เรื่องวุ่น ๆ

จะทะเลาะกันไปไยให้วุ่น
ดูจิตคุณขุ่นข้องหม่นหมองไหม้
ใครทำดีได้ดีมีถมไป
ใครทำชั่วอย่างไรใคร่เกรงกลัว

เรายังอดเหล้าได้ฤๅหาไม่
แล้วไฉนให้คนอื่นฝืนไม่ชั่ว
แก้ที่ตนเองก่อนเลิกเมามัว
เริ่มที่ตัวด้วยศีลสิได้ดี

รสา รสา
๒๔ กันยายน ๒๕๔๘



ช่วงนี้อ่านข่าว ดูข่าว เรื่องทั่วไป เรื่องการบ้านการเมือง เรื่องเศรษฐกิจ ข้าวของขึ้นราคา หรือแม้แต่เรื่องของคนใกล้ตัว
ทำไมมันมีแต่เรื่องวุ่นวาย น่าปวดเฮดชะมัด

บางครั้งดูข่าวไปด้วย เผลอประนามคนทำความผิดไปด้วย
จริงหรือที่คนเราทำไม่ดีได้เกือบทุกวันตามข่าว

ก่อนอื่นลองมานั่งคิดดูว่า ไม่น่าจะมีใครที่อยากจะเป็นคนไม่ดี หรือคนชั่ว
เพียงแต่คนเราเมื่อยังไม่บรรลุ ก็ย่อมจะมีกิเลสครอบงำไว้อยู่หลายชั้นอยู่
ไม่ว่าจะเป็น ครอบด้วยเงิน ครอบด้วยมือถือ ครอบด้วยบ้าน ครอบด้วยรถ ฯลฯ เจียระไนทั้งวันก็คงจะไม่หมด

ย้อนกลับมาพูดถึงการดูข่าว หรืออ่านข่าว เมื่อเราตามข่าวแล้ว บางครั้งเรามีอารมณ์ร่วมคล้อยตาม
ยกตัวอย่างง่าย ๆ
เช่น เห็นคนร้ายโดนจับ ชาวบ้านร่วมรุมประชาทัณฑ์
ตัวเรากลับดี ๆ สะใจ สมน้ำหน้า
อย่างนี้เราคิดว่าก็สมควรแล้วนี่ เราจะผิดอะไรใช่ไหม

แต่บางทีเราลืมไปว่า เพียงแค่กรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปคล้อยตาม ไปร่วมยินดีในสิ่งที่ก่อให้เกิดกรรมใหม่
ใจเราเป็นอกุศลไปโดยไม่รู้ตัวนะเนี่ย

นี่แหล่ะ ฉะนั้นพรหมวิหารในข้ออุเบกขา จึงนำมาใช้กับตรงนี้จุดนี้ ประการที่หนึ่ง

อีกประการหนึ่งบางทีเราก็ชอบเปรียบเทียบ
ว่าคนดีทำดีไม่ได้ดี คนชั่วทำชั่วมีถมไป
เราอาจจะลืมไปว่า บุญเก่าเขายังมีคุ้มหัวอยู่
ส่วนคนที่ทำดีแล้วไม่ได้ดี บุญเก่าอาจจะทำมาไม่ดี
พอสร้างบุญใหม่ ก็ต้องค่อย ๆ สะสมไป
ไม่ใช่ทำปุ๊บได้ปั๊บเหมือนเปิดโทรทัศน์ปุ๊บติดปั๊บเสียที่ไหน

พระพุทธองค์ท่านเปรียบการทำดีเหมือนกับการปลูกมะม่วง
กว่าจะลงมือปลูก รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย
กว่าจะได้กินผลมะม่วง ยังต้องใช้เวลาเลย
นับประสาอะไรกับผลบุญที่เราจะได้รับล่ะ

ฉะนั้น ก็อย่าน้อยใจในวาสนาของตนเองไปเลย
ตั้งหน้าตั้งตา ตั้งใจประกอบความเพียรทำดีกันต่อไปเถิด
ใครจะยังไงก็เป็นเรื่องของเขา รู้แต่เรื่องของเราขอให้มีใจเป็นกุศลอยู่เสมอ จิตใจผ่องใสเป็นนิจก็ใช้ได้แล้ว

มาเริ่มต้นที่ศีล ๕ กันก่อนเป็นไง





 

Create Date : 26 กันยายน 2548   
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2549 2:42:36 น.   
Counter : 707 Pageviews.  

ทำไมต้องฝึกกรรมฐาน

การฝึกกรรมฐาน

เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบลอง ไม่แน่ใจว่าอันนี้เป็นนิสัยมาจากพื้นฐาน
ความที่อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีหรือเปล่าที่ชอบทดลอง

ดังนั้นใครบอกอะไร ถ้าไม่เสียหายอะไรก็ชอบไปลองดู
เมื่อลองแล้วก็นำมาประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง

อย่างเช่นเราเป็นคนที่มีโทสะสูงมาก ๆ
อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยก็แนะนำให้ลองไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานดู
โชคดีช่วงนั้นปิดเทอมพอดี ก็เลยลองไปดู
พอไปแล้วก็เริ่มติดใจ มันสงบดีนะ
ก็เลยหาเวลาที่ไม่ค่อยจะมีเวลาเลย ไปบ่อย ๆ
แต่บ่อยของเราก็คือสองสามปีครั้ง อิ อิ

มีเพื่อนและญาติเคยถามเราว่า จะทำกรรมฐานไปทำไมน่ะ
ไปนั่งทรมานปวดขา จะทนไหวเหรอ
แถมห้ามพูดกันด้วย คนพูดมากอย่างเธอจะทนไหวหรือ
อะ ก็ได้ไปมาแล้วนะ อันนี้ก็บอกไม่ได้หรอก
มันต้องไปทดลองดูด้วยตัวเองน่ะ



ว่าแต่นั่นสินะ เราทำกรรมฐานไปทำไมกัน

อันนี้พูดแล้วเรื่องมันยาว แถมถ้าคนที่ไม่เข้าใจ
ก็จะพลอยไปปรามาสพระท่านด้วย บาปกรรมเปล่า ๆ

สรุปสั้น ๆ ว่าเป็นการสร้างจิตให้เป็นกุศล
เป็นการทำความดี เพราะไม่ได้ไปเบียดเบียนสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ที่สำคัญเป็นการทำบารมีอย่างหนึ่งในบารมีสิบด้วย

เราสามารถสร้างบารมีง่าย ๆ ด้วยทานบารมี หรือ การให้ทาน ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคทรัพย์สินสิ่งของ การบริจาคแรงกายแรงใจ หรือแม้แต่การบริจาคโลหิต อวัยวะ ก็ตาม

บารมีง่าย ๆ อันที่สองคือ
ศีลบารมี หรือ การถือศีล ไม่ว่าจะเป็น ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ของเณร หรือ ศีล ๒๒๗ ของพระภิกษุก็ตาม บางคนก็ถือเพิ่มกรรมบถ ๑๐ ด้วยค่ะ

ส่วนในเรื่องของการฝึกกรรมฐาน ถือว่าเป็นการเพิ่มเนกขัมมบารมี ฝึกความอดทน
เสริมปัญญาบารมี ในเรื่องของปัญญา
อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัวของแต่ละคน
รู้สึกทำแล้วสบายใจ ก็ทำไปเถอะค่ะ
ซึ่งการฝึกกรรมฐานนี้ ก็มีหลายแนว
ไม่ว่าจะเป็นวิปัสสนากรรมฐาน ตามแนวสติปัฏฐาน ๔
(อันนี้ตอนที่อยู่ไทยเคยไปฝึกที่นี่
ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย
ศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ )
การฝึกสมถภาวนา อย่างของทางสายธรรมกาย หลวงปู่สด วัดปากน้ำ
(อันนี้ยังไม่เคยไปฝึกอะ)
หรือการฝึกมโนมยิทธิของทางสายหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง
ก็ตาม

เราก็ลอง ๆ ไปทุก ๆ แนวแหล่ะ
แล้วเอามาผสมกัน เลือกที่เราชอบ
เพราะเราก็ไม่รู้มาก่อนว่าจริง ๆ แล้ว เราชอบแบบไหน

เหมือนดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า

"ตถาคตเป็นแต่ผู้บอกทาง.
ใครถามทางแล้วก็บอกให้.
บุคคลทั้งหลายปฏิบัติอยู่ด้วยตน พึงพ้นได้เอง."

จาก พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๒ ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส ข้อ ๒๑๙





 

Create Date : 23 สิงหาคม 2548   
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2549 2:43:02 น.   
Counter : 726 Pageviews.  

สงครามกับสันติภาพ

สงครามกับสันติภาพ

คำสองคำนี้มักจะมาคู่กันเสมอ แต่ในขณะเดียวกัน การกระทำของทั้งคู่ก็มักจะกระทำคู่ขนานกันอยู่เสมอ
เหมือนกับสิ่งต่าง ๆ ที่ชอบมากันเป็นคู่ ๆ ตัวอย่างเช่น ทุกข์กับสุข นินทากับสรรเสริญ เสื่อมลาภกับได้ลาภ เสื่อมยศ กับได้ยศ เป็นต้น
(มันน่าจะเกี่ยวกับโลกธรรมแปดนะ)

ในการอ่านหนังสือพิมพ์รับรู้ข่าวสาร โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสงคราม การก่อการร้าย อ่านแล้วก็อดเผลอที่จะตำหนิ ประณาม วิจารณ์กลุ่มคนเหล่านั้นไม่ได้

แต่ถ้าเราเกิดมองต่างมุมกันบ้างหล่ะ ไม่ว่าใครจะทำอะไรที่ร้ายแรง ลองมองกลับมาที่ตัวเราทุกครั้งดูบ้างว่า เราไปตำหนิคนอื่นที่ทำแบบนั้น แล้วตัวเรานี้ดีกว่าพวกเขากันสักแค่ไหน

ทุก ๆ ศาสนาย่อมสอนให้เป็นคนดีเหมือนกันหมด เราไปว่าคนที่วางระเบิดเป็นพวกมุสลิม แล้วเรากลับเคยมองบ้างไหมว่า คนที่อ้างปาว ๆ ว่าเป็นชาวพุทธน่ะ เคยเข้าวัด ทำบุญ ให้ทาน รักษาศีลห้า กันบ้างไหม ทำกันจริงจังกันแค่ไหน

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็คงจะไปบังคับหรือคิดจะให้ใคร มาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้อย่างที่ใจเราต้องการ คงไม่ได้หรอก เพราะบางทีแม้แต่ตัวเราเอง ก็ยังบังคับไม่ค่อยได้เลย ฉะนั้น เราควรที่จะคิดเริ่มปรับปรุงกันที่ตัวเราเองก่อน จะไม่ดีกว่าหรือ

เคยคิดพิจารณามองดูตัวเองบ้างไหมว่า

เราไม่เคยคิดร้ายต่อคนอื่นเลย จริงหรือไม่
เราไม่เคยทำลายสัตว์และทรมานสัตว์เลย หรือเปล่า
เราไม่เคยขโมยของของใครเลย ใช่ไหม
เราไม่เคยผิดลูกเมียสามีชาวบ้านเขาเลย จริงหรือ
เราไม่เคยพูดโกหก พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ หรือพูดติฉินนินทาเลย ใช่ไหม
เราไม่เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย ใช่หรือเปล่า

เป็นต้น

ถ้าทุกคนมามุ่งย้อนปรับปรุงตนที่ตัวเองก่อน
คิดดูว่า โลกเราจะสงบและน่าอยู่ขึ้นสักเพียงไหน



ที่เกริ่นมาทั้งหมด มันก็มีที่มาที่ไปดังนี้

เรื่องก่อการร้ายนี้ทั้งในไทย ลอนดอน และที่อียิปต์นั้น เราได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนชาวมุสลิมทั้ง ชาวไทยและชาวเทศที่นี่

พวกเรามองตรงกันว่า ผู้ก่อการร้ายก็คือ ผู้ที่บ้าอำนาจ หรือ ผู้ที่ต้องการแสวงหาอำนาจ โดยเอาศาสนาเป็นข้ออ้าง เป็นเรื่องบังหน้า

ยิ่งในไทย ก็ยิ่งเป็นสาเหตุทำให้คนไทยพุทธเกลียดคนมุสลิมได้ง่าย
เมื่อเขาเจาะได้หัวข้อตรงนี้แล้ว ก็ยิ่งกระพือข่าว สร้างข่าว ให้สงครามมันเกิดขึ้นต่อไปได้สะดวกรวดเร็ว โดยสร้างขึ้นมาจากไอ้เจ้ากระแสความเกลียดในตัวเราเองนี่แหล่ะ

ทั้ง ๆ ที่ถ้าไปดูสถานการณ์ทางใต้จริง ๆ แล้ว คนไทยมุสลิมเอง เขาก็กลัวเหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนกัน

นี่คือสิ่งที่เราไม่อยากให้มีการแบ่งแยก (discriminate) ทางศาสนาเกิดขึ้น ทำไมเราต้องคอยแบ่งล่ะว่าพวกมุสลิมไม่ดี พุทธดี หรืออะไรก็ตาม นี่ประเด็นที่หนึ่ง

ประเด็นที่สองคือ การที่เราโมโห ไม่พอใจ ตัวเราเองก็มีโทสะอยู่ในตัว ไม่ว่าจะเกิดมาจากความเกลียด ความโกรธ หรือความไม่พอใจก็ตาม เราไม่ได้จะไม่ให้เห็นใจหรือสงสารคนกลุ่มนั้น เพราะหลาย ๆ คนเวลาดูข่าวตาม ก็อดที่จะไม่ให้สะเทือนใจน้ำตาไหลไม่ได้เลย

แต่พอมาคิดดูแล้ว เมื่อเราไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ตรงจุดนั้น หรือเราได้ทำการช่วยเหลือเขาแล้วตามกำลังศรัทธาของเรา
ไม่ว่าจะเป็นการบริจาค หรือทำบุญก็ตาม หรือแม้แต่ไม่มีกำลังทรัพย์จะทำ แต่อยากจะทำ เพียงแค่ได้อนุโมทนาก็ปลื้มใจแล้ว นั่นคือ เราได้แสดงความเมตตา กรุณา มุทิตาของเราแล้ว

เราควรจะสงสารอย่างมีขอบเขต เมื่อเราไม่สามารถช่วยเขาได้ เราก็ควรที่จะวางอุเบกขา วางเฉย วางใจเป็นกลาง โดยการยอมรับตามความเป็นจริง บางทีมันอาจจะเป็นกรรมเก่าของพวกเขาที่ต้องมารับคราวเคราะห์แบบนี้ก็เป็นได้

นี่คือ การดำเนินชีวิตตามหลัก พรหมวิหาร ๔



ตอนนี้กระแสโลกก็ยิ่งร้อนพออยู่แล้ว ทำไมเราไม่มาช่วยกันรีบเร่งสร้างความดี เอากระแสบุญของเราทำให้กระแสโลกที่ร้อนอยู่แล้ว เย็นลงบ้าง

อารมณ์โทสะของเรา หรือการที่เราไปตำหนิใคร
ก็ถือเป็นการเพิ่มกระแสร้อนให้โลกได้เหมือนกัน
โดยเฉพาะเวลาอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ จริงเท็จอย่างไร เราทราบได้แค่ไหน กว่าจะระลึกรู้ตัวได้ เราก็เผลอร่วมประณาม วิจารณ์ไปเสร็จสรรพแล้ว

พวกเราควรจะเริ่มมองตัวเอง และเปลี่ยนวิสัยทัศน์กันใหม่
เพื่อช่วยกันจรรโลงให้โลกใบนี้ที่เราจะต้องอยู่ต่อไป ให้อยู่รอดสวยงามต่อไป อย่างน้อยก็ให้สงครามเลื่อนออกไปก่อน (ที่จริงมันก็เลื่อนมานานแล้วนะ) หรือถ้าเกิดก็หวังให้ไม่มาเกิดในไทย

ที่เกริ่นมานี้ เราได้ข้อคิดมาจากครูบาอาจารย์ ท่านทั้งหลายได้อบรมสั่งสอนตักเตือนเรื่องการรักษาอารมณ์มา ขอออกตัวก่อนว่า ไม่ใช่ว่าตัวเองจะทำได้ แต่ก็กำลังพยายามเรียนรู้ปรับปรุงตนต่อไป

นี่คือเรื่องที่อยู่ในใจเรามานาน และเราอยากบอกให้เพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านรับทราบ ถือเสียว่า เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ หรือใครมีข้อคิดดี ๆ อะไร ยินดีรับฟังและแลกเปลี่ยนกันค่ะ





 

Create Date : 08 สิงหาคม 2548   
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2549 2:43:23 น.   
Counter : 373 Pageviews.  


รสา รสา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add รสา รสา's blog to your web]