Group Blog
กุหลาบในเปลวไฟ...บทที่ 10


กุหลาบในเปลวไฟ


บทที่ 10...คณิตยา


โลกเป็นสีขาวโพลนราวกับดวงอาทิตย์ดวงใหญ่มาส่องแสงอยู่เบื้องหน้า กาเซียค่อยๆ กะพริบตาเพื่อปรับสายตาให้ชินกับความสว่าง แล้วจึงลืมตามองสภาพแวดล้อมรอบตัว เห็นผนังห้องที่ทาด้วยสีขาวบ่งบอกว่ากำลังอยู่ที่ไหน กาเซียก็ทิ้งตัวกลับไปอย่างอ่อนระโหยทันที

พระเจ้า..เธอถูกจับมาล้างสมองอีกครั้งด้วยเจ้าเครื่องที่สามารถเลือกวันเดือนปีที่จะลบความทรงจำได้ เจ้าเครื่องห่านี้..เป็นวิวัฒนาการของกีซาลีที่เธอเองก็เพิ่งว่ามีอยู่ในโลกนี้ด้วยก็ตอนที่เธอถูกจับมาล้างสมองอยู่ครั้งสองครั้งเมื่อสองปีก่อน กาเซียนึกแล้วมองเจ้าอุปกรณ์ไฮเทคข้างเตียงด้วยสายตาเป็นอริ เครื่องล้างสมองมีลักษณะคล้ายวัตถุครอบศีรษะ มันทำงานด้วยคลื่นกระแสไฟฟ้าและมีสายระโยงระยางเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์

เวลาเธอปวดหัวรุนแรงเพราะพยายามคิดเรื่องราวในอดีต เธอก็จะถูกจับมาล้างสมอง นึกสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าบางทีที่เธอมีอากาศซึมเศร้าในระยะหลังเป็นเพราะผลข้างเคียงจากเจ้าเครื่องห่านี้หรือเปล่า.. คิดอย่างไม่สบอารมณ์ในใจ แต่กระนั้นกาเซียต้องยอมรับว่าสมองโปร่งโล่งสบายขึ้นมากหลังจากถูกล้างสมองแล้ว เธอไม่รู้สึกปวดหัวอะไรอีกเลย ก็แค่หงุดหงิดเล็กน้อยกับสภาวะสมองที่ขาดโพลน แต่มันจะเกิดขึ้นเพียงครึ่งวันแล้วเลือนหาย

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”

เสียงเคาะประตูพร้อมกับอาการผลักเข้ามาโดยไม่รอคำตอบ กาเซียก็กระชากเสียงขึ้นอย่างไม่รอดูว่าเป็นใคร เวลานี้เธออยากระบายอารมณ์กับใครสักคนที่ดวงซวยหลงเข้ามา “คราวนี้เลือกลบความทรงจำปีไหนอีกล่ะ”

ยามินผลักประตูเข้ามาเป็นคนแรกตามมาด้วยยาหยัง นากาสนรีและกาลัด ยามินเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดเผ็ดร้อนของน้องสาวในทันทีที่ก้าวเข้ามา “หงุดหงิดแต่เช้าแล้วก็ยังวาจาเชือดเฉือนเหมือนเดิม” ประโยคหลังเย้าน้องสาวยิ้มๆ ยามินเลี่ยงที่จะตอบคำถามของกาเซีย ยาหยังผู้เป็นพ่อเลือกที่จะลบความทรงจำในช่วงที่สั่งให้กาเซียออกปฏิบัติการงานแรกตราบจนถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่เธอไปล้มฟุบอยู่ในห้องสมุด เมื่อวานซืนที่เห็นกาเซียสลบอยู่ในห้องสมุดในสภาพหัวใจเต้นอ่อนแรง มันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ยาหยังตัดสินใจนำตัวเธอมาล้างสมองอีกครั้ง

‘เป็นการเสี่ยงนะคะคุณยาหยังคุณยามิน เราล้างสมองเธอเกินกว่าพิกัดที่ร่างกายจะรับได้แล้ว ฉันไม่รู้ว่ามันจะส่งผลหรือให้ผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง บางทีมันอาจได้ผลตรงกันข้ามถ้าสารเคมีในร่างกายเธอทำปฏิกิริยาต่อต้าน’ เสียงพ.ญ.ฟาติมาลอยเข้ามาในหัว

‘ยังไงผมก็อยากลองดูคุณฟาติมา ผมไม่อยากเสี่ยงให้ความทรงจำเธอกลับมา ถึงตอนนั้นเธออาจเจ็บปวดมากกว่าตอนนี้ก็ได้’ ตอนนั้นพ่อเขาตอบออกไปอย่างนั้น

‘แต่คุณกำลังแก้ปัญหาไม่ถูกจุดหรือเปล่าคะ ครั้งใดที่เธอเริ่มสะกิดใจคุณจะตามไปล้างสมองเธอทุกครั้งเลยหรือไง ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็ว่าไม่ถูกต้องนะคะ สมองเธออาจกระทบกระเทือนมากขึ้นจนวันหนึ่งอาจยากจะรักษาเยียวยา ทำไมไม่ทุกทำอย่างให้เธอมีความทรงจำกลับคืนมาแล้วค่อยๆ เยียวยาเธอ ให้เวลาเธอปรับตัว ปรับความเสียใจกับความสูญเสียนั้น’

‘ฉันไม่อยากเสี่ยงทำอย่างนั้นนะหมอฟาติมา ฉันไม่อยากสูญเสียเธอไปอีกแล้ว เอาล่ะไม่ต้องเสียเวลา จับตัวเธอไปล้างความทรงจำ เลือกล้างช่วงที่เธอออกปฏิบัติการงานแรกตราบจนปัจจุบัน’ พ่อเขาสรุปอย่างนั้น และบัดนี้ผลการล้างสมองออกมาแล้ว คลื่นสมองและปฏิกิริยาทางร่างกายเป็นปกติดีทุกอย่าง สะท้อนว่าผลการล้างสมองสำเร็จ ตอนนี้รอดูเพียงแค่ผลข้างเคียงที่จะเกิดตามมาเท่านั้น ซึ่งต้องใช้เวลาในการติดตาม

“เซียหลับไปกี่วัน”

“หนึ่งวันเต็มๆ แต่ทุกอย่างที่พวกเราทำไป ก็เพราะหวังดีกับน้องนะ” ยามินพูดเสียงอ่อนโยนแล้วเดินมาหยุดยืนข้างเตียงขาวสะอาด

ใบหน้าของกาเซียเริ่มเป็นสีชมพูจางๆ สะท้อนว่าร่างกายจะกลับคืนสู่สภาพปกติในไม่ช้า ยามินพิศใบหน้าหวานซึ้งของน้องสาวด้วยดวงตาอ่อนโยน บางคราวเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าอัสมาร์โชคดีที่ได้ทั้งตัวและหัวใจของน้องสาวเขา ก็กาเซียมีคุณสมบัติเพียบพร้อมทุกอย่างอย่างที่ผู้ชายทุกผู้ทุกนามถวิลหา กาเซียสวยอย่างหาตัวจับยาก..สวยจนเขายังตกตะลึงตอนที่เห็นครั้งแรกเมื่อสี่ปีก่อน ส่วนเรือนร่างนั้นเล่า ก็บอบบางหากแต่สมส่วนอย่างที่ผู้ชายทุกคนถวิลหา และสิตปัญญาก็เฉลียวฉลาดไหวพริบดีและเรียนรู้เร็ว

กาเซียยังมีชาติตระกูลดี แม้ไม่ได้เกิดในตระกูลสูงศักดิ์แต่เธอก็มีฐานะร่ำรวย แม่ของกาเซียแต่งงานใหม่กับเจ้าของบริษัทค้าน้ำมันบริษัทใหญ่ในตะวันออกกลางซึ่งรับรู้กันว่าเป็นร่ำรวยเป็นอันดับสองของดินแดนแถบนั้น พวกเขาไม่มีลูกด้วยกันฝ่ายชายจึงรักกาเซียเหมือนลูกแท้ๆ และปฏิบัติอย่างลูกแท้ๆ เสมอมา หากผู้ชายคนนั้นจบชีวิตลงก็เป็นที่รับรู้กันว่ากาเซียและแม่ของเธอจะได้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างและจะกลายเป็นเศรษฐีณีในทันที

สวย รวย ฉลาดและมีฐานะ.. เขายังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนเพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบเหมือนอย่างกาเซีย บางคราวเขายังแอบอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่ากาเซียกับเขาไม่น่าเป็นพี่น้องกัน..

กาเซียมองหน้าทุกคนแล้วนิ่วหน้า “ล้างสมองเซียนี่นะ เป็นความหวังดี”

“ก็ใช่น่ะสิ หรือว่าอยากจะปวดหัวอย่างนั้นไปตลอด” กาลัดซึ่งนิ่งฟังมาตลอด ถามประชดๆ ขึ้น

กาเซียนิ่วหน้าอีกคำรบ “พวกพี่ๆ ลองดูบ้างไหมล่ะ ความทรงจำขาดๆ วิ่นๆ น่ะจะเอาบ้างไหม” กาเซียพูดแล้วยกมือกุมศีรษะ “โอ๊ย.. ใครก็ได้ช่วยบอกเซียทีว่าอาทิตย์ที่แล้วมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง เซียจำอะไรไม่ได้เลย”

ยาหยังซึ่งมองบุตรสาวมาพักหนึ่งถอนใจ เอ่ยว่า “เลิกโวยวายได้แล้วกาเซีย แล้วก็เลิกคิดทบทวนอะไรด้วย คิดไปก็รังแต่จะปวดหัวเปล่าๆ ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก หมอฟาติมาสั่งยาให้เจ้าแล้ว ต่อไปนี้ไปไหนก็พกยาติดตัวไว้ตลอด รู้ไหมกาเซีย”

กาเซียหน้ามุ่ย..

“อย่าทำหน้าอย่างนั้น พ่ออนุญาตให้เซียออกไปเดินเล่นนอกฐานบัญชาการกุหลาบดำหนึ่งวันเพื่อปลอบใจ” ยามินพูดแล้วหันไปทางยาหยัง “ใช่ไหมครับพ่อ” ฝ่ายนั้นทำหน้างง แต่เมื่อยามินขยิบตาใส่ เขาก็ไม่มีทางเลือก หันไปทางกาเซีย บอกว่า “ใช่ พ่ออนุญาตให้เจ้าออกไปเดินเล่นนอกฐานบัญชาการกุหลาบดำหนึ่งวัน ไปเปิดหูเปิดตา เดี๋ยวพ่อจะให้ฟารีดาตามไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วย เอาล่ะพักผ่อนให้สบายเย็นนี้เจ้าจะได้ออกไปสูดอากาศข้างนอก”

“เซียไม่เป็นไร พร้อมจะไปเดี๋ยวนี้เลย” กาเซียพูดแล้วขยับเนื้อตัวซึ่งพบว่าร่างกายแข็งแรง ไม่รู้สึกเคล็ดขัดยอกบริเวณใด

“เอางั้นก็ได้.. งั้นนอนอยู่นี่เดี๋ยวพ่อจะตามฟารีดามาให้ จะให้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้เจ้าเลย” ยาหยังพูดแล้วชวนทุกคนออกจากห้อง เพื่อให้กาเซียได้พักผ่อนในระหว่างที่ฟารีดายังไม่มา พลันที่ออกมาจากห้องบุตรสาว เขาก็พูดขึ้นว่า

“ผลการล้างสมองเป็นที่น่าพอใจ ไม่มีผลข้างเคียง”

“ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปอย่างนั้น” นากาสรีเอ่ยขึ้นขณะสาวเท้าเคียงคู่ผู้เป็นพ่อออกมาจากห้องกาเซีย เธอเข้ามาก็เพื่อสังเกตการณ์ผลการล้างสมองของน้องสาว

“ผมเห็นด้วยกับนากาสรีนะครับ ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปอย่างนั้น คงต้องติดตามผลข้างเคียงไปอีกระยะเพราะตอนนี้กาเซียถูกล้างสมองเกินพิกัดกว่าที่เครื่องกำหนดแล้ว”



“ทหารเริ่มจับกลุ่มนินทาเรื่องที่เจ้าจับอัสมาร์ไปทรมาน พ่อบอกเจ้าแล้วว่าให้ทำอย่างเงียบๆ อย่าแพร่งพรายให้ลูกน้องรู้ คราวนี้เป็นไงได้เป็นขี้ปากพลทหารสามวันเจ็ดวัน พวกมันนินทาว่าเจ้ารังแกได้แม้กระทั่งน้องชายตัวเอง” พล.อ.ชาโตพูดขึ้น ขณะออกมาเดินเที่ยวตลาดกลางเมืองกีซาลีกับบุตรชายคนโต โดยมีตำรวจติดตามและมือปืนเป็นบอดี้การ์ดตามประกบอยู่ไม่ห่างนัก พล.อ.ชาโตเลือกพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษกับอัชชาร์ค เพื่อเลี่ยงพลเมืองกีซาลีที่เดินผ่านไปมาแอบได้ยิน

ตลาดสดของเมืองกีซาลีค่อนข้างพลุกพล่านไปด้วยชาวบ้าน ตลอดสองข้างทางมีผักผลไม้สดๆ ราคาถูกจากเรือกสวนไร่นาชาวบ้านมาวางขายแบกะดิน สลับกับเพิงขายสินค้ามือสองราคาย่อมเยาว์ พล.อ.ชาโตออกมาเดินชมตลาดในวันนี้เพราะต้องการดูชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ทว่าอากาศร้อนอบอ้าวผสมกับฝุ่นที่ปลิวว่อนเหนืออากาศในทุกคราที่รถจิ๊บวิ่งตัดผ่านตลาดแห่งนั้น ทำให้บรรยากาศไม่น่าเที่ยวชมนัก

กีซาลีต่างกับอนาเซียตรงนี้ ที่นี่ร้อนแห้งแล้งและเต็มไปด้วยฝุ่นควัน ต่างกับอนาเซียที่ชุ่มชื่นถนนทุกเส้นทุกตรอกซอกซอยลาดด้วยยางมะตอยจึงทำให้ไม่มีฝุ่นให้หงุดหงิดกวนใจ

อัชชาร์คฟังผู้เป็นพ่อแล้วตอบว่า “ก็แน่ล่ะ พวกมันเห็นสภาพสะบักสะบอมของอัสมาร์อย่างนั้น ไม่ตั้งวงนินทาก็แปลกไปล่ะ”

พล.อ.ชาโตหันขวับมองอัชชาร์คทันที “อัสมาร์มีสภาพหนักหนามากหรือ” ถามแล้วจ้องหน้าบุตรชาย ใบหน้าอัชชาร์คบวมปูดและเขียวอมม่วงอย่างน่ากลัว

“หนักอะไร เท่าๆ กับผมนั่นแหละ พ่อก็รู้อยู่หมอนั่นมือเท้าหนักแค่ไหน”

“นี่ขนาดจับอัสมาร์ตรึงโซ่ซ้อม เจ้ายังเจ็บเท่าๆ กับน้องอีกหรือ” พล.อ.ชาโตพูดแล้วหัวเราะชอบใจ อัชชาร์คนิ่วหน้าอย่างหงุดหงิด เขาว่า

“ก็แน่ล่ะ ผมไม่เคยถูกฝึกอย่างกับควายเหมือนมัน” เขาหมายถึงการถูกฝึกเคี่ยวกรำอย่างหนักในหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษก่อนออกปฏิบัติงาน

พล.อ.ชาโตยังคงหัวเราะร่วน ซาเสียงหัวเราะแล้วเขาก็เอ่ยว่า “แต่มันได้ผลไม่ใช่หรือ มันทำให้น้องเจ้าแกร่งเกินวัยเดียวกัน”

อัชชาร์คไหวไหล่ไม่ตอบคำผู้เป็นพ่อ

พล.อ.ชาโตพินิจบุตรชาย รอยยิ้มอย่างพอใจยังเกลี่ยทั่วริมฝีปาก พล.อ.ชาโตไว้หนวดจึงทำให้ใบหน้าเขาแลดูดุและกระด้าง หากเมื่อชายสูงวัยยิ้มมันทำให้ใบหน้าเขาดูอ่อนโยนลง เขาเอ่ยเปลี่ยนเรื่องว่า “แล้วนี่อัสมาร์อยู่ไหน”

“ผมปล่อยเขาออกจากคุกแล้ว ตอนนี้คงพักอยู่ในห้องนอน ผมให้การิมคุมอยู่”

“ตามหมอมาดูอาการอัสมาร์ยัง”

“ตามมาทำไม แค่นี้ไม่สะเทือนผิวมันหรอกครับ ขนาดผมยังไม่ต้องให้หมอดู”

พล.อ.ชาโตชะงักเท้า เพียงครู่เดียวก็ก้าวต่อเป็นจังหวะสม่ำเสมอ “แล้วสอบอัสมาร์ ได้ผลเป็นยังไงบ้าง”

อัชชาร์คนิ่วหน้าอย่างให้ความคิด “ผมว่าอัสมาร์แปลกๆ”

“แปลกยังไง”

“ผมก็ตอบไม่ถูก รู้แต่ว่าหมอนั่นไม่เคยบ้าผู้หญิงแต่กับกาเซียกลับกลายมาเป็นพร้อมจะสยบแทบเท้า ผมว่าถ้ากาเซียขอให้หมอนี่ไปตาย มันก็คงยินดีทำตาม”

พล.อ.ชาโตชะงัก “ขนาดนั้นเลยหรือ” เขานิ่วหน้าอย่างไม่อยากเชื่อนัก

แต่อัชชาร์คพยักหน้า เขาพูดต่อว่า “ผมสัมผัสความรู้สึกของมันได้นะครับ มันดูพึงพอใจกาเซียมากๆ เผลอๆ อาจเอามาแทนที่โรซาลินา”

พล.อ.ชาโตนิ่งอย่างใช้ความคิด “ก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือ ผู้หญิงคนนั้นหน้าเหมือนเมียของอัสมาร์ ว่าแต่ไม่ใช่คนเดียวกันแน่ใช่ไหม” ถามแล้วจ้องใบหน้าบุตรชายอย่างรอคำตอบ

“ผมก็ตอบไม่ได้ หมอนั่นบอกว่าเป็นคนละคนกัน มันยืนยันว่าโรซาลินาตายไปแล้วจริงๆ”

“แปลก..” เป็นคราวที่พล.อ.ชาโตหลุดปากว่าแปลกบ้าง “อัสมาร์รักเดียวใจเดียวจนเป็นที่รับรู้ในหมู่พวกเรา ขนาดพ่อเคยพยายามหาผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่โรซาลินา แต่อัสมาร์ก็ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย แล้วนี่จะมาสยบแค่กับผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า แถมยังเป็นสมุนขบวนการก่อการร้ายนี่นะ”

อัชชาร์คล้วงกระเป๋ากางเกง ใบหน้าเรียบเฉยเมื่อตอบว่า “ผมยังไม่มั่นใจว่ากาเซียจะเป็นผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าจริงๆ หรือเปล่า กำลังให้สายลืบในฐานบัญชาการกีลาซีเช็คอยู่”

พล.อ.ชาโตพยักหน้า “ก็ดี แต่เจ้าคิดว่ายังไงถ้าอัสมาร์จะเอากาเซียมาแทนที่โรซาลินาจริงๆ”

“ในแง่ไหน”

“แง่ความเป็นไปได้”

“ผมเดาใจเจ้าอัสมาร์ยากจริงๆ ครับ ถ้าให้วิเคราะห์ดูเหมือนอัสมาร์จะรักเมียมากจนไม่อยากเอาใครมาแทนที่หล่อน แต่นั่นล่ะกาเซียก็หน้าเหมือนโรซาลินามากเกินไปราวกับเป็นเงาของอีกฝ่าย เพราะงั้นมันอาจเอากาเซียมาเป็นเมียก็ได้ แล้วถ้าเป็นยังงั้นพ่อจะเอายังไง”

พล.อ.ชาโตอึ้ง “นี่กำจัดโรซาลินาได้คน ยังต้องมาพะวงกับแม่นี่อีกหรือ แล้วพูดก็พูดเถอะขนาดโรซาลินาซึ่งมีภาษีกว่าแม่นี่พ่อยังไม่เอา แล้วนับประสาอะไรกับแม่สาวกุหลาบดำที่มีแต่ตัว พ่อไม่ยอมรับเด็ดขาดนะอัชชาร์ค จะต้องกำจัดให้ได้”

“แล้วถ้าอัสมาร์ยืนยันจะเอาหล่อนทำเมียให้ได้ล่ะ” อัชชาร์คถามนิ่งๆ แล้วจ้องหน้าผู้เป็นพ่อ พล.อ.ชาโตอึ้ง เขาว่า

“อัสมาร์ว่างั้นหรือ?”

อัชชาร์คพยักหน้า “หมอนั่นห้ามพวกเราแตะต้องกาเซีย”

พล.อ.ชาโตบดกรามแน่น “นี่มันจะเอาตำแหน่งปกป้องแม่นั่นจริงๆ หรือนี่”

“ผมถึงบอกว่าอัสมาร์แปลกไป หมอนั่นมันหลงกาเซียนะครับ นี่ขนาดนั้นยังไม่ได้เอามาทำเมียยังหลงขนาดนี้ ถ้าลงว่าเป็นเมียแล้ว ไม่รู้จะเห็นหัวพวกเราอยู่หรือเปล่า”

พล.อ.ชาโตกัดฟันกรอด “ไม่มีทางอัชชาร์ค อัสมาร์จะยกย่องเชิดชูแม่นั่นในฐานะเมียตบเมียแต่งไม่ได้ถ้าจะเอาแม่นั่นเป็นนางบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวยังพอไหว แต่จะให้ยกย่องเชิดชูเป็นเมียออกนอกหน้า พ่อยอมไม่ได้เด็ดขาด พ่ออายพวกเพื่อนฝูงมัน” นายกฯ ชาโตพูดแล้วจ้องหน้าบุตรชาย เขาพูดต่อว่า “บอกให้สายเจ้าเร่งสืบเรื่องกาเซียให้รู้เรื่องโดยเร็วเลยนะอัชชาร์ค”



เสียงพล.อ.ชาโตพูดคุยกับอัชชาร์คเป็นภาษาอังกฤษดังผ่านหูกาเซีย เพราะการจราจรที่ติดขัดผู้คนจับจ่ายซื้อของพลุกพล่าน ตลอดจนแสงแดดที่ยังเจิดจ้าพวกเขาจึงหยุดยืนคุยหน้าร้านเครื่องเงินครู่หนึ่ง เป็นร้านเครื่องเงินที่กาเซียยืนเลือกซื้อของอยู่ก่อนหน้าอยู่แล้ว หลังจากได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินเที่ยวนอกฐานบัญชาการกุหลาบดำ กาเซียก็ตรงดิ่งมาที่ตลาดสดใจกลางเมืองกีซาลีทันที ตั้งใจเลือกหาซื้อจี้เงินลายกุหลาบเพื่อมาทดแทนเส้นเดิมที่หล่นหายไปซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่ามันหล่นหายไปที่ไหนอย่างไร ตอนที่กำลังเลือกดูของอยู่นั่นเองเสียงสนทนาโต้ตอบภาษาอังกฤษของพล.อ.ชาโตและอัชชาร์คก็ลอยเข้ามาในหู

ตอนแรกเธอก็ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน กระทั่งชื่อกาเซียผ่านเข้ามาในหู จึงเริ่มเงี่ยหูฟังว่าพวกเขาพูดถึงอะไรและกาเซียที่พวกเขาพูดถึงหมายถึงใคร คือเธอหรือไม่ จนได้ยินว่าพล.อ.ชาโตสั่งให้อัชชาร์คเร่งสายสืบในฐานบัญชาการกุหลาบดำ เร่งสืบว่ากาเซียเป็นใคร นั่นแหละ..เธอถึงเริ่มมั่นใจว่ากาเซียที่พวกเขาพูดถึง หมายถึงเธอนั่นเอง

กาเซียนิ่วหน้าเธอตวัดผ้าโพกศีรษะกระชับศีรษะแน่นขึ้น ผ้าโพกศีรษะเป็นลายพื้นบ้านมันจึงดูกลมกลืนไปกับผู้หญิงพื้นเมืองของกีซาลี การโพกผมปกปิดศีรษะและใบหน้าเป็นประเพณีปฏิบัติของผู้หญิงกีซาลี ยามที่ออกมานอกบ้านผู้หญิงจะต้องโพกศีรษะปกปิดใบหน้า ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะแต่งงานแล้วหรือไม่ก็ตาม นอกจากนี้ยังต้องสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดเนื้อตัวมิดชิดตั้งแต่ศีรษะจดเท้า ต่างกับผู้ชายที่ไม่เคร่งครัด สามารถแต่งตัวแบบไหนออกนอกบ้านก็ได้

กาเซียยังคงได้ยินเสียงโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษลอยมาเข้าหู เธอเขยิบเข้าไปใกล้แล้วกระชับผ้าโพกศีรษะให้แน่นเข้า ทำทีเหมือนกำลังสนใจเครื่องเงินในถาดถัดไป

“คุณคะ สร้อยเส้นนี้ก็เป็นลายกุหลาบ ลองสวมดูไหมคะมันดูเข้ากับคุณ” เสียงแม่ค้าเชิญชวนให้ลองสินค้าดังขึ้น เสียงหล่อนแทรกบทสนทนาการของสองพ่อลูก กาเซียจึงรีบโบกมือห้าม ทำทีว่าเธอขอดูของเอง แล้วเธอก็ได้ยินเสียงอัชชาร์คพูดขึ้นว่า

“แล้วถ้าสายสืบบอกว่ากาเซียเป็นลูกหลานคนหนึ่งของยาหยัง พ่อจะว่าไง”

เสียงอัชชาร์คถามเหมือนหยั่งเชิง

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เข้าเค้าว่ากาเซียเป็นโรซาลินานะอัชชาร์ค เพราะงั้นพ่อว่าเจ้าควรจับตามองอัสมาร์ด้วย เพราะถ้าอัสมาร์สงสัยว่ากาเซียเป็นเมีย เขาคงไม่นิ่งเฉยแน่ คงต้องหาทางสืบให้รู้แน่ชัดจนได้”

กาเซียหยิบจี้ลายกุหลาบเส้นหนึ่งมาชูเบื้องหน้า แต่คิ้วเข้มขมวดมุ่น นึกถามตัวเองว่าการที่เธอเป็นลูกหลานยาหยังมันหนักอะไรตรงไหนของพวกเขา แล้วเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงเปิดประเด็นว่าเธอคือโรซาลินา

โรซาลินา.. กาเซียทวนคำ เธอไม่เคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อน ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องหวั่นด้วยว่าเธอจะเป็นคนเดียวกับผู้หญิงคนนั้นหรือไม่ กาเซียพยายามคิดแล้วต่อมาก็นิ่วหน้าเมื่อรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อสองปีก่อนอัสมาร์ก็เคยเรียกชื่อนั้นกับเธอมาก่อน

‘ถ้าอัสมาร์สงสัยว่ากาเซียเป็นเมีย..’ กาเซียคิดตามประโยคของนายกฯ ชาโต แต่ต้องขมวดคิ้วหนักขึ้นเพราะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาตั้งข้อสมมติฐานว่าเธอต้องเป็นเมียอัสมาร์ด้วย? บ้าจริง.. พวกเขากำลังสงสัยบ้าอะไรกัน

แล้วโรซาลินา..เป็นใครกัน? กาเซียถามตัวเอง แล้วเธอก็ได้ยินอัชชาร์คพูดต่อว่า

“อืม..น่าสนใจ งั้นเห็นทีผมต้องให้การิมจับตาดูอัสมาร์ด้วย”

“ควรเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าเรื่องกลับตาลปัตรว่ากาเซียเป็นโรซาลินาจริงๆ พ่อว่าเรากำลังเปิดศึกหลายด้าน และด้านที่น่ากลัวที่สุดก็คือน้องเจ้า อัสมาร์คงไม่ยอมแน่ถ้ารู้ว่าใครกำจัดเมีย เพราะงั้นเจ้าต้องสืบเรื่องราวให้รู้แน่ชัดก่อนที่อัสมาร์จะรู้ความจริง เข้าใจไหมอัชชาร์ค”

“ได้ครับ”

เสียงตอบรับของอัชชาร์คหนักแน่น จนเธอแทบจินตนาการตามได้เลยว่าอัชชาร์คกำลังพยักเพยิดตอบรับไปด้วย กาเซียอดคิดไม่ได้ว่าจากบทสนทนาของคนทั้งสองดูเหมือนพวกเขาคิดว่าโรซาลินาตายไปแล้ว และคนที่ฆ่าโรซาลินาคือพวกเขาทั้งคู่ใช่ไหม? ขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจแล้วเธอก็ได้ยินเสียงอัชชาร์คพูดต่ออีกว่า

“ผมคงต้องสืบให้รู้แน่ชัดโดยเร็ว ไม่งั้นสถานการณ์อนาเซียจะตกที่นั่งลำบาก เกิดอัสมาร์แผลงฤทธิ์อยากแก้แค้นเรื่องโรซาลินาโดยใช้เวทียูเอ็นตลบหลังคืนเรา จะลำบาก”

“คงต้องเป็นอย่างนั้น พ่อว่าอัสมาร์อาจเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับเราในการประชุมยูเอ็น เพราะน้องเจ้าสนิทสนมคุ้นเคยเป็นอันดีกับผู้นำสหรัฐฯ สนิทกันตอนที่ผู้นำสหรัฐฯ ไปประชุมอังกฤษอยู่บ่อยๆ แล้วน้องเจ้าก็คอยติดตามคุ้มกันให้ ผู้นำสหรัฐฯ ไว้วางใจถึงขนาดตอนที่ลูกสาวเขาไปเที่ยวอังกฤษ เขายังเจาะจงให้เป็นอัสมาร์เท่านั้นคอยคุ้มครองลูกสาวเขา เพราะงั้นถ้าน้องเจ้าส่งสัญญาณอะไรให้กับผู้นำสหรัฐฯ พ่อว่าผลโหวตกีซาลีหมายถึงถ้ามีใครสักคนหยิบยกขึ้นมาถกนะ ผลโหวตก็จะเอียงไปทางนั้นทันที

“มันจะง่ายขนาดนั้นเชียวหรือครับ”

“ก็คงไม่ง่าย แต่คงไม่ยากอีกต่อไปถ้าอัสมาร์ถือหาง เพราะอย่าลืมว่าตอนนี้ตะวันออกกลางก็หนุนหลังกีซาลีอยู่เต็มตัวอยู่แล้ว เพราะงั้นจุดจบของหนังเรื่องนี้เจ้าคงเดาบทสรุปได้ไม่ยาก”

“อืม..” อัชชาร์คทำเสียงรับรู้ในลำคออย่างหนักใจ มองไปเบื้องหน้าซึ่งผู้คนยังแน่นหนาเต็มท้องถนน หากทว่าแสงแดดลดความเจิดจ้าลงแล้ว จึงตัดสินใจเอ่ยชวนผู้เป็นพ่อให้กลับฐานบัญชาการอนาเซีย จังหวะนั้นเอง การิมก็วิ่งกระหืดกระหอบตรงมาที่พวกเขา

“มีอะไรการิม วิ่งกระหืดกระหอบมาเชียว” อัชชาร์คถามขึ้นอย่างแปลกใจ

การิมหยุดหายใจครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ ผมคิดว่าคุณอัสมาร์นอนพักฟื้นอยู่ในห้องนอน ตลอดทั้งวันผมก็เลยไม่ได้เข้าไปดูอาการคุณอัสมาร์ แต่เมื่อสักครู่ผมเข้าไปตามคุณอัสมาร์ให้ไปกินข้าวเย็นแต่ปรากฏว่าเขาไม่อยู่ในห้องนอนแล้วครับ”

“อะไรนะ!?” พล.อ.ชาโตตวัดเสียงถามอย่างตกใจทันที “ไม่อยู่ในห้องนอนแล้วเขาไปไหน”

“ผมเข้าใจว่าคุณอัสมาร์หนีไปแล้วครับ อาจใช้ช่องทางลับช่องทางเดียวกับที่กาเซียใช้ หนีออกไป”

กาเซียซึ่งยืนฟังอยู่ข้างหลังสะดุ้งอีกครา อะไรอีกแล้วนี่ ทำไมชื่อเธอถึงไปพัวพันกับช่องทางลับบ้าบออะไรนั่นอีก ปากบ่นแต่หูเงี่ยฟังต่อไป

“เขาจะหนีไปไหน” นายกฯ ชาโตถาม น้ำเสียงชายสูงวัยร้อนรน

การิมทำสีหน้าคล้ายกับจะเสียใจเมื่อกล่าวต่อว่า “สายรายงานผมมาว่ากามินทร์กำลังถูกจับขังคุก อาจต้องโทษล้างสมอง เข้าใจว่าคุณอัสมาร์อาจหนีเข้าไปในฐานบัญชาการกุหลาบดำเพื่อไปช่วยเหลือเพื่อน” ประโยคหลังการิมลดเสียงลงเป็นกระซิบกระซาบจนกาเซียซึ่งแอบอยู่ข้างหลังโดยทำทีซื้อเครื่องเงินหลายสิบเส้นอยู่นั้น แทบจะไม่ได้ยิน ต้องเงี่ยหูฟังอย่างหนัก

“เป็นไปได้เพราะรายนั้นรู้อยู่ว่ารักเพื่อนแค่ไหน แถมกามินทร์ยังเป็นเพื่อนสนิทด้วย” พล.อ.ชาโตพยักหน้า สีหน้าหนักใจเอกอุ

“งั้นเราจะเอายังไงกันดี” อัชชาร์คถามขึ้น ยอมรับว่าเริ่มห่วงใยอัสมาร์

“ไปหารือกันที่ฐานบัญชาการเถอะ” พล.อ.ชาโตพูดขณะสาวเท้าออกจากร้านเครื่องเงินแห่งนั้น “สั่งการให้ชุดคุ้มกันรวบรวมกำลังให้ได้มากที่สุดภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้”

“ต้องการกำลังสักแค่ไหน”

“เอาแค่...”

เสียงเบาลงไปเรื่อยๆ จนกาเซียแทบไม่ได้ยินในที่สุด หญิงสาวเงยหน้า คิ้วสวยขมวดมุ่นเมื่อถามตัวเองว่าอัสมาร์ลอบเข้าในฐานบัญชาการกุหลาบดำเพื่อช่วยกามินทร์หรือ? แล้วกามินทร์เป็นใครกัน? มีความสำคัญกับผู้นำอนาเซียแค่ไหน กาเซียสะบัดศีรษะ เมื่อพยายามหาคำตอบเท่าไหร่แต่ก็หาไม่ได้

“กาเซียเลือกจี้เสร็จหรือยัง ฉันให้เวลาเธอนานแล้วนะ”

ฟารีดาร้องถามขึ้นทางด้านหลังพร้อมกับกดแตรเรียกเสียงดัง เสียงของฟารีดาดังมาแต่ไกลก่อนเห็นตัว หากทำให้กาเซียชะงักตื่นจากภวังค์ หญิงสาวรีบชำระเงินพร้อมกับให้ทิปก้อนโตสำหรับการให้ยืมสถานที่ยืนแอบฟัง แล้วเธอก็หยิบจี้สร้อยกุหลาบกำโตมาจากแม่ค้า

ก้าวขึ้นรถจิ๊บที่เพื่อนสตาร์ทเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว รถแล่นทะยานออกจากตลาดที่พลุกพล่านแห่งนั้น ตรงดิ่งกลับฐานบัญชาการกุหลาบดำ ผ่านย่านพลุกพล่านกาเซียกับฟารีดาจึงปลดผ้าคลุมหน้าออก คงคลุมไว้เพียงศีรษะกันผมสยาย ตลอดทางที่เพื่อนขับรถผ่านมีโปสเตอร์ของทางราชการอนาเซียติดตามผนังอาคารเก่าคร่ำครึแถบนั้นไปตลอดทาง ไม่ต้องดูไม่ต้องอ่านกาเซียก็จดได้ขึ้นใจว่าโปสเตอร์เหล่านั้นติดข้อความว่าอย่างไรบ้าง

‘ประกาศผู้ต้องหาคดีก่อความไม่สงบ ข้อหากบฏ ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ตามหมายจับศาลอาญา’ ถัดมาเบื้องล่างจากข้อความเหล่านั้น เป็นตัวเลขเงินรางวัลนำจับและรูปภาพคนร้ายที่ถูกตั้งค่าหัวเหล่านั้น

“เป็นอะไรเซียนั่งนิ่งเชียว มาเที่ยวตลาดหนนี้ไม่สนุกหรือ” ฟารีดาละสายตาจากถนนเบื้องหน้ามาถามเพื่อน “แล้วนี่ตกลงได้จี้ลายที่ต้องการหรือเปล่า”

กาเซียนิ่งเธอยังคงชั่งใจว่าจะถ่ายทอดในสิ่งที่ไปได้ยินมาดีหรือไม่ แต่สุดท้ายตัดสินใจเก็บเงียบดีกว่า แล้วกาเซียก็เอ่ยปากพูดคุยไปอีกทางว่า “ฟาฉันได้ยินคนในตลาดพูดถึงอัสมาร์กับอัชชาร์ค พวกเขาเป็นคนยังไงหรือ”

ฟารีดานิ่ง เธอจ้องหน้าเพื่อนครู่หนึ่งก่อนจะละสายตากลับไปมองถนนเบื้องหน้า นึกอยากรู้ว่าเครื่องล้างสมองมันทำงานได้ผลแค่ไหน “อย่าไปสนใจเลยเซีย ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก ก็แค่ลูกนักการเมืองคู่แฝดคู่หนึ่ง ที่หล่อเหลาปานเทพบุตร แต่เป็นของต้องห้ามสำหรับพวกเรา” ฟารีดาพูดแล้วยิ้มหน้าเป็นให้เพื่อน

กาเซียนิ่วหน้า “เธอเคยเผชิญหน้ากับพวกเขาไหม ฉันหมายความว่าเคยรับงานอะไรที่ต้องปะทะรับมือกับพวกเขาไหม?”

“ไม่เคยหรอก” ฟารีดาส่ายหน้าโดยไม่เสียเวลาคิด ด้วยไม่อยากให้เพื่อนถามต่อ เกรงว่าจะเป็นฝ่ายจนคำตอบเสียเอง

“แล้วพวกเขาเป็นคนยังไงนิสัยเป็นแบบไหน รู้ไหม?”

“ประวัติในห้องสมุดมีถมเถ เข้าไปหาอ่านสิ” พูดแล้วฟารีดาก็แทบอยากตบปากตัวเอง นึกขึ้นได้ว่าเพราะห้องสมุดไม่ใช่หรือถึงเป็นต้นเหตุให้เพื่อนถูกลบความทรงจำอีกครั้ง ถอนใจแล้วหันไปยิ้มเหยเกให้เพื่อน “คือฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันหมายความว่าเอ่อ.. พวกเขาคงจะมีประวัติไม่น่าสนใจนักหรอกคงเหมือนกับห้องสมุดเก่าๆ คร่ำครึที่ไม่น่าสนใจ” ชี้แจงอย่างข้างๆ คูๆ แล้วฟารีดาก็ทำเสียงร่าเริง พูดว่า “เธออย่าไปสนใจพวกเขานักเลยเซีย ยังไงชีวิตพวกเราคงไม่ไปโคจรพบเจอกับคนประเภทนั้นได้หรอก”

ใช่..เธอหวังว่าจะไม่อีกแล้วหลังจากเพื่อนสะบักสะบอมมาอย่างหนัก ไม่เช่นนั้นคนที่จะเจ็บหนักหาใช่ใครอื่นไม่ คือกาเซียนั่นเอง...



..............................................




จบตอน








Create Date : 27 สิงหาคม 2550
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:04:11 น.
Counter : 522 Pageviews.

5 comments
  
อ่านแล้วอยากให้อัสมาร์เปลี่ยนใจหันมาช่วยพ่อตาจริงๆเลยแต่ทางยาหยังก็ทำไม่ถูกนะที่จับโรสล้างสมองน่าจะพยายามทำให้โรสจำเรื่องราวในอดีตให้ได้มากกว่าแล้วอีกอย่างก็ไม่ได้เลี้ยงดูโรสมาตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอไม่น่าจะมีสิทธิ์ให้โรสมาอยู่ในขบวนการกุหลาบดำเลยนะทำอย่างนี้เหมือนหลอกใช้ลูกหรือเปล่านะแต่ทางเทียบกันแล้วยาหยังกับพี่ๆคนอื่นของโรสคงเป็นพ่อเป็นพี่ที่ดีกว่าพล.อ.ชาโตกับอัชชาร์คที่เป็นพ่อเป็นพี่ของอัสมาร์

-เป็นวิวัฒนาการของกีซาลีที่เธอเองก็(เพิ่ง)ว่ามีอยู่ในโลก==เพิ่งรู้ว่า

-หงุดหงิดเล็กน้อนกับสภาวะสมองที่(ขาดโพลน)==>คำนี้ไม่แน่ใจว่าจะผิดหรือเปล่าไม่เคยได้ยินคำว่าสมองขาดโพลนน่ะค่ะ

-สิตปัญญา==สติปัญญา

-ซึ่งรับรู้กันว่า(เป็น)ร่ำรวยเป็นอันดับสอง==>ซึ่งรับรู้กันว่าร่ำรวยเป็นอันดับสอง

-เศรษฐีณี==เศรษฐีนี

-นี่ขนาด(นั้น)ยังไม่ได้เอามาทำเมีย==>นี่ขนาดยังไม่ได้เอามาทำเมีย,นี่ขนาดมันยังไม่ได้เอามาทำเมีย

-นายกฯชาโต==พล.อ.ชาโต

-เสียงหล่อนแทรกบทสนทนา(การ)ของสองพ่อลูก==>เสียงหล่อนแทรกบทสนทนาของสองพ่อลูก

-จี้สร้อยกุหลาบ(กำโต)มาจากแม่ค้า==>จี้สร้อยกุหลาบมาจากแม่ค้า

-ไม่ต้องอ่านกาเซียก็(จด)ได้ขึ้นใจว่า==จดจำได้ขึ้นใจว่า




















โดย: mimny IP: 58.147.121.35 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:23:24:59 น.
  
กำลังรอน้องมิมนี่อยู่ค่ะ ^ ^

พี่พิมพ์ว่าขาวโพลน ไม่ใช่ขาดโพลน ป่าวคะ ? พยายามหาคำว่าขาดโพลนแต่ไม่เจอเลยค่ะ...
พล.อ.ชาโต เป็นนายกรัฐมนตรีค่ะ... พี่พยายามเลี่ยงคำให้หลากหลายไปให้ยศเขาบ้าง ตำแหน่งเขาบ้าง.. หรือบางคราวก็ใช้ชายสูงวัย แต่ถ้าน้องมิมนี่ฟังว่าแปลกๆ เดี๋ยวพี่ปรับอีกที...

ส่วนเมนท์บรรทัดแรก ว่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่เหมือนกันค่ะ เลยเกริ่นๆ หยอดๆ มาไว้ในบทนำเพื่อนำไปสู่บทสรุปของประชุมยูเอ็น
โดย: คณิตยา IP: 124.120.102.240 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:23:38:19 น.
  
หงุดหงิดเล็กน้อยกับสภาวะสมองที่ขาดโพลนอยู่ในย่อหน้าที่สามค่ะพี่อุ๋ยเกือบๆท้ายย่อหน้าเลยค่ะ
โดย: mimny IP: 124.157.156.115 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:23:15:50 น.
  
ส่วนพล.อ.ชาโตที่บางครั้งพี่อุ๋ยพิมพ์เป็นนายกฯชาโตมิมนี่คิดว่าคนอ่านน่าจะรู้นะคะว่าเค้ามีตำแหน่งเป็นนายกฯเพราะมีอุ๋ยเขียนไว้ตั้งแต่แรกแล้วอ่านแล้วไม่รู้สึกแปลกหรอกค่ะแต่บางคนเค้าอาจจะคิดเอ๊ะอย่างไงเดี๋ยวเขียนเป็นนายกฯเดี๋ยวเขียนเป็นพล.อ.เพราะนายกฯบ้านเราเวลาหนังสือพิมพ์เขียนข่าวถึงหรือผู้ประกาศข่าวเวลาอ่านข่าวถ้ามียศตำแหน่งก็มักจะเรียกยศตำแหน่งมากกว่าคำว่านายกฯน่ะค่ะเช่น พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณห์ นายกรัฐมนตรี ,พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นอกจากจะพูดกับตัวนายกฯโดยตรงหรือสัมภาษณ์ท่านเค้าก็จะเรียกว่าท่านนายกฯอย่างนั้นท่านนายกฯอย่างนี้
โดย: mimny IP: 124.157.156.115 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:23:30:28 น.
  
ขอบคุณจ้าน้องมิมนี่..เพิ่งค้นหาตามที่น้องมิมนี่ว่า เจอขาดโพลนจริงๆ ด้วย ...

คำว่า นายกฯ ชาโต เป็นเรียกตามภาษาพูดด้วยความเคยชินตามภาษาปาก แต่เมื่อฟังน้องมิมนี่พูด..เหตุผลน่าคิด เลยปรับในต้นฉบับแล้วค่ะ ^ ^ thks ja
โดย: คณิตยา IP: 124.120.98.200 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:7:20:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments