บทที่ 2 เกล็ดปริศนา
บทที่ 2

เกล็ดปริศนา

อันเดอร์ฮิลล์ยืนกอดอกอยู่ข้างเตียงโลหะขนาดใหญ่ภายในห้องกระจกที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อและอุปกรณ์ผ่าตัด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลขณะที่มองชายคนหนึ่งกรีดมีดไปบนร่างไร้หัวที่เขานำมากลับมาจากสวนสาธารณะ หลังจากรอจนกระทั่งชายผู้นั้นดึงอวัยวะภายในออกมาตรวจดูจนหมดทุกชิ้นแล้วเขาจึงถามขึ้น
“เจอไหม”
“ไม่เลยครับ” อีกฝ่ายตอบขณะที่ใช้มือควานลงไปในช่องท้องของศพ “เจ้านี่ไม่ได้กินมันเข้าไปอย่างแน่นอน”
อันเดอร์ฮิลล์พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขาชำเลืองตามองร่างที่ถูกชำแหละบนเตียงและพูดเสียงเรียบ
“จัดการไปพร้อมกับผู้หญิงคนนั้นเลยก็แล้วกัน”
“แล้วเศษชิ้นส่วนที่เราไปเก็บมาเมื่อเช้า” ชายคนนั้นถาม อันเดอร์ฮิลล์ชะงักไปเล็กน้อยและถอนใจ
“รายนั้นเหลือแค่มือ เผารวมไปกับสองคนนั่นแล้วสรุปรายงานส่งไปให้ส่วนกลาง พวกเขาจะได้จัดการในส่วนของญาติพี่น้อง”
เขาชำเลืองตามองร่างบนเตียงอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ อันเดอร์ฮิลล์มุ่งหน้าตรงไปยังห้องของเขาและเปิดแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันหลังจากพลิกกระดาษไปสองสามแผ่น เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับยกมือขึ้นกุมขมับ หลังจากครุ่นคิดไปได้ครู่หนึ่งอันเดอร์ฮิลล์จึงเลื่อนมือไปกดปุ่มเครื่องสื่อสารภายในและกล่าวเสียงเรียบ
“ให้วลาร์ดกับวูล์ฟมาพบฉันที่ห้อง”
“ครับ” เสียงปลายสายดังตอบกลับมา ชายชราจึงปิดเครื่องสื่อสารและหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดอีกครั้งจนกระทั่งผ่านไปราวห้านาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเขาจึงวางเอกสารลงและพูดเสียงไม่ดังนัก
“เข้ามา”
วลาร์ดซึ่งยังคงอยู่ในเครื่องแบบสีดำที่รัดกุมก้าวเข้าไปในห้องและหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะของอันเดอร์ฮิลล์ วูล์ฟซึ่งสวมเสื้อยืดและกางเกงยีนส์เดินตามเข้ามาแต่กลับเลี่ยงไปอยู่อีกด้านห่างจาก
วลาร์ดพอสมควร
“มีงานหรือครับ” เด็กหนุ่มผิวซีดเอ่ยถามขึ้น อันเดอร์ฮิลล์พยักหน้าพร้อมกับยื่นเอกสารส่งให้คนทั้งสอง วลาร์ดเปิดอ่านอย่างเร็วในขณะที่วูล์ฟทำแค่พลิกดูรูป
“มีแต่มือกับกระเป๋าเท่านั้น” เขาเงยหน้าขึ้น “ไม่มีอย่างอื่นเลยหรือครับ”
“มันเหลืออยู่แค่นั้น” ชายชราตอบเสียงเรียบ วลาร์ดชำเลืองมองเขาก่อนจะลดสายตากลับลงไปอ่านรายละเอียดในเอกสารอีกครั้ง
“จากเศษซากที่เหลือสันนิษฐานว่าเกิดจากการถูกสัตว์ใหญ่ทำร้าย” เขาพูดและเงยหน้าขึ้น “แบบนี้น่าจะให้ตำรวจจัดการมากกว่า”
“คงใช่ถ้าเราไม่พบสิ่งนี้” อันเดอร์ฮิลล์หยิบซองพลาสติกออกมาจากลิ้นชักและเลื่อนส่งให้
วลาร์ด เขาหยิบไปดูอย่างพิจารณาและนิ่วหน้าเมื่อพบว่ามันเป็นแผ่นอะไรบางอย่างที่มีขนาดโตเท่าฝ่ามือ
“นี่มันอะไรกันครับ”
เขาถามขณะที่พยายามขยับมือที่ถือซองพลาสติกหนีจากการคว้าของวูล์ฟ อีกฝ่ายสบถออกมาไม่ดังนัก
“ขอฉันดูบ้างสิเจ้าผีดิบ”
“แต่ฉันยังดูไม่เสร็จ” วลาร์ดตอบเสียงห้วนและหันหน้าไปทางชายชราอีกครั้ง “คุณอันเดอร์ฮิลล์”
“มันคือเกล็ดของสัตว์เลื้อยคลาน” อันเดอร์ฮิลล์พูดขณะที่มองวูล์ฟซึ่งกำลังยืนหน้าบึ้งด้วยความโกรธ “ให้เขาดูหน่อยสิวลาร์ด”
แม้จะไม่พอใจแต่วลาร์ดก็ยื่นซองบรรจุเกล็ดของสัตว์ปริศนาให้กับวูล์ฟแต่โดยดี เขาจ้องชายชราและถามเสียงเรียบ
“แล้วทราบไหมครับว่ามันเป็นตัวอะไร”
“จิ้งเหลน” วูล์ฟพูดแทรกขึ้นหลังจากยกซองขึ้นสูดกลิ่นและทำหน้าย่น “ผมจำกลิ่นแย่ๆของมันได้”
เขารีบอธิบายเมื่อเห็นใบหน้าฉงนของอันเดอร์ฮิลล์ วลาร์ดเบือนหน้าหนีพร้อมกับพูด
“กินไม่เลือก”
“ฉันเจอมันตอนเป็นเด็กและสงสัยว่าเป็นตัวอะไรเท่านั้น” วูล์ฟหันไปตอบเสียงห้วน “อย่าดูถูกกันให้มากนักสิเจ้าผีดิบ”
“หมาบ้า”
อีกฝ่ายพูดพึมพำ วูล์ฟคว้าคอเสื้อของเขาและคงจะมีปากมีเสียงกันต่อแน่ถ้าอันเดอร์ฮิลล์ไม่ร้องห้าม
“หยุดได้แล้วทั้งสองคน” เขานิ่วหน้า “ที่ฉันเรียกพวกเธอมาก็เพื่อจะให้ไปที่เกิดเหตุและร่วมมือกันสืบหาร่องรอยของสัตว์ที่ทำร้ายคนเมื่อคืนนี้” ชายชรามองหน้าเด็กหนุ่มทั้งสองสลับกันไปมาวลาร์ดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“ถ้าเป็นเรื่องนี้แค่ผมคนเดียวก็น่าจะพอ”
“เมื่อครู่เธอยังดูไม่ออกเลยว่าเกล็ดนั่นคืออะไร” อันเดอร์ฮิลล์พูดเสียงเรียบและพยักหน้าไปทางวูล์ฟ “แต่วูล์ฟกลับรู้ได้ในทันที ฉันยอมรับว่าฝีมือการต่อสู้ของเธอดีที่สุดในองค์กรแต่เธอก็ยังด้อยในเรื่องประสาทสัมผัสกับคำว่ามนุษย์สัมพันธ์อยู่”
“ผมไม่เห็นว่าของแบบนั้นเป็นเรื่องจำเป็น” วลาร์ดแย้งเสียงไม่ดังนัก อันเดอร์ฮิลล์ส่ายหน้า
“อย่าปิดกั้นจิตใจของตัวเองให้มากนัก วลาร์ด เธอต้องทำงานกับคนหมู่มากนะ”
“พวกเขาเป็นมนุษย์แต่ผมไม่ใช่” เด็กหนุ่มมองหน้าเขา “จะให้เริ่มงานเมื่อไหร่ครับ”
อันเดอร์ฮิลล์ถอนใจออกมาก่อนจะยื่นกล่องสีดำขนาดเล็กสองใบให้กับทั้งคู่
“นี่เป็นเครื่องติดตามที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เมื่อฝังเข้าไปในตัวแล้วจะไม่มีทางดึงออกมาได้ จงใช้มันหากเจอตัวอะไรที่น่าสงสัยและฉันขอสั่งว่า ห้ามทำอะไรโดยพละการหรือสะกดรอยตามพวกนั้นไปเพียงคนเดียว” เขาจ้องหน้าวลาร์ด “เข้าใจที่พูดไหม”
“ครับ” เด็กหนุ่มตอบสั้นๆ นายอันเดอร์ฮิลล์พยักหน้า
“ไปได้แล้ว”
วลาร์ดหมุนตัวเดินออกจากห้องทันทีในขณะที่วูล์ฟวางซองพลาสติกไว้บนโต๊ะ เขามองหน้าอันเดอร์ฮิลล์และถาม
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“เธอหมายความว่าอะไร” ชายชราย้อน เด็กหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“สีหน้าคุณไม่ดีเลย” เขาเว้นระยะคำพูด “และผมก็ยังได้กลิ่นแปลกๆระเหยออกมาจากตัวของคุณด้วย”
“คงเป็นโคโลญจ์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่” อันเดอร์ฮิลล์พูดพร้อมกับยิ้ม “และฉันก็เพิ่งออกมาจากห้องชันสูตร”
วูล์ฟมองหน้าเขาคล้ายไม่เชื่อคำพูดทั้งหมด ชายชราจึงเดินไปตบบ่าของเด็กหนุ่มสองสามครั้ง
“อย่ามามัวกังวลกับเรื่องไร้สาระอยู่เลย ป่านนี้วลาร์ดคงไปรอที่รถแล้ว อย่าทำให้เขาหงุดหงิดหรือทะเลาะกันอีกล่ะ”
“ครับ” วูล์ฟรับคำเสียงแผ่วก่อนจะเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี อันเดอร์ฮิลล์มองตามเขาอยู่ครู่หนึ่งจึงปิดประตูห้องและเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ
“เธอพูดถูกนะวลาร์ด” ชายชราพึมพำพร้อมกับเอนตัวพิงพนัก “บางครั้งการมีประสาทสัมผัสที่ดีเกินไปก็ทำให้เรารู้สึกแย่ได้เหมือนกัน”

รถตู้สีดำสนิทหยุดลงตรงทางเข้าตรอกขนาดเล็ก วลาร์ดซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าเปิดประตูและก้าวลงจากรถในขณะที่วูล์ฟกระโดดลงจากประตูด้านข้าง คนขับหันไปมองเด็กหนุ่มทั้งสองพร้อมกับพูด
“คุณอันเดอร์ฮิลล์สั่งให้พวกคุณทั้งสองช่วยกันค้นหาร่องรอยและเก็บรวมรวมหลักฐานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“รู้แล้ว” วลาร์ดพูดแค่นั้นก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป วูล์ฟก้มตัวลงตรงช่องหน้าต่างและถามเสียงไม่ดังนัก
“เรามีเวลาเท่าไหร่”
“เที่ยงคืน” คนขับรถตอบ “ระวังตัวด้วยนะครับ”
“ขอบใจ” วูล์ฟยืดตัวขึ้นและตบหลังคารถสองสามครั้ง “แล้วเจอกัน”
คนขับรถกระตุกยิ้มออกมาก่อนจะขับรถออกไปจากที่นั่น วลาร์ดและวูล์ฟต่างยืนนิ่งแต่สายตากวาดมองไปโดยรอบ
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหยื่อจึงถูกทำร้ายจนแทบไม่เหลือซาก” วูล์ฟบ่น “แถวนี้แทบไม่มีคนเลย”
“ดี” วลาร์ดพูดเสียงเรียบก่อนจะเดินตรงเข้าไปในตรอก อีกฝ่ายแยกเขี้ยวพร้อมกับแอบยกกำปั้นไล่หลัง
“เจ้าผีดิบเลือดเย็น” เขาพูดและเริ่มออกเดินบ้าง วูล์ฟมองเศษขยะที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดไปทั่วด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจและยกเท้าขึ้นเตะกระป๋องเปล่าใบหนึ่งจนกระเด็น มันลอยข้ามถังขยะขนาดใหญ่ไปตกในซอกตึกที่อยู่ด้านข้าง เสียงร้องอุทานดังขึ้นตามมาด้วยเสียงเห่ากรรโชกของ สุนัข เด็กหนุ่มใจหายวาบและรีบเดินตรงไปที่ซอกนั้นทันที
“มีใครอยู่ตรงนี้หรือเปล่าครับ” เขาร้องถามขณะที่ก้มลงเก็บกระป๋องใบที่ตัวเองเตะมาเมื่อครู่ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินกุมศีรษะของตนเองออกมา เขามองหน้าวูล์ฟเขม็ง
“เธอเป็นเจ้าของกระป๋องใบนี้เรอะ”
“เปล่าครับ คือ...ผม” เด็กหนุ่มทำท่าอึกอักและกระโดดถอยหลังเมื่อเห็นสุนัขตัวไม่โตนักวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับแยกเขี้ยวขู่
“หยุดน่าฟ็อกซ์” ชายคนนั้นปรามหมาของตนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองวูล์ฟ “ไม่ต้องกลัว
ฟ็อกซ์แค่โกรธที่เห็นผมเจ็บเท่านั้น”
“คือผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่เตะกระป๋องนี่มาโดนคุณ” วูล์ฟมองเขาด้วยสายตากังวล “เป็นอะไรมากหรือเปล่า ให้ผมพาไปหาหมอดีไหมครับ”
“แค่หัวโนนิดหน่อย” ชายผู้นั้นลดมือลง “ว่าแต่เธอเป็นใครมาทำอะไรแถวนี้ ไม่รู้หรือว่าตำรวจห้ามเข้า” เขาชี้มือไปยังแถบสีเหลืองที่คาดไว้ทั่วบริเวณ วูล์ฟยิ้ม
“ผมแค่อยากมาดูอะไรเล่นนิดหน่อย” เขามองชายตรงหน้า “เผื่อเจอของที่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรม”
“พวกนักสะสมหรอกหรือ” ชายคนนั้นพยักหน้า “แต่ฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ เพราะตำรวจยกกำลังมาแทบจะทั้งโรงพัก เขาคงเก็บกวาดทุกอย่างไปจนเรียบหมดแล้ว”
“งั้นหรือครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทางเสียดาย เขาก้มหน้าลงมองสุนัขที่นั่งอย่างเรียบร้อยอยู่ข้างๆชายคนนั้น “เป็นเด็กดีจังเลยนะครับ”
“ฟ็อกซ์เป็นหมาที่ฉลาดมาก มันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ฉันมีอยู่” เขาตบหัวฟ็อกซ์สองสามครั้ง “ใช่ไหม”
เจ้าฟ็อกซ์กระดิกหางรับก่อนจะยื่นจมูกไปดมที่ขากางเกงของวูล์ฟ ใบหูสองข้างลู่ลงเล็กน้อย เด็กหนุ่มหัวเราะ
“ไง กลิ่นฉันไม่เหมือนคนอื่นใช่ไหม” เขาลูบหัวมันและนั่งลง “ฉันชื่อวูล์ฟ เป็นหมาป่า”
ฟ็อกซ์เห่าหนึ่งครั้งและกระดิกหางรับ ชายที่เป็นเจ้าของถึงกับหัวเราะ
“แปลกจริงที่ฟ็อกซ์ไว้ใจเธอ ปรกตินอกจากฉันแล้วไม่มีใครลูบหัวมันได้หรอก” เขายื่นมือให้กับวูล์ฟ “ปีเตอร์สัน ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เช่นกันครับ” วูล์ฟลุกขึ้นพร้อมกับจับมือของอีกฝ่าย
“ว่าแต่เธอแค่มาหาของสะสมเท่านั้นจริงๆหรือ” ปีเตอร์สันถามด้วยความรู้สึกสงสัย
วูล์ฟมองหน้าเขาและยิ้ม
“ผมดูเหมือนตำรวจหรือเอฟบีไอหรือครับ” เขาหัวเราะ “แค่มาหาของเท่านั้นจริงๆ”
“เขาด้วยอย่างนั้นหรือ” ปีเตอร์สันพยักเพยิดไปทางด้านหลัง เด็กหนุ่มหันหน้ากลับไปมองและต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นวลาร์ดยืนนิ่งอยู่ไม่ห่างจากเขาไปเท่าใดนัก ฟ็อกซ์ลุกยืนขึ้นและทำหูตั้งอย่างระแวง
“เรามาด้วยกัน” วูล์ฟรีบพูดขึ้น “คงตามมาดูว่าผมเจออะไรแล้วแอบซุกไว้คนเดียว”
เขาหันกลับไปทางปีเตอร์สัน
“ผมคงต้องไปแล้ว” เขาชะงัก “ว่าแต่คุณอยู่แถวนี้หรือครับ”
“ฉันนอนที่นี่” ชายผู้นั้นชี้นิ้วเข้าไปในซอกแคบๆ “กับฟ็อกซ์”
“แล้วคุณไม่รู้เลยหรือครับว่ามีคนถูกฆ่า” เด็กหนุ่มเว้นระยะ “แค่ถามเลียนแบบพวกนักสืบน่ะครับ”
“ผู้หญิงเมื่อคืนไม่ใช่เหยื่อรายแรก”ปีเตอร์สันตอบด้วยสีหน้าเศร้า “ถึงอยากจะช่วยแค่ไหนก็คงไม่ได้เพราะแถบนี้มีพวกกุ๊ยและอันธพาลเพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมด แต่น่าแปลก”
เขานิ่งไปชั่วครู่ราวกำลังรวบรวมความคิด วูล์ฟมองเขา
“อะไรหรือครับ”
“ดูเหมือนระยะนี้พวกนั้นจะหายหน้าไป”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” วลาร์ดซึ่งเดินเข้ามาใกล้ถามขึ้น ปีเตอร์สันมองหน้าเขาก่อนจะเลื่อนสายตาไปทางวูล์ฟ
“น้ำเสียงนั้นไม่เหมือนพวกเลียนแบบเลยนะ”
“หมอนั่นเป็นพวกหมกมุ่นน่ะครับ” วูล์ฟตอบ “คล้ายกับพวกโรคจิตอ่อนๆน่ะ”
“งั้นหรอกหรือ” ปีเตอร์สันพึมพำพร้อมกับก้มหน้าลงดุฟ็อกซ์ที่กำลังคำรามในลำคอ “อย่าน่าฟ็อกซ์”
“มันคงได้กลิ่นคนนิสัยไม่ดีน่ะครับ” วูล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “ผมไม่รบกวนเวลาคุณแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”
เขาก้มตัวลงและตบหัวสุนัขแสนรู้สองสามครั้ง
“ไปก่อนนะฟ็อกซ์ ไว้วันหลังฉันจะเอาไส้กรอกอร่อยๆมาฝาก” เขายืดตัวขึ้นและส่งยิ้มให้กับปีเตอร์สัน “แล้วเจอกันใหม่นะครับ”
“ลองไปดูที่ซอกตึกทางด้านโน้นดูสิ” ปีเตอร์สันพูดขึ้น “บางทีพวกเธออาจจะเจออะไรที่นั่นบ้างก็ได้”
วูล์ฟชะงักและยิ้มออกมา
“ขอบคุณมากครับ” เขารีบวิ่งออกไปทันที ปีเตอร์สันมองวลาร์ดที่ยังคงยืนนิ่ง
“ไม่รีบไปเดี๋ยววูล์ฟก็ได้ของดีๆไปหมดนะ”
“เจ้านั่นไม่ทำแบบนั้นแน่” เด็กหนุ่มตอบพลางชำเลืองตามองปีเตอร์สันอย่างพิจารณา เขากำกล่องสีดำที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าแน่นราวกับลังเลใจ และคลายออกในที่สุด “ผมต้องขอตัว”
เขาหมุนตัวและเดินจากไปในทันที ปีเตอร์สันมองเด็กหนุ่มทั้งสองที่กำลังเดินหายเข้าไปในซอกตึก
“เป็นเด็กแปลก แต่ก็เป็นคนดี” เขาก้มลงมองฟ็อกซ์ที่กำลังยืนกระดิกหาง “แกเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหม ฟ็อกซ์”
ปีเตอร์สันลูบหัวสุนัขของเขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นและมองดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้า เขาลดสายตาลง
“เลยมื้อเที่ยงไปมากแล้ว พวกเราไปหาอะไรกินแล้วนอนพักกันดีกว่า”
ชายผู้นั้นเดินกลับเข้าไปในซอกตึกพร้อมกับสุนัขตัวโปรดโดยไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามีดวงตาสีเขียวคู่หนึ่งกำลังจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนไปมองวลาร์ดกับวูล์ฟอย่างมุ่งร้าย ลิ้นสีฟ้าสดแลบตวัดออกมาจากริมฝีปาก ร่างที่เต็มไปด้วยเกล็ดเป็นมันละเลื่อมขยับตัวและเคลื่อนตามเด็กหนุ่มทั้งสองไปอย่างรวดเร็ว
*/*/*/*/*/*/*











Create Date : 12 มิถุนายน 2552
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 6:56:50 น.
Counter : 288 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี