บทที่ 1 ความตายและการกำเนิด
บทที่ 1

ความตายและการกำเนิด

เสียงคำรามดังสลับกับเสียงฉีกกระชากเนื้อดังมาจากพุ่มไม้หนากลางสวนสาธารณะอันเงียบสงัด แสงไฟซีดสลัวส่องกระทบร่างอมนุษย์ขนาดยักษ์ที่กำลังโยกตัวอย่างบ้าคลั่งอยู่บนร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของหญิงสาว มันเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าและอ้าปากร้องออกมา เสียงฝีเท้าที่ย่ำพื้นหญ้าทำให้เจ้าอสูรร้ายชะงักการกระทำของมันและหันหน้าไปมอง
“โสโครกสิ้นดี”
เสียงพูดเปรยขึ้นไม่ดังนัก สัตว์อสูรร่างยักษ์มองร่างในชุดเครื่องแบบสีดำสนิทซึ่งยังคงยืนนิ่ง ดวงตาปูดโปนลุกแดงด้วยความโกรธที่ถูกขัดจังหวะ มันลุกขึ้นและกระโจนเข้าใส่ร่างผู้นั้นทันที
“พวกชั้นต่ำ” เสียงลอดไรฟันขณะเบี่ยงตัวหลบ กรงเล็บของสัตว์นรกตัวนั้นจึงฝังลึกลงไปในดิน มันร้องลั่นด้วยความโกรธจัดก่อนจะตะกุยพื้นบริเวณนั้นจนกระจุยกระจาย อสูรร้ายหันกลับไปมองคู่ต่อสู้ของมันและแยกเขี้ยวคำราม
“อย่ามัวแต่เห่า” คนผู้นั้นพูดอย่างรำคาญขณะที่มือข้างหนึ่งดึงวัตถุสีเงินแวววาวออกมา สัตว์ร้ายตัวนั้นร้องกรรโชกเสียงดังและพุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มผู้นั้นเงื้ออาวุธในมือขึ้นแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ต้องชะงักและก้าวถอยหลังเมื่อมีเงาร่างขนาดใหญ่กระโดดออกมาจากพุ่มไม้และชนกับอมนุษย์ตัวนั้นอย่างแรงจนล้มกลิ้งไปด้วยกัน และเมื่อทั้งคู่ตั้งหลักได้ก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยไม่สนใจว่าจะมีใครอยู่แถวนั้น เสียงถอนใจอย่างเบื่อหน่ายดังขึ้นมาจากร่างในชุดดำ
“เจ้าบ้า”
เขาบ่นพึมพำก่อนจะหันมองไปโดยรอบและก้มลงหยิบท่อนไม้ขนาดเหมาะมือขึ้นมา ชายหนุ่มกระโดดหลบการต่อสู้อันบ้าคลั่งของทั้งสองพร้อมกับเงื้อไม้ในมือขึ้นและฟาดลงไปบนหัวของคนที่เข้ามาขวางเต็มแรง เสียงร้องโอดโอยดังลั่นขณะที่ร่างกำยำทรุดล้มลง เจ้าอมนุษย์เห็นดังนั้นจึงรีบกางเล็บออกหมายจะฉีกเนื้อของอีกฝ่ายให้กระจุยแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมันก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกวัตถุสีเงินแทงทะลุอก เจ้าสัตว์อสูรอ้าปากค้างและก้มหน้าลง มันทันได้เห็นดาบที่กำลังถูกดึงออกไปจากร่าง ดวงตาแดงก่ำเบิกค้างเมื่อชายหนุ่มหมุนดาบเป็นวงและตัดคอของมันจนขาดกระเด็น ร่างไร้หัวยืนโงนเงนอยู่ครู่หนึ่งจึงล้มลง และแปรสภาพกลับคืนเป็นมนุษย์ ชายหนุ่มมองร่างที่กองอยู่แทบเท้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะสะบัดดาบของตนแล้วเก็บเข้าฝัก เขายกมือขึ้นส่งสัญญาณให้รถตู้สีดำคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอด ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนวิ่งกรูกันออกมาและลงมือจัดการกับซากร่างของอมนุษย์และเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างรวดเร็ว
“จัดการได้ดี” คนที่ดูเหมือนจะมีอาวุโสมากที่สุดเอ่ยชม “แต่คราวนี้ช้าไปนิดนะวลาร์ด”
“คงเร็วกว่านี้ถ้าไม่มีคนบ้าเข้ามาขวาง” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบ ดวงตาชำเลืองไปยังผู้ที่กำลังเดินโซเซเข้ามา
“ก็แค่เข้ามาช่วย” เขาพูดขึ้น “ทำไมต้องตีหัวกันด้วย”
“นั่นสิวลาร์ด ทำไมต้องทำร้ายวูล์ฟด้วย พวกเดียวกันแท้ๆ”
“เป็นวิธีหยุดความบ้าของพวกมนุษย์หมาป่า” วลาร์ดพูดพลางเมินหน้าหนีไปอีกด้าน
วูล์ฟจ้องเขาเขม็ง
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” เขายื่นมือไปคว้าคอเสื้อของวลาร์ดและเขย่า “อุตส่าห์หวังดีเข้ามาช่วยแท้ๆจะขอบใจกันสักคำก็ไม่มี ไอ้ผีดิบเลือดเย็น”
“จำไม่ได้ว่าเคยขอให้ใครช่วย” เขาปัดมือของวูล์ฟ “โดยเฉพาะพวกหมาบ้า”
“เจ้า....” วูล์ฟกำมือแน่นและคงจะโดดเข้าไปตะบันหน้าของวลาร์ดหากชายที่ยืนอยู่ด้วยไม่ร้องห้าม
“พอกันที” เขามองหน้าเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างนึกระอาก่อนจะหันไปมองคนที่มาด้วยกัน “เก็บกวาดเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ”
“ครับคุณอันเดอร์ฮิลล์” ชายคนนั้นทำท่าลังเล “แต่พวกเราหาแขนข้างขวาของผู้เคราะห์ร้ายไม่พบ”
“คงถูกเจ้ามนุษย์หมาป่านั่นกินเข้าไป” อันเดอร์ฮิลล์พูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขากวาดตามองไปโดยรอบอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันได้แล้ว”
เขาสั่งเสียงเรียบก่อนจะหันไปมองวูล์ฟที่ทำท่าเหมือนอยากจะเข้าไปหักคอวลาร์ด อันเดอร์ฮิลล์คว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้
“ไปขึ้นรถ”
เสียงสั่งห้วนสั้นขณะที่พยายามลากร่างสูงใหญ่กลับไปที่รถ วลาร์ดรีบเดินอ้อมไปอีกด้านและขึ้นไปนั่งข้างคนขับโดยไม่พูดอะไร ชายที่มากับรถตู้หันไปมองหน้ากันก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังอันเดอร์ฮิลล์ เขาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม
“นิสัยของวลาร์ดก็เป็นแบบนี้ อย่าไปใส่ใจเลย” เขาตบบ่าของวูล์ฟสองสามครั้ง “ขอบใจเธอมาก”
“ผมไม่ได้ทำอะไร” เด็กหนุ่มพูดเสียงขุ่นขณะปัดผมยาวรุงรังไปทางด้านหลัง อันเดอร์ฮิลล์ยิ้ม
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเข้าไปขวาง มนุษย์หมาป่าตัวนั้นคงกัดวลาร์ดเหวอะไปทั้งตัว”
“แต่เจ้านั่นไม่ได้ขอบใจเลยสักนิด แถมยังดูถูกกันด้วยซ้ำ” วูล์ฟกระแทกตัวพิงพนักด้วยความโกรธ เขาอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อชายผู้สูงวัยพูดเสียงเรียบ
“เขารู้ดี แต่คงต้องรอให้โลกแตกก่อนถึงจะกล้าพูดขอบใจเธอ”
“กล้าพูดหรือครับ” เด็กหนุ่มทวนคำขณะที่เลื่อนสายตาไปยังเพื่อนที่นั่งอยู่ทางตอนหน้า อันเดอร์ฮิลล์ผงกศีรษะ
“วลาร์ดก็แค่เป็นคนปากหนัก ฉันเลี้ยงเธอสองคนมากับมือย่อมรู้ดีที่สุด” เขาตบบ่า
วูล์ฟสองสามครั้ง “เขาแค่วางท่าขึงขังไปอย่างนั้นเองที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไร ทำใจให้สบายเถอะนะอย่าไปคิดมาก”
พูดจบอันเดอร์ฮิลล์ก็เอนตัวพิงพนักและหลับตาลง วูล์ฟมองเขาด้วยความสำนึกในบุญคุณเมื่อนึกถึงตอนที่ชายสูงวัยผู้นี้เสียสละเลี้ยงดูพวกตนมา เด็กหนุ่มเลื่อนสายตามองไปที่วลาร์ดอีกครั้ง เขานิ่วหน้า
“คนอย่างนายน่าจะเรียกว่าปากเสียมากกว่า” วูล์ฟบ่นพึมพำก่อนจะเอนตัวพิงเบาะและหลับตาลง “เจ้าซีดผีดิบ”

*/*/*/*/*/*

เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นปูนดังขึ้นในตรอกที่ค่อนข้างเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ความถี่กระชั้นของจังหวะการก้าวบ่งบอกถึงความเร่งร้อนของผู้เป็นเจ้าของฝีเท้าได้เป็นอย่างดี หญิงสาวในชุดรัดรูปสีแดงสดเดินอย่างรีบเร่งขณะเธอหันมองไปรอบตัวด้วยความหวาดระแวง เสียงกระป๋องโลหะตกกระทบลงบนพื้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เธอรีบหันหลังกลับไปดูและอ้าปากกว้างเมื่อเห็นเงาสีดำขนาดใหญ่ไหววูบเข้ามาใกล้ เสียงคำรามแผ่วต่ำดังขึ้นตามมาด้วยเสียงหอบหายใจ หญิงสาวรีบเปลี่ยนจากการเดินมาเป็นวิ่งแต่ความสูงของรองเท้าทำให้เธอไม่สามารถไปได้เร็วนัก พื้นปูนที่ไม่เสมอกันทำให้หญิงสาวคนนั้นสะดุดล้มลง เธอพยายามจะลุกขึ้นแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเงาสีดำกระโดดมายืนขวางหน้า เขี้ยวคมขาวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเมื่อปากของมันแสยะอ้าออกปล่อยน้ำลายเหนียวหนืดให้ไหลยืดย้อยออกมา เจ้าอสูรร้ายส่งเสียงขู่คำรามก่อนจะกระโจนเข้าใส่หญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย เสียงกรีดร้องดังสะท้อนก้องไปทั่วตรอกและเงียบหายไปแทบจะทันทีเมื่อลำคอของเธอถูกฉีกดึงออกจากร่าง เจ้าสัตว์ร้ายแหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงที่โหยหวนน่าขนลุกก่อนจะเริ่มลงมือกัดกินเหยื่อของมันอย่างตะกละตะกรามจนเหลือแต่กระเป๋าถือใบเล็กและมือข้างหนึ่ง

*/*/*/*/*







Create Date : 12 มิถุนายน 2552
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 6:56:06 น.
Counter : 353 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี