|
วันหนึ่ง
วันหนึ่งเมื่อ ...
ฉันตั้งใจไม่ละเมิดศีลห้าอย่างเคร่งครัด
สิ่งดี ๆ ก็ทยอยเข้ามาในชีวิตของฉัน สิ่งไม่ดีก็ให้คลาดแคล้ว หรือค่อย ๆ ทยอยถอยห่างจากชีวิตฉันออกไป
ฟังดูเหมือนนิยายเล่มละสิบบาท แน่นอนย่อมมีคนที่เชื่อและไม่เชื่อ
สำหรับคนที่ไม่เชื่อ ก็ต้องลองพิสูจน์กันดูสักตั้งหนึ่ง เริ่มจากวันนี้เลยสิคะ แถมกรรมบถสิบเข้าไปด้วยนะคะ แล้วคุณจะรู้ว่าความสุขที่แท้จริงน่ะ เป็นยังไงค่ะ
Create Date : 26 เมษายน 2548 |
| |
|
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2549 2:37:22 น. |
| |
Counter : 393 Pageviews. |
| |
|
|
|
แนะนำตัว
แนะนำตัวกันหน่อยค่ะ
ลิงก์
Create Date : 18 มกราคม 2548 |
| |
|
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2549 2:36:56 น. |
| |
Counter : 435 Pageviews. |
| |
|
|
|
สิบปีที่แล้วกับของกินนอกรั้ว
เมื่อสองสามวันก่อน ได้มีการพูดคุยกับเพื่อน ๆ ใน กระทู้คุณนินาม (กระทู้ไหน เราไม่บอก ไปตามหากัน เอาเองนะคะ เป็นการโฆษณานิยายคุณนินามไปในตัว) คุยกันถึงเรื่องร้านอาหารในโรงอาหารในบริเวณ มหาวิทยาลัย พยายามนึกภาพตามไปในสมัยนั้น
โห นี่มันสิบกว่าปีมาแล้วหรือนี่ ทำไมเวลามันช่าง ผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียนี่กระไร อย่ากระนั้นเลย มาคุยกันต่อดีกว่า
เริ่มจากสมัยเรียนนั้น จะชอบไปทานก๋วยเตี๋ยวต้อง อักษรฯ หรือไม่ก็ไปรัฐศาสตร์ ส้มตำต้องไปบัญชี ข้าวราดแกงต้องนิเทศน์
ตอนเย็น ๆ ถ้าไม่ทานมาม่าในแผนกฯ ก็ไปซื้อหมูปิ้ง ข้างรั้วตรงถาปัดฯ หรือไม่ก็รอคุณลุงฟรุตตี้แกขี่ เวสป้ามาส่งถุงผลไม้หลากชนิดถึงหน้าห้องแผนกฯ
แถม หลังสอบเสร็จก็มีการโคจรนอกรั้ว เช่น สุกี้โคคา ฝั่งตรงข้ามโรงพยาลบาลตำรวจ ต้องตบท้ายด้วยไอติมลูกบัวถั่วแดง หรือน้ำแข็งใสถั่วแดงราดเฮลบลูบอยสีแดงชุ่ม ๆ
ขนมปังปิ้งราดเนยนม หรือขนมปังสังขยา คณะเภสัชฯ
กระเพรากรอบไข่ระเบิด เส้นหมี่ผัดหมื่นลี้ ร้านข้างบนตลาดสามย่าน ขากลับเดินลงมาแวะซื้อ ขนมเบื้องแถวร้านจีฉ่อย ข้างร้านถ่ายเอกสาร
บางครั้งถึงขนาดข้ามถิ่น แวะเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูง แถวท่าพระจันทร์ ร้านข้าวต้มแถววัดมหาธาตุ ส้มตำ ไก่ย่างในซอยแถว ๆ ท่าพระจันทร์ แถว ๆ ที่เขาไปเช่าชุดครุยหรือเช่าพระกันนั่นแหล่ะ
ถ้าอาหารอิสลาม ต้องโรตีมะตะบะ โดยเฉพาะโรตีแกงไก่ แกงเนื้อ อร่อยมาก แถวถนนพระอาทิตย์ คนขายหน้ารับแขก ดีมาก ไม่เคยยิ้มเลย
เสร็จแล้วตบท้ายด้วย สลิ่มชูถิ่น แถวสี่แยกคอกวัว
บางวันก็ไปทานข้าวหน้าไก่ ห้าแยกพลับพลาไชย ซึ่งมีสาขาบนมาบุญครองด้วย
พอจบเริ่มทำงาน มีรายได้เป็นของตัวเอง ก็เริ่มขยับ ฐานะมาทานพวกอาหารทะเลเผา ตามเก็บเกือบทุกร้าน ตั้งแต่ร้านเจ๊ไข่ริมถนนประชาชื่น คลองประปา (อยู่ระหว่างสี่แยกรัชโยธินกับแยกงามวงศ์วาน) ทะลุข้ามคลองประปาไปยังร้านอื่น ๆ แถวประชานิเวศน์ ๑ ตลอดสายสู่วัดเสมียนนารี รถเมล์สาย ๖๗ ผ่านตลอด
โอ๊ย พูดเรื่องของกินแล้วหิวอะ ขอตัวไปทานข้าวเย็นก่อนนะคะ
[ 4 มี.ค. 47 02:39:38 ]
ที่มา
Create Date : 12 มกราคม 2548 |
| |
|
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2549 2:31:16 น. |
| |
Counter : 446 Pageviews. |
| |
|
|
|
กีฬา ๆ ใครว่าเป็นยาวิเศษ
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันเสาร์ที่แล้วโน้น ๆ ๆ นานมาก ๆ แล้วนะคะ ยายแม้น (เพื่อนบ้านที่แสนดี๊ ดี ช่างเม้าท์ข้างบ้านค่ะ รวมทั้งช่างตัดผมประจำตัวของข้าพเจ้าด้วยนะคะ) และเสี่ยก้าง (เพื่อนร่วมชายคาบ้านค่ะ) มาชวนข้าพเจ้าไปพายเรือล่องแก่ง แถวๆ ป่าดำ (Black Forest) ป่าทางตอนใต้ของประเทศเยอรมัน ล่องตามแม่น้ำ Nagol ตั้งแต่เมือง Bad Liebenzell ไปจนกระทั่งถึงเมือง Pfrozheim เป็นระยะทางประมาณ ๒๕ กิโลเมตรเห็นจะได้
โดยมีพี่ขวาน (พี่คนไทยแสนดีอีกคนหนึ่ง มาดเซอร์สุด ๆ จากเมืองหลวงของ รัฐที่ข้าพเจ้าอยู่ค่ะ) ลงทุนขับรถมารับ ทั้งขาไปและขากลับ (อะไรจะดีเลิศขนาดนั้นคะ คุณพี่ขา)
เรือที่ล่องไปมีลักษณะคล้าย ๆ เรือแคนนูแต่ฐานกว้างกว่า นั่งได้ ๓ คน ข้าพเจ้านั่งตรงกลางเรือ มีอีก ๒ คนนั่งหัวและท้ายเรือ โดยเสี่ยก้างนั่งเป็น Navigator ที่หัวเรือกับ น้องอีกคนหนึ่ง (มาจากเมืองใกล้ ๆ กับเมืองหลวงของรัฐนี้ค่ะ) นั่งที่ท้ายเรือทำหน้าที่เป็นคนคัดท้าย ก็ไม่มีใครเคยพายเป็นมาก่อน เพิ่มมาหัดเอาวันนี้แหล่ะค่ะท่านผู้อ่าน
ก็ผ่านมาสักหลายด่าน (ด่านแก่งหิน บาง ที่ที่เป็นฝาย ก็ต้องยกเรือขึ้นบกข้ามไปค่ะ) ประมาณ ๒ ชั่วโมงกว่าได้ น้ำไม่ลึกมากนักประมาณ ต้นขา ที่ลึกมากก็แค่ ๒ เมตรกว่า ๆ แต่น้ำค่อนข้างเชี่ยวบางจุด เรือก็ล่มไปได้ ๒ ครั้ง ทั้งหนาวทั้งเปียก พอครั้งที่ ๓ มีเหตุการณ์ ตื่นเต้นเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ระหว่างที่พายกันไปตามแม่น้ำเรื่อย ๆ ก็มักจะนึกถึงหนังเรื่อง River Wild ที่เควิน เบคอน เล่นเป็นตัวโกง
ทีนี้ก็พายกันมาได้สักพัก ข้างหน้าเป็นแหล่งหินทั้งใหญ่ทั้งคม และมีต้นไม้ล้มมาขวางทางไว้
ทำให้น้ำค่อนข้างเชี่ยวมาก พี่ขวานเรือลำข้างหน้าเขาหยุดตะโกนบอกมาว่าให้ชิดซ้าย แล้วให้ ลงจากเรือและยกเรือข้ามขอนไม้ แต่พวกข้าพเจ้าได้ยินไม่ชัด ไม่เข้าใจที่พี่เขาบอก พวก ข้าพเจ้าดูสัญลักษณ์มือแกว่า ให้ไปทางขวาก่อนเพราะน้ำลึกเรือจะได้ไปได้ แล้วค่อยเรียบตามขอนไม้มาทางซ้ายมาข้ามขอนไม้
ตอนนั้นพวกข้าพเจ้ามาตรงกลางลำน้ำ แล้วพอมาห่างจากขอนไม้ซัก ๓ เมตร มีหินก้อนเบ้อเร่ออยู่ขวางหน้า พวกข้าพเจ้าเพิ่งเห็น เสี่ยก้างบอกให้หลบ ไปทางขวา แต่เจ้าน้องหางเสือมองไม่เห็น เลยพายสปีดเต็มที่ เรือเลยชนกับก้อนหิน ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่เรือหยุดและขวางลำน้ำ พวกข้าพเจ้าก็พยายามจะขยับเรือให้ออกจากหินและหัน หัวเรือให้ไปทางซ้าย
ความจริงถ้าพวกข้าพเจ้าลงแล้วจูงเรือเดินไป ก็น่าจะเรียบร้อย เพราะน้ำแค่เหนือเอวนิดหน่อยเอง
ยังไม่ทันจะหันหัวเรือเลย พลังน้ำก็ดันเรือข้าพเจ้าที่ขวางอยู่พลิกคว่ำ ไปทางขวา พวกข้าพเจ้าทั้งหมดก็หล่นลงไป ในขณะที่พวกข้าพเจ้าพยายามจะยืน ตอนนี้ข้าพเจ้าเซไปชนเจ้าน้องคัดท้าย ข้าพเจ้าก็พยายามจะยึดเรือและกู้เรือไปในตัว
เหตุการณ์ตอนนั้นเร็วมาก และมีเรือตามหลัง พวกข้าพเจ้ามาอีกลำหนึ่ง (ลืมบอกไปค่ะว่า ที่พายกันไปกันนั้น ไปกันทั้งหมด ๔ ลำ ตอนนั้นเรือลำยายแม้นแกพายไปข้างหน้าตั้งนานแล้ว ยายแกเอาแรงมาจากไหนก็ไม่ทราบได้นะคะ สงสัย แกอัดกระทิงแดงไปเมื่อเช้าก่อนขึ้นรถมาค่ะ)
ทันทีทันใดน้ำที่เชี่ยวอยู่แล้วก็พลัดข้าพเจ้า และน้องที่คัดท้ายไปปะทะกับขอนไม้โดยเอาหลังพิง ขอนไม้ เท่านั้นไม่พอ มีเรือลำข้าพเจ้านั่นแหล่ะปลิวมาปะทะข้าพเจ้าอีกที โดยเอาท้องเรือปะทะ กับท้องข้าพเจ้า กลายเป็นท้องชนท้อง (โอ้ ข้าพเจ้ากลายเป็น แซนวิชไปแล้ว) ตอนนั้น ต้นขาที่โดนท้องเรือสต๊าฟ มันชาไปเลย ไม่รู้เป็นเพราะ น้ำที่ค่อนข้างเย็นด้วยหรือเปล่า
ตอนนี้ขยับตัวไม่ได้เลย และเหมือนเรือกดทับแน่นขึ้นทุกวินาที เนื่องจากด้านท้องเรือข้างใน มีพลังน้ำที่ไหลเชี่ยวดันเอาไว้ ด้วยความตกใจก็รีบตะโกนบอกให้เสี่ยก้างให้ช่วยมาดึงเรือออก ไป ตอนนั้นไม่สามารถขยับเรือได้เลย ฝ่ายเสี่ยก้าง ก็นึกว่าข้าพเจ้าตะโกนอะไรกันนักหนา ก็ เลยเข้ามาขยับ เสี่ยหน้าเสียเลยเพราะเขยื้อนไม่ออกเลย พี่ขวานจากเรือที่ข้ามไปแล้ว ก็รีบ มาช่วยกันขยับเรือ เรือที่ตามหลังมา บังเอิญไปชนกับฝั่งทางขวา พี่กระหนุงกระหนิง (พี่คนนี้น่ารักมากค่ะ มาจากเมืองเดียวกับน้องคัดท้าย แกมาเรียนเกษตรค่ะ ขอพูดถึงพี่คนนี้นิดนึงนะคะ พี่แกเป็นพ่อครัวประจำกลุ่มเราค่ะ เวลานึกภาพพี่แกให้นึกถึงหุ่นของพ่อครัวมือหนึ่ง นะคะ อย่าเอาไปนึกเปรียบเทียบกับ ชื่อแกเป็นอันขาดเชียวค่ะ)
มาต่อดีกว่าค่ะ พี่กระหนุงกระหนิงที่นั่ง เรือลำที่ตามเรือข้าพเจ้ามา ก็เลยลงมาช่วยข้าพเจ้าอีกคนค่ะ สรุปคือได้กำลังผู้ชาย ๓ คนมา ขยับเรือ คือ พี่ขวานเรือก่อนหน้า และพี่กระหนุงกระหนิง (พี่ ชื่อยาวจริงๆ เลยค่ะ) เรือตามหลัง และเสี่ยก้างจากเรือที่ข้าพเจ้านั่งอยู่
ข้าพเจ้าก็เลยสามารถดึงตัวเองขึ้นมาได้ มาอยู่บนขอนไม้ เฮ้อ รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ๑ ขั้น ยังไม่จบนะคะ
ไปอ่านต่อกันได้ที่นี่ค่ะ
เล่าต่อ
หมายเหตุ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เมื่อกลางปีที่ผ่านมาค่ะ
(๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๔)
Create Date : 12 มกราคม 2548 |
| |
|
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2549 2:36:30 น. |
| |
Counter : 404 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
|
รสา รสา |
|
|
|
|