สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
Group Blog
 
All Blogs
 

เรื่องรักเรื่องเล่าในวงเรา

เรื่องเล่าในวง"เรา" คำตอบในความเงียบ และคำถามของคนนั่งฟัง

เราติดต่อกันสม่ำเสมอ บ้างถี่บ้างห่างตามแต่ชีวิตในแต่ละช่วงจะวุ่นวนอยู่กับใคร กับอะไร

บางช่วงนานเป็นเดือน หลายเดือน หรือบางช่วงเกือบปี แต่เราก็ยังติดต่อกัน

นึกย้อนกลับไป กี่ปีแล้วน่ะที่เรารู้จักกันมา กี่วันกี่เดือนกี่ปี เราก็ยังคงเป็นเหมือนอย่างที่เคยเป็น



ไม่เจอกันนานหน่อย เจอกันทีแย่งกันพูดแทบไม่ทัน เราต่างอัพเดทชีวิตให้กันและกันฟัง บ้างสนุกสนาน บ้างเคล้าน้ำตา

ความเป็นเพื่อนไม่เคยเลือนหายไป

"เพื่อนยังไงก็เพื่อนอยู่วันยังค่ำ เป็นแฟนเลิกกันไปก็เป็นคนอื่น"ไม่มีใครปฏิเสธหรือเห็นเป็นอื่นเมื่อประโยคนี้ลอยขึ้นมากลางวง

"จากแฟนเป็นเพื่อนกันได้ไหม"ไม่มีใครตอบ...

"พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปถามให้จบๆ ไปสักที ไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว"1ในเราพูดขึ้นมาเหมือนตัดสินใจได้ หลังบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์อันพร่ามัวของตนเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ถ้าวันคืนที่เราใช้จ่ายไปด้วยกัน ไม่ได้มีความหมายอะไร...

การบอกเล่าทำให้เราได้ทบทวนเรื่องราวของตนเองผ่านสายตาของคนอื่น

คำตอบอยู่ในคำถาม และการรับฟัง

บางทีเป็นฉัน บางทีเป็นเธอ และบางทีเป็นเรา

"จบได้ไม่ได้ แต่เสาร์นี้ห้ามเบี้ยวนะเว้ย"ฉันพูดดักคอเพื่อนก่อนที่เราจะแยกย้ายกันกลับบ้าน







 

Create Date : 10 ธันวาคม 2552    
Last Update : 10 ธันวาคม 2552 11:34:16 น.
Counter : 614 Pageviews.  

ความฝัน...ความจริ ง...ความรัก

จตุจักร สำเพ็ง และเออร์ลี่รีไทร์

ชีวิตในหนึ่งอาทิตย์สมัยเป็นนักข่าวใหม่ และนักข่าวอายุงานสิบกว่าปี ต่างกันแค่ 2 วันใน 7 วัน
ในช่วงวีคเดย์ยังเต็มเหยียดไปด้วยการทำงาน งาน และงาน สลับกันระหว่างไปงานแถลงข่าว ไปสัมภาษณ์ นั่งพิมพ์ข่าวปิดหน้า พูดโทรศัพท์เพื่อเช็คข่าว และเขียนงาน
บางวันอยู่ไม่ติดที่ บางวันจมจ่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เช้าจรดเย็น สิบกว่าปีที่ผ่านมาน้อยยิ่งกว่าน้อยที่ กลับบ้านก่อนฟ้ามืด
ถึงบ้านค่ำมืดแล้วงานยังไม่เสร็จก็ต้องทำต่อถึงดึกดื่นค่อนคืน การนอนดึกตื่นเช้าดูเป็นเรื่องปกติ ปกติเสียจนรู้สึกว่าการนอนมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันเป็นวิถีผิดปกติ
ตอนทำงานใหม่ๆ ถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ทีไร เวลาจะหมดไปกับการนอน และนอน


เดี๋ยวนี้ต่างออกไป วันเสาร์คือช่วงเวลาแห่งการเปิดหูเปิดตา ไปร้านหนังสือ ไปดูหนัง ไปนั่งร้านกาแฟ ไปช้อปปิ้ง ไปเดินสวนจตุจักร ไปสำเพ็ง และสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเมื่อย่ำค่ำ

เพราะเห็นค่าของเวลามากขึ้น? หลายเดือนที่ผ่านมา ทุกวันเสาร์เป็นเวลาของกลุ่ม 3 คน

นักข่าว 2 และอีก 1 อดีตนักข่าวที่ผันตัวเองไปสู่อาชีพอื่นที่มีเวลามากกว่า แต่ยังเป็นพนักงานบริษัทเอกชนเหมือนเดิม

หลายเสาร์ติดต่อกันเราใช้เวลาไปกับการเดินมาราธอนที่ตลาดนัดจตุจักร สลับไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองบ้าง แต่ช่วงเกือบเดือนมานี้ เราเปลี่ยนแผนไปเดินเล่นที่สำเพ็ง

จตุจักรกับสำเพ็งเหมือนกันตรงที่มีของเยอะแยะละลานตาให้เลือกดูกับหนทางที่คดเคี้ยววกวน ยากที่จะวกกลับมาที่เดิมร้านเดิมได้

ข้อตกลงที่ทำให้เราต้องเตือนกันเสมอๆ เมื่อเจอของถูกใจ คือ ชอบก็ซื้อเลย เพราะรู้ดีว่าการจะวนกลับมาหาอีกครั้งแทบไม่เป็นไปไม่ได้เลย

เป้าหมายในการเดินจตุจักรกับสำเพ็งของพวกเรา นอกจากการช้อปปิ้ง คือการตามล่าหาไอเดียใหม่ๆ หลังจากนั่งถกเถียงกันมาหลายครั้งหลายครา
และสรุปตรงกันว่าคงต้องหาอาชีพเสริมสำหรับบางคน และอาชีพใหม่สำหรับอีกบางคน แม้เราจะยังไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่

แรงบันดาลใจในการหาหนทางใหม่ๆ มาจากเพื่อนของเราคนหนึ่ง
“ฉันเป็นอิสระแล้วนะ(โว้ย)”อิสระที่ว่า คือการลาออกจากงาน
น้ำเสียงอันสุดลิงโลดทำให้หัวใจฉันพองโตตามไปด้วย ประหนึ่งได้สัมผัสกับความอิสระที่ว่าด้วยตนเอง

“ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร แต่ไม่อยากทำงานที่เดิมแล้ว ไม่ไหวจริงๆ ” น้ำเสียงของเจ้าของ “อิสระ”ยังสดใสเหมือนเดิมแม้ผ่านไปแล้ว 2 อาทิตย์

“ไม่มีงานทำดีอย่างนี้นี่เอง”ฉันคิด

น้องสาวที่เพิ่งเปลี่ยนงานจากอาชีพตรวจสอบบัญชีในบริษัทข้ามชาติไปเป็นพนักงานแบงก์เล่าให้ฟังว่า “ที่แบงก์เพิ่งประกาศรายชื่อคนเออร์ลี่ รีไทน์”

“กี่คนล่ะ”ฉันถาม

“พันกว่าคน คนสุดท้ายชื่อคุณไชโย คนในแผนกเลยหัวเราะกันใหญ่”น้องเล่าไปพลางอมยิ้มไปพลาง

พันกว่าคนดูเยอะมาก แต่ไม่ได้ทำให้ฉันตกใจเท่ากับ คุณสมบัติของคนที่มีสิทธิเออร์ลี่ รีไทร์

“ปีก่อนได้ยินว่าแบงก์อื่นให้คนที่อายุ 45 ขึ้นไปเออร์ลี่ฯได้ แต่ที่แบงก์เริ่มที่ 40 ขึ้นไป”ฟังแล้วอึ้ง

คำพูดของเพื่อนสาวคนเดิมลอยกลับเข้ามาในความคิด“ฉันน่ะเฉยๆ ยังรู้สึกดีอยู่เลยที่ตัดสินใจลาออกจากงาน แต่คนที่บ้านเป็นห่วง(ว่ะ)”เพื่อนบ่นๆ

“ธรรมดาแหละ ถ้าแกไม่เครียดก็ดีแล้ว ค่อยๆ คิดไปว่าจะทำอะไร”

“เออติดกับดักมาตั้ง 13 ปี”ฟังแล้วนึกถึงตัวเอง แม้จะไม่เคยรู้สึกว่าติดกับ…
อะไรแต่ก็เริ่มถามตัวเองบ่อยๆว่าอยากมีชีวิตแบบไหนในอีก 10 ปีข้างหน้า

วันก่อนกดไปที่หน้าเว็บของแบงก์แห่งหนึ่งที่มีโปรแกรมคำนวณเงินออม

หน้าเว็บให้กรอกข้อมูล 2-3 อย่าง เช่น อยากเกษียณตอนอายุเท่าไร คิดว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงอายุเท่าไร และอยากมีเงินใช้หลังเกษียณเดือนละเท่าไร

กรอกเสร็จคลิกปุ่มประมวลผลโดยพลัน

ผลลัพธ์ทำให้ฉันนั่งหัวเราะอยู่นาน และอดไม่ได้ที่จะเรียกพี่ๆ ที่นั่งใกล้กันมาดูด้วย

เสียงหัวเราะครื้นเครงดังขึ้นพร้อมกัน พลันที่ทุกคนมองเห็นคำตอบ

คุณต้องเก็บเงินเดือนละ 46,365 บาท (ปีละเกือบห้าแสน!!!)

จตุจักร สำเพ็ง และการถกเถียงในร้านอาหารทุกค่ำคืนวันเสาร์อาจต้อง

เปลี่ยนหัวข้อจากอาชีพเสริมมาเป็นอาชีพใหม่??

ที่สำคัญกว่า การถกเถียงแลกเปลี่ยนไอเดียในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคือการมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องมีคำตอบ

“40ขึ้นไปก็เออร์ลี่รีไทร์ได้แล้ว”ประโยคบอกเล่าดังสำทับขึ้นมากลางวงสนทนาเป็นระยะๆ

ไม่มีคำตอบในสายลม เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา





 

Create Date : 13 ตุลาคม 2552    
Last Update : 13 ตุลาคม 2552 18:50:37 น.
Counter : 523 Pageviews.  

ความปรารถนา...สุดท้าย

อ่านจบไม่มีรอยยิ้ม
ต้องพิจารณาตัวเองด่วนๆ

Last Wish (cute)

Morris
returns from the doctor and tells his wife that the
doctor
has told him that he has only 24 hours to live.

Given
the prognosis, Morris
asks his wife for sex.

Naturally,
she agrees, so
they make love.

About
6 hours later, the
husband goes to his wife and
says,

'Honey,
you know I now have
only 18 hours to live.

Could
we please do it one
more time?'

Of
course, the wife agrees,
and they do it again.

Later,
as the man gets into
bed, he looks at his watch

and
realizes that he now has
only 8 hours left.

He
touches his wife's
shoulder and asks,

'Honey,
please... just one
more time before I die.'

She
says, 'Of course, Dear,'
and they make love for the third
time.

After
this session, the wife
rolls over and falls to
sleep.

Morris,
however, worried about his impending death,
tosses
and turns, until he's down to 4 more hours.

He
taps his wife, who rouses.
'Honey, I have only 4 more
hours.

Do
you think we
could..'




At this point the wife sits
up and says, 'Listen Morris, enough is
enough

I have to get up in the morning... you don't.'




 

Create Date : 13 ตุลาคม 2552    
Last Update : 13 ตุลาคม 2552 16:41:19 น.
Counter : 719 Pageviews.  

มากกว่าหนังสือหนึ่งเล่ม


สำหรับคนชอบอ่านจึงถือเป็นความโชคดีที่มีร้านหนังสืออยู่ใกล้ๆ (matichon book club)ให้เดินไปซื้อหรือยืนอ่านเฉยๆ

ทั้งพ็อตเก็ตบุ้ก และนิตยสารสารพัด ยังไม่นับศูนย์ข้อมูลประจำออฟฟิศที่มีทั้งข้อมูล และหนังสือเล่มดีๆ ให้ยืมอ่านได้ฟรีๆ

เกือบทุกวันที่พอมีเวลาฉันจึงไม่พลาดที่จะไปแวะลงไปหาเรื่องดีๆ อ่านที่ร้านหนังสือ ถือเป็นการพักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ พักหูพักปากจากการพูดคุย และฟังเพื่อหาข่าว

ตั้งแต่วีคที่ผ่านมา มีพ็อกเก็ตบุ๊กในเครือมติชนหลายสิบปกลดราคาถูกมากๆ พี่นักขายประจำร้านเชิญชวนว่า ถูกกว่าในงานสัปดาห์หนังสือ(อีกนะ)

งานสัปดาห์หนังสือปลายปีนี้ยังมาไม่ถึง แต่หลายเล่มที่นำมาขายลดราคาทั้งถูก และสภาพใหม่เอี่ยมอ่องจนอดไม่ได้ที่จะซื้อมาเก็บไว้ทีละหลายเล่ม

เล่มไหนอ่านแล้วชอบ บางเล่มยังไม่ได้อ่านแต่คิดเองว่าน่าจะดี ฉันมักซื้อตุนไว้หลายเล่ม เผื่อส่งไปให้เพื่อนๆ พี่ๆ ที่สนิทสนม และชอบอ่านเหมือนกัน

วีคที่แล้วจึงไม่เพียงหอบหนังสือกลับบ้านเป็นกะตัก 2-3 วันที่ผ่านมาจึงอ่านหนังสือจบไป2เล่ม

เล่มแรกเป็นวรรณกรรมเยาวชนของ Sharon Creech เรื่อง Bloomability (วัยแย้มแก้มใส) แปลโดยสมพร วรรธนะสาร

อีกเล่มเป็นบันทึกประสบการณ์ชีวิตของ Joan Didion นักเขียนหญิงชาวอเมริกันวัย71 ปี ที่สูญเสียสามี และลูกภายในเวลาไล่เลี่ยกัน เธอผ่านมันมาได้ และเรียกช่วงปีอันแสนเศร้านั้นว่า the year of magical thinking

การเรียนรู้ และครุ่นคิดถึงประสบการณ์ของคนอื่นผ่านการอ่านประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่าย

น่าแปลกที่การสร้างนิสัยรักการอ่านกลับเป็นเรื่องระดับชาติที่หลายฝ่ายพยายามผลักดันแต่ไปไม่ถึงไหน


หลายเดือนก่อนได้ดูหนังทางทรูวิชั่นส์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนรักการอ่านกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันอ่านและถกถึงเรื่องราวในหนังสือที่อ่านด้วยกัน

หนังเรื่องนี้ไม่เพียงเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันขวนขวายหางานเขียนของเจน ออสตินมาอ่านบ้างยังทำให้ฉันและกลุ่มเพื่อนสนิทรื้อฟื้นกิจกรรมสมัยนักศึกษากลับมาอีกครั้ง

เราตกลงกันว่าจะอ่านหนังสือเรื่องเดียวกันเพื่อนำมาถกกันแลกเปลี่ยนความเห็นถึงสิ่งที่ได้จากเรื่องที่อ่าน

กว่าจะตกลงกันได้ว่าจะเลือกเล่มไหนต้องใช้เวลาไม่น้อย เพราะรสนิยมในการอ่านของเราแตกต่างกัน

เล่มแรกของเราจึงไม่ง่าย

กว่าจะสรุปว่า เป็นพันธุ์หมาบ้าของพี่ชาติ กอบจิตติ พ็อกเก็ตบุ๊กเล่มโปรดสมัยเด็กก็ล่วงเลยไปหลายวัน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังทำไม่สำเร็จ เพราะฉันยังหา “พันธุ์หมาบ้า”ไม่เจอ

จำได้ว่ามีแน่ๆ อาจมากกว่าหนึ่งเล่ม ประสาคนชอบซื้อซ้ำ ถ้าจะซื้อใหม่เพื่อการณ์นี้ดูจะยังไม่สมเหตุสมผลนัก

ที่เป็นพันธุ์หมาบ้า เพราะนอกจากจำได้ติดใจว่า สนุกมากชนิดวางไม่ลง (ไม่แน่ใจนักว่าติดงอมแงมจากที่ลงเป็นตอนๆในลลนา หรือรวมเป็นพ็อกเก็ตบุ๊กแล้ว)

ยังคิดกันว่า นอกจากได้ถกเถียงแลกเปลี่ยนความเห็นกับเรื่องราวในหนังสือแล้ว

ความรู้สึกกับเรื่องเดิมๆ ในวัยที่เติบโตขึ้นน่าจะเปลี่ยนไปมาก

กิจกรรมวัยเรียนจึงเลื่อนออกไปจนกว่าพันธุ์หมาบ้าจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

ในระหว่างนี้เราจึงตัดสินใจว่าจะแลกหนังสือที่มีอยู่ และชอบอ่านกันไปพลางๆ ก่อน

เล่มแรกที่เพื่อนส่งมาให้อ่านเป็น “ลอนดอนกับความลับในรอยจูบ”ของคุณอนุสรณ์ ติปยานนท์

ฉันส่ง “โจเซฟ พูลิตเซอร์”ไปแลก

โจเซฟ พูลิตเซอร์ เป็นประวัติชีวิตของนักหนังสือพิมพ์ชื่อก้อง ต้นตำรับรางวัล “พูลิตเวอร์”รางวัลอันทรงเกียรติของนักหนังสือพิมพ์

อ่านจบไปแล้วหลายปี มาเจอโดยบังเอิญระหว่างกำลังเลือกหนังสือที่ชั้นในบ้านทำให้หยิบมาเปิดดูอีกครั้ง

อ่านแล้วก็ติดลมจนอ่านซ้ำรวดเดียว เรื่องของพูลิตเซอร์ช่วยเติมแรงบันดาลใจในการทำงานได้มาก สำหรับคนที่เลือกแล้วว่างานหนังสือพิมพ์ คืออาชีพ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบไปทั่วถ้วนหน้า

"พูลิตเซอร์"เป็นชาวฮังกาเรียนที่ล่องเรือเป็นเรฟูจีมาอเมริกาเพื่อแสวงหาโอกาสที่ดีกว่า

เป็นเด็กเร่ร่อนรับจ้างทำงานสารพัดชนิดแลกเงินประทังชีวิตไปวันๆ มาอเมริกาใหม่ๆ เขาพูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่ฝึกฝนด้วยตนเองจากการพูดคุย และอ่านหนังสือในห้องสมุด

พูลิตเซอร์เริ่มต้นอาชีพนักหนังสือพิมพ์ด้วยความบังเอิญ แต่ได้รับโอกาสแล้วก็ไม่ปล่อยผ่านไป ไม่นานก็รู้ว่า คือสิ่งที่รักจึงทุ่มเททำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

จากนักข่าวเป็นหุ้นส่วน และเจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับแล้วฉบับเล่า

เป็นความสำเร็จจากการทำงานหนัก

ความเครียด และการทำงานหามรุ่งหามค่ำทำให้สุขภาพย่ำแย่ลง แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดทำงานจนร่างกายทนทานไม่ไหวอีกแล้วจึงไม่มีทางเลือกอื่น

หยุดเป็นนักข่าว ยุติบทบาทบรรณาธิการ

พูลิตเซอร์ตาบอดสนิททั้งสองข้าง ระบบประสาทมีปัญหาจนทนฟังเสียงต่างๆ ไม่ได้เลยต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในที่ๆ เงียบที่สุด แต่เขาก็ยังไม่หยุดทำงาน

ช่วงท้ายของชีวิต เขาใช้ชีวิตบนเรือล่องไปเรื่อยๆ พร้อมเลขาฯหลายคนที่คอยทำหน้าที่สรุปข่าว และติดต่อประสานงานกับออฟฟิศในเรื่องที่ต้องการการตัดสินใจจากเขา

เมื่อรู้ตัวว่าเหลือเวลาอีกไม่นาน เขาตัดสินใจทำพินัยกรรมโดยบริจาคเงินส่วนตัวก่อตั้งกองทุนพูลิตเซอร์เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษากับนักศึกษาวิชาการหนังสือพิมพ์ในมหาวิทยาลัย

เป็นการหยิบยื่น “โอกาส”ให้ผู้อื่น เหมือนที่เขาเคยได้รับมาในอดีต

ในฐานะที่เคยเขียนหนังสือเป็นเล่มมาบ้าง สำหรับฉันการเขียนหนังสือสักเล่มไม่ใช่เรื่องง่าย หนัก เหนื่อย และใช้เวลา

มากกว่าค่าตอบแทนเป็นความภูมิใจ

ชีวิตของนักหนังสือพิมพ์ผู้ยิ่งใหญ่ในหนังสือ “โจเซฟ พูลิตเซอร์ บรรณาธิการบันลือโลก”และเรื่องราวหลากหลายในหนังสือเล่มอื่นๆ จึงเป็นมากกว่าหนังสือหนึ่งเล่ม










 

Create Date : 31 สิงหาคม 2552    
Last Update : 31 สิงหาคม 2552 12:10:48 น.
Counter : 1049 Pageviews.  

พรุ่งนี้...เธอจะยังรักฉันไหม


"พี่ๆ วันก่อนผมเห็นแฟนพี่ที่เจเจด้วยล่ะ"
"ใครฟะ"ฉันรีบชิงถาม ไม่ได้ร้อนตัว แค่กำลังนึกว่าวีคที่แล้วไปเดินสวนกับใคร (ฮา)

"ก็...(ชื่อนักร้องคนโปรดของฉัน) เห็นเดินกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ใส่แว่นดำใส่โสร่ง ถือกระเป๋าแบบนี้"น้องรักทำมือทำไม้ประกอบ ท่าทางประมาณเดียวกับคุณหญิงคุณนายหิ้วกระเป๋าแบบคล้องแขนอ่ะนะ

"ไม่เห็นกะตาไม่เชื่อเลยนะว่าเป็น..."
"เหรอ"ฉันตอบ และว่า "พี่ก็ได้ยินมาประมาณนั้นเหมือนกันว่า ....(ชื่อนักร้อง)เป็นอ่ะ"

เราเงียบไปชั่วขณะ แต่หลังจากนั้นหัวข้อสนทนาในหมู่เราก็มีแต่คำถามอะไรเอ่ย ประมาณว่า คนนั้นใช่คนนี้ไม่ใช่ คนนั้นเป็น คนนี้ไม่เป็น....

"ไม่น่าเชื่อเนอะ เคยเป็นไอดอลเราเลยนะ"น้องคนนึงเอ่ยขึ้น

"อ้าวทำไมล่ะ เป็นไม่เป็นเกี่ยวด้วยเหรอ"ฉันถามด้วยความสงสัย

"จริงๆ ก็ไม่เกี่ยว แต่ไม่รู้ซิ"เราต่างนิ่งเงียบ ฉันอดถามตัวเองในใจไม่ได้ว่า

ความรู้สึกระหว่างกัน ความชอบ ความหลง ความรักจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะอะไรได้บ้าง

ในวันหนึ่ง ถ้าเธอ หรือเขาไม่ใช่คนที่เคยคิดว่า "ใช่"...



"มีอะไรๆ ที่ไม่น่าเชื่ออีกเยอะ แม้แต่กับตัวเราเอง"ฉันรำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆ

...พรุ่งนี้เธอจะยังรักฉันไหม...
ไม่รู้ทำไม นึกถึงเพลงนี้ กับท่อนนี้ขึ้นมา

ยังไม่รู้หรอกนะว่าจะถามใคร...




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2552 16:29:05 น.
Counter : 819 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

cherydnk
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add cherydnk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.