|
ความรู้เกี่ยวกับนาฏยศิลป์ไทย
มาแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับนาฏศิลป์ไทยกันครับ ว่างๆ แล้วจะพยายามมาอัพบล็อกนะครับ ตอนนี้เขียนอะไรใส่ได้ หรือมีประเด็นอะไรจะหามาใส่เรื่อยๆ ครับ
"
ฉากชีวิตของภู่สีดา ชนวนกบฏผู้วิเศษในพระราชวังหน้า" เด่นดาว ศิลปานนท์ เรียบเรียง
กบฏผู้วิเศษวังหน้า เกิดขึ้นเมื่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อเวลาแรกตั้งกรุงได้เพียง ๑ ปี ในปี พ.ศ.๒๓๒๖ ขณะบ้านเมืองเพิ่งลงหลักปักฐานใหม่ ยังมิได้สถาวรมั่นคงเป็นหลักฐาน จึงเป็นเหตุให้มีผู้อวดอ้างกฤตยาคุณวิเศษ ล่อลวงให้ผู้อื่นเชื่อถือ บังอาจก่อการกบฏขึ้นในพระราชวังหน้า โดยมีชนวนมาจากหญิงงามเป็นที่เล่าลือนางหนึ่ง มีสมญานามปรากฏชื่อในประวัติศาสตร์ว่า ภู่สีดา ภู่สีดา มีชาติภูมิเป็นบุตรวิเสท ครั้งแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรีได้เป็นนางละครหลวง สมัยนั้นนับเป็นหนึ่งในหญิงเลื่องลือชาว่ารูปงาม มี ๓ นาง เรียกว่า บุนนาคสีดา "ศรีสีดา และ ภู่สีดา เพราะได้คัดเล่นเป็นนางสีดามาแต่ก่อน อนึ่งละครผู้หญิงเป็นของหลวง ห้ามหวงมีได้แต่เฉพาะพระมหากษัตริย์ มีสำหรับแผ่นดินเนื่องมาทุกแผ่นดิน ทำนองเป็นสิ่งประกอบพระราชอิสริยยศ เหตุนั้นโรงละครหลวงย่อมต้องคัดสรรแต่นางที่รูปงาม รำงาม โดยเฉพาะตัวเอก คนทั้งปวงเห็นพร้อมยอมกันว่านางใดดีกว่านางอื่นแล้ว จึงเลือกขึ้นเป็นพระเอกนางเอก ดังนั้น ภู่สีดา จึงเป็นผู้ที่พร้อมยอมรับเห็นดีด้วยกันมากว่าเป็นนางงามมาแต่ครั้งนั้น
ครั้นเมื่อสิ้นแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดพระราชทาน ภู่สีดา ไปยังพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ได้ทำราชการเป็น เจ้าจอม นางห้ามในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ฝ่ายมารดาชื่อตัวว่า เอี้ยง บุตรีของพระยาอภัยรณฤทธิ์ ตกเป็นนายวิเสทปากบาตรในพระราชวังบวร เรียกว่า เอี้ยงนายวิเสทปากบาตร คุมเครื่องทรงบาตรต่อมา จนกระทั่งมีเหตุ เอี้ยงและบุตรีสมคบกับกบฏอ้างตัวเป็นผู้วิเศษคิดการใหญ่ ลอบนำบัณฑิต ๒ คน เข้าในพระราชวังหน้า หมายประทุษร้ายแก่สมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ ผิดพระราชกำหนดแห่งพระบวรราชวัง เป็นเรื่องอื้อฉาวเล่าลือต่อมาเนิ่นนาน ปรากฏความบันทึกอยู่ในพระราชพงศาวดารดังนี้
ลุปีเถาะเบญจศก จุลศักราช ๑๑๔๕ พ.ศ.๒๓๒๖ สมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ทรงพระราชดำริว่า พระสงฆ์ทรงรับบาตรตามบ้านราษฎรไม่ต้องคอยท่ารออยู่ช้าได้รับโดยเร็ว แล้วกลับไปวัดแต่เวลาเช้าๆ แต่ในวังเจ้าและบ้านผู้มีบรรดาศักดิ์ใหญ่ๆ พระสงฆ์ต้องไปคอยท่าอยู่ช้า ได้รับต่อเวลาสาย ข้อนี้เป็นความลำบากแก่พระสงฆ์ยิ่งนัก ทำบุญแล้วกลับจะได้บาปเล่าดูไม่ควร จึงโปรดให้ตั้งพระราชกำหนดใหม่ว่า ในพระราชวังบวรฯ ให้เจ้าพนักงานเตรียมข้าวทรงบาตรมาตั้งที่ และให้สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์มารับให้พร้อมทันเวลา จะเสด็จทรงบาตร ณ เวลาเช้าโมงหนึ่งเป็นนิตย์ไป ด้วยเหตุนี้ประตูดินพระราชวังบวรฯ จึงต้องเปิดแต่ก่อนเวลาย่ำรุ่ง พวกวิเสทปากบาตรได้นำข้าวทรงบาตรเข้าไปตั้งเป็นธรรมเนียมมา
ครั้งนั้นมีบัณฑิต ๒ คน อวดอ้างตนเป็นผู้วิเศษ มีความรู้ล่องหนหายตัวได้ ล่อลวงให้คนอื่นเชื่อถือนอบน้อม ซ่องสุมสมัครพรรคพวกมาตีเมืองนครนายก แล้วเลยเข้ามา ณ กรุงเทพฯ คบคิดกับขุนนางในพระราชวังหลวงและพระราชวังหน้าหลายคน มีพระยาอภัยรณฤทธิ์ บุตรและบุตรี กับพวกผู้หญิงวิเสทปากบาตรพระราชวังหน้า ลอบเข้ามาอาศัยอยู่กับเอี้ยงนายวิเสท จนเกิดผูกพันรักใคร่กับเจ้าจอมภู่ ฝ่ายเอี้ยงหลงเชื่อในคุณวิเศษของอ้ายบัณฑิต จึงสาบานตัวขอพึ่งใบบุญ ร่วมสมคบคิดการเป็นใหญ่ ถึงกับจะยอมยกบุตรหญิงให้เป็นภรรยา เมื่อสำเร็จการที่คิดไว้แล้วจะได้เป็นมเหสี
ครั้นถึงวันศุกร์ เดือน ๕ แรม ๒ ค่ำ (วันศุกร์ที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ.๒๓๒๖) อ้ายบัณฑิต ๒ คนเข้าวังหน้าแต่เวลาประมาณ ๑๐ ทุ่มเศษ ครั้นก่อนย่ำรุ่งพวกหญิงวิเสทวังหน้าขนกระบุงข้าวทรงบาตรเข้าไปทางประตูดินวังหน้า เอี้ยงนายวิเสทปากบาตรเป็นต้นคิด แต่งบัณฑิตทั้งสองคนนุ่งผ้าห่มผ้าอย่างผู้หญิง ถือดาบซ่อนในผ้าห่ม พาปลอมเป็นหญิงวิเสทลอบเข้าในพระราชวังบวรฯ แล้วขึ้นไปแอบอยู่ ๒ ข้างพระทวารพระราชมณเฑียรด้านหลัง (เข้าใจว่าเป็นพระราชมณเฑียรเดิมก่อนการสร้างหมู่พระวิมาน ๓ หลัง ซึ่งควรได้แก่พระตำหนักยกหลังคา ๒ ชั้น ซึ่งเป็นที่รู้จักต่อมาว่า ตำหนักเจ้าฟ้าพิกุลทอง) อันเป็นพระทวารมุขทางที่จะเสด็จมาทรงบาตร คอยจะทำร้ายสมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ด้วยเดชะพระบารมีบุญญาภินิหาร เวลาวันนั้นหาเสด็จลงทรงบาตรทางพระทวารมุขนั้นไม่ เทพยดาดลพระทัยให้ทรงพระราชดำริจะลงมาเฝ้าสมเด็จพระเชษฐาธิราช ณ พระราชวังหลวงแต่เวลาเช้าก่อนทรงบาตร อ้ายบัณฑิตไม่อาจสบช่องทำร้ายได้ จนนางพนักงานเฝ้าที่ในวังหน้าไปพบเข้าก็ตกใจวิ่งร้องอื้ออึงลงมาว่าผู้ชาย ๒ คน ถือดาบขึ้นมาอยู่ที่พระทวารพระราชมณเฑียร อ้ายบัณฑิตทั้ง ๒ เห็นความแตกกระจายอื้ออึงดังนั้นก็ไล่กวดฟันนางเฝ้าที่ลงมา ขณะนั้นขุนหมื่นกรมวังคนหนึ่ง คุมไพร่เข้าไปก่อถนนในพระราชวังหน้า อ้ายกบฏบัณฑิตก็ไล่เอาดาบฟันขุนหมื่นผู้นั้นศีรษะขาด ล้มตายอยู่กับที่ พวกเจ้าจอมข้างในและจ่าโขลนก็ตกใจร้องอื้ออึงวิ่งออกมาบอกข้าราชการข้างหน้า พวกข้าราชการข้างหน้าเป็นอันมากก็พากันเข้าไปในพระราชวังชั้นใน ไล่ล้อมจับอ้ายบัณฑิตทั้ง ๒ บ้างเอาไม้พลองและอิฐทุบตีขว้างปาเป็นอลหม่าน บ้างวิ่งมายังพระราชวังหลวงกราบทูลเหตุให้ทรงทราบ ขณะนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระอนุชาธิราช เสด็จประทับอยู่ในท้องพระโรง ครั้นได้ทรงทราบ จึงดำรัสให้ข้าราชการทั้งปวงและตำรวจทั้งพระราชวังหลวงและพระราชวังหน้า เร่งขึ้นไปจับอ้ายกบฏ ช่วยกันทุบตีล้มลงจับได้มัดไว้ชำระถาม
อ้ายกบฏให้การซัดพวกเพื่อนที่ร่วมคิดกบฏด้วยกันเป็นอันมาก ถูกข้าราชการทั้งวังหลวงและวังหน้าเป็นหลายนาย ได้คนสำคัญที่เป็นตัวการคือ พระยาอภัยรณฤทธิ์กับภรรยา เอี้ยง บุตรหญิง ๑ บุตรชาย ๒ และ จุ้ย บุตรหญิงพระยาอภัยรณฤทธิ์อยู่พระราชวังหลวง เกษบุตรชายพระยาอภัยรณฤทธิ์ กับทั้งพวกหญิงวิเสทปากบาตรวังหน้าทั้งนายไพร่ มีพระราชบัณฑูรให้เฆี่ยนสอบกับอ้ายบัณฑิตย ทุกคนรับเป็นสัตย์ จึงดำรัสให้ประหารชีวิตอ้ายบัณฑิตกบฏ ๒ คน และพวกพระยาอภัยรณฤทธิ์ พ่อแม่ลูกเมีย พร้อมกันกับพวกเพื่อนชายหญิงนายไพร่ทั้งสิ้น ฉากชีวิตของ ภู่สีดา เจ้าจอมวังหน้า จึงจบลงโดยถูกประหารพร้อมกับ เอี้ยง มารดา เหลือเพียงเรื่องราวกล่าวขวัญเล่าลือกันต่อมา เพราะความงามถึงเลื่องลือชา จึงเป็นเหตุก่อกบฏผู้วิเศษในพระราชวังหน้าแต่ครั้งกระโน้น
Create Date : 21 เมษายน 2550 |
Last Update : 22 เมษายน 2550 23:33:24 น. |
|
5 comments
|
Counter : 4595 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: หนุมารน้อย IP: 203.153.169.217 วันที่: 28 มิถุนายน 2550 เวลา:2:59:58 น. |
|
|
|
โดย: คนสวย IP: 202.149.24.161 วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:34:16 น. |
|
|
|
โดย: *-* IP: 118.172.242.59 วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:9:30:55 น. |
|
|
|
โดย: อนุรักษ์..ยังไม่มีรุ่นู^^ IP: 124.122.154.194 วันที่: 7 เมษายน 2554 เวลา:9:09:04 น. |
|
|
|
โดย: vb IP: 125.25.68.154 วันที่: 28 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:44:23 น. |
|
|
|
| |
|
|