สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
Group Blog
 
All Blogs
 

ความฝัน ความจริง และเจ้าชายน้อย2

ความฝัน ความจริง และเจ้าชายน้อย-2


…จงอย่าคิดให้นานนัก? ฉันทวนประโยคนี้เบาๆ
ฉันอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้นอย่างมึนงง จำไม่ได้ว่าเขียนขึ้นตั้งแต่เมื่อไร

หรือเมื่อคืน
ถ้าฉันเขียน ทำไมจำไม่ได้ อาการความจำเสื่อมคงกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง หลายปีมานี้หลังค่ำคืนแห่งการดื่มไวน์ความทรงจำบางช่วงจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน

การเดินทางไปปารีส ความรู้สึกเบื่อหน่าย และหดหู่ นั่นมันตัวฉันชัด ๆ
ถ้าฉันจำว่าตัวเองเขียนไม่ได้ ฉันก็น่าจะลืมความรู้สึกเหล่านี้ได้ซินะ แต่ก็ไม่แม้จะรู้สึกดีขึ้นบ้าง….

คงเพราะคิม…
คิมกลับไปแล้วเหมือนทุกครั้งที่แวะมาหา ไม่เคยบอกกล่าวกันล่วงหน้าทั้งไป

และกลับ แต่ทุกครั้งเหมือนคิมจะรู้ว่าฉันกำลังต้องการใครสักคนในค่ำคืนที่รู้สึกแย่ๆ เหมือนเมื่อคืนที่จู่ ๆ ก็โทร.มาบอกว่ากำลังจอดรถอยู่ใต้ถุนคอนโด
หนนี้น่าจะเกือบปีที่เราไม่ได้เจอกัน นานที่สุดระหว่างเราเกือบ 3 ปี

คิมเป็นนั่งฟังที่ดีประสาคนพูดน้อย แต่พูดออกมาแต่ละที โดนตลอด แปลกที่ไม่ว่าจะรู้สึกแย่กับอะไรสักแค่ไหน ฉันจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้พูดได้พร่ำบ่น โดยมีคิมนั่งเงียบๆ

บางครั้งคนเราก็ต้องการแค่เพื่อนสักคน แค่นั่งข้าง ๆ กันก็พอแล้ว
ทุกครั้งในค่ำคืนอันยาวนาน ไม่ว่าฉันจะกำลังรู้สึกแย่กับเรื่องอะไร คิมมักปิด

บทสนทนาของเราว่า “พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว”
เมื่อคืนแม้ฉันจะจำไม่ได้ แต่คิมก็คงพูดเหมือนที่เคยพูด

ฉันเคยพยายามบอกตัวเองเหมือนที่คิมพูดเสมอๆ …พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว… แต่ไม่เคยสำเร็จ

“ฉันอยากเป็นผู้กำกับหนัง”คิมพูดถึงความฝันของตนเอง

ฉันกับคิมรู้จักกันมากี่ปีแล้วนะ 13 หรือมากกว่านั้น ตั้งแต่ปี 2 ในรั้วมหาวิทยาลัย

เราไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน เพราะเรียนคนละวิชาเอก คิมเลือกโฆษณา ส่วน

ฉันหนังสือพิมพ์ ด้วยความที่เป็นคนพูดน้อยยิ่งกว่าน้อยทำให้คิมมีเพื่อนไม่มากนัก เด็กโฆษณาในสายตาของพวกเรียนหนังสือพิมพ์จะดูติสก์ ๆ ห่ามๆ และไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไรนัก แต่ทุกครั้งที่ต้องทำกิจกรรมของคณะร่วมกัน พรีเซ็นต์เทชั่นเท่ห์ ๆ ก็อปปี้โดน ๆ ก็ได้พวกโฆษณานี่ล่ะช่วยทำ

คิมกับฉันเจอกันบ่อย ๆ ที่ห้องสมุด แต่แทบไม่ค่อยได้คุยกัน จุดเริ่มต้นระหว่างเราเริ่มขึ้นในเช้าวันหนึ่งเมื่อฉันไปถามหาหนังสือเล่มหนึ่งจากบรรณารักษ์

“ฉันเพิ่งอ่านเสร็จกำลังจะเอามาคืนพอดี”คิมพูดเสียงเบาแล้วยื่นหนังสือเล่มนั้นมาให้ ยังไม่ทันขอบใจคิมก็เดินหนีไปแล้ว “พิลึกคนจริงๆ” ฉันได้แต่คิดในใจ



“จิตร ภูมิศักดิ์”คือหนังสือเล่มนั้น ตั้งแต่นั้นบทสนทนาของเรามักเริ่มต้นด้วยเรื่องของหนังสือที่ต่างคนต่างอ่าน บ้างแค่เล่าสู่กันฟัง บ้างถึงขั้นถกเถียงเอาเป็นเอาตาย จนเมื่อได้ยินเสียงกระแอมของอ.บรรณารักษ์นั่นล่ะเราถึงก้มหน้าก้มตาต่างคนต่างอ่าน
ถ้าเจอหนังสือเล่มที่ถูกใจ แม้จะถึงเวลาเรียนแล้ว คิมก็จะยังไม่ยอมลุกไปไหน
“ไม่เข้าห้องเรียนเหรอ”
“อือ เดี๋ยวไป”คิมตอบอย่างนี้ทุกครั้ง แต่ไม่เคยไปจนกว่าจะอ่านจบนั่นล่ะ
จากหนังสือก็มาเรื่องหนังที่เราชอบเหมือนกัน
Groundhog day คือหนังที่เราพูดถึงบ่อยๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาเจอเหตุการณ์เหมือนเดิมทุกเช้า

“สักวันฉันจะเป็นผู้กำกับหนัง”ฉันยังจำประกายตาวิบวัมของคิมเมื่อพูดถึงความฝันของตัวเองได้ดี

หลังเรียนจบ ฉันได้งานเป็นนักข่าวอย่างที่ตั้งใจไว้ ส่วนคิมขึ้นเหนือไปเป็นครูอาสาสอนเด็กชาวเขาที่ภาคเหนือ

เพื่อนๆ แปลกใจไปตาม ๆ กันที่รู้ว่าคิมไปเป็นครู คิมมักบอกใครๆ ว่าไปเป็นครูเพราะจะไปหาพล็อตไว้เขียนบทหนัง จริงหรือไม่จริงไม่มีใครู้ แต่ฉันไม่รู้สึกแปลกใจนัก เพราะรู้ดีว่าเด็กโฆษณาอย่างคิมเป็นคนรักเด็ก รักธรรมชาติ และชอบช่วยเหลือผู้คนที่ด้อยโอกาส

คิมเป็นครูอาสาอยู่ 2 ปีกว่า ในระหว่างนั้นคิมทำหนังสั้นเกี่ยวกับชีวิตของเด็กชายเขาเพื่อใช้หาทุนให้กับโรงเรียน อยู่มาวันหนึ่งคิมมาหา และบอกฉันว่าจะไปเรียนฟิล์มที่นิวยอร์ค

คิมไม่เคยทิ้งความฝันของตัวเอง

เจ้าชายน้อยเป็นพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มจิ๋วที่คิมให้ฉันไว้ เมื่อไรที่คิดถึงคิม ฉันจะหยิบเจ้าชายน้อยขึ้นมาอ่าน

โลกของเจ้าชายน้อยทำให้ฉันยิ้มได้
บางทีความผูกพันระหว่างเรา ฉันกับคิมอาจเหมือนเจ้าชายน้อยกับสุนัขจิ้งจอก

“หวังว่าฉันกลับมาเธอคงได้เป็นบก.นะ”คิมเขียนไว้ในใบรองปกของหนังสือเจ้าชายน้อยเล่มนั้น

ฉันไม่เคยบอกคิมว่าการเป็นบก.ไม่เคยอยู่ในความฝันของฉัน
ฉันแค่อยากเป็นนักข่าว เป็นนักเขียน และสักวันฉันจะเขียนบทหนังให้คิม
ฉันไม่แน่ใจว่าการเป็นผู้กำกับหนังมันยากเย็นแค่ไหน เพราะหลังกลับจากนิวยอร์ก คิมก็ทำงานในเอเจนซี่โฆษณามาตลอดหลายปี จนกระทั่งทุกวันนี้ มีก็แต่สมุดปกหนังสีดำเล่มเล็กที่คิมยังคงพกติดตัวเสมอ

สมุดเล่มนี้ฉันซื้อให้คิมตอนไปเรียนต่อ
คิมบอกว่าเวลาคิดพล็อต หรือคิดเวิร์ดดิ้งอะไรดีๆ ได้คิมจะจดลงในสมุดเล่มนั้น

คิมคงย่อส่วนความฝันของตนเองไว้ที่การเป็นผู้กำกับหนังโฆษณา หรือเพราะคิมยังเขียนบทหนังของตนเองยังไม่เสร็จ ฉันไม่เคยถาม
ฉันเองเมื่อได้เป็นนักข่าว ได้มีโอกาสเขียนหนังสือบ้าง แต่ก็ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่านักเขียน และดูเหมือนกับว่าวันคืนต่อจากนั้น ฉันแทบไม่เคยนึกถึงความฝันใหม่ ๆ อีกเลย

ไม่น่าจะใช่เพราะทำฝันเล็ก ๆ ในวัยเยาว์สำเร็จแล้ว
นานวันเข้า โดยเฉพาะปีหลัง ๆ มานี้ฉันกลับเริ่มไม่แน่ใจว่างานการที่รักยังใช่ความฝันของฉันอีกไหม
หรือฉันเองที่เปลี่ยนไป

จงอย่าคิดให้นานนัก
ฉันนึกถึงคำพูดที่เจ้าชายน้อยพูดกับสุนัขจิ้งจอก

“เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยตา”

It is only with the heart that you can see fully, what is essential is invisible to the eyes




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 12:11:37 น.
Counter : 636 Pageviews.  

ความฝัน ความจริง และเจ้าชายน้อย1

ความฝัน ความจริง และเจ้าชายน้อย

แดดสายทำให้ทั้งห้องสว่างโร่ มึนตึ้บเหมือนโดนทุบ อากาศในห้องเย็นยะเยียบ เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกมึนงง เมื่อเหลือบไปดูนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง ตายล่ะจะเก้าโมงแล้ว
ฉันค่อยๆ พยุงตัวขึ้นนั่งบนเตียง เกลียดที่สุดถ้าต้องไปทำงานสาย หรือวันนี้จะลาป่วยดีนะ ฉันคิด…
ไม่ใช่ซิ วันนี้เป็นวันเสาร์ไม่ต้องไปทำงานสักหน่อย เมื่อคืนคิมมาหา เรานั่งดื่มด้วยกันทั้งคืน
คิมคงกลับไปแล้วเหมือนทุกทีที่แวะมา บทจะมาก็มาจะไปก็ไป
“ขอบใจนะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเหมือนทุกครั้ง”ฉันได้แต่คิดในใจเพราะคิมไม่เคยอยู่ให้พูดด้วย
บทสนทนาในค่ำคืนที่ผ่านมาจบลงแบบไหน เราแยกย้ายกันไปนอนเมื่อไรกัน คงหลังจากไวน์ขวดสุดท้ายหมดลง
“ไปก่อนนะ วันนี้ต้องไปต่างจังหวัด”คิมทิ้งโน้ตไว้บนโต๊ะ
มีกระดาษอีกแผ่นวางอยู่ใกล้ ๆ กัน
“อย่าคิดให้นานนักล่ะ จะไปเมื่อไรบอกนะจะไปด้วย”…ลายมือหวัดๆ ของคิมเขียนไว้บนหัวกระดาษแผ่นนั้น
ฉันอ่านข้อความบนกระดาษแผ่นนั้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับทบทวนความจำไปด้วย


….หลายปีที่ผ่านมา ฉันลืมที่จะตั้งคำถามถึงอนาคตข้างหน้าที่ไกลออกไปกว่าความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน จากวันต่อวันเป็นอาทิตย์เป็นเดือน เป็นปีและหลายปี เงยหน้าขึ้นมาอีกทีเหมือนหลงทางอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่คุ้นเคยกับทุกสิ่งรอบตัว
ฉันเองที่เปลี่ยนไป…
เมื่อคำถามแรกเกิดขึ้น ไม่เฉพาะการค้นหาคำตอบที่ช่างยากเย็น ทุกอย่างรอบตัวดูจะเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ และน่าหดหู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเริ่มต้นใหม่กับอะไรสักอย่างโดยแบกความปรารถนาที่ไม่อยากเสียใจเมื่อเวลาผ่านไป
ฉันอยากมีชีวิตแบบไหนในอีก 10 ปีข้างหน้า
คำถามง่าย ๆ แต่การหาคำตอบกลับยากเย็น ถ้าคำนึงถึงความเป็นไปได้
ไม่รู้ข้างหน้า ไม่แน่ใจข้างหลัง เบื่อหน่ายกับปัจจุบันและตกใจกับเวลาที่ผ่านเลย
ความอึดอัดกับตัวเองกับคนรอบข้างก่อตัวขึ้นทีละน้อยอย่างน่ากลัว
2 เดือนก่อน “ปารีสโปรเจ็ค”เริ่มต้นขึ้นในบ่ายวันหนึ่ง ไม่ใช่คำตอบของคำถามแรก เป็นแค่กระบวนการในการหาคำตอบของโจทย์แสนยาก
ปารีสอาจเป็นสัญลักษณ์ของการค้นหา เป็นหมุดหมายที่ฉันอุปโลกน์ขึ้นมาแทนการเริ่มต้นเดินออกจากกับดักความเคยชินที่ยิ่งนานวัน ไม่ต่างอะไรกับการตกหลุมลึกจนไม่แน่ใจว่าจะดึงตัวเองขึ้นมาได้ไหม และทันเวลาหรือเปล่า

ทันเวลากับอะไร

ปารีสเป็นดินแดนในฝันของคนรักศิลปะ เป็นหมุดหมายของนักฝันทั่วโลก
นักฝันคนแล้วคนเล่าออกเดินทางไปปารีสด้วยหวังว่าจะค้นพบบางสิ่งบางอย่างในชีวิตที่หล่นหายไป หากชีวิตคือการเดินทาง การเริ่มต้นออกเดินอาจเป็นการมุ่งไปสู่จุดหมาย ไม่ว่าที่ปลายทางจะใช่คำตอบที่กำลังตามหาหรือไม่

สำหรับฉันแค่เดินดุ่มในพิพิธภัณฑ์ลุฟช์ แวะสบตาโมนาลิซ่า ละเอียดกาแฟรสเข้มและมองดูผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาแถวจตุรัส“ชองซิลิเซ่”ก็มากเกินพอแล้ว

“ปารีส”น่าจะจุดประกายหรือดับความฟุ้งซ่านกับความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงให้มอดลงได้

การเดินทางไปปารีสอาจทำให้รูปรอยของอะไรบางอย่างที่ฉันยังไม่เข้าใจนักชัดเจนขึ้นบ้าง ไม่ว่าถึงที่สุดแล้วปารีสอาจเป็นแค่เมืองใหม่อีกเมืองในบันทึกความทรงจำจากการเดินทาง

ถ้าสิ่งที่อยากมีอยากทำ เรียกได้ว่าเป็นเป้าหมาย ฉันพบว่ามีเรื่องที่อยากทำอีกมาก เยอะจนเริ่มรู้สึกกลัวว่าชีวิตช่วงที่ยังมีเรี่ยวแรงและความบ้าบิ่นอาจน้อยเกินไป

วันเวลาที่ผ่านไปราวกับติดปีกทำให้ฉันต้องกลับมาย้อนถามตนเองซ้ำไปซ้ำมาว่าทำอะไรหล่นหายไปบ้างในระหว่างทาง

ที่ผ่านมา ไม่ได้มีเป้าหมายเป็นชิ้นเป็นอัน คิดเพียงแค่ทำหน้าที่ในความรับผิดชอบกับงานที่เลือกและรักให้ดีที่สุด

แม้จะแน่ใจว่าได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่กลับไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังรู้สึกว่าช่วงเวลาที่ผ่านเลยไม่ต่างไปจากการดุ่มเดินโดยปราศจากเป้าหมายที่ไกลพอ



เมื่อหันกลับไปมองวันคืนข้างหลังอย่างใคร่ครวญ หักลบกลบกันแล้วฉันน่าถือได้ว่ามีกำไร อาจไม่ใช่เงินทองในบัญชีเงินเดือน แต่เป็นเรื่องราวระหว่างทางจากความสุขที่ได้ทำในสิ่งรักได้มีโอกาสเดินทางไปในที่ที่หลากหลาย ได้พบเจอผู้คนมากมาย
ในจำนวนผู้คนมากมาย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่มีความหมายต่อกัน ส่วนใหญ่แค่เพียงผ่านพบไม่ผูกพัน แต่ในปลายทางอันหลากหลาย ฉันพบว่าเกือบทั้งหมดน่าจะเรียกได้ว่าเป็นความทรงจำที่ดี
ใช่หรือไม่ว่าเวลาที่ผ่านไปทำให้ความต้องการในใจเติบโตไปไกลกว่านั้น คำถามใหม่จึงเกิดขึ้นตามมา

ถ้าชีวิตบนความคุ้นเคยเดิม ไม่ตอบโจทย์ความต้องการที่ใหญ่โตขึ้น บางทีอาจถึงเวลาที่ต้องเลือกดุ่มเดินไปในเส้นทางใหม่ ๆ ที่อาจเสี่ยง และเงียบเหงากว่าเดิม

ไม่ว่าหมุดหมายข้างหน้าจะเล็กกระจ้อยร่อยหรือใหญ่โตแค่ไหน ถ้าไม่ลงมือทำก็เป็นได้แค่ความฝัน

แม้ความฝันความหวังจะหล่อเลี้ยงชีวิตให้ชุ่มชื่นได้ แต่ย่อมไม่มีใครปรารถนายืนอยู่ในฐานะนักฝันนานเกินไปนัก

จุดเริ่มต้นของคำถามใหม่อาจนำมาซึ่งจุดสิ้นสุดของบางสิ่งบางอย่าง แต่จะต้องกังวลไปทำไมเมื่อทุกครั้งที่ประตูบานหนึ่งปิดลง ประตูบานใหม่ก็จะเปิดขึ้นเสมอ

ดังนั้น“จงอย่าคิดให้นานนัก”




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 11:55:22 น.
Counter : 1031 Pageviews.  

แรงบันดาลใจ หน้ากากเสือ และวันก่อนออกเดินทาง


สายๆ วันเสาร์ หลังจัดการกับอาหารเช้าง่ายๆ เรียบร้อยแล้ว ฉันมักปลุกตัวเองด้วยกาแฟดำกาใหญ่ทำให้เช้าวันหยุดดูเข้ารูปเข้ารอยอย่างบอกไม่ถูก

ดีกว่านอนเอกเขนกไปมาบนเตียงพลางกดปุ่มหารายการน่าสนใจทางเคเบิลทีวี ซึ่งไม่ค่อยจะเข้าท่าสักเท่าไร เพราะมักหารายการดีๆ ไม่เจอ...

ตั้งแต่ซื้อเจ้า Bialetti มาก็ไม่ค่อยได้ใช้บริการ french press เท่าไร ไม่ต้องพูดถึงกาแฟสำเร็จรูป วันหยุดทั้งที่ไม่รีบไม่ร้อนอยู่แล้วจะ instant ไปทำไมกัน

เช้านี้จึงเหมือนกับเช้าวันเสาร์อื่นที่ฉันมักใช้บริการ Lavazza (Rossa espresso) เข้มข้นถึงใจดี

อีกตัวที่กำลังชอบมากๆ ชอบกว่าทุกตัวของ starbucks คือ kenya

ระหว่างไฟสีฟ้าจัดค่อยๆ อุ่นน้ำจนเดือดกลายไอร้อนแรงดันสูง ต้องระวังให้ดีถ้าไฟแรงเกินไป เผลอแว่บเดียวกลิ่นหอมๆ อาจโดนกลิ่นกาแฟไหม้กลบหมด

"หวัดดีพี่"ฉันกดรับโทรศัพท์และพูดทักทายคนที่อยู่ทางปลายสาย ถ้าเป็นสายอื่นฉันอาจไม่รับ แปลกใจเหมือนกันที่โทร.มาหากันเวลานี้ เพราะเวลาปกติของเรามักเป็นช่วงดึกดื่นค่อนคืนประสาคนนอนดึก

"เป็นไงตื่นรึยัง พี่โทร.มาปลุกรึเปล่า"เสียงใสๆ ของคนฝั่งโน่นทัก

คงไม่มีเรื่องอะไรไม่ดี ฉันคิด "ตื่นแล้วพี่ สิบโมงกว่าแล้วนะ"

"พี่จะย้ายงานแล้วนะ อยากโทร.บอกเราเอง"

เราคุยกันอีกหลายต่อหลายเรื่อง ผ่านไปนานจนเมื่อวางสาย ต้องรีบวิ่งตื๋อไปดูหม้อต้มกาแฟ โชคดีที่เปิดไฟไว้อ่อนมากถึงมากที่สุด แม้จะเหมือนได้กลิ่นไหม้นิดๆ แต่รสชาดยังดีไม่เปลี่ยน

ฉันไม่ได้แปลกใจอะไรนักกับข้อมูลใหม่ แม้จะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

"16ปีแล้ว ที่นี่ก็เหมือนบ้าน แต่ถ้าไม่เปลี่ยนตอนนี้พี่ว่าก็ยากแล้ว"

อยู่ที่ไหนนานๆ จนทุกอย่างก็ดูลงตัว ทั้งความสัมพันธ์กับผู้คน ทั้งความก้าวหน้า ทั้งค่าตอบแทน แต่ชีวิตมีอะไรมากกว่านั้น คงเหมือนการเดินทาง เราอาจมีเงินมากพอที่จะเดินทางด้วยเครื่องบินสุดหรู พักโรงแรมชั้นดี กินอาหารรสเลิศ

แต่ทำซ้ำบ่อยๆ ก็ต้องมีเบื่อ ชีวิตมีอะไรมากกว่านั้น

เส้นทางที่เราก้าวผ่าน บางช่วงชื้นแฉะ ขมุกขมัว ต้องคอยระวังทั้งหลุมบ่อ และตัวทากที่ชูคอรอจังหวะดีดตัวเองมาเกาะแข้งเกาะขา แต่ถ้าเตรียมตัวมาดีพอ หล่มโคลน และฝูงทากก็เป็นรสชาดชีวิตที่น่าจดจำ

เป็นประสบการณ์ เป็นร่องรอยของอดีต

16 ปีเป็นเวลาที่ยาวนาน แต่เมื่อเราคิดย้อนกลับไป กลับรู้สึกว่าเราก้าวผ่านปีแล้วปีเล่ามาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

ชีวิตบางช่วงหมุนเร็วอย่างนี้เอง

"ถ้าไม่เปลี่ยนตอนนี้ก็...."



เหมือนที่ฉันคิดว่า ถ้าไม่ออกเดินทางตอนนี้ จะเป็นเมื่อไรกัน

สำหรับฉัน อายุไม่ได้ทำให้ความเป็นเด็ก ความกระตือรือล้นในใจเหือดหายหรือโรยรา แต่มาพร้อมภารกิจที่มากกว่าการนึกถึงแค่ตัวเอง

ฉันเคยคิดว่าถ้าเด็กกว่านี้ ถ้าคิดแบบนี้เร็วกว่านี้ก็คงดี จะแบกเป้เดินดุ่มๆ ไปไหนต่อไหนง่ายกว่าเยอะ แต่ไม่หรอก ไม่ใช่เพื่อหาเหตุผลมาปลอบโยนตัวเอง

ใคร่ครวญดีๆ นอกจาก คุณภาพย่อมดีกว่าปริมาณแล้ว ข้อจำกัดทั้งเรื่องเวลา ร่างกาย และเงินทำให้เราต้องวางแผน และเตรียมตัว โอกาสที่จะเสียเวลา เสียเงินไปกับเรื่องไม่เข้าท่า น่าจะน้อยกว่า(รึเปล่า)

ฉันมองเห็นปลายทางข้างหน้าค่อนข้างชัดว่าตัวเองต้องการอะไร แต่ยังมองไม่เห็นว่าจะไปถึงตรงนั้นได้ไหม ช้าหรือเร็ว

จะใหญ่โตเกินไปไหม มันจะเป็นแค่ฝันในที่สุด หรือมีโอกาสเป็นไปได้

ความฝันกับความจริงบางครั้งมีแค่เส้นบางๆ ที่แยกมันออกจากกัน

ระหว่างนั้น

"ปารีส โปรเจ็คต์"ก็เริ่มต้นขึ้น

ปีที่แล้วคิดว่าจะไปโมร็อกโก แต่เมื่อคิดดีแล้ว นอกจากปารีสน่าจะเป็นตัวเองมากกว่า ยังน่าจะได้รับเสียงตอบรับจากใครสักคนหรือหลายคน เผื่อว่าถ้าไม่อยากเดินทางคนเดียว

พิพิธภัณฑ์ลุฟท์ บ้านโมเน่ต์ และเช็คสเปียร์แอนด์คัมปะนี

ชายหนุ่มผู้ซึ่งเลือกนิกเนมของตัวเองว่า "alice"ทักทายมาทางบีบี

หนุ่มผู้นิยมชมชอบการไว้เคราปกคลุมใบหน้า ทำให้หน้าตาที่ดูเข้มขรึมอยู่แล้วเข้มขึ้นไปอีก

ภายใต้เคราครึ้ม และหน้ากากเสือที่เขาสวมใส่ เพิ่งพินิจดูดีๆ จะเห็นว่าเป็นแมวเหมียวตัวใหญ่ต่างหากล่ะ

ก่อนหน้านี้เราเคยคุยกันถึงเรื่องการเดินทางมาบ้าง แต่วังเวียง โมร็อกโก และเนปาลคุโชนขึ้นในค่ำคืนนั้นแล้วก็ดับวูบไป

บางทีแอลกอฮอล์ในไวน์ และเบียร์ดาวแดงไม่ต่างจากน้ำมันไฟแช็คที่เราราดรดบนกองฟืนที่เรานั่งล้อมวงในค่ำคืนอันหนาวเหน็บ

น้ำมันทำให้ไฟในกองฟืนลุกโชน เราอุ่นเร็วขึ้นแต่ไฟก็มอดดับเร็วขึ้นด้วย

"พี่หาหนังสือเล่มนี้มาอ่านดิ ฉันพิมพ์ชื่อหนังสือทางบีบี"

"ปารีส พำนัก คน/รัก หนังสือ"คือหนังสือเล่มนั้น

หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงทำให้ "ปารีส"หมุดหมายในการออกเดินทางของฉันคมชัดขึ้นเท่านั้นยังช่วยจุดแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นเขียนที่มากกว่า การเขียนในหน้าที่การงาน

"พี่ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูนะ"

เช็คสเปียร์แอนด์โคในหนังสือ เป็นมากกว่าร้านหนังสือธรรมดาๆ

มากกว่าร้านหนังสือ เช็คสเปียร์แอนด์คัมปะนีให้ที่พักพิงกับผู้คนหลากหลายที่มา

มากกว่านักเดินทางมือสมัครเล่น นักอยากเขียน และอีกนักต่อนัก

ผู้คนที่หยุดพักที่นี่ปีแล้วปีเล่าเป็นมนุษย์จำพวกเดียวกัน ที่ต่างมีหรือเคยมีความฝันยิ่งใหญ่

บ้างหยุดพัก และไปต่อ บ้างไปต่อและหมุนวนกลับมา

มากกว่าลุฟต์ บ้านโมเน่ต์ ทุ่งลาเวนเดอร์ หรือหอไอเฟล

"เช็คสเปียร์แอนด์คัมปะนี"เป็นมากกว่านั้น ไม่ว่าร่องรอยแห่งอดีตจะหลงเหลือแค่ไหนในวันที่ฉันไปถึง

ก่อนเป็นเช็คสเปียร์แอนด์โค ร้านหนังสือของจอร์จ วิทช์แมน ชื่อว่า "เลอ มิสตราล" (ชื่อพายุใหญ่ที่พัดผ่านตอนใต้ของฝรั่งเศส และเป็นชื่อเล่นที่จอร์จเรียกแฟนสาวที่เขาคบอยู่ตอนนั้น)

"ให้เท่าที่ให้ได้ รับเท่าที่จำเป็น"เป็นคติประจำใจที่ทำให้จอร์จและเช็คสเปียร์เดินทางมานานกว่า 50 ปี

นอกจากมีหนังสือให้ยืมอ่านฟรีถ้าไม่อยากซื้อหรือไม่มีเงิน เตียงหลังร้านยังว่างเสมอ สำหรับมิตรสหาย และแขกผู้หิวโหย

"พอล เอเบลแมน"นักเขียนบทละครชาวอังกฤษ ผู้ซึ่งต่อมามีผลงานเขียนอีกหลายเล่ม เป็นนักเขียนคนแรกที่จอร์จให้ที่พักพิง (19สิงหาคม 1951)

เหมือนที่ "พอล"บอก "มันไม่น่านอน และนอนไม่สบายเลยจริงๆ แต่ จอร์จ มีน้ำใจมาก และผมก็ไม่มีที่ไปที่อื่น"

มากกว่าลุฟต์ บ้านโมเน่ต์ ทุ่งลาเวนเดอร์ หรือหอไอเฟล คือ"เช็คสเปียร์แอนด์คัมปะนี"

จุดหมายหนึ่งในปารีสที่เป็นมากกว่าร้านหนังสือร้านหนึ่ง

ไม่ว่าร่องรอยแห่งอดีตจะหลงเหลือแค่ไหนในวันที่ฉันไปถึง















 

Create Date : 27 มีนาคม 2553    
Last Update : 27 มีนาคม 2553 14:13:22 น.
Counter : 504 Pageviews.  


cherydnk
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add cherydnk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.