับหูกระทบกัน เกิดภูมิรู้ขึ้น เรียกว่า โสตวิญญาณ
กลิ่นกับจมูกกระทบกัน เกิดภูมิรู้ เรียกว่า ฆานวิญญาณ
ลิ้นกับรสกระทบกัน เกิดภูมิรู้ เรียกว่า ชิวหาวิญญาณ
กายกับสิ่งสัมผัสกระทบกัน เกิดภูมิรู้ขึ้นเรียกว่า กายวิญญาณ
จิตนึกคิดอารมณ์เกิดภูมิรู้ขึ้น เรียกว่า มโนวิญญาณ อันเป็นวิญญาณในขันธ์ ๕ ทีนี้วิญญาณในปฏิจจสมุปบาท หมายถึง ปฏิสมาธิวิญญาณ คือ วิญญาณรู้ผุด รู้เกิด
วิธีทำจิตให้สงบเป็นสมาธิ

มะนาวนั้นมีรสเปรี้ยว แต่ถ้าไม่ได้แตะลิ้น เรายังไม่รู้รส เมื่อมะนาวนั้นมาแตะลิ้นเมื่อไร จึงจะมีความรู้สึกว่าเปรี้ยว จึงเป็นปัจจุบันธรรมนั่นเอง กิเลสจะเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นตรงที่มีอายาตนะภายในภายนอกกระทบกันนี้ เราก็จะต้องมาเจริญสติ รักษาจิตของเราในปัจจุบัน ตรงนี้เป็นหลักสำคัญ เมื่อเรามีความเข้าใจ มั่นใจ หลักทางดำเนินปฏิบัตินั้น ตรงไหนจะเป็นแนวที่ถูกต้อง เพราะในศาสนาพุทธของเรานั้น ก็มีสอนด้วยกันหลายแนวในการปฏิบัติ แท้จริงแล้วก็ย่อเข้ามาอยู่ในเรื่องของจิต เรื่องของสมาธิ เรื่องของปัญญา คือการเจริญมรรค คือการเจริญสติ ก็อยู่ในศีล สมาธิ ปัญญานี่เอง
หลวงพ่อชา
ถาม :
พอจิตนิ่ง ลมหายใจจะหายไป และคำภาวนาก็หายไปพร้อมกัน แต่รู้สึกเช่นนี้เพียงเดี๋ยวเดียวก็หายไป ควรจะทำอย่างไรต่อไป
หลวงพ่อ :
เมื่อจิตสงบนิ่งลงไปแล้ว จิตจะสงบละเอียดไปถึงจุดที่เรียกว่า อัปปนาสมาธิ ลมหายใจก็ทำท่าจะหายขาดไปคำภาวนาก็หายไป พอรู้สึกว่ามีอาการเป็นอย่างนี้เกิดขึ้น ก็เกิดอาการตกใจ แล้วจิตก็ถอนจากสมาธิ
เมื่อจิตถอนออกจากสมาธิแล้ว เกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา ถ้ายังเสียดายความเป็นของจิตในขณะนั้น ให้กำหนดจิตพิจารณาใหม่ จนกว่าจิตจะสงบลงไป จนกว่าลมหายใจจะหายขาดไปคำภาวนาจะหายไป
ถ้าตอนนี้เราไม่เกิดเอะใจ หรือเปลี่ยนใจขึ้นมาก่อน จิตจะสงบนิ่งละเอียดลงไปกว่านั้น ในที่สุดจิตก็จะเข้าสู่อัปปนาสมาธิอยู่ในขั้นตัวก็หายไปหมด ยังเหลือแต่จิตรู้สงบสว่างอยู่อย่างเดียว ร่างกายตัวตนไม่ปรากฏ
แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้น เมื่อลมหายใจหายไป คำภาวนาก็จะหายไป แล้วก็จะรู้สึกตัวขึ้นมา เลื่อนให้จิตมาพิจารณา พิจารณาโดยเพ่งกำหนดลงที่ใดลงหนึ่ง จะบริเวณร่างกายลงที่ใดที่หนึ่ง จะบริเวณร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น กระดูก พิจารณาจนจิตเห็นกระดูก แต่ตายังไม่เห็นก่อน เช่น กระดูก พิจารณาจนจิตเห็นกระดูกแต่ตายังไม่เห็นก่อน ให้พิจารณาจนจิตสงบเห็นกระดูกชัดเจน ในทำนองนี้จะทำให้จิตเป็นสมถกรรมฐานเร็วขึ้น ซึ่งเคยมีตัวอย่างครูบาอาจารย์ให้คำแนะนำกันมา คือ

กาย เวทนาจิตธรรมนี้ก็จะเห็นว่า สักแต่ว่ากาย สักแต่ว่าเวทนาจิตธรรม ไม่มีตัวตน ไม่มีสัตว์ บุคคล เรา เขา
ท่านอาจารย์องค์หนึ่งภาวนาพุทโธมาถึง ๖ ปี จิตสงบลงไป แต่ทำท่าว่าลมหายใจจะหายไป คำภาวนาก็หายไป แล้วสมาธิก็ถอนออก จิตไม่ถึงความสงบสักที อาจารย์องค์นี้จึงไปถามอาจารย์อีกองค์หนึ่ง ซึ่งอาจารย์องค์นี้จึงไปถามอาจารย์อีกองค์หนึ่ง ซึ่งอาจารย์องค์นี้เป็นชีผ้าขาวไม่ได้บวชเป็นเณรว่า
"ทำอย่างไรจิตมันจะสงบดี ๆ สักที"
อาจารย์องค์นั้นก็ให้คำแนะนำว่า
"ให้เพ่งลงที่หน้าอก พิจารณาให้เห็นกระดูก โดยพิจารณาลอกหนังออก แล้วจึงจ้องจิตบริกรรมภาวนาลงไปว่า อัฐิ อัฐิ อัฐิ"
อาจารย์ที่ถามจึงนำวิธีการนี้ไปปฏิบัติ ก็เกิดจิตสงบเป็นสมาธิ ในครั้งแรกก็มองเห็นเศษกระดูกตรงนั้น จิตมันก็นิ่งจ้องอยู่ตรงนั้น และผลสุดท้ายก็มองเห็นโครงกระดูกทั่วตัวไปหมด
ในเมื่อมองเห็นโครงกระดูกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง โครงกระดูกก็พังลงไป และสลายตัวไป สลายไปหมด ยังเหลือแต่จิตสงบนิ่ง สว่างอยู่อย่างเดียว และในอันดับต่อไปนั้น จิตจะสงบนิ่ง สว่างอยู่เฉย ๆ
ภายหลังเมื่อจิตสงบสว่างอยู่พอสมควรแล้ว ก็เกิดความรู้อันละเอียดขึ้นมาภายในจิต แต่ไม่ทราบว่าอะไร มันมีลักษณะรู้ขึ้นมาแล้วก็ผ่านไป มันเหมือนกับกลุ่มเมฆที่มันผ่านสายตาเราไปนั่นแหละ จิตก็นิ่งเฉย สงบนิ่ง สว่างอยู่ตลอดเวลา ที่มีให้รู้ให้เห็นก็ผ่านไปเรื่อย ๆ เราลองนึกภาพดูว่า ที่เกิดขึ้นเช่นนี้เรียกว่าอะไร
อาการเป็นเช่นนี้เป็นภูมิรู้ภูมิปัญญาอย่างละเอียดของจิตเกิดขึ้น ซึ่งเป็นความจริงที่อยู่เหนือสมมุติบัญญัติ สภาวธรรมส่วนที่เป็นสัจธรรมเกิดขึ้นในจิตของผู้ปฏิบัติ มีแต่สิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ ซึ่งท่านอาจารย์มั่นเรียกว่า "ฐีติภูตัง" ซึ่งมีความหมายว่า
ฐีติ คือ ความตั้งเด่นของจิต อยู่ในสภาพที่สงบนิ่งเป็นกิริยาประชุมพร้อมของอริยมรรค ยังจิตให้บรรลุถึงความสุคติภาพโดยสมบูรณ์ เมื่อจิตประชุมพร้อม ภายในจิตมีลักษณะ สงบ นิ่ง สว่าง อำนาจของอริยมรรคสามารถปฏิบัติจิตให้เกิดภูมิรู้ ภูมิธรรมอย่างละเอียด

อารมณ์ไม่ใช่กิเลส ถ้าไม่ไปยึดถือ
watmarpjan
ภูมิรู้ ภูมิธรรมซึ่งเกิดขึ้นอย่างละเอียด ไม่มีสมมุติ บัญญัติ เรียกว่า "ภูตัง" หมายถึงสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่โดยธรรมชาติของมันอย่างนั้น แต่ไม่ทราบว่าจะเรียกว่าอะไร สงสัยต่อไปในเมื่อเราไม่สามารถจะเรียกว่าอะไร ทำอย่างไรเราจึงจะรู้สิ่งนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกไว้ แม้แต่ท่านแสดงธรรมจักกฯ ให้ภิกษุปัญวัคคีย์ฟัง
เมื่อท่านอัญญาโกณฑัญญะรู้ธรรม เห็นธรรม ก็รู้แต่ว่า


"สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับไปเป็นธรรมดา

Foot step to Buddha
...................... 
"สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับไปเป็นธรรมดา

บุญแท้จริงไม่ติดโลก
หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
ขอให้ท่านทั้งหลายจงสำรวจดูความว่า ตรงไหนที่ตนเห็นว่ามันสุขที่สุดในชีวิต ครั้นสำรวจดูแล้วมันก็แค่นั้นแหละ แต่ที่เราเคยรู้เคยพบมาแล้วนั่นเอง ทำไมจึงไม่มากกว่านั้น มากกว่านั้นไม่มี โลกนี้มีอยู่แค่นั้นเอง แล้วก็ซ้ำๆ ซากๆ อยู่แค่นั้น เกิดแก่เจ็บตายอยู่ร่ำไป มันจึงน่าจะมีความสุขชนิดพิเศษกว่า ประเสริฐกว่านั้น ปลอดภัยกว่านั้น พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านจึงสละสุขส่วนน้อยนั้นเสีย เพื่อแสวงหาสุขอันเกิดจากความสงบกาย สงบจิต สงบกิเลส เป็นความสุขที่ปลอดภัยหาสิ่งใดเปรียบมิได้เลย
ขอบคุณ ธรรมะดีๆ จาก //www.agalico.com/board/showthread.php?t=17353
 ขอบคุณคุณมดเอ็ก อนุโมธนาที่นำมาเผยแพร่ค่ะ ขอบคุณอย่างยิ่งกับภาพ จาก //www.dangngo.com/buddha/places/
(เดี๋ยว)เรื่องดี เรื่องร้าย เกิดขึ้นกับเราเสมอ ใช้ธรรมเตือนสติ(ตัวเอง) เผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆด้วยสติ พยายาม 
Create Date : 25 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 26 มิถุนายน 2551 12:25:34 น. |
|
33 comments
|
Counter : 2012 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: รัตตมณี (kulratt ) วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:23:18:41 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:7:37:06 น. |
|
|
|
โดย: แม่ไก่ วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:9:55:07 น. |
|
|
|
โดย: ธรรม (ห่วงใย ) วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:19:00:01 น. |
|
|
|
โดย: คนสาธารณะ วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:23:56:56 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:7:43:20 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:16:37:36 น. |
|
|
|
โดย: รัตตมณี (kulratt ) วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:18:30:04 น. |
|
|
|
โดย: KOok_k วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:5:52:02 น. |
|
|
|
โดย: BeCoffee วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:0:50:08 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:6:37:06 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:5:35:37 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:27:23 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:01:01 น. |
|
|
|
โดย: รัตตมณี (kulratt ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:18:06 น. |
|
|
|
โดย: รัตตมณี (kulratt ) วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:35:06 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:14:13 น. |
|
|
|
| |
|
Emo น้องลิง
Emo น้องเพนกวิน
เพียงขีดเขียน จากแรงบันดาลใจ
..ที่สัมผัสในใจ ในผู้คน........
(ขอบคุณเจ้าของรูปและเพลง ที่นำมาใส่ในบล๊อกนี้ทุกท่านนะคะ
ขอบคุณที่ทำให้ โลกสวย และไพเราะค่ะ)
|
|
|
|
|
|
|
ระยะนี้มีงานยุ่งนิดหน่อยค่ะ
วันนี้เหนื่อย .... เพลียจัง
ขอพักใจด้วยการทำสมาธิ
แล้วเราเข้านอนพร้อมกันนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ