ห้องแฟนตาซีของmoony
|
|||
ปกหนังสือเรื่อง นักล่าแห่งรัตติกาล
ปกนิยายเรื่อง นักล่าแห่งรัตติกาล ภาคกำเนิดสองนักล่า
โดย สำนักพิมพ์สถาพร ราคาเล่มละ 230 บาท บทที่ 10 นักล่ากับนักล่า
บทที่ 10
นักล่า กับ นักล่า รถที่วูล์ฟและวลาร์ดนั่งมาด้วยกันวิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอไปตามทางโดยวูล์ฟได้เล่าเรื่องของฟ็อกซ์และนายปีเตอร์สันให้สมิธฟังอย่างสนุกสนานในขณะที่วลาร์ดนั่งฟังด้วยใบหน้าเงียบขรึม หลังจากนั่งนิ่งไม่พูดไม่จามาตลอดทางอยู่ๆลูกครึ่งแวมไพร์ก็พูดขึ้น ผมขอแวะไปดูที่เกิดเหตุหน่อย สมิธหันไปมองเด็กหนุ่มด้วยความแปลกใจในขณะที่วูล์ฟเลิกคิ้วและยื่นหน้าไปถาม นายจะไปที่นั่นทำไม อยากดูอะไรเพิ่มเติมเท่านั้น วลาร์ดตอบเสียงเรียบแต่สมิธกลับนิ่วหน้า จะไม่รายงานให้คุณอันเดอร์ฮิลล์ทราบก่อนหรือครับ ไม่จำเป็น ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบ สมิธชำเลืองตามองวูล์ฟคล้ายขอความเห็น อีกฝ่ายเอนตัวพิงเบาะพร้อมกับพูด แวะไปดูสักหน่อยก็ดี เผื่อเราอาจจะได้อะไรเพิ่ม สมิธหักพวงมาลัยทันทีเมื่อถึงทางแยก รถตู้จึงเลี้ยวอย่างกระทันจนล้อสีกับถนนเสียงดังลั่น โชคดีที่เป็นเวลาใกล้ค่ำท้องถนนจึงไม่มีรถราวิ่งขวักไขว่เหมือนตอนกลางวัน รถที่พวกเขานั่งวิ่งไปตามทางจนกระทั่งถึงที่พบศพของเด็กทั้งสามคน ทันทีที่จอดสนิทวลาร์ดจึงลงจากรถและเดินตรงไปยังโคนต้นไม้ที่เจอเศษหนังศีรษะ เขาเดินวนรอบต้นไม้ต้นนั้นอยู่ครู่หนึ่งจึงเริ่มตรวจบริเวณลำต้นอย่างละเอียด วูล์ฟกับสมิธซึ่งเดินตามมายืนมองการกระทำของเด็กหนุ่มด้วยความสงสัย มีอะไรหรือครับ สมิธถามขึ้นขณะที่ขยับตัวเข้าไปใกล้แต่ต้องชะงักเมื่อวลาร์ดร้องห้าม อย่าเข้ามา เขาเพ่งมองเปลือกของต้นไม้อย่างพิจารณาก่อนจะเลื่อนสายตามองไปบนพื้น นายได้กลิ่นอะไรไหม เด็กหนุ่มหันไปถามเพื่อน วูล์ฟสูดลมหายใจอย่างแรงและนิ่วหน้าก่อนจะตอบ อย่างที่บอก มันเป็นกลิ่นที่คล้ายกับสิงโต ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คล้าย วลาร์ดชี้ไปที่ต้นไม้ วูล์ฟเดินเข้าไปมองและทำตาโตเมื่อเห็นรอยคล้ายกรงเล็บของสัตว์ปรากฏบนเปลือกไม้ในระดับที่ค่อนข้างสูงเกินสายตาคน สมิธซึ่งเดินไปจ้องด้วยความอยากรู้พึมพำออกมา เหมือนรอยเล็บของอะไรบางอย่าง ยังมีรอยเท้าที่โคนต้นไม้นั่นอีก วลาร์ดชี้ไปที่รอยเท้าขนาดใหญ่ซึ่งปรากฏไม่ชัดนักบริเวณโคนต้น วูล์ฟขมวดคิ้ว ทำไมตอนแรกพวกเราถึงไม่เห็น เพราะมันยังไม่มี ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบและพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของทั้งสองคน ส่วนรอยเล็บนั่นมีตั้งแต่แรก แต่ฉันไม่อยากบอกให้ใครรู้เท่านั้น ทำไม วูล์ฟถาม วลาร์ดหันไปตอบเขาเสียงเรียบ เพราะถ้าบอกมันก็จะถูกทำเป็นรายงานกว่าเราจะได้รับอนุญาตให้ออกมาตรวจอีกครั้งคงต้องใช้เวลาอีกสามหรือสี่วัน มันเป็นระบบ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน หนุ่มหมาป่าพูดแต่วลาร์ดกลับเบือนหน้าไปอีกด้าน คงใช่ถ้าเป็นเรื่องปิศาจทำร้ายมนุษย์ธรรมดา แต่คราวนี้เหยื่อเป็นแค่เด็กถึงสามคน เขาหันไปจ้องเพื่อน ฉันไม่ใจเย็นพอที่จะรอ แล้วที่พาพวกเรามานี่มันมีประโยชน์ตรงไหน วูล์ฟถาม อีกฝ่ายชี้ไปที่รอยเท้าที่อยู่บนพื้นพร้อมกับตอบ รอยนั่นยังใหม่ เขากวาดสายตามองไปโดยรอบ และดูเหมือนเจ้าของจะเพิ่งทิ้งไปไม่นาน พูดง่ายๆก็คือตอนนี้เจ้านั่นยังอยู่แถวนี้ คำพูดของวลาร์ดทำให้วูล์ฟหันมองไปรอบตัวทันทีในท่าเตรียมพร้อม ส่วนสมิธรีบดึงปืนออกมาจากซองขณะขยับตัวเข้าไปใกล้หนุ่มหมาป่าและถามอย่างระวัง คุณแน่ใจหรือ ผมแน่ใจ วลาร์ดตอบ เพราะการเฝ้าเหยื่อเป็นนิสัยของพวกสิงโต ถ้าเจ้านั่นยังอยู่แถวนี้จริงทำไมฉันถึงไม่ได้กลิ่นมันล่ะ วูล์ฟถามด้วยความสงสัย วลาร์ด มองชายเสื้อคลุมของตนที่กำลังพลิ้วสะบัดไปตามแรงลมก่อนตอบ เพราะนายอยู่เหนือลม คำตอบของลูกครึ่งแวมไพร์ทำให้คนทั้งสามหันไปมองในทิศทางเดียวกันทันที พวกเขาไล่สายตามองพุ่มไม้แต่ละต้นอย่างละเอียด สมิธถึงกับสะดุ้งเมื่อไม้พุ่มหนึ่งสั่น ใจเย็น วูล์ฟกระซิบ ไม่ว่าเจ้านั่นจะเป็นตัวอะไรมันก็ไม่เร็วพอที่จะวิ่งมาทำร้ายเราตรงนี้ได้ คำพูดของหนุ่มหมาป่าเงียบหายไป สมิธมองเขาอย่างสงสัยและใจหายวาบเมื่อเห็นดวงตาของวูล์ฟลุกวาว นายเห็นมันไหม เขากระซิบถามวลาร์ด อีกฝ่ายพยักหน้าขณะที่เลื่อนมือไปแตะดาบ สมิธมองเด็กทั้งสองและถามเสียงแผ่ว มันอยู่ที่ไหนครับ ตรงนั้น วูล์ฟจ้องเขม็งไปยังเบื้องหน้า ที่พุ่มไม้นั่นและมันก็กำลังมองเราอยู่ สมิธรีบมองไปยังพุ่มไม้ตามที่หนุ่มหมาป่าบอก หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวาบเมื่อเห็นดวงตาวาวคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมายังพวกเขา จากขนาดและความสูงของมันทำให้สมิธแน่ใจว่าเจ้าของดวงตาคู่นั้นต้องไม่ใช่สัตว์หากินกลางคืนทั่วไปอย่างแน่นอน เอาไงดี วูล์ฟถามวลาร์ด อีกฝ่ายนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ เรายังไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร เขาขยับตัวไปข้างหน้า รอดูมันก่อน...... ยังไม่ทันที่หนุ่มแวมไพร์จะพูดจบ พุ่มไม้ที่อยู่ตรงหน้าก็บังเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง เสียงร้องคำรามของสัตว์ป่าดังขึ้น เงาร่างขนาดใหญ่กระโจนออกมาและพุ่งเข้าไปหาคนทั้งสามอย่างรวดเร็ว ระวัง วูล์ฟร้องก่อนจะคว้าร่างของสมิธหลบไปอีกด้านในขณะที่วลาร์ดเบี่ยงตัวหลบและชักดาบออกมา เขาพุ่งเข้าไปหาร่างนั้นและฟันเข้าใส่มันทันทีแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทัน มันพลิกตัวหลบและกระโดดไปยืนอีกด้าน ร่างนั้นร้องคำรามพร้อมกับกางกรงเล็บออกและพุ่งเข้าโจมตี วูล์ฟอย่างรวดเร็ว วูล์ฟ วลาร์ดเรียกเพื่อนด้วยความเป็นห่วง หนุ่มหมาป่ากางเล็บของตนออกและยกขึ้นรับการจู่โจมของอีกฝ่ายอย่างว่องไว สมิธซึ่งยืนอยู่ด้านข้างทำท่าจะเข้าไปช่วยแต่ต้องหยุดเมื่อวูล์ฟร้องห้าม อย่าเข้ามา เขาขบกรามแน่นและคำรามออกมาเมื่อพบว่าพละกำลังของคู่ต่อสู้มีมากพอๆกับตน ดวงตาของวูล์ฟทอประกายวาวและเริ่มแปรเปลี่ยนไป มนุษย์หมาป่า ร่างนั้นพูดเสียงต่ำ วูล์ฟนิ่วหน้าเมื่อเห็นมันยิ้ม ลูกของผู้หญิงคนนั้นหรือ แกพูดอะไร วูล์ฟถามเสียงดัง อีกฝ่ายผ่อนกำลังลงและกระโดดถอยออกห่าง เขาหันไปมองวลาร์ดแล้วยิ้มออกมา ส่วนเจ้าหนูแวมไพร์นั่นก็น่าจะเป็นเด็กคนนั้น เขาหัวเราะในลำคอ โตขึ้นมากเลยนี่ คำพูดของร่างลึกลับทำให้วลาร์ดและวูล์ฟยืนอึ้ง ทั้งคู่จ้องชายร่างใหญ่ซึ่งมีเส้นผมรุงรังคล้ายสิงโตเขม็ง แกเป็นใคร วูล์ฟถาม ทำไมถึงรู้จักเราสองคน กลับไปถามอันเดอร์ฮิลล์ ร่างนั้นตอบเสียงต่ำก่อนจะหมุนตัว ลาก่อน วลาร์ดรีบพุ่งตัวเข้าไปหาชายลึกลับทันที เขาเงื้อดาบขึ้นหมายจะฟันร่างนั้นให้ขาดเป็นสองท่อน เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายหมุนตัวหันกลับมา แสงสีเงินสะท้อนไฟวาววับเมื่อเขายกอาวุธขึ้นรับดาบของวลาร์ดเอาไว้และเหวี่ยงเท้าเตะเด็กหนุ่มจนกระเด็น ผู้ใช้ดาบ เขาพูดพลางหมุนดาบในมือ เธอก็เป็นตุลาการด้วยหรือ พูดเรื่องอะไร วลาร์ดย้อนขณะที่พยายามยันตัวให้ลุกขึ้น ที่ฉันใช้ดาบก็เพราะมันตัดคอปิศาจอย่างพวกแกได้ ดาบคือสัญลักษณ์ของผู้ตัดสิน เธอถูกองค์กรเลือกให้ทำหน้าที่เป็นตุลาการ เขาพูดพลางเก็บดาบกลับเข้าฝัก เหมือนฉันในอดีต หมายความว่าอะไร วลาร์ดขยับตัวและร้องออกมา วูล์ฟมองเขาและอุทานอย่างตกใจ นายบาดเจ็บ เขารีบเข้าไปประคองร่างของเพื่อนที่กำลังทรุดลง และใช้มืออุดเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณลำตัวของวลาร์ดทันที เขาโดนดาบนั่นตอนไหน สมิธซึ่งวิ่งเข้ามาหาถาม วลาร์ดสั่นหน้าขณะที่พยายามขบกรามแน่นเพื่อสะกดความเจ็บปวด เด็กหนุ่มเลื่อนสายตามองไปยังร่างของชายลึกลับที่ยังคงยืนมองพวกเขา แกเป็นใครกันแน่ วลาร์ดถามเสียงแผ่ว อีกฝ่ายแสยะยิ้ม ถามอันเดอร์ฮิลล์ เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อและดึงอะไรบางอย่างออกมา ดวงตาของชายผู้นั้นทอประกายลุกโชน เขารู้จักฉันดี บุรุษลึกลับโยนวัตถุสิ่งนั้นลงบนพื้น เขามองวลาร์ดและวูล์ฟนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงหมุนตัวและวิ่งหายไปในความมืด สมิธรีบหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาเพื่อติดต่อกับนายอันเดอร์ฮิลล์แต่วลาร์ด กลับห้าม เขายันตัวลุกยืนขึ้นและมองไปยังโลหะสีเงินที่ชายผู้นั้นทิ้งไว้ สมิธรีบเดินไปเก็บและส่งให้กับวลาร์ด นี่มันอะไรกัน เขาถามขณะมองหนุ่มแวมไพร์ด้วยสายตาวิตก วูล์ฟคลายมือที่กดปากแผลของเพื่อนออกพร้อมกับพูด เลือดหยุดไหลแล้ว เขาจ้องแผ่นโลหะที่อยู่ในมือวลาร์ด อะไรน่ะ จี้ห้อยคอ เด็กหนุ่มตอบพลางจ้องลายดุนรูปสิงโตกอดดาบบนจี้นั้นอย่างพิจารณา ฉันเคยเห็นมันมาแล้วครั้งหนึ่ง นายเคยเห็นมันมาแล้ว ที่ไหน วูล์ฟถามเสียงดัง วลาร์ดสั่นหน้าพร้อมกับเก็บจี้โลหะลงในกระเป๋า สมิธซึ่งยืนนิ่งอยู่จึงเอ่ยปากถาม แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมเขาถึงได้รู้จักคุณทั้งสองคน ผมไม่รู้ วลาร์ดตอบเสียงเรียบก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่รถ เราคงต้องกลับไปถามคุณอันเดอร์ฮิลล์ */*/*/*/* สีหน้าของนายอันเดอร์ฮิลล์แปรเปลี่ยนไปขณะที่ฟังเรื่องราวของชายลึกลับจากวลาร์ดและวูล์ฟ และเมื่อได้เห็นจี้ห้อยคอที่ลูกครึ่งแวมไพร์ส่งให้ ใบหน้าของชายชราก็ยิ่งเผือดลง เขาจ้องลายดุนรูปสิงโตกอดดาบที่ปรากฏบนโลหะเงินชิ้นนั้นเขม็งก่อนจะพูดพึมพำออกมา ลีโอ เขาเป็นใครกันหรือครับ ทำไมหมอนั่นถึงได้รู้จักเราทั้งสองคน เสียงถอนหายใจอย่างหนักดังมาจากนายอันเดอร์ฮิลล์ เขามองวูล์ฟและวลาร์ดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก เธอสองคนรู้ใช่ไหมว่าองค์กรของเรามีหลายหน่วยงาน ครับ วลาร์ดตอบ ชายชรามองเขาก่อนจะกล่าวต่อ หนึ่งในหน่วยงานขององค์กรนั้นก็คือนักล่าแห่งรัตติกาลที่มีหน้าที่กำจัดพวกปิศาจและอสูรร้ายที่เป็นอันตรายกับมนุษย์ นักล่าของเราจะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มตามความสามารถ นั่นก็คือฝ่ายสนับสนุนด้านกำลังซึ่งก็คือเธอ เขาหันไปทางวูล์ฟ หนุ่มหมาป่าขยับตัวเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา นายอันเดอร์ฮิลล์จึงพูดต่อ ฝ่ายนี้จะเป็นเหมือนกองหนุนที่เป็นทั้งกำลังและคอยปกป้องดูแลนักล่าอีกฝ่าย พูดง่ายๆก็คือเป็นคนคอยระวังหลังให้กับเพื่อน กองหนุนนี้มีความสำคัญมากเพราะเขาจะต้องเป็นคนที่มีความเป็นเลิศในด้านการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และต้องเป็นคนที่นักล่าอีกกลุ่มสามารถมอบความไว้วางใจได้มากที่สุด ชายคนนั้นพูดว่าผู้ใช้ดาบ วลาร์ดถามขึ้น มันหมายความว่าอะไรกันครับ มันเป็นสัญลักษณ์ของนักล่าอีกกลุ่มซึ่งจัดเป็นกำลังสำคัญขององค์กร เพราะคนพวกนี้จะถูกส่งไปกำจัดสิ่งที่ถูกตัดสินว่าเป็นอันตรายกับมนุษย์ นักล่ากลุ่มนี้จะมีดาบเป็นอาวุธและถูกเรียกว่าเป็นพวกตุลาการ อะไรนะครับ สีหน้าของวลาร์ดฉายความประหลาดใจออกมา ทำไมผมถึงไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ เพราะฉันไม่เคยเล่าให้เธอทั้งสองคนฟัง และตั้งใจว่าจะไม่มีวันบอกให้พวกเธอรู้อย่างเด็ดขาด ทำไมล่ะครับ วูล์ฟถามขึ้นมาบ้าง ทั้งที่มันเป็นเรื่องสำคัญมากขนาดนี้ เพราะมันจะสร้างความคลางแคลงใจ นายอันเดอร์ฮิลล์ตอบด้วยใบหน้าเศร้า องค์กรของเราสูญเสียนักล่าไปเพราะความแตกต่างระหว่างกองหนุนกับพวกตุลาการ ผมไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างกันตรงไหน วลาร์ดพูดพร้อมกับหันไปมองวูล์ฟ ไม่ว่าจะเป็นอะไรหมอนั่นก็เป็นเพื่อนและพี่น้องของผมเสมอ เพราะความสัมพันธ์ของเธอทั้งสองคนเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรก ชายชราตอบ แต่นักล่าบางคนไม่ใช่ พวกเขาจะถูกเลือกว่าให้อยู่กลุ่มไหนจากความสามารถและสติปัญญา จากนั้นจึงนำมาฝึกให้ทำงานร่วมกัน ดังนั้นแม้ทั้งคู่จะมีความไว้วางใจต่อกันมากแค่ไหนก็ยังมีความคิดในเรื่องระดับฝีมือกับความแตกต่างซึ่งถ้าหากศัตรูรู้ถึงจุดอ่อนของพวกเขาแม้เพียงสักนิดก็สามารถทำลายนักล่าทั้งสองคนนั้นได้อย่างง่ายดาย ไม่น่าเชื่อ วูล์ฟพึมพำ มันเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยหรือครับ หนึ่งหรือสองครั้งในแต่ละรุ่น นายอันเดอร์ฮิลล์ตอบ รวมทั้งนักล่าที่อยู่ในรุ่นของฉันด้วย คุณก็เคยเป็นนักล่าด้วยหรือครับ วลาร์ดถามด้วยความแปลกใจ ชายชรายิ้มพร้อมกับสั่นศีรษะ ฉันไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น เขานิ่งไปเล็กน้อย แต่เพื่อนของฉันคนหนึ่งเป็น เขาเป็นคนที่เก่งมากมีทั้งความฉลาดและความคล่องแคล่วว่องไว ข้อด้อยของเขามีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนั่นก็คือเขามีสายเลือดของอสุรกายบีสต์ในยุคโบราณ สิ่งนั้นทำให้เขามีอารมณ์ฉุนเฉียวและโกรธง่ายซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีอย่างยิ่งสำหรับนักล่ากลุ่มตุลาการ เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือครับ วูล์ฟถามและนั่งอึ้งเมื่อเห็นสายตาเศร้าจากบิดาบุญธรรม นายอันเดอร์ฮิลล์ถอนใจออกมาขณะที่ยกจี้ขึ้นดู หลังการปฏิบัติงานครั้งสุดท้าย เขาถูกส่งให้ไปทำลายสาขาย่อยของอิลูมิเนติค ลีโอหายสาบสูญไปตอนที่อาคารของคนพวกนั้นระเบิด หรือว่านั่นเป็นแผนกำจัดเขาจากองค์กร หนุ่มหมาป่าพูดเสียงไม่ดังนัก นายอันเดอร์ฮิลล์สั่นหน้า นั่นเป็นเพียงแค่ข่าวลือ องค์กรไม่มีทางทำอะไรร้ายกาจแบบนั้นแน่ คุณพูดถึงการปฏิบัติงานครั้งสุดท้ายของเขา วลาร์ดนิ่งไปเล็กน้อย คงไม่ใช่..... ถูกแล้ววลาร์ด เขาคือคนที่ไปหยุดรถพยาบาลและนำเธอมาส่งให้ฉัน เขามองหน้าเด็กหนุ่ม ทำไมถึงคิดว่าเป็นลีโอ น้ำเสียงของเขาครับ วลาร์ดตอบ มันฟังเหมือนดีใจที่ได้เจอกับผมอีกครั้ง งั้นหรือ นายอันเดอร์ฮิลล์มองจี้ในมือ นั่นสินะ เขาเอ็นดูเธอมากนี่นา เสียงพูดพึมพำอย่างเศร้าใจ ชายชราเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มทั้งสองพร้อมกับกล่าว ดึกมากแล้วพวกเธอกลับไปพักกันได้ แต่ วลาร์ดทำท่าแย้งแต่ต้องนิ่งเมื่อนายอันเดอร์ฮิลล์มองเขาด้วยสายตาดุ ครับ เขาลุกขึ้นและเดินออกจากห้อง วูล์ฟซึ่งกำลังก้าวตามออกไปหันมามองนายอันเดอร์ฮิลล์อีกครั้ง ราตรีสวัสดิ์ครับ ราตรีสวัสดิ์ พักให้เต็มที่อย่าคิดอะไรมากนักล่ะวูล์ฟ เขาเตือนด้วยความเป็นห่วง อีกฝ่ายรับคำก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง ทันทีที่บานประตูปิดสนิทลงนายอันเดอร์ฮิลล์จึงหยิบจี้ขึ้นมาดูอีกครั้ง เขาถอนใจออกมาอย่างหนักและพูดเบาๆ เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่ ลีโอ */*/*/*/* บทที่ 9 น้ำใจของมนุษย์
บทที่ 9
น้ำใจของมนุษย์ เราตรวจพบพิษของแอแทรกซ์หลงเหลืออยู่บนผิวของศพค่ะ หญิงสาวซึ่งอยู่ในชุดกาวน์ประจำห้องชันสูตรพูดขณะที่ส่งเอกสารให้กับนายอันเดอร์ฮิลล์ เขารับมาเปิดอ่านอย่างตั้งใจ นอกจากนี้เรายังเจอขนละเอียดกระจายอยู่ทั่วตัวของผู้เคราะห์ร้ายด้วยครับ เจ้าหน้าที่ชันสูตรอีกคนหนึ่งพูดเสริมขึ้น ชายชรารับซองพลาสติดบรรจุขนสั้นๆสีค่อนข้างเข้มที่เขาส่งให้มาพิจารณา เหมือนขนของแมลง มันเป็นขนของแมงมุมแม่ม่ายดำตระกูลแอแทรกซ์ วลาร์ดพูด นายอันเดอร์ฮิลล์เลิกคิ้ว เธอรู้ได้ยังไง ผมไปตรวจมาแล้ว เด็กหนุ่มตอบพลางยื่นกระดาษสองสามแผ่นให้กับนายอันเดอร์ฮิลล์ เขามองรูปแมงมุมแล้วขมวดคิ้ว ตัวโตเต็มที่ไม่เกิน 16 มิลลิเมตร ไม่น่าเชื่อว่าแมงมุมตัวแค่นี้จะฆ่าคนได้ มันอาจจะมีเป็นร้อยตัว นักวิจัยหญิงพูด วลาร์ดพยักหน้าไปที่ซองบรรจุหลักฐานในมือของชายชราพร้อมกับพูดเสียงเรียบ หรือขนาดใหญ่แค่ตัวเดียว เขาเลื่อนสายตาไปทางนายอันเดอร์ฮิลล์ คิดว่าเป็นฝีมือของพวกนั้นไหมครับ ฉันไม่แน่ใจ นายอันเดอร์ฮิลล์พูดพลางรวมหลักฐานต่างๆไว้ด้วยกัน คงต้องส่งรายงานทั้งหมดไปให้หน่วยกลางและรอจนกว่าทางนั้นจะสืบให้แน่ชัด ผมอยากไปจัดการเองมากกว่า วลาร์ดพูดเสียงขรึม นายอันเดอร์ฮิลล์มองหน้าเขา ฉันไม่อนุญาต เขาปรามเสียงดุ เราเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ จะทำอะไรต้องมีระบบและขั้นตอน คงได้เก็บกันอีกหลายศพกว่าจะรู้เรื่อง เด็กหนุ่มพูดและทำท่าจะเดินจากไป นาย อันเดอร์ฮิลล์ จึงถามขึ้น จะไปไหน ห้องฝึก เขาตอบเสียงเรียบและก้าวเท้าออกไปจากที่นั่นโดยไม่พูดอะไรอีกเลย ชายชรายืนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางเจ้าหน้าที่ห้องชันสูตรที่ยืนรออยู่และสั่ง รวมรวบหลักฐานทุกอย่างและสรุปรายงานทั้งหมดส่งไปให้ผมที่ห้องก่อนค่ำ เสร็จแล้วอย่าลืมจัดการเผาร่างผู้เคราะห์ร้ายและจำหน่ายห้องชันสูตรด้วย เจ้าหน้าที่ทั้งสองรับคำก่อนจะแยกย้ายกันออกไปอย่างรวดเร็ว นายอันเดอร์ฮิลล์มองคนของเขาแล้วถอนใจออกมา เสียงพูดคุยด้วยความตื่นเต้นที่ดังมาจากเจ้าหน้าที่สองสามคนซึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ทำให้เขาต้องเลิกคิ้ว มีอะไรกันหรือ ครับ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งชะงักและปรับสีหน้าให้ดูเคร่งขรึมขณะหยุดยืนต่อหน้านายอันเดอร์ฮิลล์ ไม่มีอะไรครับ แล้วทำไมพวกเธอถึงดูตื่นเต้นนัก ชายชรามองหน้าคนทั้งสามอย่างจับพิรุธ หนึ่งในนั้นยิ้มแห้งๆก่อนจะตอบ พวกเรากำลังจะไปดูวูล์ฟครับ ไปดูวูล์ฟ เสียงทวนคำอย่างแปลกใจ ทำไม วูล์ฟกำลังแข่งบาสกับคุณสมิธอยู่ที่ห้องกีฬา เรากำลังไปดูว่าใครจะชนะเท่านั้นเองครับ อ้อ นายอันเดอร์ฮิลล์พยักหน้าและยิ้ม แล้วพวกเธอพนันข้างไหน ต้องเป็นวูล์ฟอยู่แล้ว คนหนึ่งตอบเสียงดังและรีบหุบปากทันทีเมื่อเห็นสายตาดุจากเพื่อน เขาหันไปยิ้มแหยๆให้กับผู้เป็นนาย ขอโทษครับ ไม่เป็นไร นายอันเดอร์ฮิลล์โบกมือ อย่ามัวแต่เล่นจนลืมเรื่องงานก็แล้วกัน เขาตบบ่าชายคนนั้นก่อนจะเดินกลับไปที่ห้อง เจ้าหน้าที่ทั้งสามมองหน้ากันและยิ้มกว้างก่อนจะรีบเดินตรงไปยังห้องกีฬาซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของตัวอาคาร */*/*/*/* วูล์ฟเช็ดหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนตัวของเขาระหว่างเดินกลับไปที่ห้อง สมองของเขาคิดวนเวียนระหว่างเรื่องราวของเขากับการตายของผู้ให้กำเนิด หนุ่มหมาป่าขบกรามตนเองแน่นก่อนจะสะบัดผมที่ชุ่มไปด้วยน้ำ เขาถอนใจออกมาอย่างหนักก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องทำงานของนายอันเดอร์ฮิลล์ วูล์ฟหยุดยืนลังเลเล็กน้อยจึงตัดสินใจเคาะประตูไม่แรงนัก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจเมื่อไม่ได้ยินเสียงผู้ที่อยู่ด้านในตอบออกมา หลังจากยืนรออยู่ครู่หนึ่งเขาจึงเปิดประตูออกและชะโงกหน้าเข้าไปมอง คุณอันเดอร์ฮิลล์ครับ วูล์ฟเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่ไม่ดังนักและชะงักเมื่อพบว่าผู้ที่เขาต้องการพบกำลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ ความอ่อนล้าที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าอันสูงวัยทำให้หนุ่มหมาป่ายืนอึ้ง เขามองนายอันเดอร์ฮิลล์ด้วยความสงสารก่อนจะตัดสินใจถอยออกมาและปิดประตูอย่างระวัง วูล์ฟยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องของชายชราอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัว จะไปไหน เสียงเรียบเย็นของวลาร์ดถามขึ้น วูล์ฟหยุดเท้าของเขาและตอบ ข้างนอก เขาเว้นระยะไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ ฉันสัญญากับฟ็อกซ์ว่าจะเอาไส้กรอกไปให้ ฉันว่านายไม่ควรไป ทำไม อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบเสียงแผ่ว เขาเห็นตัวจริงของฉัน วูล์ฟหันไปมองเพื่อนและตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของวลาร์ดกำลังฉายความเจ็บปวดออกมา เขายืนนิ่งไปครู่หนึ่งจึงยิ้ม ไม่เห็นจะแปลก หนุ่มหมาป่าพูด เพราะนายก็ทำตัวเหมือนผีดิบอยู่แล้วนี่นา ดวงตาของวลาร์ดลุกวาวขึ้นมาทันที เขามองวูล์ฟที่กำลังเดินหัวเราะแล้วเผยอยิ้ม เด็กหนุ่มรีบก้าวตามหลังเพื่อนไปอย่างรวดเร็ว วลาร์ดหันไปมองสมิธซึ่งกำลังยืนถือถ้วยกาแฟรออยู่แถวนั้น ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงพร้อมกับส่งยิ้มตอบกลับมา ผมจะขับรถให้ เขาพูดพร้อมกับเดินนำเด็กทั้งสองตรงไปยังรถซึ่งจอดรออยู่ที่หน้าอาคาร รถตู้สีดำวิ่งไปตามถนนข้ามผ่านแหล่งชุมชนและมุ่งหน้าออกไปนอกเมือง สมิธขับรถไปเรื่อยๆโดยสายตาชำเลืองมองวลาร์ดที่นั่งอยู่ด้านข้าง เขายิ้มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรเหมือนเคยต่างจากวูล์ฟที่สรรหาเรื่องมาพูดคุยกับเขาได้ตลอดเวลา หนุ่มหมาป่าชะโงกหน้าไปมองตุ๊กตาแดร็กคิวล่าตาโตที่วางประดับไว้หน้ารถแล้วยิ้ม หน้าเหมือนเจ้าวลาร์ดเลย เขายื่นมือไปจิ้มหัวตุ๊กตาแล้วหัวเราะลั่นเมื่อเห็นมันกระเด้งไปมา น่ารักดีแฮะ นายน่าจะทำหน้าแบบนี้บ้างนะจะได้ดูน่ากลัวน้อยลง เขาหันไปพูดกับเพื่อนที่กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับ วลาร์ดเบือนหน้าหนีไปอีกด้านแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา วูล์ฟมองหน้าเขาแล้วยิ้มก่อนจะหันไปทางสมิธ คุณได้ตุ๊กตาตัวนี้มาจากไหนครับ ร้านขายของที่ระลึก สมิธตอบพลางเลี้ยวรถเข้าไปในเขตโกดัง ผมเห็นมันน่ารักดีเลยซื้อมาตั้งในรถ เอาไว้ดูเล่นคลายเครียดน่ะครับ ผมเห็นด้วย วูล์ฟพูดพลางถอยกลับไปนั่งที่ของตัวตามเดิม เพราะถ้ามองแต่หน้าผีดิบตัวจริงนานๆมีหวังเป็นโรคเครียดขึ้นสมอง ดีไม่ดีอาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้ มีแต่นายเท่านั้นที่บ้า วลาร์ดพูดพึมพำ สมิธชำเลืองตามองเขาแล้วแทบจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งของเด็กหนุ่มในขณะที่วูล์ฟทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และร้องเพลงออกมาเบาๆ ถึงแล้วครับ สมิธพูดพลางหักรถเลี้ยวเข้าไปจอดในตรอกที่พวกเขาจับมนุษย์จิ้งเหลนได้ จะให้ผมเข้าไปด้วยไหม ไม่ต้องหรอกครับ วูล์ฟพูดพลางเปิดประตูและก้าวลงจากรถโดยไม่ลืมที่จะหยิบถุง ไส้กรอกตามลงไปด้วย เขาหันไปมองวลาร์ดที่ยังคงนั่งนิ่ง ไปด้วยกันไหม ไม่ อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบ หนุ่มหมาป่ามองเขาด้วยความเป็นห่วงก่อนจะยักไหล่ ตามใจ อย่ามาบ่นเสียดายที่ไม่ได้เล่นกับเจ้าฟ็อกซ์ก็แล้วกัน */*/*/* ฟ็อกซ์นอนหมอบอยู่หน้าตรอกที่มันกับนายปีเตอร์สันใช้เป็นที่พักอาศัย อากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายทำให้เจ้าสุนัขแสนรู้อ้าปากหาวพร้อมกับหรี่ตาลง ขณะที่กำลังจะหลับนั่นเองพลันจมูกของเจ้าฟ็อกซ์ก็ได้กลิ่นที่มันคุ้นเคย ใบหูของหมาแสนรู้ชี้ตั้ง ฟ็อกซ์ลุกยืนขึ้นทันที พวงหางพองฟูเริ่มกวัดแกว่งไปมา มันแลบลิ้นเลียปากและเห่าหนึ่งครั้งก่อนจะวิ่งออกไปหาผู้ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ท่ามกลางเสียงร้องเรียกด้วยความแปลกใจของผู้เป็นนาย จะไปไหนฟ็อกซ์ นายปีเตอร์สันเดินตามหมาของตนไปด้วยความเป็นห่วง เขาเบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อเห็นเจ้าฟ็อกซ์กำลังวิ่งวนรอบตัววูล์ฟพร้อมกับส่งเสียงเห่าอย่างดีใจ นายปีเตอร์สันรีบขยับตัวไปด้านข้างและยืนแนบตัวชิดกับกำแพง เขาชะโงกหน้ามองวูล์ฟที่กำลังก้มตัวลงขยี้หัวของฟ็อกซ์ด้วยความเอ็นดู ไงเพื่อนยาก วูล์ฟทักเสียงดังและหัวเราะเมื่อเห็นเจ้าหมาแสนรู้ยื่นหน้าไปที่ถุงไส้กรอกแล้วทำจมูกฟุดฟิดพร้อมกับแลบลิ้นเลียปาก มันรีบนั่งลงและยกสองขาหน้าขึ้น ลูกครึ่งมนุษย์หมาป่าหัวเราะขณะดึงไส้กรอกออกมาสูดกลิ่นและทำเป็นเลียริมฝีปากราวกับว่ามันช่างน่ากินเสียเหลือเกิน เขายิ้มเมื่อเห็นฟ็อกซ์นั่งน้ำลายยืด กินไหม เขาถาม เจ้าหมาแสนรู้เห่าตอบพร้อมกับกระดิกหาง วูล์ฟหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจและยื่นไส้กรอกชิ้นนั้นให้กับมัน ตกลงแกชนะ นายปีเตอร์สันมองวูล์ฟที่กำลังนั่งลงและลูบหัวฟ็อกซ์ด้วยความรัก เขาถอนใจออกมาอย่างหนักก่อนจะสะดุ้งเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายชำเลืองมองมาที่เขาเช่นเดียวกัน ลูกครึ่งหมาป่าเอ่ยปากพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก อย่าซ่อนเลยครับ เขาส่งไส้กรอกอีกชิ้นให้กับฟ็อกซ์ คุณก็รู้ว่าแอบผมไม่ได้ คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้นายปีเตอร์สันต้องถอนใจออกมาอีกครั้ง เขามองวูล์ฟที่กำลังหยอกล้อสุนัขของตนอย่างสนุกสนานก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าก้าวออกไป สวัสดีครับคุณปีเตอร์สัน หนุ่มหมาป่าเอ่ยทัก นายปีเตอร์สันทำท่าลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเบาราวกระซิบ ส....สวัสดีวูล์ฟ วันนี้อากาศดีนะครับ วูล์ฟชวนคุยขณะยกห่อไส้กรอกขึ้นและทำเป็นแยกเขี้ยวใส่ฟ็อกซ์ เฮ้ เหลือให้ฉันกินบ้างสิพวก เจ้าหมาแสนรู้ส่งเสียงเห่าและกระโดดไปรอบตัวเขา วูล์ฟหัวเราะดังลั่นก่อนจะดึงไส้กรอกออกมาอีกชิ้น ก็ได้ แต่นี่เป็นชิ้นสุดท้ายนะ เขาโยนไส้กรอกขึ้นไปในอากาศซึ่งเจ้าฟ็อกซ์ก็สามารถกระโดดขึ้นไปงับเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ วูล์ฟปรบมืออย่างชอบใจก่อนจะหันหน้าไปทางนายปีเตอร์สันพร้อมกับยิ้ม สบายดีเหรอครับ ส.....สบายดี นายของฟ็อกซ์ตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักขอบใจ สองสามวันมานี่มีอะไรอีกไหมครับ วูล์ฟถามพลางดินไปนั่งที่กองไม้ในบริเวณนั้น ปีเตอร์สันมองเขาอย่างชั่งใจก่อนจะตอบ ไม่มี เขานิ่งไปชั่วอึดใจ ตั้งแต่เพื่อนของเธอจัดการกับเจ้าตัวประหลาดนั่น งั้นหรือครับ ลูกครึ่งหมาป่าพูดด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจ เขาร้องเพลงออกมาเบาๆและหยุดเมื่อฟ็อกซ์เห่าแทรกขึ้นมา โอเค ไม่ร้องก็ได้ วูล์ฟกระโดดลงจากกองไม้และลงไปนั่งเล่นกับเจ้าหมาแสนรู้อย่างเมามัน ปีเตอร์สันมองทั้งสองอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจถาม แล้วเพื่อนของเธอคนนั้น เขาไม่ได้มาด้วยเหรอ วลาร์ดหรือครับ วูล์ฟถามทั้งที่ยังกอดรัดร่างของฟ็อกซ์และงับคอของมันเล่นเบาๆ เขาพูดต่อเมื่อเห็นนายปีเตอร์สันพยักหน้า เจ้าหมอนั่นไม่กล้าลงมาหาคุณหรอกครับ เขามาด้วยหรือ ปีเตอร์สันพึมพำ แล้วทำไมถึงไม่กล้าลงมาหาผม เขาไม่อยากให้คุณตกใจ วูล์ฟตอบและร้องลั่นเมื่อโดนฟ็อกซ์งับแขน เขาคว้าตัววายร้ายมากอดแน่นและก้มหน้าลงไปกัดหูของมันเป็นการแก้แค้น ปีเตอร์สันเห็นดังนั้นจึงเผลอตัวหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู ผมยอมรับว่าตกใจ เขาพูดเสียงแผ่ว และกลัวเขามาก เพราะอะไรหรือครับ หนุ่มหมาป่าเงยหน้าขึ้น อีกฝ่ายนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ เธอไม่รู้หรือแกล้งถาม วูล์ฟถอนใจออกมาก่อนจะปล่อยแขนที่กอดรัดฟ็อกซ์และลุกยืนขึ้น เขาส่งยิ้มให้กับนาย ปีเตอร์สันพร้อมกับพูด ผมก็เป็นเหมือนกับเขา ดวงตาของปีเตอร์สันเบิกกว้าง เขาก้าวถอยหลังและมองวูล์ฟด้วยความตกใจ เธอก็เป็นแวมไพร์ด้วยอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงกลายเป็นเถ้าไปนานแล้ว วูล์ฟชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า มีแวมไพร์ที่ไหนเล่นกับหมากลางวันแสกๆแบบนี้ครับ ก็เธอบอกว่าเป็นเหมือนเพื่อน นายปีเตอร์สันเถียงเสียงอ่อย วูล์ฟหัวเราะพร้อมกับยกมือขึ้นเกาศีรษะ ชื่อผมก็บอกอยู่แล้วนี่ครับ เด็กหนุ่มหันไปแยกเขี้ยวใส่ฟ็อกซ์ ซึ่งกำลังกัดขากางเกงของเขาอย่างเมามัน นายปีเตอร์สันยืนอึ้ง มนุษย์หมาป่า ครับ วูล์ฟยิ้มในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มหน้าซีด อย่าบอกนะว่าเธอเป็นพวกที่กลายร่างตอนพระจันทร์เต็มดวง นั่นมันมนุษย์หมาป่ารุ่นโบราณ เด็กหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ อย่างผมเป็นพวกพัฒนาแล้วไม่จำเป็นต้องแปลงร่างให้ยุ่งยากแบบนั้นหรอกครับ เขายกมือขึ้นและกางกรงเล็บที่แหลมคมออก แค่นี้ก็กลายเป็นมนุษย์หมาป่าแล้ว นายปีเตอร์สันมองกรงเล็บของอีกฝ่ายด้วยสายตาตระหนก เขาก้าวถอยหลังและทำท่าจะเรียกฟ็อกซ์แต่ต้องหยุดเมื่อเห็นสุนัขตัวโปรดกำลังเล่นกับวูล์ฟอย่างสนุกสนาน หลังจากยืนมองทั้งสองอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงถอนใจออกมา นายปีแตอร์สันส่ายหน้าก่อนจะเดินไปนั่งที่กองไม้และจ้องดูวูล์ฟเขม็ง พวกเธอเป็นใครกันแน่ นักล่าแห่งรัตติกาล วูล์ฟตอบก่อนจะก้มตัวลงอุ้มฟ็อกซ์ขึ้นมา นายปีเตอร์สันนิ่วหน้าก่อนจะกวักมือเป็นเชิงเรียกเขาให้เข้าไปนั่งเด็กหนุ่มจึงเดินไปที่กองไม้และหย่อนตัวนั่งห่างจากเขาพอควร มันคืออะไร มันเป็นหน่วยงานหนึ่งขององค์กรปราบปรามและกำจัดสิ่งมีชีวิตผิดธรรมชาติ วูล์ฟพูดพลางขยี้ขนพองฟูของฟ็อกซ์อย่างมันมือ ผมกับวลาร์ดเป็นนักล่าที่มีหน้าที่กำจัดพวกแวมไพร์หรือปิศาจที่ออกมาทำร้ายมนุษย์ มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ นายปีเตอร์สันหลุดปากถาม วูล์ฟหันไปมองหน้าเขา คุณจำมนุษย์จิ้งเหลนเมื่อวันก่อนได้มั้ยครับ คำพูดของหนุ่มหมาป่าทำให้อีกฝ่ายอึ้ง เขามองฟ็อกซ์ซึ่งกำลังเลียมือของวูล์ฟและส่ายหน้า เหลือเชื่อ ปีเตอร์สันกำมือแน่น ฉันเจอแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าตัวจริง น่าดีใจใช่ไหมครับ วูล์ฟยิ้มกว้าง นายปีเตอร์สันมองหน้าเขาและยิ้มออกมา นั่นสินะ เขายื่นมือไปตบบ่าของลูกครึ่งหมาป่า มันเป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ วูล์ฟยิ้มกว้างก่อนจะเลื่อนสายตาออกไปด้านหน้าในขณะที่หูของฟ็อกซ์ชี้ตั้งขึ้น มันลุกยืนและจ้องไปในทิศทางที่เด็กหนุ่มกำลังมอง สบายใจขึ้นหรือยัง หนุ่มหมาป่าพูดขึ้น นายปีเตอร์สันจึงหันหน้าไปมองและเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นวลาร์ดกำลังยืนอยู่ในเงามืด อย่าทำอะไรน่ากลัวแบบนั้นสิเพื่อน คนอื่นเขาตกใจกันหมด ผมเข้าใจว่าแวมไพร์โดนแดดไม่ได้ นายปีเตอร์สันรีบพูดและอ้าปากค้างเมื่อเห็นวลาร์ดก้าวออกมายืนกลางแจ้ง เป็นไปไม่ได้ ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือครับว่าเราเป็นพวกพัฒนาแล้ว วูล์ฟพูดพร้อมกับหัวเราะ แวมไพร์อย่างเจ้านั่นกลัวแค่เสียงหัวเราะเท่านั้นแหละครับ เจ้าบ้า เสียงวลาร์ดพูดพึมพำ วูล์ฟมองใบหน้าที่ดูผ่อนคลายของเพื่อนแล้วยิ้ม เขาหันไปมองปีเตอร์สันที่ดูเหมือนจะคลายความหวาดกลัวลงไปมากพร้อมกับยื่นห่อไส้กรอกให้ มื้อเย็นของฟ็อกซ์ เขาขยี้หัวหมาแสนรู้อีกครั้งก่อนจะกระโดดลงจากกองไม้และเดินไปยืนข้างวลาร์ด ปีเตอร์สันมองเขา พวกเธอจะไปกันแล้วหรือ ครับ วูล์ฟตอบ พอดีพวกเรามีงานค้างอยู่ต้องรีบกลับไปทำให้เสร็จ เขามองนาย ปีเตอร์สันและถาม คราวหน้าผมเอาตับบดมาฝากฟ็อกซ์ได้ไหมครับ ได้ นายปีเตอร์สันตอบและหันไปขยี้หัวหมาของตน ฟ็อกซ์ชอบตับบดมาก งั้นตกลงตามนี้นะครับ วูล์ฟยิ้มกว้าง แล้วเจอกันนะฟ็อกซ์ เขาหันไปโบกมือให้กับหมาแสนรู้ มันเห่ารับพร้อมกับกระดิกหาง นายปีเตอร์สันมองเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังเดินไปด้วยกัน เขาตะโกนออกมา อย่าลืมชวนเพื่อนมาด้วยนะ วูล์ฟ หนุ่มหมาป่าโบกมือรับอย่างร่าเริงก่อนจะหันไปกอดคอวลาร์ดและพูดจาหยอกเย้าเขาอย่างอารมณ์ดี นายปีเตอร์สันมองทั้งคู่ไปจนลับสายตา เขาก้มหน้าลงไปหาฟ็อกซ์ แกรู้ใช่ไหมว่าพวกเขาเป็นคนดี เจ้าหมาแสนรู้กระดิกหางพร้อมกับเห่า เขาตบหัวมันเบาๆและพูดเสียงไม่ดังนัก ฉันเชื่อแก */*/*/*/*/* บทที่ 8 เสี้ยวหนึ่งของความจริง
บทที่ 8
เสี้ยวหนึ่งของความจริง คำพูดของวลาร์ดทำให้วูล์ฟนั่งตัวแข็ง ความรู้สึกของหนุ่มหมาป่าในเวลานี้เหมือนกำลังถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบกระหน่ำลงมาบนหัว เขาทำท่าจะพูดอะไรออกมาแต่กลับชะงักและนิ่วหน้า หลังจากนั่งนิ่งอยู่นานวูล์ฟจึงหลุดคำพูดออกมา นายโกหก เขาจ้องหน้าวลาร์ดเขม็งก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังนายอันเดอร์ฮิลล์ เขาพูดเล่นใช่ไหมครับ ฉันไม่ชอบพูดเล่น วลาร์ดพูดเสียงเรียบ วูล์ฟหันไปจ้องเขาและขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเฉยชาปราศจากอารมณ์ใดๆเหมือนทุกครั้ง หนุ่มหมาป่าถอนใจก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปที่นายอันเดอร์ฮิลล์ ถ้าผมกับเจ้านี่เป็นสิ่งที่องค์การบ้านั่นสร้างขึ้นมา แล้วเราสองคนมาอยู่ในหน่วยงานของคุณได้ยังไงกันครับ น้ำเสียงที่ถามไม่ดังนั้น นายอันเดอร์ฮิลล์มองเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความปราณี เพราะฉันเป็นคนจัดการเรื่องของพวกเธอ เขาหันไปมองวลาร์ดและทำท่าจะลุกขึ้นแต่เด็กหนุ่มกลับห้าม อย่าดีกว่าครับ เขาเบนสายตาไปยังตู้เอกสารที่เก็บแฟ้มสีดำเอาไว้และพูดต่อ สำหรับเจ้านี่อธิบายให้ฟังจะง่ายกว่า หากเป็นเวลาปรกติ คำพูดเชิงดูแคลนแบบนี้คงทำให้วูล์ฟโกรธจนแทบจะหันไปหักคอ วลาร์ด แต่คราวนี้เขากลับนั่งนิ่งและมองนายอันเดอร์ฮิลล์ที่พยักหน้าและเดินกลับมานั่งตามเดิม อย่างที่รู้ เธอทั้งสองคนมีเลือดผสมของแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า ชายชรามองหน้าเด็กทั้งสองสลับกันและถอนใจเมื่อเห็นวลาร์ดเมินหน้าหนีไปอีกด้านในขณะที่วูล์ฟกำมือแน่น ตามปรกติแล้วหน้าที่หลักของหน่วยงานเราก็คือทำลายสิ่งมีชีวิตพวกนี้ทันทีที่พบ แต่สำหรับเธอทั้งสองคนแล้วนับเป็นกรณีพิเศษเพราะหลังจากที่ฉันพยายามติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มอิลูมิเนติคมานาน มีข่าวจากสายที่แทรกซึมเข้าไปอยู่ภายในนั้นแจ้งมาว่ามีมันสมองระดับสูงขององค์กรนี้กำลังสร้างอมนุษย์ที่มีความแข็งแกร่ง โดยการนำเอาแวมไพร์และมนุษย์หมาป่าสายเลือดแท้ไปทดลองตัวยาสูตรใหม่ที่พวกเขาคิดค้นขึ้น มันเป็นยาอะไรกันครับ วูล์ฟถามแทรกขึ้นมา นายอันเดอร์ฮิลล์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ ฉันเองก็ไม่รู้ข้อมูลตรงนี้มากนักเพราะทันทีที่ข่าวนี้หลุดออกมา สายของพวกเราก็ถูกจับได้และถูกส่งกลับไปที่ส่วนกลางในสภาพถูกตัดเป็นชิ้นยัดใส่กล่องพัสดุไปรษณีย์ ชายชราเว้นระยะและพูดต่อ แต่เท่าที่รู้ยาพวกนี้จะมีผลทำให้สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่มีความเฉลียวฉลาดและมีพละกำลังที่เป็นเลิศ ที่พวกเขาเลือกแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าเป็นตัวทดลองก็เพราะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด ถ้าเราสองคนเป็นผลผลิตจากการทดลองนั่น แล้วทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ เพราะฉันสืบรู้แหล่งกบดานของกลุ่มอิลูมิเนติค ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือพวกเราเจอห้องทดลองลับของพวกเขา หน่วยกลางจึงจัดตั้งกลุ่มกวาดล้างพิเศษขึ้นมาและส่งไปทำลายที่นั่นจนพินาศ แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นเราไม่สามารถจับแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าคู่ที่ถูกทดลองได้เพราะพวกมันรีบหนีออกไปในช่วงที่ชุลมุน ถ้าอย่างนั้นพวกผมเกิดขึ้นมาได้ยังไงกันครับ วูล์ฟถามด้วยความสงสัย นายอันเดอร์ ฮิลล์มองหน้าเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบ เพราะเราได้ข่าวว่ามีมนุษย์หมาป่าที่มีขนาดใหญ่โตกว่าปรกติบุกเข้าไปในบ้านของผู้หญิงคนหนึ่ง มันพาเธอหนีหายเข้าไปในป่า พวกเราใช้เวลาเกือบสองเดือนถึงตามเจอ เราสามารถจัดการกับเจ้ามนุษย์หมาป่าตัวนั้นได้แต่.... ชายชรากลืนน้ำลายลงคอ วูล์ฟขยับตัวและถาม ผู้หญิงคนนั้นตายหรือครับ เปล่า นายอันเดอร์ฮิลล์มองหน้าเขาก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เราช่วยผู้หญิงคนนั้นได้ ในสภาพที่เธอกำลังตั้งท้อง ท....ท้อง วูล์ฟทวนคำและรู้สึกหนาวเยือกไปทั้งตัว หรือว่า ถูกต้องแล้ววูล์ฟ ผู้หญิงคนนั้นท้องกับมนุษย์หมาป่าและเป็นแม่ของเธอ คำตอบของนายอันเดอร์ฮิลล์ทำให้วูล์ฟรู้สึกเหมือนโดนทุบศีรษะอย่างแรง เขานั่งนิ่งด้วยความงุนงงไปชั่วครู่ก่อนจะถามเสียงแผ่ว แล้วทำไม ลูกครึ่งหมาป่าพูดออกมาได้เพียงเท่านั้น เขาเลื่อนสายตาไปทางบิดาบุญธรรมและมองนิ่งคล้ายตั้งคำถาม อีกฝ่ายอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนตอบ ทางหน่วยกลางต้องการกำจัดอมนุษย์ทุกคนให้หมด แต่ฉันปฎิเสธ เขากำมือแน่น จะให้ฆ่าผู้หญิงท้องกับเด็กทารกที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นมาดูโลกแบบนั้นฉันทำไม่ได้แน่ ฉันจึงพยายามหาข้อมูลและอ้างเหตุผลมากมายเพื่อให้พวกผู้ใหญ่ในหน่วยกลางเชื่อว่าเราสามารถเลี้ยงดูเด็กเลือดผสมเหล่านี้ให้กลายเป็นนักล่าขององค์กรได้ ต้องใช้เวลานานพอดูกว่าเขาจะยอมเชื่อและปล่อยให้เราดูแลผู้หญิงคนนั้นจนกระทั่งเธอคลอด แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น วูล์ฟถามเสียงเรียบ ผมหมายถึงเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของผม นายอันเดอร์ฮิลล์มีสีหน้าลำบากใจ เขาทำท่าจะตอบแต่ต้องชะงักเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายชรารีบรับและฟังเสียงผู้ที่ติดต่อเข้ามาอย่างตั้งใจ วลาร์ดมองใบหน้าที่ฉายแววตระหนกของเขาและถามทันทีที่นายอันเดอร์ฮิลล์วางโทรศัพท์ลง มีอะไรหรือครับ เราพบศพเด็กสามคนทางเหนือห่างจากถนนใหญ่ไปห้าไมล์ นั่นเป็นงานของตำรวจไม่ใช่หรือครับ ลูกครึ่งแวมไพร์ถามด้วยความสงสัยและนิ่งทันทีเมื่อเห็นสีหน้าวิตกของชายชรา เราคงต้องหยุดคุยเรื่องแม่ของเธอเอาไว้แค่นี้ก่อน นายอันเดอร์ฮิลล์หันไปพูดกับวูล์ฟ อีกฝ่ายนิ่วหน้าพร้อมกับตอบ แต่ผมอยากรู้ กลับมาแล้วจะเล่าให้ฟัง ชายชราลุกขึ้นและทำท่าจะเดินออกจากห้อง เขามองหนุ่มหมาป่าที่ยังคงนั่งนิ่ง วูล์ฟ ทำไมครับ เขาถาม ทำไมถึงเล่าตอนนี้ไม่ได้ เพราะเราต้องไปจัดการกับเด็กที่ไม่มีวันกลับไปหาพ่อแม่ได้อีกต่อไปแล้วถึงสามคน นายอันเดอร์ฮิลล์ตอบ พวกเขาจะไม่มีวันแม้แต่จะได้นอนในหลุมศพเหมือนกับคนทั่วไป */*/*/*/* วลาร์ดนั่งมองต้นไม้ที่เคลื่อนผ่านไปตามความเร็วของรถที่กำลังวิ่งไปบนถนนเพื่อมุ่งหน้าไปยังนอกเมือง บ่อยครั้งที่เขาชำเลืองตามองไปทางด้านหลังและถอนใจออกมาก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปมองทิวทัศน์นอกรถอีกครั้ง สมิธซึ่งนั่งนิ่งอยู่นานจึงพูดขึ้น เป็นห่วงวูล์ฟหรือครับ อะไรนะ วลาร์ดย้อนถาม อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบาๆ ทุกครั้งคุณจะนั่งมองตรงไปข้างหน้าเสมอ เขาหักพวงมาลัยหลบรถที่สวนมาก แต่วันนี้คุณกลับเอาแต่ชำเลืองไปข้างหลังเกือบตลอดทาง ถ้าไม่เพราะเป็นห่วงวูล์ฟแล้วจะเป็นเพราะอะไร ทำไมผมต้องห่วงเจ้านั่นด้วย วลาร์ดพูดเสียงห้วน สมิธยิ้มกว้าง เขาเพิ่งฟื้นไม่ใช่หรือครับ ความจริงวันนี้แค่ไปตรวจดูศพเท่านั้น วูล์ฟไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณอันเดอร์ฮิลล์ต้องให้เขาตามมาด้วย คงกลัวหมอนั่นบ้า เด็กหนุ่มพูดเสียงขรึม สมิธเลิกคิ้วขณะชำเลืองมองเขา สีหน้าที่เรียบเฉยกับดวงตาที่มองตรงไปข้างหน้าทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าวลาร์ดคงไม่พูดอะไรออกมาอีก สมิธจึงยุติการสนทนาและหันไปให้ความสนใจกับเส้นทางตามเดิม ทันทีที่รถตู้จอดสนิท เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจึงเดินตรงไปหานายอันเดอร์ฮิลล์ทันที เขายืนซองพลาสติกบรรจุปอยผมสีน้ำตาลเข้มกระจุกหนึ่งให้กับชายชราพร้อมกับเดินนำไปยังพุ่มไม้ที่ขึ้นอยู่ในบริเวณนั้นและชี้ไปที่ร่างแห้งกรังสามร่างที่นอนเรียงกัน ศพพวกนี้เหมือนมัมมี่มาก นายอันเดอร์ฮิลล์พูดและมองวลาร์ดที่กำลังตรวจซากแห้ง ว่ายังไง ศพพวกนี้เหลือแต่หนัง ไม่มีกระดูก ไม่มีอะไรเลย เขานิ่วหน้า เหมือนโดนสูบอวัยวะภายในออกไปจนหมด เด็กหนุ่มหันไปขอก้านสำลีจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่งและสาวเส้นใยสีขาวขุ่นขึ้นมาพิจารณา เขาขมวดคิ้ว นี่มันอะไรกัน วลาร์ดพูดพึมพำขณะพลิกก้านสำลีไปมา วูล์ฟชะโงกหน้ามามองพร้อมกับพูด อย่างกับใยแมงมุม เขามองอีกสองร่างที่อยู่ใกล้กัน ที่สองศพนั่นก็มี แถมรอบๆนี่ก็มีใยแบบนี้ทั่วไปหมด สงสัยเด็กสามคนนี่คงจะโดนแมงมุมฆ่าตาย มันต้องเป็นแมงมุมยักษ์แน่ วลาร์ดประชดก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังศพที่อยู่ท้ายสุด เขาลุกขึ้นและเดินไปมองอย่างสนใจ มีอะไรหรือวลาร์ด ศพนี้แปลกว่าคนอื่น เขาชี้ไปที่ส่วนศีรษะ มีคนถลกหนังหัวเขาไป หรือว่านี่จะเป็นฝีมือของพวกคลั่งลัทธิ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูด นายอันเดอร์ฮิลล์ส่ายหน้า จากสภาพศพผมคิดว่าไม่น่าจะใช่ เขาหันไปทางด้านหลังและสั่งชายสี่ห้าคนที่ยืนรออยู่ เก็บทุกอย่างไปให้หมด บางทีนี่อาจจะเป็นฝีมือของพวกปิศาจหรือมนุษย์กลายพันธุ์ นายอันเดอร์ฮิลล์มองคนของตนลงมือเก็บซากทั้งสามอย่างรวดเร็ว เขามองวลาร์ดที่กำลังยืนนิ่งในขณะที่วูล์ฟทำหน้าย่นพร้อมกับหันมองไปโดยรอบ วูล์ฟ ผมได้กลิ่นเลือด ลูกครึ่งหมาป่าขมวดคิ้วและเดินลึกเข้าไปด้านใน เขาหยุดยืนอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่พร้อมกับเงยหน้าขึ้น นั่นเหมือนหนังหัวคนไหมครับ เขาชี้นิ้วไปบนคบไม้ นายอันเดอร์ฮิลล์รีบเดินไปดู ภาพหนังศีรษะที่ขาดรุ่งริ่งของคนห้อยติดอยู่บนกิ่งไม้ทำให้เขาต้องลดสายตาลงและร้องสั่ง ใครก็ได้ขึ้นไปเก็บมันลงมาที นายอันเดอร์ฮิลล์ตบไหล่วูล์ฟสองสามครั้ง เขาหันไปมอง วลาร์ดซึ่งกำลังยืนนิ่ง คิดอะไรอยู่หรือ ครับ เด็กหนุ่มตอบ ผมกำลังคิดว่ามันดูแปลกมากที่เจอศพเด็กสามคนในที่เดียวกันแบบนี้ แถมสภาพศพก็ยังเหมือนกันมากจนแทบจะพูดได้เลยว่าพวกเขาถูกฆ่าพร้อมกันด้วยฝีมือคนเพียงคนเดียว แต่ผมไม่คิดว่าเป็นคน วูล์ฟพูดขึ้นพร้อมกับสูดลมหายใจและพ่นออกมาอย่างแรง นายอันเดอร์ฮิลล์มองเขา ทำไมถึงคิดแบบนั้น กลิ่นไงครับ หนุ่มหมาป่าหันไปมองเขาและวลาร์ด ถึงจะจางมากแต่ผมก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่กลิ่นของคน แล้วมันเป็นกลิ่นของอะไร ลูกครึ่งแวมไพร์ถามเสียงเรียบ อีกฝ่ายนิ่วหน้า ฉันยังไม่แน่ใจนัก แต่คิดว่ามันน่าจะเป็นกลิ่นของสิงโต */*/*/*/* สมิธมีสีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นนายอันเดอร์ฮิลล์เดินมาเปิดประตูรถและนั่งลงที่เบาะข้างตัวเขา ชายหนุ่มชำเลืองตามองไปทางด้านหลังและยิ่งความแปลกใจมากขึ้นเมื่อเห็นวลาร์ดกำลังก้าวตามวูล์ฟขึ้นไปและนั่งห่างจากเขาเล็กน้อย โลกแตกแน่ สมิธพูดเสียงกลั้วหัวเราะ นายอันเดอร์ฮิลล์มองเด็กหนุ่มทั้งสองผ่านกระจกมองหลังและยิ้ม คงเป็นห่วงวูล์ฟ เสียงถอนใจ หวังว่าเขาคงจะเข้าใจ นายสมิธขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกของชายชราแล้วเขาจึงตัดสินใจไม่ถามอะไรออกมา ชายหนุ่มสตาร์ทเครื่องรถและขับออกไปจากที่นั่นมุ่งหน้ากลับไปยังที่ทำการของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักทั้งหมดก็ถึงยังที่ตั้ง หลังจากเจ้าหน้าที่ช่วยกันลำเลียงซากศพเข้าไปในห้องชันสูตรจนหมดแล้วนายอันเดอร์ฮิลล์จึงก้าวเข้าไปในห้อง วลาร์ดซึ่งยืนรออยู่ด้านนอกชำเลืองตามองวูล์ฟและพูดเสียงเรียบ เขาเป็นห่วงนายมาก ฉันรู้ ลูกครึ่งหมาป่าตอบและยืนนิ่ง อีกฝ่ายถอนใจ เขาอยู่ด้วยตอนนายเกิด แล้วยังไง วูล์ฟหันไปมองหน้าเขา นายเองก็เหมือนกัน วลาร์ดสั่นหน้าก่อนจะเลื่อนสายตามองผ่านกระจกเข้าไปในห้อง เขาพูดด้วยเสียงไม่ดังนัก แม่ถูกแวมไพร์ทำร้ายอาการสาหัส เด็กหนุ่มพูดโดยสายตายังคงจ้องแผ่นหลังของนายอันเดอร์ฮิลล์นิ่ง ระหว่างไปโรงพยาบาลทางองค์กรส่งนักล่าไปดักรถคันนั้นและพาแม่ของฉันกลับมาที่นี่ เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ฉันคลอดออกมากลางทาง พวกเขาเลยส่งฉันมาให้คุณอันเดอร์ฮิลล์ แล้วแม่ของนาย วูล์ฟถามเสียงแผ่ว วลาร์ดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ ทำตามกฎขององค์กร เขากำมือแน่น กำจัดอมนุษย์และผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะติดเชื้อชั่วให้หมด คำตอบของวลาร์ดทำให้วูล์ฟยืนตัวแข็ง เขามองเพื่อนด้วยความเห็นใจก่อนจะหันหน้าไปมองนายอันเดอร์ฮิลล์ซึ่งกำลังให้ความสนใจกับศพของผู้เคราะห์ร้าย เขาถอนใจออกมา นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง คุณอันเดอร์ฮิลล์ให้ฉันดูแฟ้มลับ วลาร์ดชำเลืองตามองวูล์ฟ ความจริงเขาก็ตั้งใจจะให้นายดูด้วยเหมือนกันแต่ฉันห้ามเอาไว้ ทำไม เพราะนายไม่ชอบอ่านรายงาน หนุ่มหมาป่านิ่งไปชั่วขณะ เขาขบกรามตัวเองแน่นก่อนจะถามวลาร์ดเสียงไม่ดังนัก นายรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของฉัน วลาร์ดพยักหน้า เขาหันไปมองวูล์ฟซึ่งยืนกำมือแน่นและพูด นายรอถามคุณอันเดอร์ฮิลล์จะดีกว่า เขาหมุนตัวเดินไปหยิบเสื้อกาวน์มาสวมและทำท่าจะก้าวเข้าไปในห้อง ฉันอยากจะขอร้องอะไรนายอย่างหนึ่ง ไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไง อย่าได้โกรธคุณอันเดอร์ฮิลล์เป็นอันขาด เพราะในโลกนี้มีแค่เขาเท่านั้นที่รักและห่วงใยเราสองคนอย่างแท้จริง ดวงตาสีเข้มจ้องหน้าวูล์ฟเขม็ง อีกฝ่ายผงกศีรษะอย่างเชื่องช้าพร้อมกับตอบ ตกลง */*/*/*/* บทที่ 7 ใยสีขาว
บทที่ 7
ใยสีขาว แน่ใจเหรอว่าบ้านนี้ไม่มีใคร เสียงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งถามขึ้นขณะที่มุดตัวลอดผ่านรอยขาดของรั้วตาข่ายที่ล้อมรอบบ้านหลังหนึ่งเอาไว้ เพื่อนของเขาหันมาทำตาเขียวพร้อมกับพูดเสียงดุ ฉันบอกว่าบ้านนี้มีแค่ผู้หญิงคนเดียว เขาพูดพลางซ่อนตัวกับพุ่มไม้และกวาดตามองไปรอบตัวอย่างระวังก่อนจะวิ่งนำหน้าเพื่อนทั้งสองผ่านสนามหญ้ากว้างและไปแอบอยู่ที่มุมหนึ่งของตัวบ้าน เด็กทั้งสามย่อตัวลงและมองไปรอบๆอีกครั้ง บ้านเก่าขนาดนี้คงไม่มีอะไร อีกคนหนึ่งบ่น นายจะทำให้เราเสียเวลาไปเปล่าๆนะ เดเมียน อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่ารอส บ้านเก่าแบบนี้สิถึงจะมีของดี เขาย่องไปยืนที่หน้าต่างและชะเง้อมองผ่านช่องกระจกเข้าไปด้านใน จอมวายร้ายยิ้มเมื่อเขาไม่พบใครสักคน เยี่ยม ยายนั่นคงเข้านอนแล้วพวกเราเข้าไปขนของกันเถอะ แล้วถ้ามีคนมาเจอล่ะ เอ้อ...ฉันหมายถึงถ้ายายเจ้าของบ้านน่ะ ถ้าหล่อนเกิดตื่นขึ้นมาเจอพวกเราแล้วทำยังไง รอสพูดด้วยสีหน้ากังวลแต่เดเมียนกลับยิ้ม ทุบหัวมันเหมือนที่เจมส์ทำกับตาแก่จรจัดเมื่อวันก่อนก็หมดเรื่อง เด็กหนุ่มหันไปหลิ่วตาให้กับเพื่อนอีกคนก่อนจะเริ่มต้นงัดหน้าต่างและเปิดออกอย่างเบามือที่สุด ด้วยขนาดรูปร่างที่ปราดเปรียวตามวัย เด็กทั้งสามจึงลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้าไปในบ้านได้ไม่ยากนัก พวกเขาหยุดยืนมองข้าวของเครื่องใช้ที่วางประดับอยู่ภายในห้องนั่งเล่นพร้อมกับอุทานออกมา สุดยอด นี่มันเครื่องเงินทั้งหมดเลยใช่ไหมเนี่ย รอสรีบเดินไปหยิบเชิงเทียนอันหนึ่งขึ้นมาและพลิกดูลวดลายอันงดงามอย่างชื่นชม แค่ชิ้นเดียวก็มีกินไปได้หลายวันเลยล่ะเพื่อน เดเมียนยิ้มกว้างขณะที่เดินผ่านไปยังอีกห้อง เขาส่งเสียงอุทานออกมาไม่ดังนักก่อนจะร้องเรียกเพื่อนอย่างตื่นเต้น เข้ามาดูอะไรนี่เร็ว ทั้งรอสและเจมส์รีบเดินตามเข้าไปดู ทั้งคู่เบิกตากว้างด้วยความดีใจเมื่อพบว่าทั้งห้องถูกประดับประดาด้วยอัญมณีหลายสีหลายขนาด มันส่องประกายวิบวับสะท้อนกับไฟฉายที่เด็กทั้งสามใช้จนแพรวพราวละลานตา รอสถึงกับอ้าปากค้างและพูดออกมา นี่มันห้องอะไรกัน เขาเดินไปหยิบแจกันประดับพลอยขึ้นมาลูบ ยายเจ้าของบ้านคนนี้คงบ้าพวกเพชรพลอยแน่ จะยังไงก็ช่าง พวกเรารีบขนมันไปให้หมดดีกว่า เจมส์พูดพร้อมกับดึงถุงผ้าใบโตออกมาและเริ่มลงมือกวาดเครื่องประดับที่วางอยู่บนโต๊ะ รอสเห็นดังนั้นจึงรีบดึงถุงของตัวเองออกมาบ้างและหยิบเครื่องตกแต่งที่แขวนบนผนังยัดใส่ลงไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเดเมียนนั้นเดินไปอีกมุมหนึ่ง ของห้องและจ้องภาพเหมือนของผู้หญิงคนหนึ่งอย่างสนใจ รูปวาดนี่เหมือนคนจริงๆเลย เขาพูดขึ้นแต่ดูเหมือนเพื่อนทั้งสองจะไม่ใส่ใจเพราะมัวแต่โกยของมีค่าใส่ถุงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เดเมียนจึงยักไหล่และหันไปมองรูปอย่างพิจารณาอีกครั้ง เขาจ้องใบหน้าของผู้หญิงในภาพและผวาเฮือกเมื่อเห็นมันกำลังกลอกตาไปมา เดเมียนอ้าปากค้างและก้าวถอยหลัง เส้นใยสีขาวพุ่งออกมาจากภาพนั้นทันทีเพียงแค่เขาขยับตัว ฉันเก็บของตรงนี้หมดแล้ว รอสพูดขึ้นขณะที่มัดปากถุงและทำท่าจะลากออกไปจากห้อง เขามองเจมส์ที่กำลังหยิบกล่องเครื่องประดับโยนลงไปในถุงพลางกวาดตามองหาเพื่อนอีกคน เดเมียนไปไหน อะไรนะ เจมส์ย้อนถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้น เขาหันมองไปโดยรอบ เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้เลยนี่ ถ้าหมอนั่นยืนอยู่ตรงนั้นแล้วตอนนี้เขาหายไปไหน รอสถามเสียงฉุนก่อนจะเดินไปหยุดยืนหน้ารูปภาพและพยายามมองหา มันหายไปไหนของมัน เขาบ่นพลางหมุนตัวหันกลับไปทางเจมส์ เพื่อนของเขาทำท่าจะพูดแต่กลับเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้างเมื่อเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลังของรอส เจมส์ขยับถอยหลังพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ตรงไปที่เพื่อนและพูดเสียงสั่น ร...รอส ข้างหลัง อะไร พูดออกมาได้เพียงเท่านั้นรอสก็ต้องส่งเสียงร้องออกมาเมื่อมีใยสีขาวเหนียวหนึบพุ่งมาจากทางด้านหลังรัดพันร่างของเขาเอาไว้แน่น เด็กหนุ่มมองไปที่เจมส์ด้วยหวังจะให้ช่วยแต่เพื่อนของเขากลับวิ่งไปที่หน้าต่างและมุดหนีออกไปเสียแล้ว รอสตะโกนตามเสียงดังลั่น เจมส์ เขาสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อแผ่นหลังถูกอะไรบางอย่างแทงทะลุเข้าไปในเนื้อ เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังถูกของเหลวฉีดเข้าไปในตัว เพียงชั่วอึดใจทั่วทั้งร่างของเขาก็เริ่มร้อนขึ้น รอสรู้สึกราวกับว่าประสาทสัมผัสทั้งหมดกำลังมลายหายไป ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงและทรุดล้มลง เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาทำให้เด็กหนุ่มพยายามเปิดตามอง ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้น หัวใจของรอสแทบจะหยุดเต้นเมื่อพบว่าตั้งแต่ช่วงเอวของเธอลงไปนั้นไม่ใช่ท่อนขาที่เรียวงาม แต่เป็นลำตัวสีดำสนิทกับขาทั้งแปดของแมงมุม เจมส์วิ่งเตลิดไปตามถนนอันมืดมิด ความหวาดกลัวในสิ่งที่ได้พบทำให้เขาวิ่งจนสุดฝีเท้าจนกระทั่งผ่านไปได้สักระยะเด็กหนุ่มจึงหันไปมองทางด้านหลัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาเจมส์จึงชะลอฝีเท้าลง เขาหยุดยืนพิงต้นไม้และหอบหายใจ ภาพของเพื่อนที่ถูกผู้หญิงในรูปปล่อยใยออกมาพันรอบตัวทำให้เจมส์กลัวจนตัวสั่น เด็กหนุ่มทรุดตัวนั่งลงและเริ่มต้นร้องไห้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เขาสบถพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้า ในบ้านนั้นมีตัวอะไรกันแน่ ถ้าอยากรู้นักฉันก็จะพาไปดู เสียงต่ำทุ้มเย็นเยือกดังขึ้น เจมส์สะดุ้งสุดตัวและเงยหน้าขึ้นทันที เด็กหนุ่มอ้าปากค้างเมื่อเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กำลังยืนมองเขาอยู่ เจมส์รีบลุกยืนขึ้นทันทีเมื่อเห็นชายคนนั้นแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว มาสิ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมขณะที่เขายื่นมือเข้าไปหาเด็กหนุ่ม เจมส์สั่นหน้าขณะก้าวถอยหลัง เขาร้องไห้ออกมาก่อนจะร้องตะโกน ไม่ เด็กหนุ่มรีบหันหลังเตรียมจะวิ่งหนีแต่ยังช้ากว่าอีกฝ่าย ชายคนนั้นกางกรงเล็บออกและคว้าผมของเจมส์เอาไว้พร้อมกับกระชากอย่างแรง เสียงคล้ายผ้าถูกฉีกดังขึ้น ละอองเลือดกระเซ็นไปจนทั่ว ร่างของเจมส์ล้มฟาดกับพื้นและสั่นกระตุกสองสามครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป ชายผู้นั้นยิ้มกว้างขณะที่โยนหนังศีรษะของเด็กหนุ่มขึ้นไปบนต้นไม้และก้มตัวลงคว้าลำคอของเขาลากกลับไปยังบ้านหลังที่เด็กทั้งสามเพิ่งงัดเข้าไปอย่างเงียบงัน */*/*/*/* เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้งทำให้นายอันเดอร์ฮิลล์ต้องเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มรายงานที่เขากำลังอ่านอยู่ ชายชราชำเลืองตามองนาฬิกาบนผนังและนิ่วหน้าเมื่อพบว่าเลยเวลาเที่ยงคืนไปมาก เขาถอดแว่นตาออกและวางมันลงบนโต๊ะก่อนจะใช้นิ้วกดบริเวณหัวคิ้วและพูด เข้ามาได้ บานประตูถูกเปิดออก นายอันเดอร์ฮิลล์มองวูล์ฟที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องด้วยความแปลกใจในขณะที่อีกฝ่ายมองบิดาบุญธรรมของตนด้วยสายตาเป็นห่วง มีอะไรหรือวูล์ฟ ผมออกมาเดินเล่นและเห็นไฟในห้องนี้เปิดอยู่เลยคิดว่าคุณคงยังไม่นอน เขามองแฟ้มที่กางอยู่บนโต๊ะ รายงานการชันสูตรมนุษย์จิ้งเหลนหรือครับ ใช่ นายอันเดอร์ฮิลล์ตอบพลางปิดแฟ้มนั้นลง ฉันต้องอ่านให้ละเอียดก่อนส่งให้กับส่วนกลาง เรารู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าตัวนั่นบ้างครับ วูล์ฟถามและยิ้มเมื่อเห็นสายตาแปลกใจของชายชรา ถึงจะไม่เก่งเท่าหมอนั่นแต่ผมก็ยังอยากจะรู้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะสรุปให้เธอฟังก็แล้วกัน นายอันเดอร์ฮิลล์พูดพร้อมกับเคาะนิ้วบนแฟ้ม เราไม่ได้อะไรเกี่ยวกับมนุษย์จิ้งเหลนคนนี้เลย อะไรนะครับ วูล์ฟร้องเสียงดัง เราจับเจ้านั่นมาที่นี่แถมรีบผ่าศพมันทันทีที่ตายแล้วทำไมถึงบอกว่าไม่รู้อะไรเลยล่ะครับ เพราะร่างกายของเขาหลั่งสารเคมีที่เป็นกรดออกมาทำลายเนื้อเยื่อทุกอย่างจนหมด นายอันเดอร์ฮิลล์ถอนใจ พวกอิลูมิเนติคฉลาดกว่าที่พวกเราคิดไว้มาก พวก....อะไรนะครับ วูล์ฟถามด้วยความสงสัย นายอันเดอร์ฮิลล์มองเขาและตอบ อิลูมิเนติค มันเป็นองค์กรลับที่ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ ชายชราเว้นระยะคำพูดไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าตระหนกของหนุ่มหมาป่า ถูกแล้ววูล์ฟ ทั้งผีดิบ มนุษย์หมาป่าหรือสัตว์อสูรที่เธอกับวลาร์ดเคยเจอล้วนมาจากการกระทำของคนในองค์กรนี้ ผมหลงคิดมาตลอดว่าพวกเขาเป็นปิศาจร้าย วูล์ฟนิ่วหน้า แล้ววลาร์ดรู้เรื่องนี้หรือยังครับ รู้แล้ว เสียงเรียบเย็นตอบมาจากทางด้านหลัง หนุ่มหมาป่าขมวดคิ้วและพูดเสียงขุ่น เคาะประตูไม่เป็นหรือไง เคาะแล้วแต่นายไม่ได้ยินเอง วูล์ฟพยายามข่มอารมณ์ไม่ยอมต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย เขาชำเลืองตามองหนุ่มแวมไพร์ที่เดินมานั่งด้านข้างก่อนจะตวัดสายตาไปทางบิดาบุญธรรมและถามเสียงเรียบ แล้วทำไมผมถึงเพิ่งรู้ เพราะนายหลับ วลาร์ดเป็นฝ่ายตอบขึ้นมาแทน เขาหันหน้าไปยังนายอันเดอร์ฮิลล์ ผมเข้าไปในห้องชันสูตรด้วยและพบกับสิ่งนี้ เขาวางซองพลาสติกใสลงตรงหน้าชายชรา ภายในมีวัตถุกลมสีขาวขนาดเล็กเท่าเมล็ดถั่วนายอันเดอร์ฮิลล์หยิบมันขึ้นมาพิจารณา นี่มัน เซซามอยด์ วลาร์ดตอบ ผมพบมันในปริมาณที่มากกว่าคนปรกติถึงสองเท่า ที่น่าแปลกก็คือกรดของเจ้าจิ้งเหลนนั่นไม่สามารถทำลายกระดูกพวกนี้ได้ ให้ทีมวิจัยดูหรือยัง ครับ วลาร์ดตอบ แต่ผมคิดว่าคุณคงอยากส่งไปให้ส่วนกลางก็เลยเก็บชิ้นนี้ไว้ นายอันเดอร์ฮิลล์พยักหน้าขณะที่พลิกซองบรรจุกระดูกชิ้นจิ๋วไปมา วูล์ฟซึ่งนั่งมองอยู่นานจึงโพล่งขึ้น มีอะไรที่ผมพอจะรู้ได้บ้าง ไม่มี วลาร์ดตอบอย่างไร้อารมณ์ วูล์ฟหันไปคว้าคอเสื้อของเขา พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง เขาจ้องหน้าหนุ่มแวมไพร์ นายเห็นฉันเป็นคนโง่เรอะ เปล่า วลาร์ดกระตุกยิ้มอย่างกวนอารมณ์ วูล์ฟขบกรามแน่นและคงจะเขย่าคอของอีกฝ่ายจนหลุดถ้านายอันเดอร์ฮิลล์ไม่ร้องห้าม พอได้แล้ววูล์ฟ เขาหันไปทางวลาร์ดและพูดเสียงดุ เธอเองก็เหมือนกันมีอะไรก็น่าจะบอกให้เพื่อนฟังบ้างอย่าเก็บเงียบเอาไว้คนเดียว ครับ น้ำเสียงเยาะในทีจนวูล์ฟนึกอยากจะดึงเขามาทุบให้กะโหลกยุบ นายอันเดอร์ ฮิลล์มองเด็กหนุ่มทั้งสองที่กำลังหันหน้าหนีอีกฝ่ายด้วยความโกรธอย่างอ่อนใจ ชายชราถอนใจออกมาก่อนจะวางวางซองพลาสติกบรรจุกระดูกไว้บนแฟ้มและเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ทำไมเธอสองคนถึงได้ชอบทะเลาะกันนัก เขาถามขึ้น วลาร์ดนั่งนิ่งในขณะที่วูล์ฟเบ้หน้า เจ้านั่นชอบวางท่าว่าเป็นผู้ใหญ่กว่า เขากระแทกลมหายใจ เกิดห่างกันแค่ห้านาทีเท่านั้นกลับทำกร่างจนน่าโมโห มันเป็นเรื่องจริง หนุ่มแวมไพร์พูดเสียงเรียบ วูล์ฟหันไปจ้องหน้าเขาทันทีและคงจะพูดอะไรออกมาอีกยาวเหยียดถ้านายอันเดอร์ฮิลล์ไม่รีบยกมือขึ้นและร้องห้าม พอทีทั้งสองคน เขาถอนใจออกมาพร้อมกับส่ายหน้า พวกเธออายุสิบหกแล้วยังจะมามัวทะเลาะกันเหมือนเด็กอายุแปดเก้าขวบอยู่อีก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังคงถูกพวกอิลูมิเนติคฆ่าสักวัน การที่พวกผมทะเลาะกันมันไปเกี่ยวกับคนพวกนั้นตรงไหนครับ วูล์ฟถามขึ้นด้วยความสงสัย นายอันเดอร์ฮิลล์มองเขานิ่งก่อนตอบ เพราะพวกเขารอเวลาให้เธอสองคนแตกคอกัน เขาเลื่อนสายตาไปทางวลาร์ด ฉันอยากจะบอกให้รู้ว่า นอกจากองค์กรของเขาแล้วกลุ่มอิลูมิเนติคก็รู้ว่าพวกเธอคือใครและเป็นอะไรด้วยเหมือนกัน คนในหน่วยงานของเราเห็นเธอทั้งสองคนเป็นมนุษย์ เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง แต่กลุ่มคนเหล่านั้นมองพวกเธอเป็นศัตรูและทำทุกอย่างเพื่อกำจัดเธอทั้งสองคนไปให้พ้นทาง ถึงพวกนั้นจะจัดการผมกับวูล์ฟได้แต่หน่วยกลางก็ยังมีคนอีกมากและเขาจะต้องทำลายกลุ่มอิลูมิเนติคได้แน่ ไม่หรอกวลาร์ด นายอันเดอร์ฮิลล์พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เวลานี้พวกเรามีแค่เธอสองคนเท่านั้นที่สามารถสู้กับมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านั้นได้ หมายความว่ายังไงครับ วูล์ฟถามขึ้น ชายชรานั่งนิ่งคล้ายลังเลใจแต่วลาร์ดกลับพูดเสียงเรียบ เพราะเราสองคนคือผลพวงจากการทดลองของพวกอิลูมิเนติค เขาหันไปมองหน้าวูล์ฟ นายกับฉันคือแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าที่คนพวกนั้นสร้างขึ้นมา */*/*/*/* |
กิสึเนะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี Group Blog
All Blog Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |