สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
Group Blog
 
All Blogs
 

ความสุขเล็กๆ

คนส่วนใหญ่มักอายที่จะยอมรับความล้มเหลวพ่ายแพ้ หลายครั้งจึงเลือกที่จะไม่ก้าวออกจาก "คอมฟอร์ทโซน" แม้ว่าจะรู้สึกเบื่อแสนเบื่อแค่ไหน การเริ่มต้นใหม่ยากเสมอ เพราะไม่ได้ใช้แค่ความกล้าในการผลักดันให้ก้าวเดิน ยิ่งอายุมากขึ้นแต่ละก้าวยิ่งยาก

สำหรับคนที่ยังไม่คิดเดินออกจาก "คอมฟอร์ทโซน" จะเพราะกลัวหรือพึงพอใจกับงาน หรือคิดว่าชีวิตลงตัวดีแล้ว ระหว่างทางยังไงก็ต้องมีกันบ้างที่รู้สึกเบื่อหน่าย ขาดแรงบันดาลใจ งานที่เคยสนุกไม่สนุกไม่กระตือรือร้นเหมือนเคย มีและเป็นกันทั้งนั้น

ความรู้สึกเนือยและเบื่อหน่ายกลับมาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราว ไม่ว่าจะจากตนเองหรือคนอื่น คิดอีกมุมทำให้เราได้ตั้งคำถามหาคำตอบให้กับตนเองในแต่ละจังหวะที่เราเผชิญหน้ากับมัน

สิ่งที่เราเลือก และคิดว่า ใช่ เมื่อเวลาผ่านไปยังคงใช่หรือเปล่า

ความเบื่อหน่าย ขาดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ถ้าไม่สามารถสลัดหลุดออกไปได้จะทำให้เราไม่มีความสุข แม้กับสิ่งที่เราเคยคิดว่า เลือกแล้วว่าใช่

ไลฟ์สไตล์ ความชื่นชอบ และความหลงใหลอะไรบางอย่างอาจไร้สาระในสายตาคนอื่น ถ้าหาเจอจะทำให้เรารักษาสมดุลในการใช้ชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อ
กับคนอื่นไม่รู้ แต่กับตนเองเป็นแบบนั้น

3 ปีก่อนตอนเริ่ม "วิ่ง" ออกกำลังกายตอนเช้า จำได้ว่ายากแสนยาก เริ่มต้น และล้มเลิกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เกือบทุกครั้งมีข้ออ้างที่สมเหตุสมผลสำหรับตนเองในการล้มเลิก

เช้าวันแรก ๆ ที่เริ่มวิ่ง วิ่งได้แค่ช่วงสั้น ๆ ก็เหนื่อยหอบจนตัวโยน หายใจไม่ทัน แต่ละเช้าที่พยายามเพิ่มระยะทางในการวิ่ง ช่างแสนทรมาน แต่กับทุกเรื่องเมื่อผ่านการทำซ้ำบ่อย ๆ ก็จะทำได้ดีขึ้น

คงเหมือนกับที่ "ธนา เธียรอัจฉริยะ" อดีตผู้บริหารดีแทค และแมคยีนส์ ล่าสุดมารับตำแหน่ง ซีอีโอ "จีเอ็มเอ็ม แซท" (ทีวีดาวเทียม ธุรกิจใหม่ใต้ชายคาบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่)

"ธนา" บอกว่า กว่าที่จะออกไปยืนพูดบนเวทีได้อย่างทุกวันนี้ ไม่ได้เกิดจาก "พรสวรรค์" แต่เกิดจากการฝึกฝนและทำซ้ำ

เมื่อก่อนการออกไปยืนพูดบนเวทีต่อหน้าคนเยอะ ๆ เป็นเรื่องยากมาก ๆ สำหรับเขา เพราะนอกจากจะประหม่าสุด ๆ แล้ว หลังพูดแทบทุกครั้งจะรู้สึกปวดท้อง มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เหมือนอาหารไม่ย่อย

แต่ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบ เมื่อเลี่ยงการขึ้นพูดบนเวทีไม่ได้ ก็ไม่หนี จึงต้องคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้นให้ได้

"ธนา" จึงกลับมาฝึกพูดด้วยตนเองหน้ากระจกทุกวัน และวันไหนมีคิวต้องขึ้นพูด เขาจะเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย เน้นผักผลไม้เป็นหลัก

เมื่อฝึกฝนทั้งด้วยตนเอง และไม่อายที่จะออกปล่อยมุขแป้กบนเวทีบ่อย ๆ ผ่านไปสักพักก็ทำได้ดีขึ้น

ทุกวันนี้ "ธนา" กลายเป็นผู้บริหารคิวทอง ที่องค์กรต่าง ๆ เชิญไปพูดบ่อย ๆ
เช่นกันกับการ "วิ่ง" เมื่อฝืนวิ่งจนเข้าที่ ก็วิ่งได้นานขึ้น และไกลขึ้นกว่าเดิม และยังได้ค้นพบด้วยว่า มากกว่าความสามารถของร่างกาย เป็นเรื่องของ "หัวใจ"

ความเชื่อมั่นและทัศนคติสำคัญมาก หลายเช้าที่ไม่ได้มัวจดจ่อกับระยะทาง แค่บอกตนเองว่า เราทำได้ วันนั้นจะวิ่งได้ไกลขึ้น และนานขึ้น

บางเช้าไกลขึ้นมาก บางเช้าไกลกว่าปกติแค่ไม่กี่ก้าว ก้าวเล็ก ๆ ของความสำเร็จ ทำให้เราสัมผัสความสุขได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อ "วิ่ง" จนเป็นกิจวัตรจะรู้สึก "เสพติด" เช้าไหนไม่ได้วิ่งจะรู้สึกไม่สดชื่น แม้จะนอนดึกแสนดึกแค่ไหนก็ยังมีแรงตื่นมาวิ่งตอนเช้าได้

ถึงอย่างนั้น ถ้าไม่ได้วิ่งหลาย ๆ วัน ความรู้สึกขี้เกียจจะกลับมา ทำให้ต้องเริ่มต้นท้าทายตนเองอีกครั้ง

การเริ่มต้นวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าสำหรับตนเอง ไม่ได้มีเหตุผลว่าต้องการมีสุขภาพแข็งแรง แต่ทำเพราะอยากหาเป้าหมายเล็ก ๆ ให้ตนเอง
แค่อยากลองทำอะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะทำบ้างแค่นั้น ถึงจะแค่นั้น การเริ่มต้น และความพยายามในการรักษาความต่อเนื่องก็ไม่เคยง่าย

ทุกเช้าหลังวิ่งเสร็จ ฉันมักใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง นั่งเล่นเตรียมน้ำร้อนใส่กระติกมาชงชา หยิบหนังสือมาอ่านแกล้มไปด้วยบ้าง บางเช้าก็แค่นั่งจิบชาชมนกชมไม้ไปเรื่อยเปื่อย

เหนือสิ่งอื่นใด ได้พบคำตอบว่า การเติมความสุขให้ตนเองทำได้ง่ายนิดเดียว และไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมาก เพียงแค่ "ต้องหาให้เจอ"

ชั้น5ประชาชาติ ฉบับวันที่ 17 พ.ค.2555

 




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2555 9:28:41 น.
Counter : 919 Pageviews.  

ความหลงใหล-แรงบันดาลใจและพลังของหยดน้ำ

ความหลงใหล หรือ passion จุดไฟในใจให้ลุกโชน เป็นไฟที่ไม่ได้มีอานุภาพเผาผลาญทำลายล้าง แต่กระตุ้นเร้าและขับดันให้เรากระตืนรือล้นที่จะทำในสิ่งที่เราหลงใหลอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าจะทำอะไร จากจุดเริ่มต้นถึงปลายทาง หากมี passion อุปสรรคระหว่างทางเป็นแค่บททดสอบ

หลายครั้งที่มีโอกาสพูดคุยกับนักธุรกิจหรือผู้บริหารมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกัน คือ ความหลงใหลในสิ่งที่ตนเองกำลังทำ


การบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแคมเปญการตลาด หรือโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ของเขาเหล่านั้นจึงมักเต็มไปด้วยความสนุก และมีสีสัน แม้ต้นคิดแคมเปญจะจุดประกายมาจากผู้นำโปรเจ็กต์ หรือแม้แต่คนหนึ่งคนใดในทีม แต่ความสำเร็จหลังจากนั้นมีที่มาจาก “ทีมเวิร์ก”


คุณสมบัติของ “ผู้นำที่ดี” ไม่ว่าจะในหน่วยงานเล็กๆ หรือองค์กรขนาดใหญ่ คือ นักสร้างแรงบันดาลใจเพื่อนำพาทีมงานก้าวเดินไปยังหมุดหมายเดียวกัน

“คำสั่ง”อาจกำกับให้คนทำงานในหน้าที่ แต่ “แรงบันดาลใจ”สร้างพลัง และขับเคลื่อนทีมเวิร์ก

ระหว่างทางในการเดินไปสู่จุดหมายที่ยาวไกลยังเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

“ผู้นำ”จึงต้องเป็นนักสร้างแรงบันดาลใจด้วยในคราวเดียวกัน
การลงมือลงแรง “ทำ”ของผู้นำก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับทีมได้เช่นกัน เป็นพลังบวกจากหยาดเหงื่อ หลายครั้งดีกว่าคำพูดสวยหรูที่จับต้องไม่ได้


นึกถึง “ซีอีโอ”ดีแทคสมัยหนึ่งที่ลุกขึ้นมาเต้น สมบทบาทนักร้องนักแสดงเป็นพรีเซ็นเตอร์ในงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญการตลาดครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากสร้างปรากฎการณ์ใหม่ ๆ ในวงการธุรกิจแล้วยังมีความตั้งใจที่จะปลุกเร้าทีมงานให้เลิกอิดออดกับการทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ

เมื่อผมยังกล้า คุณจะไม่กล้าได้อย่างไร


ช่วงที่ “ดีแทค”เผชิญวิกฤตในองค์กร สถานะธุรกิจย่ำแย่ “ผู้นำ”องค์กรในขณะนั้นต้องใช้เวลานับร้อยชั่วโมงพูดคุยกับทีมงานหลายพันคน ต้องออกเดินทางไกลหลายพันกิโลเมตรเพื่อไปพบปะพนักงานทั่วประเทศ บอกเล่าเป้าหมาย และกระตุ้นเร้าให้พนักงานในองค์กรร่วมแรงร่วมใจกันพลิกฟื้นบริษัทขึ้นมาอีกครั้ง

การสื่อสารภายในองค์กรมีความสำคัญมาก ยิ่งในองค์กรขนาดใหญ่ ยิ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงการ “สื่อ”และ “ส่ง”สารเพื่อให้คนทั้งหมดในองค์กรมองเห็นเป้าหมายเดียวกัน


“คุณบุญชัย เบญจรงคกุล”อดีตผู้ก่อตั้งและเจ้าของ “ดีแทค”เคยเปรียบเปรยพลังของ “หยดน้ำ”ไว้ว่า น้ำมีความอดทนมาก ไม่มีใครทำลายได้ เอาไปต้มจนระเหยไปหมด เดี๋ยวก็ตกลงมาเป็นฝน เอาไปแช่แข็งก็ละลายเป็นน้ำได้อีก
และเมื่อหยดน้ำรวมกันก็จะกลายเป็น “แม่น้ำสายใหญ่”ที่มีพลังมหาศาล ให้ทั้งความชุ่มชื้น และชีวิต


เมื่อไรที่พนักงานส่วนใหญ่ในองค์กรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะเกิดพลังมหาศาล เปรียบได้กับหยดน้ำที่รวมกันเป็นสายน้ำใหญ่
เมื่อทำได้ครั้งหนึ่ง ความสำเร็จครั้งต่อๆ ไปก็จะตามมา

แต่ไม่มีความสำเร็จใดที่คงอยู่ตลอดไป

การสร้างพลังขับเคลื่อนผลักดันองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าจึงต้องทำอย่างต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ธุรกิจ และสถานะองค์กรที่เปลี่ยนแปลงไป

บริษัทที่อยู่ได้ยาวนาน ไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทที่ใหญ่โต หรือมียอดขายมากมาย แต่เป็นบริษัทที่สามารถปรับเปลี่ยนตนเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และผู้บริโภคได้ตลอดเวลา

ชั้น5ประชาชาติ @cheryPrachachat





 

Create Date : 12 กันยายน 2554    
Last Update : 12 กันยายน 2554 16:49:06 น.
Counter : 517 Pageviews.  

ระหว่างทางในร้านหนังสือ

ระหว่างทางในร้านหนังสือ

เมื่อก่อนถึงงานสัปดาห์หนังสือทีไรต้องเตรียมตัวเตรียมตังค์ไปช้อป เพราะมีหนังสือใหม่ๆ ราคาพิเศษให้เลือกซื้อเพียบ ไปแต่ละครั้งหอบหิ้วพะรุงพะรัง หมดเงินไม่ใช่น้อยเพื่อที่จะพบว่าในบรรดาหนังสือหลายเล่มที่ซื้อมาอ่านได้ไม่ถึงครึ่ง

ช่วงหลังถึงงานสัปดาห์หนังสือทีไรจึงเป็นช่วงเวลาแห่งการ “ข่มใจ” ไม่ไปเดินทั้งในงานหนังสือและตามร้านทั่วไป
จบงานแล้วค่อยกลับมาใช้ชีวิตเดินห้างแว่บเข้าร้านหนังสือตามเดิม งานสัปดาห์หนังสือเมื่อเร็วๆ นี้ก็ด้วย

หลังจบงานไม่นาน แวะไปร้านหนังสือดังในห้างสรรพสินค้ากลางเมือง เห็นหนังสือปกใหม่จัดโปรโมชั่นลดพิเศษเพียบ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรองานหนังสือก็ได้ซื้อหนังสือใหม่ลดราคา ถูกใจนักอ่าน แต่ทำให้นึกถึงร้านหนังสือเล็กๆ นับวันยิ่งอยู่ยากขึ้นทุกที

ใครคิดเปิดร้านขายหนังสือต้องรักหนังสือ รักการอ่าน และมีรสนิยมในการเลือกหนังสือดีๆ มาไว้ในร้าน ความหลากหลายของหนังสืออาจไม่มากนัก แต่ความรู้เกี่ยวกับนักเขียน และเรื่องราวระหว่างทางของหนังสือแต่ละเล่ม รวมเข้ากับความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ร้านหนังสือเล็กๆ มีเสน่ห์กว่าร้านใหญ่

คนรักการอ่านยินดีจ่ายเงินซื้อหนังสือตามราคาปกในร้านหนังสือเล็กๆ เพียงแต่ไม่มีโอกาสไปอุดหนุนบ่อยนัก ร้านหนังสือที่มีเครือข่ายในห้างสรรพสินค้าใหญ่จึงยึดครองพื้นที่ขายไปเกือบหมด

ระบบทุนนิยมที่สู้กันด้วยกำลังเงินทำให้ที่ทางของคนตัวเล็กคับแคบ และแสนสั้น “ร้านหนังสือของคนตัวเล็ก”จึงมักมีอายุไม่ยืนยาว ถ้าจะอยู่ให้ได้นานต้องอึดพอ ลำพังรายได้จากการขายหนังสืออย่างเดียวคงไม่พอ ต้องหาสินค้าอื่นมาเสริม บางร้านแบ่งมุมเล็กๆ ในร้านขายชา, กาแฟ หรือของใช้จุกจิกมีดีไซน์

ระหว่างความรัก ความสุข และความอยู่รอดไปด้วยกันได้ไม่ดีนัก



แต่ที่ทางของคนตัวเล็กในธุรกิจอื่นก็ไม่ต่างกันนัก ร้านโชวห่วยเล็กๆ ที่ยังพอเบียดแทรกอยู่ในชุมชนได้ ส่วนใหญ่อยู่กันได้ เพราะอยู่แบบพอเพียง ใช้บ้านเป็นทั้งร้านขายของและอยู่อาศัยด้วย

การรักษาที่ทางของตนเองท่ามกลางโลกทุนนิยมไร้พรมแดน มีแค่ความฝัน และความตั้งใจไม่พอ ทำอะไรโดยไม่วางแผนให้ดี โอกาสเจ็บตัวมีมากกว่าทางรอด ประกายในดวงตาของเจ้าของร้านหนังสือ ร้านกาแฟเล็กๆ จึงแช่มชื่นอยู่ได้ไม่นาน

หลายเดือนก่อน แถวบ้านมีร้านกาแฟเล็กๆ เปิดใหม่ตกแต่งน่ารัก ขับรถผ่านหลายครั้งตั้งใจจะแวะก็หลายหนไม่ได้ไปสักที เพราะออกมาทำงานแต่เช้า กว่าจะได้กลับบ้าน ร้านก็ปิดไปแล้ว ร้านกาแฟที่ไหนจะปิดดึกดื่นรอลูกค้าอย่างเรา

วีคเอ็นด์ที่ผ่านมาตั้งใจไปเต็มที่ เห็นแต่แผ่นกระดาษเปียกน้ำ มีสีจางของปากกาหมึกซึมเขียนไว้ว่า ให้เช่า และเซ้งต่อ

นึกถึงตอนร้านนี้เปิดร้านใหม่ๆ แอบเห็นเจ้าของร้านมาเปิดร้านปัดกวาดเช็ดถูโต๊ะไม้เล็กๆ หน้าร้านตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้า ท่าทางกระตือรือล้น และยิ้มแย้ม น่าเสียดายที่เปิดได้ไม่กี่เดือน

การพยายามสร้างความฝันในโลกความจริงไม่เคยง่ายดาย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความรู้สึกตอนเปิดร้านกับตอนที่ต้องตัดสินใจปิดจะแตกต่างกันสักแค่ไหน ได้แต่หวังว่าความฝัน และความหวังที่หล่นหายระหว่างทางจะไม่ทำให้เขาหยุดปั้นความฝันใหม่ๆ

ความล้มเหลวครั้งล่าสุด อาจฉุดรั้งให้เราไม่มีกำลังพอที่จะลุกขึ้นมาเร็วนัก และไม่กล้าเริ่มต้นอีก อย่าลืมว่าความกลัวไม่ช่วยอะไร ถ้าจะเริ่มใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนนัก ขอเพียงไม่หมดกำลังใจ และไม่ลืมบทเรียน

เบื้องหลังความสำเร็จของนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่หลายคนบาดเจ็บล้มเหลวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน บางทีถ้าเนื้อหาในหนังสือขายดีบนชั้นหนังสือในบ้านเราเลือกเขียนบทเรียนจากความล้มเหลวมากกว่านี้ก็คงดี

ความสำเร็จจะได้ไม่สวยหรูเกินจริง หรือทำให้ใครหลงผิดคิดว่าเงินทองและความสำเร็จได้มาง่ายๆ

โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ความล้มเหลวอาจเป็น “ราคา”ของความสำเร็จที่เราต้องไม่ลืมว่า บางครั้งก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายบ้าง แม้จะไม่อยากสักแค่ไหนก็เถอะ



ชั้น5ประชาชาติ ฉบับวันจันทร์ที่ 16 พ.ค.2554















 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2554 15:00:47 น.
Counter : 621 Pageviews.  

ความล้มเหลว และการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง

ช่วงนี้หลายคนรอบตัวมีอาการคล้ายคลึงกัน อาจเพราะสิ่งแวดล้อม และช่วงวัยไม่ห่างกันมากนัก อารมณ์ร่วมต่อสิ่งที่วิ่งเข้ามากระทบจิตใจจึงแสดงออกไม่ต่างกัน แต่แต่ละคนมีวิธีจัดการกับตัวเองแตกต่างออกไป

บ้างวิ่ง บ้างเดิน บ้างรอคอย ไม่มีถูกไม่มีผิด…

พลพรรคคนคิดบวกเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า "สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ" แต่คนหมู่มากที่มองโลกตามความเป็นจริงบอกว่า "สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นไม่จำเป็นต้องดี"ต่างหาก ที่สำคัญกว่าคือจัดการกับสิ่งที่คิดว่าไม่ดีอย่างไร บ้างพยายามลืม บ้างจดจำเพื่อที่จะไม่ทำซ้ำอีก

ความทรงจำมีทั้งดีและไม่ดี เรื่องที่สมควรจดจำหลายครั้งเราจำได้อย่างลางเลือน แต่กับเรื่องไม่ควรจำกลับสนิทแนบแน่นในใจ ปล่อยไม่ได้วางไม่ลง

ว่ากันว่าเมื่อคนเราอายุเข้าใกล้เลข 3 หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย จะเริ่มต้นสำรวจตรวจตราตนเอง เมื่อสิ่งที่กำลังทำไม่อาจเรียกได้ว่าเข้าใกล้ความสำเร็จ หากวัดจากมาตรฐานปกติ ที่หมายถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือเงินทอง เราจะเริ่มรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกับอนาคตข้างหน้า

"สตีฟ จ็อบ"แห่งแอปเปิลเคยพูดว่า เราสามารถเรียนรู้จากอดีต แต่ไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ แต่ทุกสิ่งที่เราตั้งใจทำ และเรียนรู้ในวันนี้จะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า แต่จะรู้ได้เองเมื่อวันนั้นมาถึง

เดือนกุมภาพันธ์โบกมือลาไปแล้ว อีก 10 เดือนก็จะหมดไปอีกปี

ถ้าคิดถึงแต่วันพรุ่งอีก 10 เดือนข้างหน้า เราอยากรู้สึกกับตัวเองแบบไหน?

สอบได้คะแนนดีขึ้น มีเงินเก็บเพิ่มขึ้น วิ่งได้นานขึ้น หรือก็แค่แก่ขึ้นอีกปี??

อะไรคือเป้าหมายในปีนี้ ในอีก 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า คำตอบที่เราค้นหาจนเจอในแต่ละช่วงเวลาจะบอกได้ว่าเราจำเป็นต้องเข้มงวดกับตนเองแค่ไหนในเวลาที่เหลืออยู่



กิจวัตรประจำวันที่ "สตีฟ จ็อบ"ทำทุกเช้าหลังตื่นนอน คือส่องกระจกแล้วถามตนเองว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตเขาจะยังทำอย่างที่กำลังทำในวันนี้หรือไม่

ถ้าคำตอบคือไม่ติดต่อกันหลายวัน นั่นหมายความว่า ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง

"จ็อบ"ยังบอกอีกว่า ชีวิตคนเราถูกพันธนาการด้วยสิ่งต่างๆ มากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยจากภายนอก ทั้งความสำเร็จ ความคาดหมายของคนอื่น ความภูมิใจ ความกลัวล้มเหลวอับอาย แต่เมื่อคุณรู้ว่ากำลังจะตาย
พันธนาการเหล่านั้นจะหายไปเหลือไว้แต่สิ่งที่เป็นความปรารถนาจริงๆ

"จ็อบ"เล่าเรื่องนี้จากประสบการณ์ของตนเองเมื่อหลายปีก่อนที่รู้ตัวว่า ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อน และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ทุกคนมีเวลาจำกัด จงอย่าเสียเวลากับพันธการของคนอื่น อย่ามีชีวิตโดยกังวลว่าคนอื่นจะคิดกับเราอย่างไร หรือพูดถึงเราอย่างไร ดังนั้นจงอย่ารอช้าที่จะค้นหาจริงๆ ว่าเราต้องการทำอะไรในชีวิต และจงเดินตามหาความฝัน ความปราถนานั้น…

"จ็อบ"รักษาตัวจนรอดตายมาได้อย่างปฏิหารย์ทำให้หลังจากนั้นเขาได้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้ "แอปเปิล"อีกมากมาย ทั้งไอพ็อด ไอโฟน และไอแพด

แม้เขาจะใช้เวลาทุกนาทีอย่างรู้คุณค่า แต่โรคร้ายก็ไม่ปล่อยให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ ไม่มีใครรู้ว่าครั้งนี้ "จ็อบ"ตั้งหลักกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างไร ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่เสียใจ

Stay hungry stay foolish จงกระหายที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ ถ้ารู้ตัวว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง อย่ารอช้าค้นให้เจอว่า ต้องการทำอะไร และจงเดินตามหามัน

ในระหว่างทางเรา สิ่งที่เราทุกคนล้วนไม่อยากเจอคือความล้มเหลว

"เจ.เค. โรวลิ่ง"เจ้าของนิยายขายดีติดอันดับโลก เรื่อง"แฮรี่ พ็อตเตอร์"พูดถึงประโยชน์ของความล้มเหลวจากประสบการณ์ของตนเองว่า ความล้มเหลวจะบังคับให้เราถอดรื้อสิ่งต่างๆ ที่ไม่สำคัญ และเลิกหลอกตนเองว่าฉันเป็นอะไรได้มากกว่าที่ฉันเป็น

ความล้มเหลวทำให้ เธอทุ่มเทพลังงานให้กับการทำงานเพียงชิ้นเดียวที่สำคัญให้เสร็จ นั่นคือการเขียนนิยาย เพราะรู้ว่า เป็นสิ่งเดียวที่เธอต้องการทำทั้งชีวิต

แม้จะไม่รู้ว่าปลายทางของความสำเร็จจะมาถึงเมื่อไร

"ฉันไม่ได้ต้องการบอกว่า ความล้มเหลวเป็นเรื่องสนุก ชีวิตฉันช่วงนั้นเป็นชีวิตที่ดำมืด และไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งที่สื่อมวลชนนำเสนอหลังจากนั้นว่าเป็นการคลี่คลายอันน่าอัศจรรย์ราวกับนิทานสำหรับเด็ก…

…ความล้มเหลวมอบความมั่นคงทางจิตใจให้ฉัน ซึ่งฉันไม่เคยได้รับจากการสอบผ่าน ความล้มเหลวสอนฉันในเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับตัวฉันเอง ซึ่งฉันไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยวิธีอื่น ฉันค้นพบว่า ฉันมีความมุ่งมั่นแรงกล้า และมีวินัยมากกว่าที่เคยคาดคิด"

"เจ.เค. โรวลิ่ง"เขียนแฮรี่พ็อตเตอร์จนเสร็จขณะว่างงาน ต้องเลี้ยงลูกสาวตามลำพัง และเลี้ยงชีพด้วยเงินสังคมสงเคราะห์ อาศัยอยู่ในแฟลตสกปรกที่มีหนูชุกชุมจนต้องนำลูกไปเลี้ยงที่ร้านกาแฟของน้องเขย

หลังโดนปฏิเสธจากสำนักพิมพ์หลายแห่ง ในที่สุด "แฮรี่พ็อตเตอร์"ก็ได้รับการตีพิมพ์ ในปี 1997 ด้วยยอดไม่ถึงพันเล่ม ก่อนสร้างปรากฎการณ์ในอเมริกาในปีต่อมา และประสบความสำเร็จไปทั่วโลก มียอดขายกว่า 400 ล้านเล่ม ได้รับการแปลแล้ว 65 ภาษา

"แฮรี่พ็อตเตอร์"ยังเป็นหนังสือชุดขายดีเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์รองจากคัมภีร์ไบเบิล และสรรนิพนธ์เหมาเจ๋อตุง (สุนทรพจน์ฉบับเต็มของ"เจ.เค โรวลิ่ง"หาอ่านได้ในหนังสือ"วิชาสุดท้าย"ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน 2 แปลและเรียบเรียงโดย สฤณี อาชวานันทกุล)

ชั้น5ประชาชาติ (14มี.ค.2554)




 

Create Date : 16 มีนาคม 2554    
Last Update : 16 มีนาคม 2554 9:06:00 น.
Counter : 790 Pageviews.  

นอกห้องเรียน

“โรงเรียน โลกกว้าง และความจริง”


ตอนยังเป็นนักเรียน นอกจากตำราที่ต้องอ่านเองแล้ว ครูบาอาจารย์ที่พร่ำสอนในห้องเรียน คือ ผู้ประสิทธิประสาทวิชาความรู้ จากไม่เคยรู้ก็ได้รู้ โลกแคบๆ ของเด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นทีละน้อย เมื่อถึงเวลาออกไปเผชิญโลกในชีวิตจริง ความรู้ที่อ่านจากในตำราที่ได้จากห้องเรียนอาจหายหกตกหล่นไปบ้าง แต่ประสบการณ์เพิ่มพูนขึ้น

วิชาหนังสือพิมพ์ในรั้วมหาวิทยาลัยสอนให้เรารู้จักวิธีการตั้งคำถาม การมองประเด็น การเขียนข่าว เขียนรายงาน เขียนสกู๊ป บทความ และอีกสารพัดรูปแบบงานเขียนที่มีอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอน แต่การเขียน เขียน และการฝึกปรือฝีมือเกิดขึ้นหลังจากนั้น ด้วยการลงมือทำ

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือการได้พบว่า ครูในชีวิตจริง ไม่ได้มีแค่คนที่พร่ำสอนดุด่าวิจารณ์งานเขียนของเรา ที่มีนับไม่ถ้วนคือคนที่สอนเราด้วยการกระทำ และอีกไม่น้อยหยิบยื่นโอกาสให้เราได้ลงมือเรียนรู้ถูกผิดด้วยตนเอง

บทเรียนจากการกระทำอยู่กับเราได้นานกว่าการท่องจำ
“โอกาส”อาจไม่มีมาตรวัดในการตีราคาค่างวด บางคนโชคดีมีคนหยิบยื่นให้ บางคนต้องไขว่คว้าตะเกียกตะกาย ว่ากันว่าคนส่วนใหญ่จะรู้ “ค่า” เมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่ผ่านเข้ามา หรือต้องแสวงหาเอาเอง ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ หรือล้มเหลว เราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อไม่ปล่อยให้มันผ่านไป
คนมองโลกด้วยรอยยิ้มเปรียบคุณค่าของ “โอกาส”ที่ผ่านเข้ามา เหมือนการมี“แฟน” ทำไมเขาไว้ใจเลือกเรา? ไม่ใช่คนอื่น?? ในทางกลับกัน ถ้าปล่อยโอกาสนั้นผ่านไป ความรู้สึกที่ได้คงไม่ต่างอะไรกับตอนที่เขาคนนั้นเดินจากเราไป

การได้ทำในสิ่งที่รักย่อมถือเป็นโชคดี สิ่งที่ได้เรียนรู้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้ได้ตระหนักว่า ความสนุกทำให้เวลาหมุนไปเร็วมาก เงยหน้าขึ้นมาอีกทีจึงรู้ว่าหลงลืมอะไรบางอย่างไป แม้ไม่ถึงกับเสียใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เสียดาย แต่มีประโยชน์อะไรที่จะพร่ำบอกตนเองว่า ถ้า… รู้อย่างนี้จะไม่

“สิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ” อย่าไปเสียเวลาพร่ำบ่นถึงวันคืนที่ผ่านเลย จงเริ่มต้นออกแบบชีวิตที่เราต้องการในวันพรุ่งนี้เสียแต่วันนี้

วันก่อนนอนดูทีวี แขกรับเชิญในรายการเป็นผู้บริหารในแวดวงการเงินพูดถึงแนวทางในการเริ่มต้นเก็บเงินด้วยการตั้งโจทย์ง่ายๆ โดยให้ถามตนเองว่า ต้องการมีเงินเก็บเดือนละเท่าไร เมื่อได้คำตอบแล้วให้จัดสรรการใช้จ่ายในแต่ละเดือนจากจำนวนเงินเดือนที่เหลือหลังหักเงินออมไว้แล้ว

ผู้บริหารคนเดิมยังให้ข้อคิดด้วยว่า การเก็บออมเงิน นอกจากควรคิดเผื่อถึงความเสี่ยงในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเจ็บป่วย หรือความจำเป็นในยามฉุกเฉินแล้วยังควรคำนึงถึงความมีอิสระทางเงินในกรณีที่ต้องการลาออกจากงานประจำด้วย

วันหนึ่งถ้าเราทำงานไปสักพักแล้วรู้สึกอยากเปลี่ยนเส้นทางชีวิตไปทำอย่างอื่น เราจะมีเงินออมเหลือไว้ใช้จ่ายในช่วงค้นหาความฝันใหม่นานแค่ไหน

6 เดือน 1 ปี หรือมากกว่านั้น



อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน การตั้งต้นเตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็น
องค์กรในโลกธุรกิจปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยการแข่งขัน และคำนึงถึงกำไรขาดทุนในระดับที่เข้มข้นมากขึ้นมาก

การปรับตัวให้อยู่รอดทั้งจากสภาวะการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงในโลกสมัยใหม่ทำให้แต่ละองค์กรเข้มงวดกับประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการทำงานของบุคคลากรในองค์กรเพิ่มขึ้นด้วย

หลายบริษัทต้องลดขนาดองค์กรให้เล็กลง จนต้องเลย์ออฟพนักงานในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการทำธุรกิจหลักออกไป เช่น กรณีแบงก์ใหญ่แห่งหนึ่งประกาศเลย์ออฟพนักงาน 500 ตำหน่ง ส่วนใหญ่เป็นพนักงานเดินเอกสารระหว่างชั้นทั้งในสำนักงานใหญ่ และสำนักงานสาขา

แม้แพ็คเกจที่แบงก์จ่ายเพื่อจ้างให้ออกจะเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างมาก (ค่าตกใจ 1 เดือน บวก 10 เดือนตามกฎหมาย และส่วนเพิ่มเติมที่แบงก์ให้ คำนวณจากเงินเดือน เดือนสุดท้ายคูณจำนวนปีที่ทำงาน ) ถ้าเลือกได้คนส่วนใหญ่ยังอยากทำงานในฐานะพนักงานแบงก์ต่อไป

ทั้งความผูกพันกับองค์กรจากการทำงานมายาวนาน และสวัสดิการต่างๆ ที่เคยได้รับในฐานะพนักงาน แต่ทางเลือกมีไม่มากนัก ใครอยากทำงานต่อต้องแปรสภาพไปเป็นลูกจ้างรายวันของบริษัทที่แบงก์จ้างให้รับผิดชอบงานนั้น

เกือบทั้งหมดจึงจำยอมรับข้อเสนอของบริษัทที่ตนทำงานมานานนับสิบปี
องค์กรสมัยใหม่ขับเคลื่อนด้วยการแข่งขัน และให้ความสำคัญกับกำไรขาดทุนเป็นหลัก การบริหารจัดการจึงคำนึงถึงประสิทธิภาพของทีมงานในปัจจุบันเป็นที่ตั้ง คุณูปการในอดีตอาจสำคัญ แต่ไม่เท่าความอยู่รอดขององค์กรในอนาคต

ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับองค์กรจึงห่างเหิน เพราะยึดโยงกันด้วยภารกิจต่างตอบแทน

เหมือนแค่ผ่านพบ แต่ไม่ผูกพัน…


ชั้น5ประชาชาติ
เชอรี่ประชาชาติ cheryd@gmail.com





 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2554 15:53:40 น.
Counter : 310 Pageviews.  

1  2  

cherydnk
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add cherydnk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.