|
ความฝัน ความจริง และเจ้าชายน้อย2
ความฝัน ความจริง และเจ้าชายน้อย-2
จงอย่าคิดให้นานนัก? ฉันทวนประโยคนี้เบาๆ ฉันอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้นอย่างมึนงง จำไม่ได้ว่าเขียนขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
หรือเมื่อคืน ถ้าฉันเขียน ทำไมจำไม่ได้ อาการความจำเสื่อมคงกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง หลายปีมานี้หลังค่ำคืนแห่งการดื่มไวน์ความทรงจำบางช่วงจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน
การเดินทางไปปารีส ความรู้สึกเบื่อหน่าย และหดหู่ นั่นมันตัวฉันชัด ๆ ถ้าฉันจำว่าตัวเองเขียนไม่ได้ ฉันก็น่าจะลืมความรู้สึกเหล่านี้ได้ซินะ แต่ก็ไม่แม้จะรู้สึกดีขึ้นบ้าง
.
คงเพราะคิม
คิมกลับไปแล้วเหมือนทุกครั้งที่แวะมาหา ไม่เคยบอกกล่าวกันล่วงหน้าทั้งไป
และกลับ แต่ทุกครั้งเหมือนคิมจะรู้ว่าฉันกำลังต้องการใครสักคนในค่ำคืนที่รู้สึกแย่ๆ เหมือนเมื่อคืนที่จู่ ๆ ก็โทร.มาบอกว่ากำลังจอดรถอยู่ใต้ถุนคอนโด หนนี้น่าจะเกือบปีที่เราไม่ได้เจอกัน นานที่สุดระหว่างเราเกือบ 3 ปี
คิมเป็นนั่งฟังที่ดีประสาคนพูดน้อย แต่พูดออกมาแต่ละที โดนตลอด แปลกที่ไม่ว่าจะรู้สึกแย่กับอะไรสักแค่ไหน ฉันจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้พูดได้พร่ำบ่น โดยมีคิมนั่งเงียบๆ
บางครั้งคนเราก็ต้องการแค่เพื่อนสักคน แค่นั่งข้าง ๆ กันก็พอแล้ว ทุกครั้งในค่ำคืนอันยาวนาน ไม่ว่าฉันจะกำลังรู้สึกแย่กับเรื่องอะไร คิมมักปิด
บทสนทนาของเราว่า พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว เมื่อคืนแม้ฉันจะจำไม่ได้ แต่คิมก็คงพูดเหมือนที่เคยพูด
ฉันเคยพยายามบอกตัวเองเหมือนที่คิมพูดเสมอๆ
พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว
แต่ไม่เคยสำเร็จ
ฉันอยากเป็นผู้กำกับหนังคิมพูดถึงความฝันของตนเอง
ฉันกับคิมรู้จักกันมากี่ปีแล้วนะ 13 หรือมากกว่านั้น ตั้งแต่ปี 2 ในรั้วมหาวิทยาลัย
เราไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน เพราะเรียนคนละวิชาเอก คิมเลือกโฆษณา ส่วน
ฉันหนังสือพิมพ์ ด้วยความที่เป็นคนพูดน้อยยิ่งกว่าน้อยทำให้คิมมีเพื่อนไม่มากนัก เด็กโฆษณาในสายตาของพวกเรียนหนังสือพิมพ์จะดูติสก์ ๆ ห่ามๆ และไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไรนัก แต่ทุกครั้งที่ต้องทำกิจกรรมของคณะร่วมกัน พรีเซ็นต์เทชั่นเท่ห์ ๆ ก็อปปี้โดน ๆ ก็ได้พวกโฆษณานี่ล่ะช่วยทำ
คิมกับฉันเจอกันบ่อย ๆ ที่ห้องสมุด แต่แทบไม่ค่อยได้คุยกัน จุดเริ่มต้นระหว่างเราเริ่มขึ้นในเช้าวันหนึ่งเมื่อฉันไปถามหาหนังสือเล่มหนึ่งจากบรรณารักษ์
ฉันเพิ่งอ่านเสร็จกำลังจะเอามาคืนพอดีคิมพูดเสียงเบาแล้วยื่นหนังสือเล่มนั้นมาให้ ยังไม่ทันขอบใจคิมก็เดินหนีไปแล้ว พิลึกคนจริงๆ ฉันได้แต่คิดในใจ
จิตร ภูมิศักดิ์คือหนังสือเล่มนั้น ตั้งแต่นั้นบทสนทนาของเรามักเริ่มต้นด้วยเรื่องของหนังสือที่ต่างคนต่างอ่าน บ้างแค่เล่าสู่กันฟัง บ้างถึงขั้นถกเถียงเอาเป็นเอาตาย จนเมื่อได้ยินเสียงกระแอมของอ.บรรณารักษ์นั่นล่ะเราถึงก้มหน้าก้มตาต่างคนต่างอ่าน ถ้าเจอหนังสือเล่มที่ถูกใจ แม้จะถึงเวลาเรียนแล้ว คิมก็จะยังไม่ยอมลุกไปไหน ไม่เข้าห้องเรียนเหรอ อือ เดี๋ยวไปคิมตอบอย่างนี้ทุกครั้ง แต่ไม่เคยไปจนกว่าจะอ่านจบนั่นล่ะ จากหนังสือก็มาเรื่องหนังที่เราชอบเหมือนกัน Groundhog day คือหนังที่เราพูดถึงบ่อยๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาเจอเหตุการณ์เหมือนเดิมทุกเช้า
สักวันฉันจะเป็นผู้กำกับหนังฉันยังจำประกายตาวิบวัมของคิมเมื่อพูดถึงความฝันของตัวเองได้ดี
หลังเรียนจบ ฉันได้งานเป็นนักข่าวอย่างที่ตั้งใจไว้ ส่วนคิมขึ้นเหนือไปเป็นครูอาสาสอนเด็กชาวเขาที่ภาคเหนือ
เพื่อนๆ แปลกใจไปตาม ๆ กันที่รู้ว่าคิมไปเป็นครู คิมมักบอกใครๆ ว่าไปเป็นครูเพราะจะไปหาพล็อตไว้เขียนบทหนัง จริงหรือไม่จริงไม่มีใครู้ แต่ฉันไม่รู้สึกแปลกใจนัก เพราะรู้ดีว่าเด็กโฆษณาอย่างคิมเป็นคนรักเด็ก รักธรรมชาติ และชอบช่วยเหลือผู้คนที่ด้อยโอกาส
คิมเป็นครูอาสาอยู่ 2 ปีกว่า ในระหว่างนั้นคิมทำหนังสั้นเกี่ยวกับชีวิตของเด็กชายเขาเพื่อใช้หาทุนให้กับโรงเรียน อยู่มาวันหนึ่งคิมมาหา และบอกฉันว่าจะไปเรียนฟิล์มที่นิวยอร์ค
คิมไม่เคยทิ้งความฝันของตัวเอง
เจ้าชายน้อยเป็นพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มจิ๋วที่คิมให้ฉันไว้ เมื่อไรที่คิดถึงคิม ฉันจะหยิบเจ้าชายน้อยขึ้นมาอ่าน
โลกของเจ้าชายน้อยทำให้ฉันยิ้มได้ บางทีความผูกพันระหว่างเรา ฉันกับคิมอาจเหมือนเจ้าชายน้อยกับสุนัขจิ้งจอก หวังว่าฉันกลับมาเธอคงได้เป็นบก.นะคิมเขียนไว้ในใบรองปกของหนังสือเจ้าชายน้อยเล่มนั้น
ฉันไม่เคยบอกคิมว่าการเป็นบก.ไม่เคยอยู่ในความฝันของฉัน ฉันแค่อยากเป็นนักข่าว เป็นนักเขียน และสักวันฉันจะเขียนบทหนังให้คิม ฉันไม่แน่ใจว่าการเป็นผู้กำกับหนังมันยากเย็นแค่ไหน เพราะหลังกลับจากนิวยอร์ก คิมก็ทำงานในเอเจนซี่โฆษณามาตลอดหลายปี จนกระทั่งทุกวันนี้ มีก็แต่สมุดปกหนังสีดำเล่มเล็กที่คิมยังคงพกติดตัวเสมอ
สมุดเล่มนี้ฉันซื้อให้คิมตอนไปเรียนต่อ คิมบอกว่าเวลาคิดพล็อต หรือคิดเวิร์ดดิ้งอะไรดีๆ ได้คิมจะจดลงในสมุดเล่มนั้น
คิมคงย่อส่วนความฝันของตนเองไว้ที่การเป็นผู้กำกับหนังโฆษณา หรือเพราะคิมยังเขียนบทหนังของตนเองยังไม่เสร็จ ฉันไม่เคยถาม ฉันเองเมื่อได้เป็นนักข่าว ได้มีโอกาสเขียนหนังสือบ้าง แต่ก็ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่านักเขียน และดูเหมือนกับว่าวันคืนต่อจากนั้น ฉันแทบไม่เคยนึกถึงความฝันใหม่ ๆ อีกเลย
ไม่น่าจะใช่เพราะทำฝันเล็ก ๆ ในวัยเยาว์สำเร็จแล้ว นานวันเข้า โดยเฉพาะปีหลัง ๆ มานี้ฉันกลับเริ่มไม่แน่ใจว่างานการที่รักยังใช่ความฝันของฉันอีกไหม หรือฉันเองที่เปลี่ยนไป
จงอย่าคิดให้นานนัก ฉันนึกถึงคำพูดที่เจ้าชายน้อยพูดกับสุนัขจิ้งจอก
เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยตา
It is only with the heart that you can see fully, what is essential is invisible to the eyes
Create Date : 17 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 12:11:37 น. |
|
1 comments
|
Counter : 636 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Ps.. IP: 24.1.66.251 วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:4:43:12 น. |
|
|
|
| |
|
|
Live the life you love...
Life is not mere existence...
Let your heart lead your path, it might be the unexpected way but we will get through it....
..together.
ูู^^