สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
Group Blog
 
All Blogs
 
ความฝัน ความจริง และเจ้าชายน้อย2

ความฝัน ความจริง และเจ้าชายน้อย-2


…จงอย่าคิดให้นานนัก? ฉันทวนประโยคนี้เบาๆ
ฉันอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้นอย่างมึนงง จำไม่ได้ว่าเขียนขึ้นตั้งแต่เมื่อไร

หรือเมื่อคืน
ถ้าฉันเขียน ทำไมจำไม่ได้ อาการความจำเสื่อมคงกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง หลายปีมานี้หลังค่ำคืนแห่งการดื่มไวน์ความทรงจำบางช่วงจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน

การเดินทางไปปารีส ความรู้สึกเบื่อหน่าย และหดหู่ นั่นมันตัวฉันชัด ๆ
ถ้าฉันจำว่าตัวเองเขียนไม่ได้ ฉันก็น่าจะลืมความรู้สึกเหล่านี้ได้ซินะ แต่ก็ไม่แม้จะรู้สึกดีขึ้นบ้าง….

คงเพราะคิม…
คิมกลับไปแล้วเหมือนทุกครั้งที่แวะมาหา ไม่เคยบอกกล่าวกันล่วงหน้าทั้งไป

และกลับ แต่ทุกครั้งเหมือนคิมจะรู้ว่าฉันกำลังต้องการใครสักคนในค่ำคืนที่รู้สึกแย่ๆ เหมือนเมื่อคืนที่จู่ ๆ ก็โทร.มาบอกว่ากำลังจอดรถอยู่ใต้ถุนคอนโด
หนนี้น่าจะเกือบปีที่เราไม่ได้เจอกัน นานที่สุดระหว่างเราเกือบ 3 ปี

คิมเป็นนั่งฟังที่ดีประสาคนพูดน้อย แต่พูดออกมาแต่ละที โดนตลอด แปลกที่ไม่ว่าจะรู้สึกแย่กับอะไรสักแค่ไหน ฉันจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้พูดได้พร่ำบ่น โดยมีคิมนั่งเงียบๆ

บางครั้งคนเราก็ต้องการแค่เพื่อนสักคน แค่นั่งข้าง ๆ กันก็พอแล้ว
ทุกครั้งในค่ำคืนอันยาวนาน ไม่ว่าฉันจะกำลังรู้สึกแย่กับเรื่องอะไร คิมมักปิด

บทสนทนาของเราว่า “พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว”
เมื่อคืนแม้ฉันจะจำไม่ได้ แต่คิมก็คงพูดเหมือนที่เคยพูด

ฉันเคยพยายามบอกตัวเองเหมือนที่คิมพูดเสมอๆ …พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว… แต่ไม่เคยสำเร็จ

“ฉันอยากเป็นผู้กำกับหนัง”คิมพูดถึงความฝันของตนเอง

ฉันกับคิมรู้จักกันมากี่ปีแล้วนะ 13 หรือมากกว่านั้น ตั้งแต่ปี 2 ในรั้วมหาวิทยาลัย

เราไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน เพราะเรียนคนละวิชาเอก คิมเลือกโฆษณา ส่วน

ฉันหนังสือพิมพ์ ด้วยความที่เป็นคนพูดน้อยยิ่งกว่าน้อยทำให้คิมมีเพื่อนไม่มากนัก เด็กโฆษณาในสายตาของพวกเรียนหนังสือพิมพ์จะดูติสก์ ๆ ห่ามๆ และไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไรนัก แต่ทุกครั้งที่ต้องทำกิจกรรมของคณะร่วมกัน พรีเซ็นต์เทชั่นเท่ห์ ๆ ก็อปปี้โดน ๆ ก็ได้พวกโฆษณานี่ล่ะช่วยทำ

คิมกับฉันเจอกันบ่อย ๆ ที่ห้องสมุด แต่แทบไม่ค่อยได้คุยกัน จุดเริ่มต้นระหว่างเราเริ่มขึ้นในเช้าวันหนึ่งเมื่อฉันไปถามหาหนังสือเล่มหนึ่งจากบรรณารักษ์

“ฉันเพิ่งอ่านเสร็จกำลังจะเอามาคืนพอดี”คิมพูดเสียงเบาแล้วยื่นหนังสือเล่มนั้นมาให้ ยังไม่ทันขอบใจคิมก็เดินหนีไปแล้ว “พิลึกคนจริงๆ” ฉันได้แต่คิดในใจ



“จิตร ภูมิศักดิ์”คือหนังสือเล่มนั้น ตั้งแต่นั้นบทสนทนาของเรามักเริ่มต้นด้วยเรื่องของหนังสือที่ต่างคนต่างอ่าน บ้างแค่เล่าสู่กันฟัง บ้างถึงขั้นถกเถียงเอาเป็นเอาตาย จนเมื่อได้ยินเสียงกระแอมของอ.บรรณารักษ์นั่นล่ะเราถึงก้มหน้าก้มตาต่างคนต่างอ่าน
ถ้าเจอหนังสือเล่มที่ถูกใจ แม้จะถึงเวลาเรียนแล้ว คิมก็จะยังไม่ยอมลุกไปไหน
“ไม่เข้าห้องเรียนเหรอ”
“อือ เดี๋ยวไป”คิมตอบอย่างนี้ทุกครั้ง แต่ไม่เคยไปจนกว่าจะอ่านจบนั่นล่ะ
จากหนังสือก็มาเรื่องหนังที่เราชอบเหมือนกัน
Groundhog day คือหนังที่เราพูดถึงบ่อยๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาเจอเหตุการณ์เหมือนเดิมทุกเช้า

“สักวันฉันจะเป็นผู้กำกับหนัง”ฉันยังจำประกายตาวิบวัมของคิมเมื่อพูดถึงความฝันของตัวเองได้ดี

หลังเรียนจบ ฉันได้งานเป็นนักข่าวอย่างที่ตั้งใจไว้ ส่วนคิมขึ้นเหนือไปเป็นครูอาสาสอนเด็กชาวเขาที่ภาคเหนือ

เพื่อนๆ แปลกใจไปตาม ๆ กันที่รู้ว่าคิมไปเป็นครู คิมมักบอกใครๆ ว่าไปเป็นครูเพราะจะไปหาพล็อตไว้เขียนบทหนัง จริงหรือไม่จริงไม่มีใครู้ แต่ฉันไม่รู้สึกแปลกใจนัก เพราะรู้ดีว่าเด็กโฆษณาอย่างคิมเป็นคนรักเด็ก รักธรรมชาติ และชอบช่วยเหลือผู้คนที่ด้อยโอกาส

คิมเป็นครูอาสาอยู่ 2 ปีกว่า ในระหว่างนั้นคิมทำหนังสั้นเกี่ยวกับชีวิตของเด็กชายเขาเพื่อใช้หาทุนให้กับโรงเรียน อยู่มาวันหนึ่งคิมมาหา และบอกฉันว่าจะไปเรียนฟิล์มที่นิวยอร์ค

คิมไม่เคยทิ้งความฝันของตัวเอง

เจ้าชายน้อยเป็นพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มจิ๋วที่คิมให้ฉันไว้ เมื่อไรที่คิดถึงคิม ฉันจะหยิบเจ้าชายน้อยขึ้นมาอ่าน

โลกของเจ้าชายน้อยทำให้ฉันยิ้มได้
บางทีความผูกพันระหว่างเรา ฉันกับคิมอาจเหมือนเจ้าชายน้อยกับสุนัขจิ้งจอก

“หวังว่าฉันกลับมาเธอคงได้เป็นบก.นะ”คิมเขียนไว้ในใบรองปกของหนังสือเจ้าชายน้อยเล่มนั้น

ฉันไม่เคยบอกคิมว่าการเป็นบก.ไม่เคยอยู่ในความฝันของฉัน
ฉันแค่อยากเป็นนักข่าว เป็นนักเขียน และสักวันฉันจะเขียนบทหนังให้คิม
ฉันไม่แน่ใจว่าการเป็นผู้กำกับหนังมันยากเย็นแค่ไหน เพราะหลังกลับจากนิวยอร์ก คิมก็ทำงานในเอเจนซี่โฆษณามาตลอดหลายปี จนกระทั่งทุกวันนี้ มีก็แต่สมุดปกหนังสีดำเล่มเล็กที่คิมยังคงพกติดตัวเสมอ

สมุดเล่มนี้ฉันซื้อให้คิมตอนไปเรียนต่อ
คิมบอกว่าเวลาคิดพล็อต หรือคิดเวิร์ดดิ้งอะไรดีๆ ได้คิมจะจดลงในสมุดเล่มนั้น

คิมคงย่อส่วนความฝันของตนเองไว้ที่การเป็นผู้กำกับหนังโฆษณา หรือเพราะคิมยังเขียนบทหนังของตนเองยังไม่เสร็จ ฉันไม่เคยถาม
ฉันเองเมื่อได้เป็นนักข่าว ได้มีโอกาสเขียนหนังสือบ้าง แต่ก็ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่านักเขียน และดูเหมือนกับว่าวันคืนต่อจากนั้น ฉันแทบไม่เคยนึกถึงความฝันใหม่ ๆ อีกเลย

ไม่น่าจะใช่เพราะทำฝันเล็ก ๆ ในวัยเยาว์สำเร็จแล้ว
นานวันเข้า โดยเฉพาะปีหลัง ๆ มานี้ฉันกลับเริ่มไม่แน่ใจว่างานการที่รักยังใช่ความฝันของฉันอีกไหม
หรือฉันเองที่เปลี่ยนไป

จงอย่าคิดให้นานนัก
ฉันนึกถึงคำพูดที่เจ้าชายน้อยพูดกับสุนัขจิ้งจอก

“เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยตา”

It is only with the heart that you can see fully, what is essential is invisible to the eyes




Create Date : 17 พฤษภาคม 2553
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 12:11:37 น. 1 comments
Counter : 636 Pageviews.

 

Live the life you love...
Life is not mere existence...
Let your heart lead your path, it might be the unexpected way but we will get through it....

..together.

ูู^^


โดย: Ps.. IP: 24.1.66.251 วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:4:43:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cherydnk
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add cherydnk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.