|
ฤทธิ์ (นาย)ทางโทรศัพท์
เซ็งโคตร... นึกคำไหนไม่ออก นอกจากคำนี้เลย หลังกดมือถือทิ้งไปเฉยๆ แม้ฝ่ายโน้นจะพล่าม ขอใช้คำว่า พล่าม...ไม่จบ
ถ้ายังทนฟัง (มัน)ต่อ คงได้ด่า ...เพิ่งกลับจากกินข้าวกลางวันอร่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ มีฝนตกพรำๆ ด้วย ไม่อยากอารมณ์เสียเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า
"สวัสดีคร้าบบบ คุณพี่...(ตามด้วยชื่อ) ใช่ไม๊ครับ..."
"ไม่ทราบว่า คุณพี่ สะดวกคุยไหมครับ ผมโทร.จาก(ชื่อบ.ประกันแห่งหนึ่ง) อยากรบกวนเวลาคุณพี่สัก 5 นาที"
ฉันอึ้งๆ ไป 2-3 วินาที "คะ ได้คะ มีอะไรคะ"
รู้ทั้งรู้ว่าจะเจอกับอะไร แต่ก็นะปากหนัก ไม่ปฏิเสธ เพราะคิดว่าเอ๊าวะ ฟังก็ได้แค่ 4-5 นาที พลางคิดไปว่า ถ้าโปรดักส์ดี น่าสนก็อาจจะรับไว้พิจารณา
ว่าแล้วอีตานั่นก็พูดรัวเป็นชุด อธิบายถึงโปรดักส์ที่มานำเสนอ สิทธิประโยชน์ต่างๆ นานา โดยไม่ลืมที่จะตบเป็นระยะว่า เป็นข้อเสนอสุดพิเศษ และพิเศษจริงๆ สำหรับเรา
ฟังแบบไม่คิดอะไร อาจเคลิ้มไปได้เหมือนกันว่า เออหนอ ข้อเสนอที่ว่า คงสร้างสรรค์มาเพื่อ กรู แน่แท้ (บ้า แท้)
"เท่าไรนะคะ" ฉันถามหลังฝ่ายโน้นพูดยังไม่ทันจบ แต่ก็พล่ามมาได้พักใหญ่แล้ว
"เดือนละxxxx เองครับ คุณพี่ส่งแค่ 5 ปี ได้คุ้มครอง 15 ปี แถมมีเงินปันผลทุกปี ได้ดอกเบี้ยอัตราสูงกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไปมาก"
"สูงกว่าน่ะเท่าไรคะ"ฉันถาม
ฝ่ายโน้นไม่ตอบตัวเลขเจาะจง แต่เลี่ยงไปว่า "สูงกว่าแน่ๆ ถ้าดูจากผลประกอบการของเราที่ผ่านมา"
"ขึ้นอยู่กับผลประกอบการใช่ไม๊คะ"ฉันถามย้ำ
"สูงกว่าทั่วไปแน่ๆ ครับ คุณพี่ออมเดือนละเท่านี้เอง เป็นข้อเสนอที่ดีมากๆ เลยครับ"
...ฉันเกือบใจอ่อนไปเหมือนกัน เพราะชั่วขณะหนึ่งก็คิดว่า ถือเป็นการออม
ถ้าใจไม่ไพล่ไปนึกถึงว่า เคยซื้อกรรมธรรม์ประมาณเดียวกันนี้ของค่ายอื่น โดยการตัดสินใจทางโทรศัพท์แบบนี้ไปแล้ว...ครั้งโน้นยอมรับเลยว่าใจอ่อน เพราะน้องคนขายตั้งใจมากๆ และพูดจาดีมาก ไม่ยัดเยียดจนทำให้รู้สึกอึดอัด
ทำให้ใจอ่อนไปกับความตั้งใจของน้อง...แม้ในภายหลังเมื่อไปเล่าให้คนอื่นๆ ฟังแล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไอ้ที่ซื้อไปไม่เห็นดีเลยอ่ะ
"ไม่ดีก็ไม่ดี แต่อยากซื้อ(เว้ยย)"คิดในใจ
แต่ครั้งนี้ "ไม่ไหวมั้ง ถ้าซื้อแล้วซื้ออีก"ฉันคิดในใจ และตอบกลับไปว่า "พี่คิดว่าพี่คงไม่สะดวกน่ะคะ ถ้าจะให้พี่ตัดสินใจตอนนี้"
"แต่คุณพี่สนใจใช่ไหมครับ ผมโทร.มาใหม่อีกทีวันจันทร์ก็ได้"นายนั่นพูดเองเออเอง และว่า "เอ่อ ทาษโทษนะครับ ไม่ทราบว่า คุณพี่สนใจโปรแกรมนี้สักกี่% ครับ"
"อืมกี่% สัก 60% ละกัน"
"ขอบคุณมากครับ เด๋ววันจันทร์ผมโทร.มาอีกทีนะครับ"ว่าแล้วก็วางหูไป โดยไม่ทันให้ปฏิเสธ
...ฉันก็ลืมๆ ไปแล้วอ่ะนะ...
พูดถึงนาย และนางสาว นักขายทางโทรศัพท์นี่ หลายเดือนก่อนก็เคยทำเอาหัวเสียมาแล้ว
ครั้งโน้น มู้ดดี้สุดๆ เพราะคุณน้อง (เสียงเด็กมาก) โทร.นำเสนอบัตรเครดิต แน่นอนว่า ต้องสุดพิเศษ สำหรับคุณพี่อีกเช่นเคย
ฉันปฎิเสธแข็งขันว่า ไม่สนใจแบบสุดภาพสุดๆ "ไม่ดีกว่าคะน้อง พี่ไม่สนใจจริงๆ ตอนนี้พี่มีบัตรเครดิตอยู่แล้ว 2 ใบ พี่ไม่อยากได้เพิ่ม"
"แต่คุณพี่คะ คุณพี่รับอีกสักใบ ไม่ต้องใช้ก็ไม่เป็นไรคะพี่ เอาไว้เผื่อฉุกเฉิน" น้องนางนั้นยังคงตื้อ
"อืม ไม่ดีกว่าคะน้อง"ฉันยังคงยืนยันคำเดิม และก็ต้องอึ้งเมื่อได้ยินเสียงปลายสายพูดต่อว่า
"คุณพี่ค่ะ ของแถมสำหรับแคมเปญนี้ดีมากๆ เลยนะคะ หนูยังอยากได้เลยคะคุณพี่"
ไม่อึ้งยังไงไหว เมื่อขายโปรดักส์ไม่ได้ ก็หันมาขายของแถมแทน แต่ไม้ตายของน้อง พี่รับไม่ได้จริงๆ (ฉันคิดในใจ) หลังจากอึ้งไป 4-5วินาที จึงได้สติตอบกลับไปว่า "น้องคะ แค่นี้แล้วกันนะคะ"
กลับมาที่นายคนเดิม...


บ่ายวันนี้ (วันจันทร์) มีสายเข้าทางมือถือ ดูเบอร์ไม่คุ้นเท่าไร แต่เห็นว่าเป็น 02 เบอร์ landline ก็นะรับก็รับ
"สวัสดีครับคุณพี่... ผม...ที่คุยกับคุณพี่เมื่อวันศุกร์" (กรูว่าแล้ว ฉันคิดในใจ) ก่อนตอบไปว่า "คะ จำได้คะน้อง พี่คิดว่าพี่ไม่ทำดีกว่านะคะ"
"ทำไมละครับคุณพี่ แคมเปญนี้พิเศษจริงๆ นะครับ"ยังไม่ละความพยายาม ว่าแล้วก็มั่วนิ่มพูดต่อ โดยไม่สนใจคำพูดของฉันก่อนหน้านี้เลยสักกะติ๊ด
"ผมเสนอโปรแกรมเบสิคสุดให้คุณพี่เลยก็ได้นะครับ เท่ากับออมเงินวันละ....บาทเอง"
"คะ แต่พี่คิดว่า พี่ไม่สนใจนะคะ ไว้คราวหลังละกันนะคะ"
"โปรแกรมที่ผมเสนอนี่ ถ้าคุณพี่ไม่พร้อมที่จะจ่ายเมื่อไรก็หยุดได้ทันทีเลยนะครับ ไม่จำเป็นต้องส่งถึง 5 ปีก็ได้"
"คะๆ แต่ถ้าพี่จะทำ พี่คงต้องทำให้จบอ่ะคะ แต่นี่พี่คิดว่า ไม่ทำดีกว่านะคะ เอาไว้โอกาสหน้าละกันนะน้อง" ฉันตอบกลับไปแบบใจเย็น (จริงๆ นะ)
"ผมจะรู้ได้ยังไงว่าโอกาสหน้าน่ะเมื่อไร"...
เฮ้ย...ฉันคิดในใจ
...ประโยคคำถามข้างต้นมันคิดได้ยังไงฟะ
อึ้งไป 2-3 วินาที ฉันก็ตัดสินใจได้ในบัดดลว่า กรูไม่ขอต่อความยาวสาวความยืดกับอ้าย (เวร) นี่อีกต่อไป

Create Date : 28 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2551 16:25:34 น. |
Counter : 573 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
จะไปทางไหนดี
เราจะเดินไปทางไหนดี
วิกฤตต้มยำกุ้งในช่วงปี 2540 ถ้าเปรียบเป็นพายุที่สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจไทย ก็คงไม่ต่างไปจากพายุนาร์กีสที่พัดถล่มเข้าใส่ประเทศพม่าเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา
ถ้ายังจำกันได้บริษัทน้อยใหญ่ โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ ที่มีหนี้เงินกู้ต่างประเทศต่างตกอยู่ในสภาพแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ประเทศเราหกคะเมนตีลังกามาแล้วรอบหนึ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว กว่าจะลุกขึ้นมายืน-เดินได้อีกครั้งต้องใช้เวลาหลายปีทีเดียว
และถึงแม้จะฟื้นขึ้นมาได้ก็ไม่เหมือนเดิม
แบงก์ไทย ธุรกิจไทยเป็นจำนวนมาก ไม่ล้มหายตายจากก็ตกเป็นของต่างชาติด้วยความจำใจ
หลายบริษัทกอบกู้ตนเองขึ้นมาได้อย่างน่าภูมิใจ เจ้าสัว yesterday หลายคนถึงกับสัญญากับตนเองว่า หากคิดลงทุนขยับขยายธุรกิจอีกก็จะไม่กู้เงินเกินตัวอีกแล้ว
ยึดหลักนกน้อยทำรังแต่พอตัวปลอดภัยที่สุด
ไม่น่าเชื่อว่า 10 ปีให้หลัง วิกฤตจะซ้ำรอยจนได้ หนนี้หนักหนาสาหัสกว่าเดิม
มีเหตุ และปัจจัยมากมาย หลายปัจจัยเป็นปัจจัยภายนอกที่ต้านทานได้ยาก
10 กว่าปีก่อนกับปัจจุบันต่างกันตรงไหน
ครั้งโน้นชนชั้นระดับ เจ้าสัว-เถ้าแก่บาดเจ็บปางตาย แต่หนนี้
เป็นประชาชนคนชั้นกลาง และรากหญ้าตาดำๆที่กระอักเลือด
ที่น่าเศร้าก็คือ ดูเหมือนว่า เราจะหวังพึ่งใครไม่ได้เลย


เงินเดือนเท่าเดิม แต่ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นราวกับติดจรวด
ราคาพืชผลดีขึ้น แต่ต้นทุนการผลิตก็พุ่งปรู๊ดปร๊าดแทบตั้งตัวไม่ติด
ดูฝีมือการบริหารงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันก็แล้วกัน
ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน เงินเฟ้อยังพุ่งขึ้นไม่หยุด อีกเดี๋ยวถ้าดอกเบี้ยขึ้นอีก อะไรจะเกิดขึ้น ไม่อยากคิด แต่นาทีนี้ไม่คิดคงไม่ได้แล้ว
ที่น่าเศร้าก็คือ ความพยายามหลายครั้งหลายหนของเจ้ากระทรวงที่มีบทบาทสำคัญต่อการนำพาบ้านเมืองก้าวข้ามความยากลำบาก กลับเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน
คนโน้นทำอย่าง คนนี้ทำอีกอย่าง บางคนไม่ทำอะไรเลย กับบางคนทำ แต่บอกไม่ได้ทำ
วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้บอกไม่ได้พูด นักข่าวเข้าใจผิดกันไปเอง ฟังครั้งสองครั้งยังพอเชื่อว่า อาจเป็นปัญหาที่การสื่อสาร แต่ฟังหลายๆ ครั้งเข้า ใครยอมเชื่อ ก็เชื่อไปเถอะ
ไม่ชอบ ไม่ถูกใจ แต่ก็เคารพในตำแหน่งหน้าที่อันทรงเกียรติ ที่ได้มาโดยความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยของพรรคเสียงข้างมาก ที่มีศักดิ์ และสิทธิ์ ในการจัดตั้งรัฐบาล แต่งตั้งรัฐมนตรีเข้ามาบริหารบ้านเมือง
ไม่ชอบ ไม่ถูกใจ แต่ไม่เป็นไร ลองดูก็ได้ ใครๆ ก็หวังดีต่อบ้านเมืองทั้งนั้นแหละ
ลองมา 4-5 เดือนแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง
คำตอบไม่ได้มีอยู่ในสายลม
มีคนบอกว่า 4-5 เดือนน้อยเกินไปสำหรับการพิสูจน์ฝีมือ?
4-5 เดือน ไม่นานก็จริง แต่ที่เห็น และเป็นอยู่ อีก 6 เดือน 8 เดือน หรือ 1 ปีจะดีขึ้นหรือ??
แค่ 4-5 เดือน ยังเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
นักแสดงมืออาชีพที่กำลังแสดงบทบาทของตนเองบนเวที ไม่ว่าพ่อจะตาย เมียจะป่วย ลูกจะหนีออกจากบ้าน เป็นมืออาชีพ เขาจะไม่ละทิ้งเวที ไม่ทอดทิ้งคนดูโดยเด็ดขาด จะแสดงต่อจนจบอย่างสุดความสามารถ The show must go on.
ถ้าแสดงเต็มที่แล้วยังห่วยๆ คนดูก็ยังลุกจากเก้าอี้ เลิกดูได้ (วะ)
ลุกกันทั้งโรง เจอเจ้าของละคร ที่มีสปิริต เราอาจได้เงินค่าตั๋วคืน
แต่ชีวิตจริงบัดซบยิ่งกว่าละคร การบริหารบ้านเมืองย่อมไม่ใช่การแสดง ละคร ถึงจะใช่ก็น่าเสียดายที่ ในฐานะ คนดูจะลุกจากเก้าอี้ ก็ไม่รู้ว่า จะไปไหนกันดี
(คอลัมส์ชั้น5 ในประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันจ.ที่14ก.ค.2551)
Create Date : 17 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 15:46:26 น. |
Counter : 448 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
last day...ตะแล็บแก๊ป
เมื่อวาน เป็นวันสุดท้ายของ"โทรเลข" หลังจากรับใช้คนไทยอย่างซื่อสัตย์มานานถึง 133 ปี
ไม่น่าเชื่อว่าอายุโทรเลขจะยืนยาวกว่า กิจการไปรษณีย์ไทยด้วยซ้ำไป (ไปรษณีย์อายุ ครบ 125 ปี ปีนี้ )
เหมือนที่แทบไม่มีใครรู้เลยว่า อันที่จริงแล้ว เจ้าโทรเลขนี่เป็นบริการของ บมจ.กสท โทรคมนาคม ไม่ใช่ "ไปรษณีย์ไทย"
ไปรษณีย์ไทยรับผิดชอบการให้บริการประชาชน แทน"กสท"เพราะมีสาขาทั่วประเทศ
"กสท"ต้องจ่ายเงินเป็นให้ไปรษณีย์เดินละ 25 ล้าน ปีละเกือบๆ 300 ล้านสำหรับเป็นค่าบริหารจัดการ ค่าใช้จ่ายพนักงานที่ต้องดูแลบริการ
5 ปีที่แล้ว นับตั้งแต่ไปรษณีย์ไทยแยกตัวมาจาก "กสท"มาตั้งบริษัทเอง เฉพาะพนักงานที่ดูแลกิจการโทรเลข มีมากถึง 1.2 พันคน...ไม่น่าเชื่อ...
ถ้า "กสท"จะให้บริการต่อก็ต้องจ่ายเงินให้ไปรษณีย์
ปีละเกือบ 300 ล้านบาท แต่ปริมาณคนใช้บริการน้อยลงทุกที จากที่พีคสุดๆ ปีละ 7 แสนฉบับ
เหลือเพียง 5 หมื่นฉบับ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แถมเป็นที่ประชาชนใช้บริการจริง หลักพันฉบับเท่านั้น ที่เหลือเป็นธนาคาร และบริษัทบัตรเครดิต

ช่วงสุดท้ายของ"โทรเลข" มีคนเข้ามาใช้บริการมาก มากจริงๆ ที่ไปรษณีย์กลางบางรักอาจมากกว่าที่อื่นๆ เพราะจัดสัปดาห์อำลาโทรเลข
รูปที่เห็นข้างบนเป็นวันสุดท้าย
"ดีใจไหมคะที่เห็นคนมาใช้บริการมากขนาดนี้"ฉันถามคุณพี่ไปรษณีย์ที่ให้บริการ
"กังวลใจมากกว่า"...คำตอบที่ได้รับทำให้ฉันประหลาดใจ
จนเมื่อคุณพี่อธิบายต่อว่า "กลัวว่าประชาชนที่มาใช้บริการจะไม่เข้าใจ ถ้าได้รับโทรเลขล่าช้า"
คุณพี่ไปรษณีย์ ดีใจแต่กลัวว่าประชาชนจะไม่ได้รับความสะดวก
คุณลุงอดีตพนักงานไปรษณีย์ แต่งตัวในชุดเต็มยศ มายืนให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย
แน่นอนว่าฉันและพี่ๆ เพื่อนๆ ไม่พลาด


เห็นปะ...
คุณลุงยินดีให้ทุกๆ คนถ่ายรูปด้วย ฉันคิดว่าตลอดทั้งอาทิตย์ในสัปดาห์อำลาโทรเลข คงมีคนถ่ายรูปกับคุณลุงเป็นร้อยเป็นพันคน
"นี่ลุงตัดชุดใหม่เพื่อใส่มางานนี้โดยเฉพาะเลยนะ อยากให้คนได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกัน"คุณลุงบอก น้องที่ไปงานวันนั้นยังเล่าให้ฟังด้วยว่า มีโอกาสไปคุยกับคุณลุงอีกคนที่ทำหน้าที่ส่งโทรเลขมานานหลายสิบปี
น้องถามว่า "คุณลุงเสียใจไม๊คะที่ต่อไปจะไม่มีบริการโทรเลขอีกแล้ว"
"ลุงดีใจ"น้องอึ้งไปกับคำตอบ (ฉันเองฟังน้องเล่าก็อึ้งด้วย)
แล้วก็ถึงบางอ้อ พร้อมๆ กับมีก้อนสะอึกมาจุกที่คอ
"ลุงดีใจที่มีชีวิตอยู่จนถึงวันสุดท้ายของโทรเลข"
...เสียงตะแล๊บแก๊ป...(การส่งโทรเลข) ดังขึ้นในพิธีอำลาบริการ...
คุณลุงคนเดิมรำพึงในระหว่างที่เสียงตะแล็บแก๊ปยังคงดังว่า "ลุงไม่ได้ยินเสียงแบบที่หนูได้ยินหรอกนะ แต่ลุงได้ยินออกมาเป็นคำๆ เลยว่าเขากำลังส่งคำว่าอะไร"
กว่า 50 ปีของการทำหน้าที่คนส่ง"โทรเลข" คงไม่ต้องพูดถึงความรักความผูกพันของคุณลุง
ขอบคุณ-คุณลุงนะคะ
ฉันเองตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยส่งโทรเลขเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้...
สองทุ่มกว่าแล้ว ตอนออกจากไปรษณีย์กลางบางรัก...ยังมีคนเข้าคิวรอส่งโทรเลขอีกตั้งเยอะ
ใครๆ ก็อยากได้โทรเลขฉบับสุดท้ายไว้เป็นที่ระลึก...
โทรเลขใบแรก และใบสุดท้ายของฉัน...

สุดท้ายและท้ายสุดเท่าที่นึกออกว่า
คำว่า "ตะแล็บแก๊ป"...ชื่อเล่นของโทรเลขนั่นอันที่จริง ไม่ใช่เสียงต๊อกแต๊กของการส่งรหัสมอส (รหัสในการส่งโทรเลข)หรอกนะ แต่เรียกเพี้ยนมาจาก "เทเลกราฟ"ชื่อภาษาปะกิตของ"โทรเลข"
Create Date : 01 พฤษภาคม 2551 | | |
Last Update : 1 พฤษภาคม 2551 15:03:39 น. |
Counter : 957 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|