สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
Group Blog
 
All Blogs
 
ความล้มเหลว และการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง

ช่วงนี้หลายคนรอบตัวมีอาการคล้ายคลึงกัน อาจเพราะสิ่งแวดล้อม และช่วงวัยไม่ห่างกันมากนัก อารมณ์ร่วมต่อสิ่งที่วิ่งเข้ามากระทบจิตใจจึงแสดงออกไม่ต่างกัน แต่แต่ละคนมีวิธีจัดการกับตัวเองแตกต่างออกไป

บ้างวิ่ง บ้างเดิน บ้างรอคอย ไม่มีถูกไม่มีผิด…

พลพรรคคนคิดบวกเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า "สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ" แต่คนหมู่มากที่มองโลกตามความเป็นจริงบอกว่า "สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นไม่จำเป็นต้องดี"ต่างหาก ที่สำคัญกว่าคือจัดการกับสิ่งที่คิดว่าไม่ดีอย่างไร บ้างพยายามลืม บ้างจดจำเพื่อที่จะไม่ทำซ้ำอีก

ความทรงจำมีทั้งดีและไม่ดี เรื่องที่สมควรจดจำหลายครั้งเราจำได้อย่างลางเลือน แต่กับเรื่องไม่ควรจำกลับสนิทแนบแน่นในใจ ปล่อยไม่ได้วางไม่ลง

ว่ากันว่าเมื่อคนเราอายุเข้าใกล้เลข 3 หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย จะเริ่มต้นสำรวจตรวจตราตนเอง เมื่อสิ่งที่กำลังทำไม่อาจเรียกได้ว่าเข้าใกล้ความสำเร็จ หากวัดจากมาตรฐานปกติ ที่หมายถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือเงินทอง เราจะเริ่มรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกับอนาคตข้างหน้า

"สตีฟ จ็อบ"แห่งแอปเปิลเคยพูดว่า เราสามารถเรียนรู้จากอดีต แต่ไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ แต่ทุกสิ่งที่เราตั้งใจทำ และเรียนรู้ในวันนี้จะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า แต่จะรู้ได้เองเมื่อวันนั้นมาถึง

เดือนกุมภาพันธ์โบกมือลาไปแล้ว อีก 10 เดือนก็จะหมดไปอีกปี

ถ้าคิดถึงแต่วันพรุ่งอีก 10 เดือนข้างหน้า เราอยากรู้สึกกับตัวเองแบบไหน?

สอบได้คะแนนดีขึ้น มีเงินเก็บเพิ่มขึ้น วิ่งได้นานขึ้น หรือก็แค่แก่ขึ้นอีกปี??

อะไรคือเป้าหมายในปีนี้ ในอีก 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า คำตอบที่เราค้นหาจนเจอในแต่ละช่วงเวลาจะบอกได้ว่าเราจำเป็นต้องเข้มงวดกับตนเองแค่ไหนในเวลาที่เหลืออยู่



กิจวัตรประจำวันที่ "สตีฟ จ็อบ"ทำทุกเช้าหลังตื่นนอน คือส่องกระจกแล้วถามตนเองว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตเขาจะยังทำอย่างที่กำลังทำในวันนี้หรือไม่

ถ้าคำตอบคือไม่ติดต่อกันหลายวัน นั่นหมายความว่า ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง

"จ็อบ"ยังบอกอีกว่า ชีวิตคนเราถูกพันธนาการด้วยสิ่งต่างๆ มากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยจากภายนอก ทั้งความสำเร็จ ความคาดหมายของคนอื่น ความภูมิใจ ความกลัวล้มเหลวอับอาย แต่เมื่อคุณรู้ว่ากำลังจะตาย
พันธนาการเหล่านั้นจะหายไปเหลือไว้แต่สิ่งที่เป็นความปรารถนาจริงๆ

"จ็อบ"เล่าเรื่องนี้จากประสบการณ์ของตนเองเมื่อหลายปีก่อนที่รู้ตัวว่า ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อน และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ทุกคนมีเวลาจำกัด จงอย่าเสียเวลากับพันธการของคนอื่น อย่ามีชีวิตโดยกังวลว่าคนอื่นจะคิดกับเราอย่างไร หรือพูดถึงเราอย่างไร ดังนั้นจงอย่ารอช้าที่จะค้นหาจริงๆ ว่าเราต้องการทำอะไรในชีวิต และจงเดินตามหาความฝัน ความปราถนานั้น…

"จ็อบ"รักษาตัวจนรอดตายมาได้อย่างปฏิหารย์ทำให้หลังจากนั้นเขาได้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้ "แอปเปิล"อีกมากมาย ทั้งไอพ็อด ไอโฟน และไอแพด

แม้เขาจะใช้เวลาทุกนาทีอย่างรู้คุณค่า แต่โรคร้ายก็ไม่ปล่อยให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ ไม่มีใครรู้ว่าครั้งนี้ "จ็อบ"ตั้งหลักกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างไร ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่เสียใจ

Stay hungry stay foolish จงกระหายที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ ถ้ารู้ตัวว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง อย่ารอช้าค้นให้เจอว่า ต้องการทำอะไร และจงเดินตามหามัน

ในระหว่างทางเรา สิ่งที่เราทุกคนล้วนไม่อยากเจอคือความล้มเหลว

"เจ.เค. โรวลิ่ง"เจ้าของนิยายขายดีติดอันดับโลก เรื่อง"แฮรี่ พ็อตเตอร์"พูดถึงประโยชน์ของความล้มเหลวจากประสบการณ์ของตนเองว่า ความล้มเหลวจะบังคับให้เราถอดรื้อสิ่งต่างๆ ที่ไม่สำคัญ และเลิกหลอกตนเองว่าฉันเป็นอะไรได้มากกว่าที่ฉันเป็น

ความล้มเหลวทำให้ เธอทุ่มเทพลังงานให้กับการทำงานเพียงชิ้นเดียวที่สำคัญให้เสร็จ นั่นคือการเขียนนิยาย เพราะรู้ว่า เป็นสิ่งเดียวที่เธอต้องการทำทั้งชีวิต

แม้จะไม่รู้ว่าปลายทางของความสำเร็จจะมาถึงเมื่อไร

"ฉันไม่ได้ต้องการบอกว่า ความล้มเหลวเป็นเรื่องสนุก ชีวิตฉันช่วงนั้นเป็นชีวิตที่ดำมืด และไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งที่สื่อมวลชนนำเสนอหลังจากนั้นว่าเป็นการคลี่คลายอันน่าอัศจรรย์ราวกับนิทานสำหรับเด็ก…

…ความล้มเหลวมอบความมั่นคงทางจิตใจให้ฉัน ซึ่งฉันไม่เคยได้รับจากการสอบผ่าน ความล้มเหลวสอนฉันในเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับตัวฉันเอง ซึ่งฉันไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยวิธีอื่น ฉันค้นพบว่า ฉันมีความมุ่งมั่นแรงกล้า และมีวินัยมากกว่าที่เคยคาดคิด"

"เจ.เค. โรวลิ่ง"เขียนแฮรี่พ็อตเตอร์จนเสร็จขณะว่างงาน ต้องเลี้ยงลูกสาวตามลำพัง และเลี้ยงชีพด้วยเงินสังคมสงเคราะห์ อาศัยอยู่ในแฟลตสกปรกที่มีหนูชุกชุมจนต้องนำลูกไปเลี้ยงที่ร้านกาแฟของน้องเขย

หลังโดนปฏิเสธจากสำนักพิมพ์หลายแห่ง ในที่สุด "แฮรี่พ็อตเตอร์"ก็ได้รับการตีพิมพ์ ในปี 1997 ด้วยยอดไม่ถึงพันเล่ม ก่อนสร้างปรากฎการณ์ในอเมริกาในปีต่อมา และประสบความสำเร็จไปทั่วโลก มียอดขายกว่า 400 ล้านเล่ม ได้รับการแปลแล้ว 65 ภาษา

"แฮรี่พ็อตเตอร์"ยังเป็นหนังสือชุดขายดีเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์รองจากคัมภีร์ไบเบิล และสรรนิพนธ์เหมาเจ๋อตุง (สุนทรพจน์ฉบับเต็มของ"เจ.เค โรวลิ่ง"หาอ่านได้ในหนังสือ"วิชาสุดท้าย"ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน 2 แปลและเรียบเรียงโดย สฤณี อาชวานันทกุล)

ชั้น5ประชาชาติ (14มี.ค.2554)



Create Date : 16 มีนาคม 2554
Last Update : 16 มีนาคม 2554 9:06:00 น. 1 comments
Counter : 787 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ...เคยอ่านเจอแล้วก็ชอบมากเช่นกันค่ะ...เป็นแรงบันดาลใจที่ดีทีเดียวค่ะ


โดย: หมีพูห์บลูเบอร์รี่ วันที่: 20 มีนาคม 2554 เวลา:13:43:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cherydnk
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add cherydnk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.