บทที่ 9 น้ำใจของมนุษย์
บทที่ 9

น้ำใจของมนุษย์

“เราตรวจพบพิษของแอแทรกซ์หลงเหลืออยู่บนผิวของศพค่ะ”
หญิงสาวซึ่งอยู่ในชุดกาวน์ประจำห้องชันสูตรพูดขณะที่ส่งเอกสารให้กับนายอันเดอร์ฮิลล์ เขารับมาเปิดอ่านอย่างตั้งใจ
“นอกจากนี้เรายังเจอขนละเอียดกระจายอยู่ทั่วตัวของผู้เคราะห์ร้ายด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ชันสูตรอีกคนหนึ่งพูดเสริมขึ้น ชายชรารับซองพลาสติดบรรจุขนสั้นๆสีค่อนข้างเข้มที่เขาส่งให้มาพิจารณา
“เหมือนขนของแมลง”
“มันเป็นขนของแมงมุมแม่ม่ายดำตระกูลแอแทรกซ์” วลาร์ดพูด นายอันเดอร์ฮิลล์เลิกคิ้ว
“เธอรู้ได้ยังไง”
“ผมไปตรวจมาแล้ว” เด็กหนุ่มตอบพลางยื่นกระดาษสองสามแผ่นให้กับนายอันเดอร์ฮิลล์ เขามองรูปแมงมุมแล้วขมวดคิ้ว
“ตัวโตเต็มที่ไม่เกิน 16 มิลลิเมตร ไม่น่าเชื่อว่าแมงมุมตัวแค่นี้จะฆ่าคนได้”
“มันอาจจะมีเป็นร้อยตัว” นักวิจัยหญิงพูด วลาร์ดพยักหน้าไปที่ซองบรรจุหลักฐานในมือของชายชราพร้อมกับพูดเสียงเรียบ
“หรือขนาดใหญ่แค่ตัวเดียว” เขาเลื่อนสายตาไปทางนายอันเดอร์ฮิลล์ “คิดว่าเป็นฝีมือของพวกนั้นไหมครับ”
“ฉันไม่แน่ใจ” นายอันเดอร์ฮิลล์พูดพลางรวมหลักฐานต่างๆไว้ด้วยกัน “คงต้องส่งรายงานทั้งหมดไปให้หน่วยกลางและรอจนกว่าทางนั้นจะสืบให้แน่ชัด”
“ผมอยากไปจัดการเองมากกว่า” วลาร์ดพูดเสียงขรึม นายอันเดอร์ฮิลล์มองหน้าเขา
“ฉันไม่อนุญาต” เขาปรามเสียงดุ “เราเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ จะทำอะไรต้องมีระบบและขั้นตอน”
“คงได้เก็บกันอีกหลายศพกว่าจะรู้เรื่อง” เด็กหนุ่มพูดและทำท่าจะเดินจากไป นาย
อันเดอร์ฮิลล์ จึงถามขึ้น
“จะไปไหน”
“ห้องฝึก” เขาตอบเสียงเรียบและก้าวเท้าออกไปจากที่นั่นโดยไม่พูดอะไรอีกเลย ชายชรายืนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางเจ้าหน้าที่ห้องชันสูตรที่ยืนรออยู่และสั่ง
“รวมรวบหลักฐานทุกอย่างและสรุปรายงานทั้งหมดส่งไปให้ผมที่ห้องก่อนค่ำ เสร็จแล้วอย่าลืมจัดการเผาร่างผู้เคราะห์ร้ายและจำหน่ายห้องชันสูตรด้วย”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองรับคำก่อนจะแยกย้ายกันออกไปอย่างรวดเร็ว นายอันเดอร์ฮิลล์มองคนของเขาแล้วถอนใจออกมา เสียงพูดคุยด้วยความตื่นเต้นที่ดังมาจากเจ้าหน้าที่สองสามคนซึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ทำให้เขาต้องเลิกคิ้ว
“มีอะไรกันหรือ”
“ครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งชะงักและปรับสีหน้าให้ดูเคร่งขรึมขณะหยุดยืนต่อหน้านายอันเดอร์ฮิลล์ “ไม่มีอะไรครับ”
“แล้วทำไมพวกเธอถึงดูตื่นเต้นนัก” ชายชรามองหน้าคนทั้งสามอย่างจับพิรุธ หนึ่งในนั้นยิ้มแห้งๆก่อนจะตอบ
“พวกเรากำลังจะไปดูวูล์ฟครับ”
“ไปดูวูล์ฟ” เสียงทวนคำอย่างแปลกใจ “ทำไม”
“วูล์ฟกำลังแข่งบาสกับคุณสมิธอยู่ที่ห้องกีฬา เรากำลังไปดูว่าใครจะชนะเท่านั้นเองครับ”
“อ้อ” นายอันเดอร์ฮิลล์พยักหน้าและยิ้ม “แล้วพวกเธอพนันข้างไหน”
“ต้องเป็นวูล์ฟอยู่แล้ว” คนหนึ่งตอบเสียงดังและรีบหุบปากทันทีเมื่อเห็นสายตาดุจากเพื่อน เขาหันไปยิ้มแหยๆให้กับผู้เป็นนาย “ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร” นายอันเดอร์ฮิลล์โบกมือ “อย่ามัวแต่เล่นจนลืมเรื่องงานก็แล้วกัน”
เขาตบบ่าชายคนนั้นก่อนจะเดินกลับไปที่ห้อง เจ้าหน้าที่ทั้งสามมองหน้ากันและยิ้มกว้างก่อนจะรีบเดินตรงไปยังห้องกีฬาซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของตัวอาคาร

*/*/*/*/*

วูล์ฟเช็ดหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนตัวของเขาระหว่างเดินกลับไปที่ห้อง สมองของเขาคิดวนเวียนระหว่างเรื่องราวของเขากับการตายของผู้ให้กำเนิด หนุ่มหมาป่าขบกรามตนเองแน่นก่อนจะสะบัดผมที่ชุ่มไปด้วยน้ำ เขาถอนใจออกมาอย่างหนักก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องทำงานของนายอันเดอร์ฮิลล์ วูล์ฟหยุดยืนลังเลเล็กน้อยจึงตัดสินใจเคาะประตูไม่แรงนัก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจเมื่อไม่ได้ยินเสียงผู้ที่อยู่ด้านในตอบออกมา หลังจากยืนรออยู่ครู่หนึ่งเขาจึงเปิดประตูออกและชะโงกหน้าเข้าไปมอง
“คุณอันเดอร์ฮิลล์ครับ”
วูล์ฟเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่ไม่ดังนักและชะงักเมื่อพบว่าผู้ที่เขาต้องการพบกำลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ ความอ่อนล้าที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าอันสูงวัยทำให้หนุ่มหมาป่ายืนอึ้ง เขามองนายอันเดอร์ฮิลล์ด้วยความสงสารก่อนจะตัดสินใจถอยออกมาและปิดประตูอย่างระวัง วูล์ฟยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องของชายชราอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัว
“จะไปไหน”
เสียงเรียบเย็นของวลาร์ดถามขึ้น วูล์ฟหยุดเท้าของเขาและตอบ
“ข้างนอก” เขาเว้นระยะไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ฉันสัญญากับฟ็อกซ์ว่าจะเอาไส้กรอกไปให้”
“ฉันว่านายไม่ควรไป”
“ทำไม”
อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบเสียงแผ่ว
“เขาเห็นตัวจริงของฉัน”
วูล์ฟหันไปมองเพื่อนและตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของวลาร์ดกำลังฉายความเจ็บปวดออกมา เขายืนนิ่งไปครู่หนึ่งจึงยิ้ม
“ไม่เห็นจะแปลก” หนุ่มหมาป่าพูด “เพราะนายก็ทำตัวเหมือนผีดิบอยู่แล้วนี่นา”
ดวงตาของวลาร์ดลุกวาวขึ้นมาทันที เขามองวูล์ฟที่กำลังเดินหัวเราะแล้วเผยอยิ้ม เด็กหนุ่มรีบก้าวตามหลังเพื่อนไปอย่างรวดเร็ว วลาร์ดหันไปมองสมิธซึ่งกำลังยืนถือถ้วยกาแฟรออยู่แถวนั้น ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงพร้อมกับส่งยิ้มตอบกลับมา
“ผมจะขับรถให้” เขาพูดพร้อมกับเดินนำเด็กทั้งสองตรงไปยังรถซึ่งจอดรออยู่ที่หน้าอาคาร

รถตู้สีดำวิ่งไปตามถนนข้ามผ่านแหล่งชุมชนและมุ่งหน้าออกไปนอกเมือง สมิธขับรถไปเรื่อยๆโดยสายตาชำเลืองมองวลาร์ดที่นั่งอยู่ด้านข้าง เขายิ้มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรเหมือนเคยต่างจากวูล์ฟที่สรรหาเรื่องมาพูดคุยกับเขาได้ตลอดเวลา หนุ่มหมาป่าชะโงกหน้าไปมองตุ๊กตาแดร็กคิวล่าตาโตที่วางประดับไว้หน้ารถแล้วยิ้ม
“หน้าเหมือนเจ้าวลาร์ดเลย” เขายื่นมือไปจิ้มหัวตุ๊กตาแล้วหัวเราะลั่นเมื่อเห็นมันกระเด้งไปมา “น่ารักดีแฮะ นายน่าจะทำหน้าแบบนี้บ้างนะจะได้ดูน่ากลัวน้อยลง”
เขาหันไปพูดกับเพื่อนที่กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับ วลาร์ดเบือนหน้าหนีไปอีกด้านแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา วูล์ฟมองหน้าเขาแล้วยิ้มก่อนจะหันไปทางสมิธ
“คุณได้ตุ๊กตาตัวนี้มาจากไหนครับ”
“ร้านขายของที่ระลึก” สมิธตอบพลางเลี้ยวรถเข้าไปในเขตโกดัง “ผมเห็นมันน่ารักดีเลยซื้อมาตั้งในรถ เอาไว้ดูเล่นคลายเครียดน่ะครับ”
“ผมเห็นด้วย” วูล์ฟพูดพลางถอยกลับไปนั่งที่ของตัวตามเดิม “เพราะถ้ามองแต่หน้าผีดิบตัวจริงนานๆมีหวังเป็นโรคเครียดขึ้นสมอง ดีไม่ดีอาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้”
“มีแต่นายเท่านั้นที่บ้า”
วลาร์ดพูดพึมพำ สมิธชำเลืองตามองเขาแล้วแทบจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งของเด็กหนุ่มในขณะที่วูล์ฟทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และร้องเพลงออกมาเบาๆ
“ถึงแล้วครับ” สมิธพูดพลางหักรถเลี้ยวเข้าไปจอดในตรอกที่พวกเขาจับมนุษย์จิ้งเหลนได้ “จะให้ผมเข้าไปด้วยไหม”
“ไม่ต้องหรอกครับ” วูล์ฟพูดพลางเปิดประตูและก้าวลงจากรถโดยไม่ลืมที่จะหยิบถุง
ไส้กรอกตามลงไปด้วย เขาหันไปมองวลาร์ดที่ยังคงนั่งนิ่ง
“ไปด้วยกันไหม”
“ไม่” อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบ หนุ่มหมาป่ามองเขาด้วยความเป็นห่วงก่อนจะยักไหล่
“ตามใจ อย่ามาบ่นเสียดายที่ไม่ได้เล่นกับเจ้าฟ็อกซ์ก็แล้วกัน

*/*/*/*

ฟ็อกซ์นอนหมอบอยู่หน้าตรอกที่มันกับนายปีเตอร์สันใช้เป็นที่พักอาศัย อากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายทำให้เจ้าสุนัขแสนรู้อ้าปากหาวพร้อมกับหรี่ตาลง ขณะที่กำลังจะหลับนั่นเองพลันจมูกของเจ้าฟ็อกซ์ก็ได้กลิ่นที่มันคุ้นเคย ใบหูของหมาแสนรู้ชี้ตั้ง ฟ็อกซ์ลุกยืนขึ้นทันที พวงหางพองฟูเริ่มกวัดแกว่งไปมา มันแลบลิ้นเลียปากและเห่าหนึ่งครั้งก่อนจะวิ่งออกไปหาผู้ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ท่ามกลางเสียงร้องเรียกด้วยความแปลกใจของผู้เป็นนาย
“จะไปไหนฟ็อกซ์”
นายปีเตอร์สันเดินตามหมาของตนไปด้วยความเป็นห่วง เขาเบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อเห็นเจ้าฟ็อกซ์กำลังวิ่งวนรอบตัววูล์ฟพร้อมกับส่งเสียงเห่าอย่างดีใจ นายปีเตอร์สันรีบขยับตัวไปด้านข้างและยืนแนบตัวชิดกับกำแพง เขาชะโงกหน้ามองวูล์ฟที่กำลังก้มตัวลงขยี้หัวของฟ็อกซ์ด้วยความเอ็นดู
“ไงเพื่อนยาก” วูล์ฟทักเสียงดังและหัวเราะเมื่อเห็นเจ้าหมาแสนรู้ยื่นหน้าไปที่ถุงไส้กรอกแล้วทำจมูกฟุดฟิดพร้อมกับแลบลิ้นเลียปาก มันรีบนั่งลงและยกสองขาหน้าขึ้น ลูกครึ่งมนุษย์หมาป่าหัวเราะขณะดึงไส้กรอกออกมาสูดกลิ่นและทำเป็นเลียริมฝีปากราวกับว่ามันช่างน่ากินเสียเหลือเกิน เขายิ้มเมื่อเห็นฟ็อกซ์นั่งน้ำลายยืด
“กินไหม” เขาถาม เจ้าหมาแสนรู้เห่าตอบพร้อมกับกระดิกหาง วูล์ฟหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจและยื่นไส้กรอกชิ้นนั้นให้กับมัน “ตกลงแกชนะ”
นายปีเตอร์สันมองวูล์ฟที่กำลังนั่งลงและลูบหัวฟ็อกซ์ด้วยความรัก เขาถอนใจออกมาอย่างหนักก่อนจะสะดุ้งเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายชำเลืองมองมาที่เขาเช่นเดียวกัน ลูกครึ่งหมาป่าเอ่ยปากพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
“อย่าซ่อนเลยครับ” เขาส่งไส้กรอกอีกชิ้นให้กับฟ็อกซ์ “คุณก็รู้ว่าแอบผมไม่ได้”
คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้นายปีเตอร์สันต้องถอนใจออกมาอีกครั้ง เขามองวูล์ฟที่กำลังหยอกล้อสุนัขของตนอย่างสนุกสนานก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าก้าวออกไป
“สวัสดีครับคุณปีเตอร์สัน” หนุ่มหมาป่าเอ่ยทัก นายปีเตอร์สันทำท่าลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเบาราวกระซิบ
“ส....สวัสดีวูล์ฟ”
“วันนี้อากาศดีนะครับ” วูล์ฟชวนคุยขณะยกห่อไส้กรอกขึ้นและทำเป็นแยกเขี้ยวใส่ฟ็อกซ์ “เฮ้ เหลือให้ฉันกินบ้างสิพวก”
เจ้าหมาแสนรู้ส่งเสียงเห่าและกระโดดไปรอบตัวเขา วูล์ฟหัวเราะดังลั่นก่อนจะดึงไส้กรอกออกมาอีกชิ้น
“ก็ได้ แต่นี่เป็นชิ้นสุดท้ายนะ” เขาโยนไส้กรอกขึ้นไปในอากาศซึ่งเจ้าฟ็อกซ์ก็สามารถกระโดดขึ้นไปงับเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ วูล์ฟปรบมืออย่างชอบใจก่อนจะหันหน้าไปทางนายปีเตอร์สันพร้อมกับยิ้ม
“สบายดีเหรอครับ”
“ส.....สบายดี” นายของฟ็อกซ์ตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก”ขอบใจ”
“สองสามวันมานี่มีอะไรอีกไหมครับ” วูล์ฟถามพลางดินไปนั่งที่กองไม้ในบริเวณนั้น ปีเตอร์สันมองเขาอย่างชั่งใจก่อนจะตอบ
“ไม่มี” เขานิ่งไปชั่วอึดใจ “ตั้งแต่เพื่อนของเธอจัดการกับเจ้าตัวประหลาดนั่น”
“งั้นหรือครับ” ลูกครึ่งหมาป่าพูดด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจ เขาร้องเพลงออกมาเบาๆและหยุดเมื่อฟ็อกซ์เห่าแทรกขึ้นมา “โอเค ไม่ร้องก็ได้”
วูล์ฟกระโดดลงจากกองไม้และลงไปนั่งเล่นกับเจ้าหมาแสนรู้อย่างเมามัน ปีเตอร์สันมองทั้งสองอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจถาม
“แล้วเพื่อนของเธอคนนั้น เขาไม่ได้มาด้วยเหรอ”
“วลาร์ดหรือครับ” วูล์ฟถามทั้งที่ยังกอดรัดร่างของฟ็อกซ์และงับคอของมันเล่นเบาๆ เขาพูดต่อเมื่อเห็นนายปีเตอร์สันพยักหน้า “เจ้าหมอนั่นไม่กล้าลงมาหาคุณหรอกครับ”
“เขามาด้วยหรือ” ปีเตอร์สันพึมพำ “แล้วทำไมถึงไม่กล้าลงมาหาผม”
“เขาไม่อยากให้คุณตกใจ” วูล์ฟตอบและร้องลั่นเมื่อโดนฟ็อกซ์งับแขน เขาคว้าตัววายร้ายมากอดแน่นและก้มหน้าลงไปกัดหูของมันเป็นการแก้แค้น ปีเตอร์สันเห็นดังนั้นจึงเผลอตัวหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู
“ผมยอมรับว่าตกใจ” เขาพูดเสียงแผ่ว “และกลัวเขามาก”
“เพราะอะไรหรือครับ” หนุ่มหมาป่าเงยหน้าขึ้น อีกฝ่ายนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“เธอไม่รู้หรือแกล้งถาม”
วูล์ฟถอนใจออกมาก่อนจะปล่อยแขนที่กอดรัดฟ็อกซ์และลุกยืนขึ้น เขาส่งยิ้มให้กับนาย
ปีเตอร์สันพร้อมกับพูด
“ผมก็เป็นเหมือนกับเขา”
ดวงตาของปีเตอร์สันเบิกกว้าง เขาก้าวถอยหลังและมองวูล์ฟด้วยความตกใจ
“เธอก็เป็นแวมไพร์ด้วยอย่างนั้นหรือ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงกลายเป็นเถ้าไปนานแล้ว” วูล์ฟชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า “มีแวมไพร์ที่ไหนเล่นกับหมากลางวันแสกๆแบบนี้ครับ”
“ก็เธอบอกว่าเป็นเหมือนเพื่อน”
นายปีเตอร์สันเถียงเสียงอ่อย วูล์ฟหัวเราะพร้อมกับยกมือขึ้นเกาศีรษะ
“ชื่อผมก็บอกอยู่แล้วนี่ครับ” เด็กหนุ่มหันไปแยกเขี้ยวใส่ฟ็อกซ์ ซึ่งกำลังกัดขากางเกงของเขาอย่างเมามัน นายปีเตอร์สันยืนอึ้ง
“มนุษย์หมาป่า”
“ครับ” วูล์ฟยิ้มในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มหน้าซีด
“อย่าบอกนะว่าเธอเป็นพวกที่กลายร่างตอนพระจันทร์เต็มดวง”
“นั่นมันมนุษย์หมาป่ารุ่นโบราณ” เด็กหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ “อย่างผมเป็นพวกพัฒนาแล้วไม่จำเป็นต้องแปลงร่างให้ยุ่งยากแบบนั้นหรอกครับ” เขายกมือขึ้นและกางกรงเล็บที่แหลมคมออก
“แค่นี้ก็กลายเป็นมนุษย์หมาป่าแล้ว”
นายปีเตอร์สันมองกรงเล็บของอีกฝ่ายด้วยสายตาตระหนก เขาก้าวถอยหลังและทำท่าจะเรียกฟ็อกซ์แต่ต้องหยุดเมื่อเห็นสุนัขตัวโปรดกำลังเล่นกับวูล์ฟอย่างสนุกสนาน หลังจากยืนมองทั้งสองอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงถอนใจออกมา นายปีแตอร์สันส่ายหน้าก่อนจะเดินไปนั่งที่กองไม้และจ้องดูวูล์ฟเขม็ง
“พวกเธอเป็นใครกันแน่”
“นักล่าแห่งรัตติกาล” วูล์ฟตอบก่อนจะก้มตัวลงอุ้มฟ็อกซ์ขึ้นมา นายปีเตอร์สันนิ่วหน้าก่อนจะกวักมือเป็นเชิงเรียกเขาให้เข้าไปนั่งเด็กหนุ่มจึงเดินไปที่กองไม้และหย่อนตัวนั่งห่างจากเขาพอควร
“มันคืออะไร”
“มันเป็นหน่วยงานหนึ่งขององค์กรปราบปรามและกำจัดสิ่งมีชีวิตผิดธรรมชาติ” วูล์ฟพูดพลางขยี้ขนพองฟูของฟ็อกซ์อย่างมันมือ “ผมกับวลาร์ดเป็นนักล่าที่มีหน้าที่กำจัดพวกแวมไพร์หรือปิศาจที่ออกมาทำร้ายมนุษย์”
“มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ” นายปีเตอร์สันหลุดปากถาม วูล์ฟหันไปมองหน้าเขา
“คุณจำมนุษย์จิ้งเหลนเมื่อวันก่อนได้มั้ยครับ”
คำพูดของหนุ่มหมาป่าทำให้อีกฝ่ายอึ้ง เขามองฟ็อกซ์ซึ่งกำลังเลียมือของวูล์ฟและส่ายหน้า
“เหลือเชื่อ” ปีเตอร์สันกำมือแน่น “ฉันเจอแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าตัวจริง”
“น่าดีใจใช่ไหมครับ” วูล์ฟยิ้มกว้าง นายปีเตอร์สันมองหน้าเขาและยิ้มออกมา
“นั่นสินะ” เขายื่นมือไปตบบ่าของลูกครึ่งหมาป่า “มันเป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ”
วูล์ฟยิ้มกว้างก่อนจะเลื่อนสายตาออกไปด้านหน้าในขณะที่หูของฟ็อกซ์ชี้ตั้งขึ้น มันลุกยืนและจ้องไปในทิศทางที่เด็กหนุ่มกำลังมอง
“สบายใจขึ้นหรือยัง” หนุ่มหมาป่าพูดขึ้น นายปีเตอร์สันจึงหันหน้าไปมองและเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นวลาร์ดกำลังยืนอยู่ในเงามืด “อย่าทำอะไรน่ากลัวแบบนั้นสิเพื่อน คนอื่นเขาตกใจกันหมด”
“ผมเข้าใจว่าแวมไพร์โดนแดดไม่ได้” นายปีเตอร์สันรีบพูดและอ้าปากค้างเมื่อเห็นวลาร์ดก้าวออกมายืนกลางแจ้ง “เป็นไปไม่ได้”
“ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือครับว่าเราเป็นพวกพัฒนาแล้ว” วูล์ฟพูดพร้อมกับหัวเราะ “แวมไพร์อย่างเจ้านั่นกลัวแค่เสียงหัวเราะเท่านั้นแหละครับ”
“เจ้าบ้า” เสียงวลาร์ดพูดพึมพำ วูล์ฟมองใบหน้าที่ดูผ่อนคลายของเพื่อนแล้วยิ้ม เขาหันไปมองปีเตอร์สันที่ดูเหมือนจะคลายความหวาดกลัวลงไปมากพร้อมกับยื่นห่อไส้กรอกให้
“มื้อเย็นของฟ็อกซ์” เขาขยี้หัวหมาแสนรู้อีกครั้งก่อนจะกระโดดลงจากกองไม้และเดินไปยืนข้างวลาร์ด ปีเตอร์สันมองเขา
“พวกเธอจะไปกันแล้วหรือ”
“ครับ” วูล์ฟตอบ “พอดีพวกเรามีงานค้างอยู่ต้องรีบกลับไปทำให้เสร็จ” เขามองนาย
ปีเตอร์สันและถาม
“คราวหน้าผมเอาตับบดมาฝากฟ็อกซ์ได้ไหมครับ”
“ได้” นายปีเตอร์สันตอบและหันไปขยี้หัวหมาของตน “ฟ็อกซ์ชอบตับบดมาก”
“งั้นตกลงตามนี้นะครับ” วูล์ฟยิ้มกว้าง “แล้วเจอกันนะฟ็อกซ์” เขาหันไปโบกมือให้กับหมาแสนรู้ มันเห่ารับพร้อมกับกระดิกหาง นายปีเตอร์สันมองเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังเดินไปด้วยกัน เขาตะโกนออกมา
“อย่าลืมชวนเพื่อนมาด้วยนะ วูล์ฟ”
หนุ่มหมาป่าโบกมือรับอย่างร่าเริงก่อนจะหันไปกอดคอวลาร์ดและพูดจาหยอกเย้าเขาอย่างอารมณ์ดี นายปีเตอร์สันมองทั้งคู่ไปจนลับสายตา เขาก้มหน้าลงไปหาฟ็อกซ์
“แกรู้ใช่ไหมว่าพวกเขาเป็นคนดี” เจ้าหมาแสนรู้กระดิกหางพร้อมกับเห่า เขาตบหัวมันเบาๆและพูดเสียงไม่ดังนัก
“ฉันเชื่อแก”

*/*/*/*/*/*














Create Date : 12 มิถุนายน 2552
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 7:02:58 น.
Counter : 266 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี