Group Blog
กุหลาบในเปลวไฟ...บทที่ 9


กุหลาบในเปลวไฟ


บทที่ 9...คณิตยา


คุกที่ขังอัสมาร์สะอาดสะอ้านกว่าคุกอื่นๆ ในฐานบัญชาการอนาเซีย ตอนที่อัชชาร์คเดินเข้าไปพลทหารลุกยืนทำความเคารพกันพรึ่บพรั่บ อัชชาร์คก้าวไปยืนตรงหน้ากรงสี่เหลี่ยมแคบๆ เอื้อมมือเขย่ากรง ร่างที่นั่งขัดสมาธิเงยหน้าจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา อัสมาร์ยังอยู่ในชุดเดิมตอนที่เจอกันเมื่อเช้า แต่เชิ้ตเปื้อนน้ำสกปรกเป็นดวงๆ อัชชาร์คประสานสายตากับน้องชายไม่ยอมหลบ

“ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย”

อัสมาร์ยังคงมองด้วยสายตาเย็นชา แววตาเขาถามโดยไม่พูดออกมา

“กาเซียเป็นใครกันแน่..” อัชชาร์คถามแล้วเขวี้ยงม้วนกระดาษเข้าไปในกรง “ดูซะให้เต็มตาแล้วตอบฉันมาอัสมาร์ว่ากาเซียเป็นใคร”

อัสมาร์เพิ่งสังเกตเห็นว่าคู่แฝดถือม้วนกระดาษมาด้วย เขาหยิบม้วนกระดาษที่ตกอยู่ตรงหน้ามาคลี่ดู แล้วนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ๆ เมื่อเห็นภาพสเกตช์ในมือเป็นภาพของใบหน้าโรซาลินา กรามบดแน่น..

“ตอบฉัน..อัสมาร์ กาเซียเป็นคนเดียวกับโรซาลินาใช่ไหม ผู้หญิงที่ลอบเข้ามาในฐานบัญชาการอนาเซียคือโรซาลินาใช่หรือเปล่า” อัชชาร์เขย่ากรงรุนแรง น้ำเสียงที่ถามเคร่งเครียดและขุ่นมัว

“ฉันไม่รู้” อัสมาร์ตะคอกกลับ

อัชชาร์คเลิกคิ้ว “นายไม่รู้หรืออัสมาร์? งั้นตอบฉันหน่อยสิว่าทำไมนายถึงย้ายกลับมาอยู่อนาเซีย ทำไมถึงเสนอตัวขอมาอยู่ถิ่นทุรกันดารอย่างเมืองกีซาลีนี่ ตอบฉันไอ้น้องชาย ถ้ายังไม่อยากถูกซัดจนหมอบละก็”

อัสมาร์จ้องหน้าคู่แฝด “ถึงนายจะซัดฉันจนหมอบ แต่นายจะไม่ได้อะไรไปจากฉัน เพราะฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” อัสมาร์ตอบอย่างถือดี แล้วไหวไหล่อย่างยียวน อัสมาร์สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าอัชชาร์คซึ่งบัดนี้โกรธจนลมออกหู

“อ้อ..หรือ” อัชชาร์คลากเสียง “งั้นรับรู้อะไรไว้อย่างนะเจ้าน้องชาย การิมตามไล่ล่ากาเซียไปจนสุดอาณาเขตฐานบัญชาการอนาเซีย พวกเขาต่อสู้กันแล้วการิมก็ทำปืนลั่นไปโดนกาเซีย นายได้ยินไหมอัสมาร์..นังเพศยาคนนั้นถูกยิง ตอนนี้เป็นศพอยู่ชายแดนกีซาลี”

“ไม่จริง!” อัสมาร์ตะเพิดเสียงดัง “นายมันพูดโกหก ไม่มีทางที่กาเซียจะถูกยิง”

อัชชาร์คลอบยิ้มอย่างพอใจ แววตาสะใจเมื่อเห็นน้องชายเต้นเร่าๆ เปล่า..อัสมาร์ไม่ได้แสดงอะไรอย่างนั้น แต่แววตาที่จ้องเขาต่างหาก มันบอกว่ากำลังดิ้นเร่าๆ ทุรนทุรายราวกับจะแดดิ้น

“ไม่จริงงั้นหรือ นายคิดหรือว่ามือปืนอย่างการิมจะมีความปรานี ถ้าคิดอย่างนั้นนายก็มองการิมผิดเสียแล้วเจ้าน้องชาย การิมสู้กับหล่อนแต่เพราะหล่อนเจ็บหนักจากแผลเก่าเลยสู้ไม่ไหว แล้วการิมก็ยิงหล่อนทิ้ง นายได้ยินไหมอัสมาร์ว่าการิมยิงผู้หญิงคนนั้นทิ้งเหมือนหมาข้างถนน” อัชชาร์คมองน้องชายอย่างสะใจ เมื่อเห็นแววตาแดงช้ำแสดงถึงความเจ็บช้ำอย่างรุนแรง

แล้วอัชชาร์คก็พูดต่อว่า “สมุนของยาหยังพยายามเข้ามาช่วยอยู่หรอกนะ แต่มันสู้การิมไม่ไหว เลยถอยร่นไม่เป็นท่าแล้วสุดท้ายมันก็ได้แต่ศพของนังเพศยานั่นกลับไป”

“ไม่!” อัสมาร์ตะโกนก้องแล้วเขย่ากรงรุนแรงราวกับคนคลุ้มคลั่ง น้ำเสียงเขาเจ็บปวดราวกับเสือบาดเจ็บ นักโทษคนอื่นๆ หันมามองตรงๆ อย่างอยากรู้ ไม่มีการเก็บอาการอีกต่อไปจากเดิมที่เงี่ยหูฟังแต่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น อัสมาร์ตะคอกว่า “ไม่มีทางที่กาเซียจะตาย ไม่มีใครจะล้มเธอได้ง่ายๆ ได้ยินไหมอัชชาร์ค” อัสมาร์กระชากเสียง ใจเจ็บปวดรุนแรงราวกับมีใครปลิดขั้วหัวใจเมื่อได้ยินว่าหญิงสาวถูกยิงเสียชีวิตแล้ว

“ทำไมจะไม่มีทาง เวลานี้หล่อนล้มคว่ำจนจบชีวิตไปแล้ว รับรู้ไว้เถอะ” อัชชาร์คย้ำอีกครั้ง เขาลอบยิ้มอย่างสะใจกับการที่อัสมาร์ตกหลุมพราง แล้วเขาก็หันไปสั่งผู้คุมขังเสียงดัง “เอาตัวคุณอัสมาร์ออกมา ใส่กุญแจมือแล้วพาไปพบฉันที่ห้องสืบสวน”

อัสมาร์บดกรามแน่น เขาเตะกรงขังป้าบใหญ่อย่างระบายอารมณ์ หลังอัชชาร์คสาวเท้าจากไป ผู้คุมก็เข้ามาเปิดประตูห้องขัง ใส่กุญแจมืออัสมาร์และพาไปยังห้องสืบสวนที่อัชชาร์ครออยู่ พลันที่ไปถึงอัสมาร์ก็เลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าทั้งห้องไม่มีใคร นอกเขากับอัชชาร์ค

อัชชาร์ครอจนผู้คุมปิดประตูแล้วเขาจึงเบือนสายตากลับมาที่น้องชาย อัสมาร์กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน มือถูกใส่กุญแจ เขาเดินไปนั่งหมิ่นเหม่ขอบโต๊ะ เผชิญหน้ากับอัสมาร์ “นายรู้อะไรไหมอัสมาร์ ตอนแรกฉันว่าจะจับนายเข้าเครื่องโพลีกราฟ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันควรจะยกเลิกความคิดนั้น รู้ไหมเพราะอะไร...” อัชชาร์คถามแล้วจ้องไปในนัยน์ตาสีสนิมเหล็กของอัสมาร์ เมื่อเห็นอัสมาร์ไม่ตอบเอาแต่บดกรามแน่น เขาก็พูดต่อว่า “ก็เพราะว่า” อัชชาร์คทอดเสียง “ฉันรู้แล้วว่ากับคนอย่างนายใช้ไม้นวมอย่างนั้นไม่ได้ผลหรอก..”

อัสมาร์เลิกคิ้ว ตอบคู่แฝดด้วยน้ำเสียงยียวนว่า “แล้วนายคิดหรือว่าฉันจะยอมให้นายใช้ไม้แข็งได้ง่ายๆ ฉันก็มีมือมีเท้าเหมือนกันนะ”

อัชชาร์คหัวเราะก้องอย่างชอบใจ พริบตาเดียวก็หยุดกึกราวกับถูกสับสวิชต์ “แล้วนายคิดว่าฉันสั่งผู้คุมใส่กุญแจนายทำเบื้อกอะไร” อัชชาร์คย้อน จ้องน้องชายด้วยแววตาเยาะหยัน

“แล้วนายคิดว่ากุญแจมือแค่นี้ จะหยุดฉันได้ ก็ลองดูสิ” อัสมาร์ย้อนกลับทันควัน

“ผัวะ” อัชชาร์คซัดกลับด้วยหลังมือทันทีที่อัสมาร์พูดจบ “อย่ามาท้าทายฉันอัสมาร์” อัชชาร์คพูดเสียงต่ำในลำคอแล้วจ้องมองอัสมาร์ด้วยแววตาดุดัน

อัสมาร์เบือนหน้ากลับ เลือดซึมมุมปากแต่เขาไม่ได้ดุนลิ้นเพื่อเช็ดมันออก ยิ้มอย่างเป็นต่อคลี่ทั่วริมฝีปากเมื่อเห็นแววตาหวั่นไหวผสมความกลัวของพี่ชาย

อัชชาร์คจ้องใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉยของน้องชายด้วยความรู้สึกเดือดดาล “นายรู้ใช่ไหมว่าโรซาลินายังไม่ตาย”

อัสมาร์เงียบ

“ฉันถามว่านายรู้ใช่ไหมว่าโรซาลินายังไม่ตาย”

อัสมาร์ยังคงไม่ตอบ

“หูแตกรึไงถึงไม่ได้ยินที่ฉันถาม” อัชชาร์คขึ้นเสียงแล้วปล่อยหมัดจะตั้นหน้าน้องชาย แต่อัสมาร์เหวี่ยงเท้าแตะกำปั้นเขาออกทั้งที่นั่งบนเก้าอี้อยู่อย่างนั้น แล้วอัสมาร์เหวี่ยงเท้าอีกข้างขึ้นเตะซอกคอเขา อัชชาร์คเซผงะ ตั้งหลักได้เขาก็ถลาเข้าเตะต่อยอัสมาร์ซึ่งอีกฝ่ายรีบขยับลุกตั้งรับทันที บัดนี้จึงกลายเป็นการตะลุมบอนระหว่างสองพี่น้อง โดยที่ฝ่ายหนึ่งถูกใส่กุญแจมือ ส่วนอีกฝ่ายมือเท้าเป็นอิสระทั้งสองข้าง ต่างผลัดกันเตะผลัดกันหลบ ผลัดกันรุกผลัดกันรับ จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ อัชชาร์คจึงสามารถล้มน้องชายลงนอนกับพื้นได้ อัชชาร์คก้าวไปขึ้นคร่อมอัสมาร์ ซัดไปอีกหมัดบนต้นแขนตั้งใจให้โดนบริเวณแผลที่เพิ่งเย็บ เลือดสดๆ ไหลซึมเสื้อเชิ้ต อัชชาร์คกระชากคอเสื้อน้องชายจนอีกฝ่ายกระตุกขึ้นตาม

“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน ถ้านายไม่แน่จริง” อัชชาร์คพูดเสียงลอดไรฟัน แล้วจ้องหน้าที่บวมช้ำของน้องชายด้วยแววตาปราศจากความรู้สึก อันที่จริงพวกเขาสะบักสะบอมพอๆ กันเพียงแต่อัชชาร์คได้เปรียบที่ไม่โดนใส่กุญแจและไม่มีแผลเย็บให้เป็นจุดอ่อนเหมือนอย่างอีกฝ่าย เขาจึงเจ็บตัวน้อยกว่าอัสมาร์เล็กน้อย

“นายต่างหากที่ไม่แน่จริงอัชชาร์ค ถ้านายแน่จริงปล่อยกุญแจมือฉันสิ” อัสมาร์ตะคอกกลับ พยายามไม่สนใจกับอาการปวดหนึบบริเวณต้นแขน อยากคิดว่าแผลปริเพราะเขาปวดหนึบเหลือเกิน

“ปล่อยให้โง่สิ” อัชชาร์คตะคอกใส่หน้าน้องชาย “แล้วบอกอะไรให้นะ ถ้านายยังรูดซิบปากเงียบอย่างนี้ ฉันจะซ้อมนายจนกว่าจะตายกันไปข้าง” อัชชาร์คพูดแล้วตะโกนเรียกพลทหารที่อยู่หน้าห้องสืบสวน ตะโกนเรียกสองสามครั้งแล้วพลทหารก็ผลักประตูเข้ามา

“คุณอัชชาร์คเรียกผมหรือครับ” พลทหารสองนายที่เฝ้าอยู่นอกห้องผลักประตูเข้ามาแล้วอึ้ง เมื่อเห็นสภาพของคนทั้งคู่สะบักสะบอมพอๆ กัน แต่อะไรไม่ร้ายเท่าอัชชาร์คกำลังขึ้นคร่อมอัสมาร์ โดยมือข้างหนึ่งกระชากคอเสื้อน้องชาย ส่วนอีกมือกำหมัดพร้อมจะปล่อยกำปั้นออกไปตลอดเวลา

“จับคุณอัสมาร์ไปห้องทรมานชั้นใต้ดิน”

อัสมาร์อึ้ง ขณะที่พลทหารก็อึ้ง ไม่กล้าขยับเท้า จนอัชชาร์คต้องออกคำสั่งอีกคำรบ “ยืนทำเบื้ออะไรอยู่ ฉันสั่งให้มาจับตัวคุณอัสมาร์ไปห้องใต้ดินไง แล้วก็ปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วย”

อัสมาร์กัดฟันกรอด เขาพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็ได้แต่กัดฟันพูดว่า “นายมันไอ้ลูกหมาอัชชาร์ค”

อัชชาร์คปล่อยหมัดใส่หน้าน้องชายอีกผัวะ...




“ไม่มี” กาเซียพึมพำอย่างหัวเสียเมื่อแหวกๆ แฟ้มเอกสารในตู้เก็บเอกสารลับขนาดสูงใหญ่ตรงหน้าแล้วไม่เจอแฟ้มประวัติของอัสมาร์กับกาสลอง บริเวณที่หญิงสาวกำลังยืนบ่นอย่างหัวเสียอยู่ คือห้องสมุดของฐานบัญชาการกุหลาบดำ

กาเซียอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงผ้าสีเดียวกัน ผมรวบสูงเห็นลำคอระหง ใบหน้าสีชมพูระเรื่อด้วยไอร้อนจากภายนอก ริมฝีปากนุ่มได้รูปสวยกำลังขบเม้มเมื่อไม่สามารถหาสิ่งที่ต้องการ กาเซียเดินไปหายังตู้ถัดไป

“อยู่นี่เอง ใครนะเอามาไว้ไม่เป็นที่เป็นทาง” กาเซียบ่นอุบอิบเมื่อเจอแฟ้มประวัติของอัสมาร์ที่หมวดหมู่ตัวอักษรเอฟ หญิงสาวเปิดไล่ดูทีล่ะหน้า เนื้อหาในแฟ้มยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แผ่นแรกเป็นรูปอัสมาร์ถ่ายครึ่งท่อน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายราวกับรูปปั้นสำริดกำลังจ้องดูเธอ อุปทานหรือเปล่าที่เธอรู้สึกว่าเขามองมาด้วยนัยน์ตายิ้มกริ่มเจ้าชู้ กาเซียสะบัดศีรษะ จ้องไปในนัยน์ตาสีสนิมเหล็กอีกครั้ง คราวนี้พบว่าแววตาคู่นั้นจ้องเธอมาอย่างดุดันต่างหาก

ดุดันและคมกริบราวกับตาเหยี่ยว!

“คุณเป็นใครกันแน่อัสมาร์..”

กาเซียถามอย่างเหม่อลอย แล้วเกลี่ยปลายนิ้วไปไล้ริมฝีปากของอัสมาร์โดยไม่รู้ตัว พลันที่รู้สึกตัวพวงแก้มก็สุกปลั่ง พระเจ้า..ริมฝีปากสวยราวอิสตรี เตือนใจให้เธอนึกถึงคืนที่เขาจูบ กาเซียรีบผลักความคิดออกไป เธอพลิกไปหน้าที่สองซึ่งเป็นประวัติของอัสมาร์

อัสมาร์เป็นชื่อในภาษาอนาเซีย แปลว่าชายหนุ่มที่เฉลียวฉลาด เขาเป็นลูกครึ่งอังกฤษ-อนาเซีย แม่ชื่อลอร่าเป็นชาวอังกฤษ ส่วนพ่อเป็นชาวอนาเซียชื่อว่าพล.อ.ชาโต ตำแหน่งปัจจุบันคือหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี เขามีพี่ชายฝาแฝดหนึ่งคนชื่อว่าอัชชาร์ค อัสมาร์มีบุคลิกเงียบขรึม ต่างกับผู้เป็นพี่ชายที่ร่าเริงและเจ้าชู้

ชีวิตวัยเด็กอยู่ที่อนาเซียตราบจนแผ่นดินอนาเซียร้อนระอุด้วยปัญหาการเมือง เขาจึงขอพ่อกับแม่ไปเรียนต่อที่อังกฤษ แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเรื่อยมา ตราบจนเรียนจบก็เข้าทำงานในหน่วนสืบราชการลับของอังกฤษ เป็นตำรวจสายสืบที่มากด้วยฝีมือ จากนั้นในหน้าถัดมาเป็นประวัติการทำงานและประวัติการนำสืบคดีต่างๆ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาจนได้รับความไว้วางใจให้คุ้มกันผู้นำประเทศคนสำคัญๆ เวลามีการประชุมระดับโลกที่อังกฤษ

ถัดจากประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน ก็เป็นรายละเอียดการใช้ชีวิตประจำวันที่เป็นอยู่ ซึ่งบอกเล่าว่าเขากลับเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีของอนาเซียเมื่อไหร่ รับผิดชอบงานอะไรบ้าง และแต่ละวันเขามีตารางเวลาการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง เช้าออกกำลังกายกี่โมง เที่ยงมาเข้าทำงานที่ฐานบัญชาการตราบจนถึงค่ำก็จมอยู่ในห้องสมุด แล้วหน้าถัดมาก็บอกถึงกีฬาและงานอดิเรกที่เขาชื่นชอบ นอกจากนี้ยังพูดถึงอาวุธที่ชายหนุ่มชำนาญและเชี่ยวชาญ ตลอดจนจุดอ่อนจุดแข็งของเขา

นั่นคือทั้งหมดที่แฟ้มประวัติพูดถึง ซึ่งเป็นข้อมูลเดิมที่เธอเคยอ่านก่อนออกปฏิบัติการงานแรก เป็นข้อมูลที่ไม่ได้ระบุถึงภรรยาของอัสมาร์ ในแฟ้มไม่ได้บอกสักนิดว่าเขามีเมียแล้ว กาเซียขมวดคิ้วมุ่น นึกถามตัวเองว่าตกลงแล้วผู้หญิงที่ชื่อโรซาลินามีตัวตนอยู่จริงๆ หรือเปล่า ถามตัวเองแล้วก็ไม่ได้คำตอบ กาเซียพยายามคิดว่าเธอเคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อนหรือไม่ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก มันไม่มีอะไรคลับคล้ายคลับคลาในหัวเลย สมองเธอขาวโพลนกับกระดาษสีขาวว่างเปล่าเมื่อพูดถึงโรซาลินา

กาเซียขมวดคิ้วมุ่น เริ่มสับสนว่าใครโกหกเธอกันแน่ ระหว่างอัสมาร์กับครอบครัวฝ่ายเธอ?

กาเซียเดินไปเสียบแฟ้มอัสมาร์เข้าที่เดิมในหมวดหมู่ที่ถูกต้อง แล้วเดินไปไล่หารายชื่อกาสลองต่อ เธอพบว่ากาสลองจัดวางอยู่ในหมวดหมู่ที่ถูกต้อง ดึงแฟ้มออกมาเปิดดูหน้าแรก พบรูปภาพกาสลองถ่ายครึ่งท่อนเหมือนกับแฟ้มของอัสมาร์ ใบหน้าที่จ้องมองเธอมาคมคายและคมเข้ม ผมตัดเกรียน แล้วเธอก็พิศเครื่องหน้าของกาสลอง ตาคมเข้มสีนิล จมูกโด่งตรงและริมฝีปากหนาแต่ได้รูป คางเหลี่ยมมีรอยบุ๋ม รูปหน้าเหลี่ยมคมเข้มผมตัด

‘..คุณจำผมไม่ได้เลยหรือ ผมเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัย รุ่นเดียวกับอัสมาร์ไง ยังเคยจีบคุณแข่งกับเจ้าหมอนั่นเลย’

คำพูดของกาสลองลอยเข้ามาในหัว เขาบอกว่าเขาชื่อกามินทร์ เป็นเพื่อนสนิทของอัสมาร์ กาเซียรีบเปิดหน้าถัดไปเพื่ออ่านประวัติของกาสลองทันที

กาสลอง..สายลับของอนาเซีย ชื่อจริงคือ กามินทร์เป็นชาวกีซาลี เกิดและเติบโตที่กีซาลี มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อว่ากาสมันซึ่งปัจจุบันแต่งงานออกเรือนไปแล้วกับหลานของท่านทูตอนาเซีย กามินทร์เป็นลูกของเศรษฐีตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่งของกีซาลี ชีวิตความเป็นอยู่ตั้งแต่เด็กจนโตจึงมีความสะดวกสบาย ร่าเริงขี้เล่นแต่ก็เอาจริงเอาจังกับชีวิต หลังจบการศึกษาระดับมัธยมในเมืองกีซาลี ก็เดินทางไปศึกษาต่อที่อังกฤษในมหาวิทยาลัยเดียวกับอัสมาร์ พวกเขาทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันจนพูดได้ว่าเป็นเงาตามตัวของกันและกัน หลังเรียนจบทั้งคู่ก็ไปเป็นตำรวจในหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ จากนั้นกามินทร์ก็กลับมาเป็นตำรวจรับใช้แผ่นดินกีซาลี

กาเซียพลิกหน้าถัดไป นึกลุ้นให้มีชื่อโรซาลินาในแฟ้มประวัติ เพื่อยืนยันความมีอยู่จริงของผู้หญิงคนนั้น บรรทัดถัดไปในแฟ้มนั้นพูดว่า สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในอังกฤษ เขาเคยผิดใจกับอัสมาร์เรื่องจีบผู้หญิงคนเดียวกัน ข้อมูลไม่ชัดเจนว่าใครเจอผู้หญิงคนนั้นก่อนกัน แต่ที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็เลือกและแต่งงานกับอัสมาร์ไป ทำให้กามินทร์เข็ดหลาบกับความรักตั้งแต่นั้น เขาคบหาผู้หญิงไม่เลือกหน้าแต่ไม่เคยจริงใจกับใคร ว่ากันว่ากามินทร์ยังเจ็บปวดกับความรักครั้งนั้นและไม่เคยลืมผู้หญิงคนนั้นอีกเลย

กาเซียเงยหน้า พระเจ้า...ในแฟ้มพาดพิงถึงการแต่งงานของอัสมาร์จริงๆ นี่แปลว่าอัสมาร์แต่งงานแล้วจริงๆ หรือ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน ใช่โรซาลินาหรือเปล่า กาเซียนึกถามตัวเอง มีคำถามผุดขึ้นมามากมายแต่เธอก็หาคำตอบไม่ได้ และที่สำคัญเธอนึกอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น..โรซาลินา

ครั้งหน้าถ้าเธอเจออัสมาร์ เธอจะขอดูรูปผู้หญิงคนนั้นจากเขา..

เธอพลิกแฟ้มหน้าถัดไปอ่าน ซึ่งในแฟ้มพูดถึงงานอดิเรกที่กามินทร์ชื่นชอบ รวมถึงอาวุธที่เขาถนัด จากนั้นเป็นการวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของเขา กาเซียอ่านไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าสุดท้ายแล้วเธอก็เงยหน้า คิ้วขมวดมุ่นอย่างพยายามนึกทบทวน ถ้าเธอเป็นโรซาลินาอย่างที่อัสมาร์และกามินทร์ว่าจริง เธอก็ต้องนึกอะไรเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นออกบ้าง หรืออย่างน้อยก็ต้องนึกถึงอัสมาร์และกามินทร์ออก แต่ความเป็นจริงคือ เปล่าเลย เธอไม่สามารถนึกใครออกทั้งสิ้น

แล้วกาเซียก็นิ่วหน้าเมื่อเริ่มปวดหัวจิ๊ด เธอมักเป็นอย่างนี้เสมอเวลาพยายามนึกทบทวนอะไรแล้วนึกไม่ออก ก็จะปวดหัวรุนแรงจนแทบจะระเบิด แฟ้มตกจากมือเมื่อกาเซียเซถลาไปเกาะตู้เพื่อพยุงตัว โรคปวดหัวรุนแรงกำเริบ และเวลานี้ก็ไม่มียาอยู่ใกล้ตัว กาเซียตาปรือและเธอก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้น




“กาเซียเป็นใครบอกมา” อัชชาร์คถามคาดคั้น แล้วประเคนกำปั้นใส่โหนกแก้มอัสมาร์ บริเวณที่เขากำลังยืนซ้อมอัสมาร์คือ ห้องทรมานนักโทษชั้นใต้ดิน มันเป็นห้องเก็บเสียงเมื่อพูดอะไรออกไป เสียงจะดังกังวานกลับมาเพิ่มความขลังให้กับสถานที่นั้น ทั่วทั้งห้องมีอัชชาร์คกับอัสมาร์สองคน ส่วนพลทหาร..หลังจากที่จับอัสมาร์ขึงตรึงด้วยโซ่ตรวนที่แขนทั้งด้านแล้วก็ถูกอัชชาร์คไล่ออกไป

อัสมาร์เบือนหน้ากลับมา หน้าเขาปูดโปนและบวมช้ำ และเสื้อเชิ้ตเปรอะไปด้วยเลือด เขากัดฟันพูดว่า “ถ้านายแน่จริง แฟร์ๆ กับฉันหน่อยอัชชาร์ค ถอดโซ่ตรวนให้กับฉัน” อัสมาร์พูด น้ำเสียงกระหืดกระหอบเล็กน้อย

“แน่นอน แต่หลังจากนายบอกเรื่องของกาเซียแล้ว”

“ฉันไม่รู้” อัสมาร์ตะคอก “ถึงนายจะซ้อมฉันจนตายฉันก็บอกอะไรนายไม่ได้ เพราะฉันไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น”

“แล้วทำไมนายจับหล่อนมาขังไว้ในห้องนอน” อัชชาร์คตะคอกถามกลับ

“ก็ฉันทนเห็นพวกอนาเซียอย่างนายปฏิบัติกักขฬะกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่ได้ไง” อัสมาร์ย้อนกลับด้วยน้ำเสียงเผ็ดร้อน “ถึงจะเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่กาเซีย ฉันก็จะช่วยอย่างนั้น”

อัชชาร์คหรี่ตา “นายใจอ่อนกับศัตรูเกินไปแล้ว อัสมาร์”

“เพราะฉันไม่ไร้หัวใจเหมือนนายไง” อัสมาร์โต้กลับ

อัชชาร์คกัดฟันกรอด “ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะมีเหตุผลแค่นั้นที่ช่วยกาเซีย บอกฉันทำไมกาเซียถึงหน้าเหมือนโรซาลินา”

“ฉันจะรู้หรือ!”

“กาเซียคือโรซาลินาใช่หรือเปล่า” อัชชาร์คตะเพิดถามต่อ

“มันจะใช่ได้ไงในเมื่อโรสตายไปแล้ว เธอตายไปตั้งแต่สี่ปีก่อน” อัสมาร์พูดด้วยเสียงเจ็บช้ำ

“ไม่จริง!” อัชชาร์คตะคอกกลับราวกับคนคลุ้มคลั่ง “นายโกหกฉัน..อัสมาร์ ไม่มีทางที่ผู้หญิงสองคนจะหน้าเหมือนกันราวกับโขกมาจากพิมพ์เดียวกันทั้งที่ไม่ใช่คู่แฝดอย่างนั้น”

“ฉันไม่รู้! ถ้ากาเซียใช่โรสแล้วทำไมเธอถึงฆ่าฉัน..อัชชาร์ค นายตรองให้ดีถ้ากาเซียเป็นเมียฉันจริง เธอจะแทงฉันทำไม”

อัชชาร์คมีแววตาหวั่นไหวเมื่อคิดตามคำพูดน้องชาย

อัสมาร์มองท่าทีนั้นออก เขาพูดต่อว่า “สองปีก่อนที่ฉันเจอกาเซีย เธอก็จะฆ่าฉันอย่างนี้”

นัยน์ตาอัชชาร์ครำลึกถึงเหตุการณ์สองปีก่อนได้ น้องชายเขาถูกมีดอาบยาพิษแทงที่แขนด้วยฝีมือของสมุนกุหลาบดำนางหนึ่ง “งั้นแปลว่าเพราะผู้หญิงคนนั้น นายถึงยอมเสนอตัวมาอยู่ที่กีซาลีนี่” อัชชาร์คพูดอย่างสรุป เขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ เพราะผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเหมือนโรซาลินา น้องชายเขาจึงย้ายกลับมาอยู่อนาเซียและขอมาอยู่ที่ฐานบัญชาการอนาเซีย ณ กีซาลี เพื่อสืบหาเรื่องราวของหล่อน เห็นแววตาอัสมาร์มองมาอย่างกังขา เขาจึงขยายความว่า “สองปีก่อนที่นายเห็นกาเซียครั้งแรก นายเห็นว่าหล่อนหน้าเหมือนเมียนาย ก็เลยขอย้ายกลับมาอยู่อนาเซียเพื่อสืบหาเรื่องราวหล่อน อย่างนั้นใช่หรือเปล่าอัสมาร์”

อัสมาร์อึ้ง ไม่ตอบคำพี่ชาย

อัชชาร์คจ้องหน้าน้องชาย แล้วถามเสียงเย้ยหยันว่า “แล้วผลเป็นไงล่ะ อุตส่าห์ลงทุนส่งเพื่อนตำรวจฝีมือดีที่สุดอย่างกามินทร์ไปสืบเรื่องกาเซียถึงรังยาหยังแล้วได้ผลเป็นไง ผู้หญิงคนนั้นใช่โรซาลินาหรือเปล่า” อัชชาร์คถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

อัสมาร์ขมวดคิ้ว “ทำไมนายถึงเกลียดเมียฉันนัก”

อัชชาร์คชะงัก ขยับตัวอย่างระวังมากขึ้น “ฉันไม่ได้เกลียดเมียนาย”

“แล้วทำไมนายถึงทำเสียงดูถูกโรสอย่างนั้น ถามหน่อยเมียฉันไปทำอะไรให้นายเจ็บใจ ไปเหยียบหัวแม่เท้านายหรือ ถึงได้เป็นเดือดเป็นแค้นนัก”

“ผัวะ” สิ้นคำอัสมาร์ อัชชาร์คก็ซัดน้องชายด้วยหลังมือดังผัวะ หากคราวนี้อัสมาร์ไม่ปล่อยให้คู่แฝดกระทำฝ่ายเดียว เขาตรึงข้อมือกับโซ่เพื่อพยุงตัวแล้วกระโดดเตะอัชชาร์คป้าบใหญ่ จนฝ่ายนั้นกระเด็นก้มกับพื้น อัสมาร์รู้สึกปวดหนึบบริเวณแขนแต่เขาพยายาม อัชชาร์คเช็ดเลือดมุมปาก เขาตวัดตามองน้องชายด้วยแววตาเจ็บแค้น

“นายมันหลงเมียรักเมียยิ่งกว่าญาติพี่น้อง”

อัสมาร์หรี่ตา “อย่าเอาความเป็นญาติมาอ้างมั่วๆ อัชชาร์ค ถึงฉันจะรักโรสแค่ไหนแต่ไม่เคยไร้เหตุผลกับครอบครัวเหมือนอย่างนาย”

“ฉันมันไร้เหตุผลยังไง” อัชชาร์คถามกลับทันควัน น้ำเสียงขึงเครียด

“นายเกลียดโรส กะอีแค่กำเนิดของโรสว่าจะใช่ลูกของนายกฯ ยาหยังหรือเปล่า แค่นี้นายก็เกลียดชังโรสแล้ว ทั้งที่ประวัตินั่นยังไม่ชัดเจนด้วยซ้ำ”

“ยาหยังเป็นศัตรูกับพ่อเรานะ เพราะงั้นลูกหลานมันก็ต้องเป็นศัตรูของเราด้วย” อัชชาร์คย้อน เขากัดฟันกรอด

“แล้วไง พ่อส่วนพ่อ ลูกหลานส่าวนลูกหลานมันเกี่ยวพันกันยังไง ทำไมไม่มองที่การกระทำ นายจะเกลียดลูกหลานคนอื่นๆ ของยาหยังฉันไม่ว่าเลยนะ เพราะยอมรับว่าพวกเขาอาจจะก่อเรื่องปั่นป่วนอนาเซีย แต่กับโรส ถามหน่อยเธอไปทำอะไรให้อนาเซีย ตลอดชีวิตเธอแทบไม่เคยได้ยินชื่อประเทศอนาเซียด้วยซ้ำ แต่นายยังหาเหตุเกลียดเธอจนได้”

“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้เกลียดเมียนาย”

“งั้นถามหน่อย ความเป็นความตายของกาเซียสำคัญยังไง ทำไมนายต้องให้ความสำคัญกับมันนัก”

“ก็เพราะหล่อนเป็นสมุนกุหลาบดำ ยังไงสมุนกุหลาบดำก็ต้องตายทุกคน”

อัสมาร์อึ้งแล้วเขาก็ถามต่อว่า “แล้วถ้ากาเซียเป็นโรซาลินา ถ้าเธอเป็นเมียฉันเป็นน้องสะใภ้นายจริงๆ นายจะยังคิดกำจัดเธออยู่อีกเหรือเปล่าอัชชาร์ค” อัสมาร์ถามน้ำเสียงเข้มงวด

อัชชาร์คชะงัก “นี่นายกำลังจะบอกอะไรฉัน นายจะสารภาพใช่ไหมว่ากาเซียคือโรซาลินา”

“ฉันไม่ได้สารภาพอะไรทั้งนั้น ทำไมนายต้องบีบบังคับให้กาเซียเป็นคนคนเดียวกับเมียฉันนัก ฉันแค่สุมมติ จะเป็นไปได้ยังไงที่กาเซียจะคนเดียวกับโรสในเมื่อเมียฉันตายไปแล้ว”

“นั่นสิฉันก็ว่า แต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงหน้าเหมือนเมียนายนัก”

“ไม่รู้ นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังสงสัย แต่จะบอกอะไรให้อย่างนะอัชชาร์ค ถึงกาเซียจะใช่โรสหรือไม่ นายก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธอ ใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องทั้งนั้น ถ้าจะแตะ ต้องข้ามศพฉันไปก่อน”

อัชชาร์คอึ้ง “นี่นายจะเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงขนาดนั้นเลยหรืออัสมาร์ แค่ผู้หญิงคนเดียวนี่น่ะแถมยังเป็นสมุนกุหลาบดำด้วย“

“จะกุหลาบดำหรือไม่กุหลาบดำฉันไม่สนทั้งนั้น สำหรับฉันอย่าเอาเรื่องประเทศชาติมาอ้างดีกว่า มันก็แค่ผลประโยชน์ของคนเพียงกลุ่มเดียว ไม่ใช่ของส่วนรวม”

อัชชาร์คชะงักอีกคำรบ “นายดูท่าจะชอบแม่กาเซียคนนั้น เพราะหล่อนหน้าเหมือนโรซาลินาหรือ” อัชชาร์คถามด้วยน้ำเสียงปราศจากความรู้สึก เป็นครั้งแรกที่เขาถามเพราะอยากรู้จริงๆ

อัสมาร์อึ้งเขานิ่งคิดชั่วครู่แล้วตอบว่า “ก็อาจจะ.. แต่ยังไงฉันเตือนนายแล้วนะอัชชาร์คอย่ายุ่งกับกาเซียเด็ดขาด และบอกกับลูกน้องนายทุกคนด้วย ห้ามแตะต้องเธอ”

“ขอพ่อก่อนสิ” อัชชาร์คย้อน

อัสมาร์ขมวดคิ้ว “มันเกี่ยวกับพ่อตรงไหน” ถามแล้วมองหน้าอัชชาร์ค “หรือว่า..” เสียงหายไปในลำคออย่างคิดอะไรได้บางอย่าง “เป็นคำสั่งพ่อใช่ไหมให้กำจัดโรส”

“นายจะบ้าหรือไงอัสมาร์ กล่าวหาพ่ออย่างนั้น”

“แล้วทำไมนายกับพ่อถึงเดือดร้อนนักกับความเป็นความตายของเมียฉัน”

“เดือดร้อนยังไง” อัชชาร์คถามอย่างระวัง

“ถ้าไม่เดือดร้อน ถามหน่อยทำไมนายต้องวิ่งโร่มาถามฉันว่ากาเซียคือโรสหรือเปล่า นายตกใจแทบช็อกใช่ไหมที่เห็นกาเซียหน้าเหมือนเมียฉัน ใช่ไหม..อัชชาร์ค นายตกใจใช่ไหมที่เห็นว่าโรสยังมีชีวิตอยู่” น้ำเสียงอัสมาร์ที่ถามคัดคั้น

“ไม่ใช่!” อัชชาร์คปฏิเสธเสียงเร็วระรัวทันที “อย่าเพ้อเจ้อน่าอัสมาร์ ทำไมฉันต้องตกใจถ้าเมียนายจะยังมีชีวิตอยู่ ฉันไม่สนหรอกนะว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีชีวิตอยู่หรือไม่”

อัสมาร์มองคู่แฝดอย่างพินิจ “นั่นสิ ทำไมนายต้องมาสนใจกับเรื่องของเมียฉันทำไมใช่ไหม และฉันก็หวังว่านายจะหมายความตามนั้นนะอัชชาร์ค ฉันหวังว่านายจะดีใจไปกับฉันถ้าวันหนึ่งฉันค้นพบว่าโรสยังไม่ตาย” อัสมาร์ถามอย่างหยั่งความรู้สึกอัชชาร์ค

อัชชาร์คนิ่วหน้า “นี่หมายความว่าเมียนายยังไม่ตายใช่ไหม”

“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่เผื่อ..”

แต่เขาไม่ชอบการเผื่อของน้องชายเลยให้ตายสิ.. อัชชาร์คนึกสบถอย่างไม่สบอารมณ์ เริ่มกังขารำไรว่าเมื่อสี่ปีก่อนเขาอาจทำงานพลาด แต่นั่นล่ะ..โรซาลินาจะหนีออกมาจากรถที่ไฟลุกท่วมคันคันนั้นได้อย่างไร เขาไม่เข้าใจจริงๆ อัชชาร์คถามน้องชายว่า “ตกลงว่านายยังไม่รู้ใช่ไหมว่ากาเซียคือโรซาลินาหรือเปล่า”

อัสมาร์ส่ายหน้า “ไม่..ฉันยังไม่รู้” เขาโกหกพี่ชาย อัสมาร์นิ่วหน้าเมื่อเห็นสีหน้าโล่งใจของพี่ชาย เขาคิดว่าเขาตาไม่ฝาดแน่ อัชชาร์คโล่งใจเมื่อได้ยินว่ากาเซียไม่ใช่โรซาลินา แต่..ทำไมอัชชาร์คต้องนึกกลัวกับการมีชีวิตอยู่ของโรซาลินาขนาดนั้น? อัสมาร์คิดอย่างไม่เข้าใจนัก “แล้วตกลงกาเซียถูกการิมยิงหรือเปล่า”

“เปล่า แค่ปะทะกันแต่ไม่โดนยิง”

“แล้วทำไมนายต้องโกหกว่าเธอถูกยิง” อัสมาร์ถามเสียงรัวเร็ว ในใจนึกโล่งอกที่หญิงสาวไม่ได้เป็นอะไร หากเขาก็ดีใจได้ไม่นานเมื่ออัชชาร์คพูดต่อว่า

“ก็แค่อยากทดสอบนายว่าห่วงใยหล่อนแค่ไหน แล้วฉันก็ได้คำตอบแล้วว่านายห่วงใยหล่อนมากจริงๆ แต่ถึงแม้การิมไม่ได้ยิงหล่อน ข่าวแว่วว่าหล่อนเจ็บหนักปางตายพอๆ กันเพราะหล่อนกระโดดข้ามรั้วเหล็กหนีการิมพลาด รั้วเหล็กครูดแผ่นหลัง นายก็รู้ว่ารั้วเหล็กของฐานบัญชาการอนาเซียแหลมคมแค่ไหน เพราะงั้นถึงไม่โดนการิมยิง สภาพหล่อนก็เจ็บหนักปางตายพอๆ กับถูกยิงนั่นแหละ”

อัสมาร์หน้าเผือดสีในทันทีที่ฟังพี่ชายพูดจบ พระเจ้า.. ความห่วงใยภรรยาเข้ามาเกาะกุมหัวใจจนกระพือให้เขานึกอยากโลดแล่นไปหาหญิงสาวถึงรังของยาหยัง

โรส.. คุณอย่าเป็นอะไรนะ




..............................................




จบตอน












Create Date : 26 สิงหาคม 2550
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:03:50 น.
Counter : 442 Pageviews.

2 comments
  
เกลียดอัชชาร์คจริงๆเกลียดขนาดอยากให้ตายเลยนะเนี่ย

-(อัชชาร์)เขย่ากรง==อัชชาร์ค

-(นังเพศยา)คนนั้นถูกยิง==แพศยา

-แววตาสะใจเมื่อเห็นน้องชายเต้น(เร่าๆ)==เต้นเร้าๆ

-แต่แววตาที่จ้องเขาต่างหากมันบอกว่ากำลังดิ้น(เร่าๆ)==ดิ้นเร้าๆ

-ได้แต่ศพของนัง(เพศยา)==แพศยา

-(นอกเขา)กับอัชชาร์ค==นอกจากเขา

-อัสมาร์เหวี่ยงเท้า(แตะ)กำปั้น==เตะ

-เข้าทำงานใน(หน่วน)สืบราชการลับ==หน่วย

-สมองเธอขาวโพลน(กับ)กระดาษสีขาว==ราวกับ

-รูปหน้าเหลี่ยมคมเข้มผมตัด===>???

-เริ่มปวดหัวจิ๊ด==ปวดหัวจี๊ด

-จับอัสมาร์ขึงตรึงด้วยโซ่ตรวนที่แขน(ทั้งด้าน)==ทั้งสองด้าน ,ทั้งสองข้าง

-ถ้ากาเซียใช่โรสแล้วทำไมเธอ(ถึง)ฆ่าฉัน==ถึงจะฆ่าฉัน

-จนฝ่ายนั้น(ก้ม)กับพื้น==ล้มลงกับพื้น

-ลูกหลาน(ส่าวน)ลูกหลาน==ส่วน

-นายยังคิดกำจัดเธออยู่อีก(เหรือ)เปล่า==หรือ

-ฉันแค่(สุมมติ)==สมมติ

-น้ำเสียงที่อัสมาร์ถาม(คัดคั้น)==คาดคั้น
โดย: mimny IP: 58.147.125.14 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:23:34:52 น.
  
ขอบคุณค่ะน้องมิมนี่ ดูท่า...ตอนนี้พี่จะพิมพ์ผิดมากสุด ^^"
อย่าเพิ่งเกลียดอัชชาร์คนะ..อีตาคนนี้ยังเลวได้ใจมากกว่านี้อีกค่ะ ^ ^
โดย: คณิตยา วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:2:25:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments