บทที่ 3 มนุษย์จิ้งเหลน
บทที่ 3

มนุษย์จิ้งเหลน

วูล์ฟก้าวข้ามท่อน้ำเหล็กที่ถูกกองทิ้งไว้กลางตรอกขณะที่สายตาสอดส่ายหาสิ่งที่หลงเหลือจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาสูดลมหายใจเข้าและทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่าของอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มกวาดตามองไปโดยรอบขณะที่เดินเข้าไปด้านในสุด
“คิดยังไงถึงได้ไปคุยกับมนุษย์คนนั้น”
“พูดยังกับตัวเองไม่ใช่คน” วูล์ฟตอบด้วยน้ำเสียงประชด “ฉันก็แค่อยากดูว่าเขารู้อะไรบ้างเท่านั้น”
“จะแน่ใจได้ยังไงว่าเขาไม่ได้เป็นตัวการ” วลาร์ดย้อนเสียงห้วน อีกฝ่ายนิ่วหน้า
“นายเคยเห็นปิศาจเลี้ยงหมาไหม” เด็กหนุ่มร่างใหญ่ถามพลางขยับถังน้ำมันที่วางเกะกะในขณะที่วลาร์ดเตะลังเปล่าใบหนึ่งไปให้พ้นทาง
“อย่าบอกนะว่านายเอาหมามาเป็นเครื่องตัดสิน”
“แล้วหมามันไม่ดีตรงไหน” วูล์ฟหันหน้าไปมองเขา “คุณปีเตอร์สันไม่ใช่ปิศาจหรือคนได้รับเชื้อชั่วจากพวกอมนุษย์อย่างแน่นอน”
“คุยกันแค่เดี๋ยวเดียวจะแน่ใจได้ยังไง”
“นายคิดว่าฉันคุยกับเขาเล่นโดยไม่สังเกตอะไรเลยหรือ” เด็กหนุ่มร่างใหญ่จ้องหน้าเพื่อนชั่วขณะก่อนจะเบือนหนีไปอีกด้าน “ฉันลองดมดูแล้วและแน่ใจว่าเขาไม่มีกลิ่นของเจ้าพวกนั้น”
“สัญชาติญาณของมนุษย์หมาป่า” น้ำเสียงประชดประชันจนอีกฝ่ายต้องหันหน้ากลับมามอง
“ฉันไม่ชอบน้ำเสียงแบบนั้นเลยนะ วลาร์ด”
“ถึงไม่ชอบก็ต้องยอมรับเพราะมันเป็นเรื่องจริง”
คราวนี้วูล์ฟถึงกับกำมือแน่น เขาถลึงตาจ้องเด็กหนุ่มชุดดำที่ยืนทำสีหน้านิ่งและพูดเสียงห้วน
“จะรู้สึกยังไงถ้ามีคนพูดว่านายเป็นพวกผีดิบกระหายเลือด”
“ฉันเป็นลูกครึ่งแวมไพร์ และไม่เคยดูดเลือดคน”
“แต่นายก็ยังเป็น” วูล์ฟกระแทกเสียงพร้อมกับหันหน้ากลับ กลิ่นเหม็นที่รุนแรงขึ้นทำให้เขาชะงักและทำหน้าย่น
“มีอะไร” เสียงเรียบเย็นถามขึ้น วูล์ฟกระตุกยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าของผู้พูดและตอบโดยไม่หันหน้าไปมอง
“คิดว่าเจออะไรบางอย่างเข้าแล้ว” เด็กหนุ่มร่างใหญ่ก้าวไปหยุดยืนที่กองลังกระดาษเปล่าและใช้เท้าเตะเบาๆเพื่อให้มันกระจายออก วลาร์ดเดินเข้ามาชะโงกดูและนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นเศษซากอะไรบางอย่างอยู่ภายใต้กองขยะเหล่านั้น
“ดูเหมือนจะเป็นแขนเหยื่อของเจ้ามนุษย์หมาป่าที่เราเจอเมื่อสองวันก่อน” เขาพูดขึ้นเมื่อเห็นแขนมนุษย์ในสภาพเริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็นอบอวลไปทั่ว “เก็บมันกลับไปให้หน่วยวิจัยตรวจดูสิวูล์ฟ”
“ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย” เด็กหนุ่มร่างใหญ่ยืนกอดอก “คุณอันเดอร์ฮิลล์สั่งให้นายเป็นคนเก็บของพวกนี้ไปไม่ใช่เรอะ”
“เขาบอกให้ฉันมาหาหลักฐานเท่านั้น” วลาร์ดมองหน้าวูล์ฟ “เก็บมันเดี๋ยวนี้วูล์ฟ”
“ฉันไม่ใช่ลูกน้องของนาย”
“แต่นายเกิดหลังฉัน” อีกฝ่ายเถียงไม่ลดละ วูล์ฟกระแทกลมหายใจ
“ก็แค่ห้านาทีเท่านั้น” เขาใช้นิ้วจิ้มอกวลาร์ดสองสามครั้ง “อย่ามาทำเป็นวางท่าใหญ่โตกับฉัน วลาร์ด”
“ไม่ว่าจะยังไงฉันก็เป็นพี่นาย” เด็กหนุ่มผิวซีดพูดเสียงกระด้าง “เก็บหลักฐานนั่นใส่ซองเดี๋ยวนี้ก่อนที่จะมีคนมาเห็นเข้า”
“อยากทำนักก็จัดการเอง” วูล์ฟดึงซองพลาสติกออกมาและโยนใส่หน้าวลาร์ด จากนั้นจึงก้าวยาวๆเพื่อจะเดินออกไปจากตรอก แวมไพร์หนุ่มกำถุงใบนั้นเอาไว้ในมือขณะจ้องซากแขนซึ่งกองเละอยู่ตรงหน้า เขาขบกรามตัวเองแน่น
“วูล์ฟ!”
ซองพลาสติกที่ถือไว้ถูกขว้างทิ้งไปอีกด้าน เด็กหนุ่มเลื่อนมือไปทางด้านหลังและกระชากดาบออกมา เขาหันไปทางเพื่อนพร้อมกับกระโจนเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว วลาร์ดเหวี่ยงดาบฟันลงไปที่ร่างของหนุ่มหมาป่า วูล์ฟรีบเบี่ยงตัวหลบด้วยท่าทางที่ว่องไวไม่แพ้กัน
“วลาร์ด”
เสียงร้องเรียกเจือความแปลกใจเล็กน้อยขณะมองคมดาบที่จมลึกลงไปบนพื้นซีเมนต์
วลาร์ดมองเงาสีดำที่กำลังไหววูบไปอีกด้านและร้องเสียงดัง
“มันหนีไปทางนายแล้ว”
กำปั้นอันใหญ่โตฟาดเปรี้ยงลงไปบนกองลังกระดาษเปล่า เงานั้นเคลื่อนที่หลบอย่างรวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน วลาร์ดเลื่อนสายตามองตามพร้อมกับร้องถามเพื่อนของเขา
“นายเห็นมันไหม”
“ไม่” วูล์ฟตะโกนตอบและทำจูมกฟุดฟิด “แต่ดูเหมือนฉันจะเคยได้กลิ่นเจ้านี่มาก่อน”
“เคยไปกัดกับใครมาอีกล่ะ” วลาร์ดถามขณะที่ถอยมายืนข้างเพื่อน อีกฝ่ายแทบอยากจะใช้กำปั้นทุบกะโหลกเขาด้วยความโมโห
“นายจำเกล็ดที่คุณอันเดอร์ฮิลล์ให้ดูก่อนมาได้ไหม” เสียงถามแผ่วขณะที่สายตามองกวาดหาอย่างระวัง แวมไพร์หนุ่มพยักหน้า
“จำได้” เขาชะงักไปเล็กน้อย “หรือว่า”
“มันเป็นกลิ่นเดียวกัน” วูล์ฟกำหมัดแน่นขณะที่หรี่ตาลงเมื่อเห็นเงาไหววูบเข้ามาใกล้ “กลิ่นของจิ้งเหลน”
เงานั้นพุ่งเข้าใส่หนุ่มหมาป่าตั้งแต่เขายังไม่ทันได้พูดจบประโยค วลาร์ดรีบขยับตัวเพื่อจะเข้าไปช่วยเพื่อนแต่ดูเหมือนจะไม่ทัน เขายืนตะลึงจ้องร่างที่กำลังคร่อมวูล์ฟด้วยความตกใจเมื่อพบว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทั้งสองไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย
“นี่มันอะไรกัน” วลาร์ดพึมพำขณะมองร่างที่เต็มไปด้วยเกล็ดเป็นมันเลื่อมคล้ายกับสัตว์เลื้อยคลาน มันอ้าปากกว้างและทำท่าเหมือนจะขย้ำลำคอของวูล์ฟให้ขาดกระจุย
“มัวยืนตกตะลึงอะไรอยู่” หนุ่มหมาป่าตะโกนเสียงดังลั่นขณะที่มือทั้งสองข้างพยายามผลักสิ่งที่ดูคล้ายจิ้งเหลนให้ออกห่าง “รีบมาช่วยกันหน่อยสิเจ้าผีดิบ”
“ปากอย่างนี้มันน่าปล่อยให้ถูกกัดตายเป็นบ้า” วลาร์ดบ่นพึมพำพลางหมุนดาบเป็นวง เขากระโดดเข้าไปหาจิ้งเหลนกลายพันธุ์ตัวนั้นและเงื้ออาวุธคู่กายขึ้นหมายจะฟันมันให้ขาดเป็นสองท่อนแต่ร่างของวูล์ฟที่กำลังดิ้นอยู่ภายใต้ตัวของมันทำให้เขาชะงักและยืนลังเล
“มัวลังเลอะไร” เพื่อนของเขาพูดเสียงดังและเบี่ยงหน้าหลบลิ้นสีน้ำเงินเข้มที่ตวัดออกมาจากปากของเจ้าสัตว์อัปลักษณ์ น้ำลายเหนียวหนืดสีขาวขุ่นที่ไหลย้อยออกมาทำให้เขาต้องเบ้หน้าด้วยความรังเกียจ “พอกันที!”
วูล์ฟตะโกนลั่นก่อนจะเลื่อนมือไปคว้าคอของเจ้าจิ้งเหลนยักษ์และบีบอย่างแรง มันอ้าปากกว้างพลางส่งเสียงร้องแหลมเล็กบาดหู มือที่มีเล็บยาวเหวี่ยงฟาดไปมา มันปาดผ่านใบหน้าของวูล์ฟจนเป็นรอยแผลลึก เด็กหนุ่มถึงกับคำรามออกมาด้วยความโมโห
“เจ้าบ้า!” เขาชกหน้ามันอย่างแรงสองถึงสามครั้งจนจิ้งเหลนยักษ์ผงะหงาย มันกรีดร้องและสะบัดหางไปมาด้วยความโกรธ กรงเล็บที่แหลมคมกางออกและคงจะฝังลงไปบนอกของวูล์ฟถ้าวลาร์ดไม่ใช้ดาบตัดหางของมันจนขาดกระเด็น เจ้าสัตว์อัปลักษณ์แหกปากร้องลั่นก่อนจะผละออกจากร่างของหนุ่มหมาป่าและทำท่าจะหันมาเล่นงานเขา วลาร์ดจึงรีบดึงกล่องดำออกมาและยิงอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างในเข้าไปในปากของมัน เจ้าจิ้งเหลนถึงกับสะดุ้งสุดตัวก่อนจะวิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มเดินไปมองหางที่ตกขาดอยู่บนพื้น มันยังคงสะบัดดิ้นไปมาราวกับมีชีวิต
“น่าขยะแขยงชะมัด” เสียงวูล์ฟบ่นขณะกำลังลุกขึ้น เขายกเท้าเตะหางอันนั้นจนกระเด็นไปกระแทกกำแพง
“เราต้องเอามันกลับไปด้วย” เด็กหนุ่มชุดดำพูดเสียงห้วน เขาสะบัดดาบสองสามครั้งเพื่อไล่เลือดที่เปรอะเปื้อนบนใบดาบก่อนจะเก็บกลับเข้าฝักจากนั้นจึงเดินไปหยิบท่อเหล็กที่วางเกลื่อนมาเขี่ยหางจิ้งเหลนใส่กล่องกระดาษเปล่า วูล์ฟมองเขาด้วยความรู้สึกหมั่นไส้
“ทำยังกับกลัวชุดจะเปื้อน” หนุ่มหมาป่าประชด วลาร์ดชำเลืองมองเขาด้วยหางตาก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“ถ้าว่างนักก็ไปเก็บซากเน่านั่นใส่ซองซะ”
“ถ้ารีบนักทำไมไม่มาเก็บเอาเอง” วูล์ฟบ่นพึมพำก่อนจะหันไปเก็บท่อนแขนเหยื่อเมื่อสองวันก่อนเข้าซองพลาสติกและปิดจนแน่น เขายกมือขึ้นลูบแผลที่หน้าและขมวดคิ้ว
“แปลกจริงมันน่าจะหายได้แล้วนี่นา”
“นายพูดถึงอะไร” วลาร์ดเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนและเบิกตากว้างด้วยความตระหนก “วูล์ฟ!”
“อะไร” อีกฝ่ายพูดเสียงห้วนและคงจะประชดอะไรต่ออีกยืดยาวถ้าไม่เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจของลูกครึ่งแวมไพร์ “ทำไมหรือวลาร์ด”
“แผลของนายกำลังเน่า” เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าและหยิบเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กออกมา “คงต้องให้พวกเขามารับเร็วกว่ากำหนด”
วูล์ฟมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เขายกมือขึ้นเช็ดของเหลวที่ไหลเยิ้มออกมาจากแผล ใบหน้าของหนุ่มหมาป่าถึงกับเผือดลงเมื่อพบว่ามันคือเลือดและน้ำเหลือง วูล์ฟรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงในกายกำลังลดถอยลงในขณะที่ความร้อนรุ่มเริ่มกระจายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
“ทำไม”
“น้ำลายของเจ้าจิ้งเหลนนั่นอาจจะเป็นพิษ” วลาร์ดพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงกังวลก่อนจะเลื่อนสายตามองไปยังถนนซึ่งอยู่ไม่ไกล “เดินไหวไหม”
“ไหว” วูล์ฟตอบออกมาได้เพียงแค่นั้น เขาเดินโซเซออกไปสองสามก้าว ดวงตาเริ่มพร่าเลือน เด็กหนุ่มสะบัดหน้าของตนเองสองสามครั้งก่อนความรู้สึกทุกอย่างจะดับวูบลง ร่างสูงใหญ่ของเขาล้มลงทันทีและคงจะกระแทกกับพื้นอย่างแรงถ้าวลาร์ดไม่รีบเข้าไปประคอง

*/*/*/*/*

อันเดอร์ฮิลล์ยืนมองวูล์ฟซึ่งนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้ ใบหน้าของเขามีผ้าสีขาวสะอาดพันเอาไว้ รอบตัวมีสายน้ำเกลือและสายอุปกรณ์ต่างๆห้อยระโยงระยางอยู่โดยรอบ หลังจากฟังแพทย์ออกมารายงานผลการรักษา ชายชราจึงถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาหันไปมองวูล์ฟอีกครั้งก่อนจะก้าวออกจากห้องและชะงักเมื่อเห็นวลาร์ดยืนรออยู่
“เจ้านั่นเป็นยังไงบ้างครับ”
“อาการดีขึ้นมากแล้ว” อันเดอร์ฮิลล์ตอบพร้อมกับยิ้ม “ไม่เข้าไปดูเขาสักหน่อยหรือ”
“คงไม่จำเป็น” เด็กหนุ่มตอบด้วยสีหน้าที่ดูเบาใจขึ้น ก่อนจะกลับไปขมวดคิ้วอีกครั้ง “เขาถูกพิษอะไรหรือครับ”
“เล็บทิเลีย สควอมาต้า สกินโควอิเดส”
“จิ้งเหลน” น้ำเสียงไม่แสดงความแปลกใจนัก อันเดอร์ฮิลล์พยักหน้า
“ใช่” เขาพูดเสียงขรึมขณะเดินนำวลาร์ดไปยังห้องวิจัย “เป็นจิ้งเหลนลิ้นสีน้ำเงิน”
“แต่สิ่งที่ผมเห็นเหมือนมนุษย์ที่มีรูปร่างเป็นจิ้งเหลนมากกว่า” เขามองหางที่เก็บกลับมาผ่านกระจกบานใหญ่ มีนักวิจัยสองสามคนกำลังยืนรายล้อมมันอยู่ “ผมเคยสู้กับปิศาจมามากแต่ไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ด้วย”
“ฉันก็เหมือนกัน” อันเดอร์ฮิลล์มองเข้าไปในห้องวิจัย “ดูเหมือนคนพวกนั้นจะทำอะไรมากไปกว่าที่เราจะคาดถึงแล้ว”
“คนพวกนั้น” วลาร์ดทวนคำและมองหน้าเขา “ใครหรือครับ”
อันเดอร์ฮิลล์มองหน้าเด็กหนุ่มนิ่งราวกำลังชั่งใจ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยทำให้เขาต้องถอนใจออกมา
“สิ่งที่พวกเธอเจอมาในวันนี้ไม่ใช่ปิศาจหรืออสูรร้ายเหมือนทุกครั้ง” เขาเลื่อนสายตากลับไปมองหางที่วางอยู่ในห้องกระจก “มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการทดลองของคนกลุ่มหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อต้องการทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์”
“หมายความว่ายังไงครับคุณอันเดอร์ฮิลล์” วลาร์ดจ้องชายชรา อีกฝ่ายหันกลับมามองเขา
“มีความจริงบางอย่างที่องค์กรของเราปิดบังเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอทั้งสองคนได้รู้” สีหน้าของอันเดอร์ฮิลล์ดูเคร่งขรึมและจริงจังมากกว่าทุกครั้ง เด็กหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
“เรื่องอะไรหรือครับ”
“กลุ่มคนที่พวกเธอออกตามล่าอยู่ทุกคืนในตอนนี้ไม่ใช่แค่พวกแวมไพร์หรือมนุษย์หมาป่า” ชายชราสูดลมหายใจ “แต่เป็นองค์การลับที่เรียกตัวเองว่า อิลูมิเนติค”

*/*/*/*/*








Create Date : 12 มิถุนายน 2552
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 6:58:02 น.
Counter : 422 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี