|
- ผลิบาน ในลานธรรม - การบริหารจิต วิธีการดับไฟนรก หลวงพ่อพุทธ ฐานิโย
- Debug my heart ฮิตเลอร์ ดาไลลามะ ไอสไตน์ .......
- มาดู O so cute คาตากูน การ์ตูนเด็กเพื่อการศึกษาและพัฒนาทางอารมณ์
- หลวงพ่อโสธร -คำพรพระ ไหว้พระ พบปะ อาหารอร่อย
- "หลุดจากความทุกข์ เพราะสติรู้ตัว" (เมื่อได้ฟัง จึงรู้ ) หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ
- คลื่นแห่งมุทิตาจิต : คมความคิด กัลยาณมิตร รางวัลแมกไซไซ
- When the time ...stop...
- I GOT A JOY-JOY-JOY ป๋มมีความสุขที่หัวใจ ปอด ตับ ไต และม้ามมมมม...(กึ๋ย)...
- no me , just thee (ทำ)เต็มที่ ไม่มีลุ้น Syncrony, unlind, boundless energy, NEVER GIVE UP
- ...หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ..ถาม:"ท่านยังโกรธอยู่ไหม" หลวงปู่ตอบ "มี แต่ไม่เอา"
- Heaven on earth: ธรรมะของพระพุทธเจ้า ..ไม่เนิ่นช้า ท่าน ก เขาสวนหลวง หลวงปู่ดุลย์ อาจารย์ปราโมทย์
- Eradicating, peak , rejuvenizing ...this...
- มาโด๊บกัน... อิอิ... Flexibity is a key, gentleness is never out of league..
- Look, look, what is cooking in your mind
- อย่างน้อยชีวิต .. ก็ได้ใช้.. เพื่อสร้างสรรค์ สิ่งใด ในใจหวัง...
- May your life filled with tranquility and energy...
- จิตที่ส่งออกนอก....เป็นสมุทัย(หลวงปู่ดุลย์ อตุโล) ...........หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช
- เทวดาองค์น้อยๆ.. ชะรอยให้สดใส... purest precious..little angel
- แก้มใคร?.....
- Teacher....my stroke...
- ให้นำใจ(5) : แลบ่มร่ำ.... ให้นำใจ.. คุ้มภัยพาล ..
- ให้นำใจ (4) : to learn ..to let go ณ กึ่งกลางบันดาลใจ...ไฟส่องทาง
- Mistake is ..to learn... Self-understanding is graduated...
- ให้นำใจ(3) : ๑,๒๔๐ รูป ๑,๒๕๐ ก้าว.....
- ให้นำใจ(2) : เป็นเพียงอาการของจิต ระลึกรู้
- ....ให้นำใจ.. : ห้องพระ(ในใจเรา)...
- มงคลที่ ๑๑.....
- เพียงขณะ...หากรำลึก..: อัญเชิญประวัติเจ้าแม่กวนอิม(2)
- ขออัญเชิญ ประวัติเจ้าแม่กวนอิม(1)
- Always still...
- ..ด้วยฤทธีแห่งธรรม..
- เก้าอี้ดนตรีใจ ..ระวังไว้จะให้ใครนั่ง...
- ..แท้เพียง...
- Happiness within: a fractional moment of time
- Water and Fire(3) : in the jungle
- Water and Fire(2) : Water
- Water and fire(1) : Fire
- ..in the purest sense of the way..
- ..ได้อย่างไร..
- ..young grass..
- ..เพียรพิศ..
- ..it is a high time for high tea..
- ..ย่อม..จักยาก..
- ..like a stardust..that ever last..
- ..คลื่น... (แล้วไรต่อ?)
- ..เพียงรอยจาง..
- ..to dream the possible dream ..(with peaceful and calm)
- ..make a habbit of catching thought..
- ..May love is ever all around ..
- ..เปิด..
- ..อารมณ์ไม่ดี..
- ..Just take a deep breath ..at any case..
- ..ก็ลุล่วง..
- Snug as a bug hug : เก่ง ก็กอด... ไม่เก่ง ก็กอดดด..
- ..พักสายตา..
- ไกลกันหมื่นลี้.. ใจใกล้..
- Race to freedom ..กำจรจาย...
- ..เพียงเพราะ..
- อย่างบริสุทธิ์ใจ ในความรัก : To love for the sake of love
- ..บางเวลา..
- What is about your?
- เมื่อไหร่ ดอกไม้จักบาน..
- ......I can never explain..my hero..เป็นดวงไฟส่องสว่างกลางความฝัน..
- ..ฮ้าวววววว..
- Tag ทำดีเพื่อพ่อ
- ..แว่ว..
- ..ห่มใด?..
- ..ทบเท่าพันทวี..
- ..You ..do.. something to me...
- ..หากแม้นว่าได้มอบแหวน ให้ใครหนึ่ง..
- ..เมื่อ-ใน-เงียบ....
- Mr. Snowman
- ..เป็นใจ..
- ..หนาวนี้ ..
- ..คนที่ทำให้อุ่น ..
- ...แห่งไมตรี...
- ..คน"ขัด"ใจ...
- ..ต้อง เย็น..
- A Stolen kiss
- ..หนีใจ..
- ..(เหยียบ)ให้มิด..
- Things an angel can live without
- ...all beauteous things...
- ..ม้าตีนปลาย..
- ..ล้อมใจ...
- ..เติมให้เต็ม...
- ..นั่งเมอร์เตอร์ไซด์(ปรื้นๆ)
- ..เพียงอุ่นๆ..
- The mystical night
- ....บัวใจ บัวใน.... (ดีใจ เปลี่ยน BG เป็นแล้ว อิอิ เกี่ยวไม๊เนี่ย..)
- ...ตื่น...
- ...การไหว้...
- .....ดินกลบหน้า....
- ..หลังฝน...
- ...จัก...รัก...
- ...ชีพดำรง...
- ...ยิ่ง...
- ห่มใด จักสุขกว่า...?
- คม-คำ
- ปรากฏการณ์ "เธอ"
- ...เพียงสายตา...
- ..รู้ตัวไหม..
- เป็นอะไร!
- วิชานี้...ไม่มีสอน...
|
|
|
|
|
....ให้นำใจ.. : ห้องพระ(ในใจเรา)...
ห้องพระ
จักทำห้องพระ ทิศใด ตรงไหนเล่า? ที่จักเข้า ถึงดวงใจ หาใดเหมือน ห้องพระใด? ประจักษ์แจ้ง ไม่แชเชือน ให้อยู่..เรือน.. "ในใจ"เล่า จักเฝ้างาม...
ทั้งจากเรื่องงาน แลหลายๆเรื่อง กะลังต้องการ กำลังใจ (แห่ะๆ..)
ขออนุญาตนำเนื้อหาธรรมะอันมีค่า จากคุณมดตัวนิด จากเวป //www.dhamma-books.com/article.php?id=16363&lang=th มาลงเตือนใจตนไว้นะคะ

พระพุทธองค์ได้ตรัสเอาไว้ว่า
ผู้ใดมีปัญญา พิจารณาจนจิตเห็นความจริงว่า ร่างกายนี้เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน คน สัตว์ แม้จะนานเพียงชั่วช้างยกหูขึ้นกระดิก
ก็ยังดีเสียกว่า ผู้ที่มีอายุยืนยาวถึง ๑๐๐ ปี แต่ไม่มีปัญญาเห็นความเป็นจริงดังกล่าว
วิธีสร้างบุญบารมี ตอนที่ ๕

ขันธ์ ๕ ดังกล่าว เป็นเพียงอุปาทานขันธ์ เพราะแท้จริงแล้ว
เป็นแต่เพียงสังขารธรรม ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการปรุงแต่ง
True Mind Enacts
Just act with our inherent mindfulness,
then the true mind just appears unattached
คำคมจากเวป epath.wordpress.com

แต่เพราะอวิชชา คือความไม่รู้เท่าทันสภาวธรรม จึงทำให้เกิดความยึดมั่น ด้วยอำนาจอุปาทานว่าเป็นตัวตน และของตน การเจริญวิปัสสนา ก็โดยมีจิตพิจารณา จนรู้แจ้งเห็นจริงว่า อันสภาวธรรมทั้งหลายอันได้แก่ ขันธ์ ๕ นั้น ล้วนแต่มีอาการเป็นพระไตรลักษณ์ คือเป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา โดย.....
(๑) อนิจจัง คือ ความไม่เที่ยง คือสรรมสิ่งทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ สมบัติ เพชร หิน ดิน ทราย และรูปกายของเรา ล้วนแต่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน เมื่อมีเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา เพียงแต่จะช้า หรือเร็วเท่านั้น ไม่อาจจะให้ตั้งมั่นทรงอยู่ในสภาพเดิมได้ เช่น คน และสัตว์ เมื่อมีการเกิดขึ้นแล้ว ก็มีการเจริญเติบโตเป็นหนุ่มสาว และเฒ่าแก จนตายไปในที่สุด ไม่มีเว้นไปได้ทุกผู้คน แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย พรหม และเทวดาฯลฯ
สรรพสิ่งทั้งหลายอันเนื่องมาจากการปรุงแต่ง ที่เรียกว่า อุปทานขันธ์ ๕ เช่นรูปกาย ล้วนแต่เป็นแร่ธาตุต่างๆ มาประชุมรวมกัน เป็นหน่วยเล็กๆ ของชีวิตขึ้นก่อน ซึ่งเล็กจนตาเปล่ามองไม่เห็น เรียกกันว่า เซลล์ แล้วบรรดาเซลล์เหล่านั้น ก็มาประชุมรวมกัน เป็นรูปร่างของคน และสัตว์ขึ้น ซึ่งหน่วยชีวิตเล็กๆ เหล่านั้น ก็มีการเจริญเติบโต และแตกสลายไป แล้วเกิดของใหม่ขึ้นแทนที่อยู่ตลอดเวลา ล้วนแล้วแต่เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน

There are two mistakes one can make along the road to truth - not going all the way, and not starting.
Buddha
(๒) ทุกขัง ได้แก่ สภาพที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ทุกขัง ในที่นี้มิได้หมายความแต่เพียงว่า เป็นความทุกข์กายทุกข์ใจเท่านั้น แต่การทุกข์กายทุกข์ใจ ก็เป็นลักษณะส่วนหนึ่งของทุกขัง ในที่นี้ สรรพสิ่งทั้งหลายอันเป็นสังขารธรรม เมื่อเกิดขั้นแล้ว ก็ไม่อาจที่จะทรงตัว ตั้งมั่นทนทานอยู่ในสภาพนั้นๆ ได้ตลอดไป แต่จะต้องเปลี่ยนแปลงไป เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น เมื่อได้เกิดมาเป็นเด็ก จะให้ทรงสภาพเป็นเด็กๆ เช่นนั้น ตลอดไปหาได้ไม่ จะต้องเปลี่ยนแปลงไปเป็นหนุ่มและสาว อันได้แก่ เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณก็ไม่มีสภาพทรงตัวเช่นเดียวกัน เช่น ขันธ์ที่เรียกว่า เวทนา อันได้แก่ความสุขกาย สุขใจ ทุกข์กาย ทุกข์ใจ และไม่สุขไม่ทุกข์ ซึ่งเมื่อมีอารมณ์อย่างใดดังกล่าวเกิดขึ้นแล้ว จะให้ทรงอารมณ์เช่นนั้นตลอดไป ย่อมเป็นไปไม่ได้ นานไป อารมณ์เช่นนั้น หรือเวทนาเช่นนั้น ก็ค่อยๆ จางไป แล้วเกิดอารมณ์ใหม่ชนิดอื่นขึ้นมาแทน

Anger will never disappear so long as thoughts of resentment are cherished in the mind. Anger will disappear just as soon as thoughts of resentment are forgotten.
Buddha
(๓) อนัตตา ได้แก่ ความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคลไม่ใช่สิ่งของ โดยสรรพสิ่งทั้งหลาย อันเนื่องมาจากการปรุงแต่ง ไม่ว่าจะเป็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ล้วนแต่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เช่น รูปขันธ์ ย่อมประกอบขึ้นด้วยแร่ธาตุต่างๆ มาประชุมรวมกัน เป็นกลุ่มก้อน เป็นหน่วยชีวิตเล็กๆ ขึ้นก่อน เรียกในทางวิทยาศาสตร์ว่า เซลล์ แล้วเซลล์เหล่านั้น ก็ประชุมรวมกันเป็นรูปใหม่ขึ้น จนเป็นรูปกายของคน และสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งพระท่านรวมเรียกหยาบๆ ว่า เป็นธาตุ ๔ มาประชุมรวมกัน โดยส่วนที่เป็นของแข็ง มีความหนักแน่น เช่น เนื้อ กระดูกฯลฯ เรียกว่า ธาตุดิน ส่วนที่เป็นของเหลว เช่น น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำดี น้ำปัสสาวะ น้ำไขข้อ น้ำมูก น้ำลายฯลฯ รวมเรียกว่า ธาตุน้ำ ส่วนสิ่งที่ให้พลังงาน และอุณหภูมิในร่างกาย เช่นความร้อน ความเย็น รวมเรียกว่า ธาตุไฟ ส่วนธรรมชาติที่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหว ความตั้งมั่น ความเคร่ง ความตึง และบรรดาสิ่งเคลื่อนไหว ไปมาในร่างกาย เรียกว่า ธาตุลม (โดยธาตุ ๔ ดังกล่าวนี้ มิได้มีความหมายอย่างเดียวกับคำว่า ธาตุ อันหมายถึงแร่ธาตุในทางวิทยาศาสตร์) ธาตุ ๔ หยาบๆ เหล่านี้ ได้มาประชุมรวมกันขึ้นเป็นรูปกายของคน สัตว์ และสรรพสิ่งทั้งหลายเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อนานไปก็ย่อมเปลี่ยนแปลง แล้วแตกสลาย กลับคืนไปสู่สภาพเดิม โดยส่วนที่เป็นดิน ก็กลับไปสู่ดิน ส่วนที่เป็นน้ำ ก็กลับไปสู่น้ำ ส่วนที่เป็นไฟ ก็กลับไปสู่ไฟ ส่วนที่เป็นลม ก็กลับไปสู่ความเป็นลม ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนของคน และสัตว์ที่ไหนแต่อย่างใด จึงไม่อาจจะยึดมั่นถือมั่นรูปกายนี้ ว่า เป็นตัวเรา ให้เป็นที่พึ่งอันถาวรได้

สมาธิ ย่อมมีกรรมฐาน ๔๐ เป็นอารมณ์ ซึ่งผู้บำเพ็ญอาจจะใช้กรรมฐานบทใดบทหนึ่ง ตามแต่ที่ถูกแก่จริตนิสัยของตน ก็ย่อมได้ ส่วนวิปัสสนานั้น มีแต่เพียงอย่างเดียว คือมีขันธ์ ๕ เป็นอารมณ์ เรียกสั้นๆ ว่า มีแต่รูปนามเท่านั้น ขันธ์๕ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นสภาวธรรม หรือสังขารธรรม อันเกิดขึ้นเนื่องจากการปรุงแต่ง เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพเช่นนั้นไม่ได้ และไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนแต่อย่างใด อารมณ์ของวิปัสสนานั้น เป็นอารมณ์จิตที่ใคร่ครวญหาเหตุและผล สังขารธรรมทั้งหลาย จนรู้แจ้งเห็นจริงว่า เป็นพระไตรลักษณ์ คือเป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา และเมื่อใดที่จิตยอมรับสภาพความเป็นจริงว่า เป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา เรียกว่า จิตเข้าสู่กระแสธรรม ตัดกิเลสได้ ปัญญาที่จะเห็นสภาพความจริงดังกล่าว ไม่ใช่แต่เพียงปัญญาที่นึกคิด และคาดหมายเอาเท่านั้น แต่ย่อมมีตาวิเศษ หรือตาใน ที่พระท่านเรียกว่า ญาณทัศนะ เห็นเป็นเช่นนั้นจริงๆ ซึ่งจิตที่ได้ผ่านการอบรมสมาธิมาจนมีกำลังดีแล้ว ย่อมมีพลังให้เกิดญาณทัสสนะ หรือปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริงดังกล่าวได้ เรียกกันว่า สมาธิอบรมปัญญา คือ สมาธิทำให้วิปัสสนาญาณเกิดขึ้น และเมื่อวิปัสสนาญาณได้เกิดขึ้นแล้ว ย่อมถ่ายถอนกิเลสให้เบาบางลง จิตย่อมจะเบา และใสสะอาด บางจากกิเลสทั้งหลายไปตามลำดับ สมาธิจิตก็จะยิ่งก้าวหน้า และตั้งมั่นมากยิ่งๆ ขึ้นไปอีก เรียกว่า ปัญญาอบรมสมาธิ ฉะนั้น ทั้ง สมาธิและวิปัสสนา จึงเป็นเหตุและผลของกันและกัน และอุปการะซึ่งกันและกัน จะมีวิปัสสนาปัญญาเกิดขึ้น โดยขาดกำลังสมาธิสนับสนุนมิได้เลย อย่างน้อยที่สุดก็จะต้องใช้กำลังของ ขณิกสมาธิเป็นบาทฐานในระยะแรกเริ่ม สมาธิจึงเปรียบเหมือนกับหินลับมีด ส่วนวิปัสสนานั้น เหมือนกับมีดที่ได้ลับกับหินคมดีแล้ว ย่อมมีอำนาจถากถางตัดฟัน บรรดากิเลสทั้งหลาย ให้ขาดและพังลงได้
อันสังขารธรรมทั้งหลายนั้น ล้วนแต่เป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่ตัวเราของเราแต่อย่างใด ทุกสรรพสิ่งล้วนแล้วเป็นแค่ ดิน น้ำ ลม และไฟ มาประชุมรวมกันชั่วคราว ตามเหตุตามปัจจัยเท่านั้น ในเมื่อจิตได้เห็นความเป็นจริงเช่นนี้ แล้ว จิตก็จะคลายจากอุปทาน คือ ความยึดมั่นถือมั่น โดยคลายกำหนัดในลาภ ยศ สรรเสริญ สุขทั้งหลาย ความโลภ ความโกรธ และความหลง ก็จะเบาบางลงไปตามลำดับปัญญาญาณ จนหมดสิ้นจากกิเลสทั้งมวล บรรลุซึ่งพระอรหัตผล

ฉะนั้น การที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนาได้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพยายามทำสมาธิให้ได้เสียก่อน หากทำสมาธิยังไม่ได้ (อย่างน้อยที่สุดจะต้องได้ ขณิกสมาธิ) ก็ไม่มีทางที่จะเกิดวิปัสสนาปัญญาขึ้น สมาธิจึงเป็นเพียงบันไดขั้นต้น ที่จะก้าวไปสู่การเจริญวิปัสสนาปัญญาเท่านั้น ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า ผู้ใดแม้จะทำสมาธิ จนจิตเป็นฌานได้นานถึง ๑๐๐ ปี และไม่เสื่อม ก็ยังได้บุญน้อยกว่า ผู้ที่มองเห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แม้จะเห็นเพียงชั่วขณะจิตเดียวก็ตาม ดังนี้ จะเห็นได้ว่า วิปัสสนาภาวนานั้น เป็นสุดยอดของการสร้างบุญบารมีโดยแท้จริง และการกระทำก็ไม่เหนื่อยยากลำบาก ไม่ต้องแบกหาม ไม่ต้องลงทุน หรือเสียทรัพย์แต่อย่างใด แต่ก็ได้กำไรมากที่สุด

เมื่อเปรียบการให้ทานเช่นกับกรวดและทราย ก็เปรียบวิปัสสนาได้กับเพชรน้ำเอก ซึ่งทานย่อมไม่มีทางที่จะเทียบศีล ศีลก็ไม่มีทางที่จะเทียบกับสมาธิ และสมาธิ ก็ไม่มีทางที่จะเทียบกับวิปัสสนา

The only real failure in life is not to be true to the best one knows.
Buddha
แต่ตราบใดที่เราท่านทั้งหลาย ยังไม่ถึงฝั่งพระนิพพาน ก็ต้องเก็บเล็กผสมน้อย โดยทำทุกๆ ทางเพื่อความไม่ประมาท โดยทำทั้งทาน ศีล และภาวนา สุดแต่โอกาสจะอำนวยให้
จะถือว่าการเจริญวิปัสสนาภาวนานั้นลงทุนน้อยที่สุด แต่ได้กำไรมากที่สุด ก็เลยทำแต่วิปัสสนาอย่างเดียว โดยไม่ยอมลงทุนทำบุญให้ทานใดๆ ไว้เลย เมื่อเกิดชาติหน้า เพราะเหตุที่ยังไม่ถึงฝั่งพระนิพพาน ก็เลยมีแต่ปัญญาอย่างเดียว ไม่มีจะกินจะใช้ ก็เห็นจะเจริญวิปัสสนาให้ถึงฝั่งพระนิพพานไปไม่ได้เหมือนกัน
อนึ่ง พระพุทธองค์ได้ตรัสเอาไว้ว่า ผู้ใดมีปัญญา พิจารณาจนจิตเห็นความจริงว่า ร่างกายนี้เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน คน สัตว์ แม้จะนานเพียงชั่วช้างยกหูขึ้นกระดิก ก็ยังดีเสียกว่า ผู้ที่มีอายุยืนยาวถึง ๑๐๐ ปี แต่ไม่มีปัญญาเห็นความเป็นจริงดังกล่าว กล่าวคือ แม้ว่า อายุของผู้นั้นจะยืนยาวมานานเพียงใด ก็ย่อมโมฆะเสียเปล่าไปอีกชาติหนึ่ง จัดว่าเป็น โมฆบุรุษ คือ บุรุษผู้เสียเปล่า
Thousands of candles can be lighted from a single candle, and the life of the candle will not be shortened.
Happiness never decreases by being shared.
Buddha
มาแบบยาวๆ อีกแว้วววว อีกครั้ง ขอบคุณคุณมดตัวนิด (เวป //www.dhamma-books.com/article.php?id=16363&lang=th)ค่ะ
มาร่วมกันสร้าง
"ห้องพระในใจ" กันนะคะ
   
Create Date : 24 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2551 21:00:05 น. |
|
23 comments
|
Counter : 2257 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: รัตตมณี (kulratt ) วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:40:37 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:46:57 น. |
|
|
|
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:17:06 น. |
|
|
|
โดย: ห่วงใย วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:10:00 น. |
|
|
|
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:5:47:22 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:04:33 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:6:33:05 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:58:15 น. |
|
|
|
โดย: KOok_k วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:56:31 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:32:08 น. |
|
|
|
โดย: แม่ไก่ วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:42:19 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:09:23 น. |
|
|
|
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:55:59 น. |
|
|
|
โดย: ธรรม (ห่วงใย ) วันที่: 29 มิถุนายน 2551 เวลา:22:08:09 น. |
|
|
|
โดย: treehouse วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:7:31:23 น. |
|
|
|
| |
|
Emo น้องลิง
Emo น้องเพนกวิน
เพียงขีดเขียน จากแรงบันดาลใจ
..ที่สัมผัสในใจ ในผู้คน........
(ขอบคุณเจ้าของรูปและเพลง ที่นำมาใส่ในบล๊อกนี้ทุกท่านนะคะ
ขอบคุณที่ทำให้ โลกสวย และไพเราะค่ะ)
|
|
|
|
|
|
|