Group Blog
กุหลาบในเปลวไฟ...บทที่ 12


กุหลาบในเปลวไฟ


บทที่ 12...คณิตยา



อัสมาร์ตามห่างๆ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าถูกลอบติดตาม นึกกังวลกับสิ่งที่ได้ยินจากปากผู้คุมขังมากเกินกว่าจะห่วงใยสวัสดิภาพตัวเอง

‘กามินทร์จะถูกล้างสมองพรุ่งนี้’ อัสมาร์ทวนคำแล้วบดกรามแน่น พระเจ้า.. เขาไม่รู้ว่าอะไรเลวร้ายกว่ากันระหว่างภรรยาเขาซึ่งถูกล้างสมองไปแล้ว กับเพื่อนรักที่กำลังจะถูกล้างสมอง เขารู้แต่ว่าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ใดขึ้นเลย

อัสมาร์ลอบติดตามมานัสไปจนถึงคุกแดง ไปถึงพบว่ามีสมุนกุหลาบดำสองนายเฝ้าอยู่ปากทางเข้า อัสมาร์เฝ้ารออยู่รอบนอกอยู่พักใหญ่ๆ นานเกือบชั่วโมงกระทั่งคนเฝ้าประตูเริ่มสัปหงก เขาจึงออกจากที่ซ่อน ชายหนุ่มก้าวไปซัดท้ายทอยของสมุนคนหนึ่งด้วยสันมือซึ่งเจ้าตัวล้มฟุบลงทันที สมุนกุหลาบดำอีกคนได้ยินเสียงตุ้บตั้บก็รีบลืมตาตื่นแต่ทว่าไม่ทันคว้าอาวุธปืน เท้าของอัสมาร์ก็เหวี่ยงมาโดนก้านคอเต็มๆ ทำให้ล้มฟุบไปอีกคน อัสมาร์ก้าวไปล้วงปืนของทั้งคู่มาเหน็บข้างกระเป๋ากางเกง ก่อนจะก้าวเข้าไปในคุกแห่งนั้น

คุกแดงหรือคุกเลือด เป็นอาคารสูงชั้นเดียว ชายหนุ่มก้าวเข้าไปคลำปุ่มในตำแหน่งที่จำได้ว่ามานัสกด ประตูเหล็กหนาเปิดกว้าง ทำให้เห็นประตูกรงเหล็กซึ่งกั้นอยู่อีกชั้นด้านใน หน้าประตูล็อคด้วยกุญแจ เขาถอดรองเท้า ก้มหยิบวัสดุอะไรบางอย่างที่มีขนาดเล็กบางออกมาจากซอกด้านในของรองเท้า แล้วจัดการสะเดาะกุญแจ อัสมาร์ใช้เวลาครู่หนึ่งในการขยับลวดเส้นบางๆ แม่กุญแจคลายล็อค จากนั้นเขาก็เปิดประตูกรงเหล็กผลักเข้าไป

คุกแดงเหม็นอับพอๆ กับคุกของฐานบัญชาการอนาเซีย ด้านในสลัวอัสมาร์จึงถือโอกาสนั้นพรางตัวเข้าไปได้โดยง่าย เมื่อเข้าไปถึงเขาเห็นมานัสและสมุนอีกสามนายกำลังนั่งสัปหงก ตัดสินใจจัดการกับมานัสก่อนเป็นคนแรกเพราะนั่งอยู่ใกล้ที่สุด เขาเหวี่ยงเท้าเตะก้านคอมานัส น้ำหนักเท้าหนักหน่วงและแม่นยำ จึงทำให้ร่างหนานั้นล้มคว่ำลงกับพื้นทันที

เสียงศีรษะกระแทกพื้น ปลุกสมุนที่เหลือให้รู้สึกตัวตื่น ต่างเหลียวมองรอบตัวเลิ่กลั่ก เห็นอัสมาร์ลอบเข้ามาในคุกกำลังยืนค้ำร่างของมานัส บรรดาสมุนกุหลาบดำก็สบถยาวเหยียดแล้วกรูเข้าไปรุมทำร้ายอัสมาร์ ทั้งหมัดทั้งเตะหมายประเคนเข้ากลางลำตัวชายหนุ่มแต่อัสมาร์ฉากหลบได้ทันอย่างว่องไว แล้วกระโดดตัวลอยเตะซอกคอสมุนกุหลาบดำคนหนึ่งที่อยู่ตรงข้าม ตามมาด้วยหมัดซ้ายชกเข้าที่ช่องท้องของอีกคน เท้าและหมัดของอัสมาร์รุนแรงและหนักหน่วงทำให้ทั้งคู่เซผงะ

สมุนกุหลาบดำอีกคนเห็นท่าสู้ไม่ไหว เขากระชากมีดออกมากวัดแกว่งตรงหน้าชายหนุ่มก่อนจะกะซวกเข้าหัวใจ แต่เขาพลิ้วตัวหลบแล้วเหวี่ยงเท้าเตะออกไป มีดหลุดจากมืออีกฝ่าย อัสมาร์กระโดดเตะซอกคอสมุนกุหลาบดำคนหนึ่งคนนั้น ตามมาด้วยกำหมัดหนักๆ ชกเข้าที่โหนกแก้ม ฝ่ายนั้นล้มฟุบลงกับพื้นสลบทันที

แล้วจังหวะนั้นสมุนกุหลาบดำหนึ่งในสองคนนั้น ก็เตะเข้าสีข้างเขาดังผลั่ก ก่อนจะคว้ามีดที่หล่นบนพื้นมาแทงอัสมาร์ แต่เขาเบี่ยงตัวหลบ สายตาจึงปะทะเข้ากับสมุนกุหลาบดำอีกคนที่กำลังควักปืนจะเหนี่ยวไกยิง เขารีบเหวี่ยงเท้าเตะข้อมือ ปืนหลุดกระเด็น เขาตามไปซ้ำด้วยการกระโดดเตะซอกคอ แต่อีกคนเข้ามาเตะเขาที่สีข้าง อัสมาร์เซผงะ สมุนคนนั้นร้องอย่างสะใจที่เอาคืนเขาได้

สมุนกุหลาบดำคนหนึ่งก้มเก็บมีดมากะซวกเข้าช่องท้องอัสมาร์ เขาฉากหลบแต่โดนมีดถากสีข้าง ทำให้อัสมาร์หน้าเปลี่ยนสีไปแวบหนึ่ง พยายามไม่สนใจอาการขัดๆ บริเวณสีข้างนั้น เขาพุ่งตัวเข้าไปชกต่อยกับสมุนกุหลาบดำคนนั้น คนหนึ่งมีมีดอีกคนใช้มือเปล่า ต่างผลัดกันสู้ผลัดกันรับกระทั่งอัสมาร์สามารถล้มอีกฝ่ายได้สำเร็จ ตลอดเวลานั้น อัสมาร์ไม่รู้เลยว่าสมุนกุหลาบดำอีกคนเขาฉากหลบไปหลังเสาต้นหนึ่งเพื่อกดปุ่มแจ้งเหตุการณ์ฉุกเฉิน ล้มคว่ำสมุนกุหลาบดำคนนั้นแล้วเขาก็เหลียวหาสมุนกุหลาบดำคนที่เหลือ จังหวะนั้นเขาก็เห็นฝ่ายนั้นหยิบปืนขึ้นมาเหนี่ยวไกยิง ปฏิกิริยาป้องกันตัวทำให้เขารีบกระชากสมุนที่กำลังสลบเหมือดอยู่ขึ้นมากำบัง

การเคลื่อนไหวของอัสมาร์เป็นไปอย่างรวดเร็ว ร่างสมุนกุหลาบดำกระตุกแล้วสิ้นใจตายทันที อัสมาร์ผลักกระเด็นแล้วฉากหลบหลังเสาต้นหนึ่ง แล้วกระชากปืนที่เอวออกมาถือป้องกันตัว ตลอดเวลาที่ต่อสู้นักโทษในคุกเฝ้าดูเหตุการณ์และส่งเสียงร้องเชียร์ตลอดเวลา กระนั้นคุกแดงเป็นคุกที่สร้างด้วยวัสดุเก็บเสียง จึงไม่มีเสียงเล็ดลอดออกไปด้านนอก เขากับสมุนกุหลาบผลัดกันยิงผลัดกันหลบ

ใจจริงอัสมาร์ไม่อยากใช้ปืนฆ่าใคร ไม่อยากแม้กระทั่งให้มีเหตุการณ์นองเลือด แต่เพราะต้องการช่วยกามินทร์ออกไปจากคุกอย่างรวดเร็วก่อนที่สมุนของยาหยังจะแห่กันมาเก็บศพเขา ทำให้ยิงสวนออกไป สมุนกุหลาบดำยิงใส่อัสมาร์หลายนัดแต่พลาดขณะที่อัสสมาร์ยิงสวนออกไปไม่กี่ครั้งแต่โดนจุดสำคัญอีกฝ่ายล้มฟุบทันที อัสมาร์จัดการกับสมุนกุหลาบดำเรียบร้อยแล้วจึงเดินหาเพื่อนตามห้องขังต่างๆ

นักโทษส่งเสียงขอให้เขาช่วยปลดปล่อยออกจากห้องขังแต่เขาไม่อาจทำอย่างนั้นได้ เสี่ยงต่อการเรียกความสนใจของกองกำลังยาหยังเกินไป ลำพังการที่เขาลอบเข้ามาช่วยกามินทร์เขาก็เชื่อว่าภาพจากกล้องวงจรปิดในนี้ซึ่งแม้เขามองไม่เห็นแต่เชื่อว่ามี ก็ส่งสัญญาณภาพไปยังฐานบัญชาการแล้ว อัสมาร์จึงเดินผ่านบรรดานักโทษเหล่านั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาไล่สำรวจห้องขังทีละห้อง แล้วสายตาไปปะทะกับห้องขังสุดท้ายซึ่งอยู่ใต้หลอดไฟพอดี แสงจากหลอดไฟทำให้เห็นร่างกามินทร์ชัดเจน

กามินทร์หรือในชื่อสายลับ ‘กาสลอง’ กำลังนอนหมดสติอย่างหมดสภาพในห้องขังแคบๆ นั้น เขาอยู่ในชุดนักโทษของกีซาลีซึ่งเต็มไปด้วยคราบเลือดเปอระเปื้อน ใบหน้าและเนื้อตัวสะบักสะบอมพอกัน หน้าบวมปูดโปนมีเลือดแห้งเกรอะกรังเต็มหน้า เนื้อตัวที่โผล่พ้นชายผ้ามีริ้วรอยและบาดแผลของการโดนทำร้าย สภาพของเพื่อนที่ถูกซ้อมอย่างหนักทำให้อัสมาร์ต้องเบือนหน้าอย่างสะท้านใจครู่หนึ่ง สะเทือนใจเพราะรู้สึกผิดที่ส่งเพื่อนมารับเคราะห์กรรมหนนี้ เขาไหว้วานกามินทร์ให้มาสืบเรื่องของภรรยาแต่กลายเป็นว่าเขาส่งเพื่อนมารับเคราะห์

อัสมาร์บดกรามแน่นขณะสะเดาะกุญแจด้วยวัสดุที่ลอบนำมา ผลักประตูห้องขังแล้วเขย่าบ่าเพื่อน กามินทร์กำลังนอนสลบไม่ได้สติแต่พลันที่โดนถูกตัว เขาก็ลืมตาตื่นอย่างคนมีประสาทสัมผัสไว กะพริบตามองอัสมาร์อย่างมึนงงครู่หนึ่ง สายตาพยายามปรับให้ชินกับสภาพรอบตัว

“กามินทร์..ฉันเอง นายเป็นไงบ้าง” อัสมาร์ถามอย่างเสียงห่วงใย

กามินทร์กะพริบตาอีกครา เขายังรู้สึกสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่น ครู่หนึ่งจึงสามารถปรับสายตาให้ชินกับสภาพรอบตัวได้ แล้วเขาก็จ้องหน้าอัสมาร์อย่างพิศวง เมื่อเช้าเขาถูกเอกซเรย์สมอง ตามมาด้วยการตรวจด้วยเครื่องจับโกหก แล้วจากนั้นก็ถูกซ้อมอย่างหนักเพื่อเค้นหาความจริงถึงสาเหตุที่เขาลอบเข้ามาในฐานบัญชาการกุหลาบดำ พรุ่งนี้เขาจะถูกส่งตัวไปรับการล้างสลองซึ่งถือเป็นโทษสถานหนักที่รองลงมาจากโทษประหารชีวิต

กามินทร์จ้องหน้าที่มีหนวดเครารุงรังของอีกฝ่ายด้วยอาการนิ่วหน้า “นายไม่ใช่อัสมาร์นี่”

“ฉันเอง..กามินทร์” อัสมาร์ย้ำแล้วลดเป็นเสียงกระซิบว่า “ฉันใช้หน้ากากของสมุนกุหลาบดำปลอมเข้ามา”

“อ้อ...” กามินทร์หลุดเสียงรับรู้ได้เพียงแค่นั้นแล้วนิ่งอึ้ง เขารู้สึกโล่งใจและรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นเพื่อนรัก กามินทร์ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเผลอถอนใจออกมาด้วย

“ขอบใจมาก ฉันเลยทำให้นายลำบาก”

“อย่าพูดอย่างนั้นไอ้เสือ ฉันต่างหากที่ทำให้นายลำบาก ลุกไหวไหมเพื่อน” อัสมาร์พูดแล้วพยุงต้นแขนเพื่อน “เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่สมุนยาหยังจะแห่กันมาเก็บศพเรา”

“นายเข้ามาได้ไงอัสมาร์” กามินทร์ถามขณะขยับลุก เขาพยายามไม่สนใจอาการปวดหนึบไปทั่วตัว

อัสมาร์รู้ว่าเพื่อนเจ็บหนักแต่พยายามไม่แสดงอาการให้เขาเห็น ชายหนุ่มจึงรั้งร่างกามินทร์ให้ทิ้งน้ำหนักตัวมาที่เขาให้มากที่สุด แล้วประคองเพื่อนออกไปจากคุกแห่งนั้น

“ก็เข้าทางประตู”

“นายไม่น่าเข้ามาช่วย มันเสี่ยงอันตรายเกินไป”

“แล้วจะรอให้นายเป็นศพก่อนน่ะหรือ..ไอ้เสือ”

“ก็..ไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่จะถูกจับล้างสมอง มันคงไม่ทำให้ถึงกับตาย พูดถึงล้างสมอง...” กามินทร์หันขวับไปมองเพื่อน “ฉันเจอกาเซียแล้ว และรู้แล้วว่าคุณโรสอยู่ที่ไหน”

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงกามินทร์ ฉันรู้หมดแล้ว ฉันรู้แล้วว่าโรสคือกาเซียและเวลานี้สูญเสียความทรงจำ โรสอาจเสียความจำตั้งแต่เหตุการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสี่ปีก่อน”

กามินทร์ขมวดคิ้ว “นายรู้ได้ไง..”

อัสมาร์ไม่ตอบ แต่เล่าต่อว่า “ฉันยังรู้อีกว่าโรสถูกทางนี้ป้อนข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับประวัติส่วนตัวเธอ เพราะเหตุนี้เธอถึงจำอะไรฉันไม่ได้ แถมยังหลงเชื่ออย่างผิดๆ อีกว่าเธอเกิดที่ฐานบัญชาการกุหลาบดำแห่งนี้ แต่ที่ฉันยังไม่รู้คือ โรสรอดมาจากเหตุการณ์นั้นได้อย่างไร ฉันเชื่อว่ายาหยังช่วยเมียฉันนะ แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าช่วยวิธีไหน”

“แล้วการที่ยาหยังส่งคุณโรสไปจัดการนาย?”

“ฉันไม่เชื่อว่าพ่อตาจะส่งเธอไปเก็บฉันหรอกนะกามินทร์ ถ้าเขาจะทำอย่างนั้นเขามีโอกาสถมเถโดยไม่ต้องใช้เธอด้วยซ้ำ เพราะงั้นฉันเชื่อว่าเป้าหมายของพ่อตาอยู่ที่ห้องทำงานฉันมากกว่า แต่ฉันยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร”

กามินทร์มองหน้าเพื่อนยิ้มๆ “นายยอมรับแล้วว่ายาหยังเป็นพ่อตา”

อัสมาร์ถอนใจ “ถ้าเขาเป็นพ่อของโรส แล้วจะไม่ให้ยอมรับว่าเป็นพ่อตา จะให้ยอมรับว่าเป็นอะไร..ไอ้เพื่อน ถึงนาทีนี้ฉันไม่หนีความจริงแล้วนะว่ายาหยังเป็นพ่อแท้ๆ ของโรส ส่วนพ่อทางตะวันออกกลางเป็นแค่พ่อเลี้ยง แม่ยายฉันก็ช่างกระไร หลอกได้กระทั่งโรสกระทั่งฉัน”

“เธออาจมีเหตุผลของเธอ”

“ฉันก็คิดอย่างนั้น เลยไม่อยากคิดอะไรมาก แต่พอยอมรับว่ายาหยังเป็นพ่อแท้ๆ ของโรส มันก็เข้าเค้านะว่าครอบครัวฉันน่าจะอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุเมื่อสี่ปีก่อนนะ”

กามินทร์อึ้ง “อย่าเพิ่งปักใจเชื่อทั้งหมด สืบดูให้รู้แน่ชัดเสียก่อนเพื่อนแล้วค่อยลงความเห็น”

“ฉันรู้ฉันต้องทำอย่างนั้นแน่”

“แล้วเรื่องคุณโรสถูกล้างสมอง..” กามินทร์พูดไม่ทันจบ อัสมาร์ก็พูดสวนขึ้นว่า

“เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว”

กามินทร์มองเพื่อนอย่างทึ่ง “นายรู้ได้ไงอัสมาร์ การข่าวนายดีมาก”

“ก็เพิ่งรู้ตอนเข้ามาในฐานบัญชาการกุหลาบดำนี้แหละ” อัสมาร์พูดแล้วมองหน้าเพื่อน “ตอนที่นายเจอกาเซียครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

“ก็สามสี่วันก่อน”

“งั้นคงเป็นช่วงการที่เธอถูกจับล้างสมอง” เมื่อเห็นกามินทร์พยักหน้า เขาก็ถามต่อว่า “ตอนที่เจอ เธอเป็นไงบ้าง ฉันได้ข่าวว่าเธอสะบักสะบอมมาอย่างหนักตอนหนีออกมาจากฐานบัญชาการอนาเซีย เพราะถูกไอ้สารเลวการิมตามไล่ล่า” ประโยคท้ายอัสมาร์พูดแล้วบดกรามแน่นอย่างคั่งแค้น

เขาแค้นไอ้ห่านั่น และที่สุดนึกแค้นตัวเอง.. เมียคนเดียว กลับดูแลปกป้องไม่ได้ ปล่อยให้เธอถูกรังแกถูกทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า

“เธอถูกทำร้ายมาหรือ?” กามินทร์ถามแล้วนิ่วหน้า “ฉันดูไม่ออกจริงๆ นะอัสมาร์เพราะท่วงท่าเธอดูเป็นปกติมาก ไม่มีอาการแสดงให้เห็นเลยว่าถูกทำร้ายหรือบาดเจ็บกลับมา”

อัสมาร์พยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ตอบคำอะไรเพื่อนเพราะบัดนี้เดินมาถึงหน้าคุกแห่งนั้น เขาสอดส่ายสายตามองรอบตัวอย่างระแวดระวังภัย แล้วพากามินทร์อ้อมไปหยุดยืนหลังต้นไม้สูงใหญ่ต้นหนึ่ง ห่างจากคุกพอสมควร เอ่ยว่า “นายเดินต่อไปเองไหวไหมไอ้เสือ..ฉันมีธุระต้องไปทำต่อ”

“ไปช่วยคุณโรสหรือ”

“ฉันยังไม่รู้ว่าจะไปช่วย หรือจะไปทำให้สถานการณ์ของเธอยุ่งยากหนักขึ้น ฉันรู้แต่ว่าฉันต้องไปเห็นกับตาตัวเองว่าเธอปลอดภัยดี”

“คุณโรสถูกล้างสมอง เธออาจจดจำนายไม่ได้”

“โรสไม่เคยจำฉันได้อยู่แล้วนะกามินทร์ เธอจำฉันไม่ได้ตั้งแต่ครั้งเป็นกาเซียแล้ว เพราะงั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

“ฉันว่านั่นจะยิ่งทำให้สถานการณ์นายน่าเป็นห่วงนะ..เพื่อน”

“ฉันไม่มีทางเลือกนะกามินทร์ อย่าลืมว่านั่นเมียฉัน เพราะงั้นถ้าเธออยากจะเอาชีวิตฉันถึงตาย ฉันก็คงไม่มีทางเลือก” อัสมาร์พูดน้ำเสียงแห้งแล้ง

กามินทร์หัวเราะกับน้ำเสียงแห้งแล้งนั้น แล้วหน้าเหยเกเพราะระบมแผล แต่ยังเย้าอัสมาร์ติดตลกได้ว่า “อย่างนายคงไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนมาลบเหลี่ยมได้ง่ายๆ หรอก...ไอ้เพื่อนยาก คุณโรสก็คุณโรสเถอะ เผลอๆ ก่อนเธอเข้าถึงตัว นายคงล้มเธอคว่ำบนเตียงแล้ว”

อัสมาร์ทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “นี่ถ้านายใช้น้ำเสียงดูหมิ่นเธออีกนิด ฉันคงล้มนายคว่ำก่อนแน่ไอ้เพื่อนยาก...” อัสมาร์พูดแล้วล้วงหยิบปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวส่งให้เพื่อน “เอาล่ะไปได้แล้วเพื่อน”

กามินทร์หยิบปืนเหน็บข้างเอว ถามเพื่อนอย่างห่วงใยว่า “อยากให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม นายเองก็บาดเจ็บนะเพื่อน” กามินทร์พูดแล้วลดสายตามองสีข้างของเพื่อน

“ขอบใจไอ้เสือ แต่ฉันไม่ต้องการตัวถ่วงว่ะ.. นายไปได้แล้วกามินทร์ ออกไปทางนี้แล้วเลี้ยวซ้าย สุดทางเดินจะเห็นโรงเก็บฟางข้าว ก้มมองพื้นโรงฟางข้าวจะเห็นช่องลับเชื่อมออกสู่ภายนอก เปิดช่องลับแล้วคลานลอดช่องไป มันจะพานายไปโผล่ถ้ำด้านนอก ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะทะลุไปอีกด้าน แต่นั่นยังไม่ยากเท่ากับตอนออกมาจากถ้ำ นายต้องไต่หน้าผาลงมาเพราะปากถ้ำอยู่ติดกับหน้าผา แต่นั่นฉันเชื่อว่าไม่เกินความสามารถของตำรวจสายลับอย่างนายไปได้” อัสมาร์พูดแล้วหลิ่วตา น้ำเสียงที่พูดล้อเลียนหากในคราวเดียวกันก็เป็นการให้กำลังใจ แล้วเขาก็ถามน้ำเสียงจริงจังว่า “ไหวไหมเพื่อน” อัสมาร์ถามอย่างห่วงใย

กามินทร์พยักหน้า “ฉันจะยังไม่ไปไหน จะรออยู่ที่โรงฟางข้าวนั่นจนกว่านายจะกลับมา” กามินทร์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมกับจ้องหน้าเพื่อน

“นายไม่อยู่ในสถานะจะเป็นตัวถ่วงฉันได้นะ..ไอ้เสือ เพราะงั้นไปซะไม่ต้องรอฉัน จะยังไงก็ไม่ต้องรอได้ยินไหม..กามินทร์” อัสมาร์พูดแล้วบีบแขนเพื่อน “เอาล่ะ..ไปได้แล้วก่อนที่พวกยาหยังจะแห่กันมาเก็บศพ”

กามินทร์มองเพื่อนอย่างอาลัย จนอีกฝ่ายย้ำว่าไม่เป็นไรจริงๆ สามารถเอาตัวรอดได้นั่นล่ะ เขาจึงยอมเดินจากไป อัสมาร์มองจนเพื่อนหายลับสายตาเขาจึงเดินย้อนขึ้นไปทางทิศเหนือ ไม่ได้ไปทางฐานชั้นในซึ่งเป็นเรือนพักของโรซาลินา แต่มุ่งตรงไปยังอาคารบัญชาการซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมของแกนนำกุหลาบดำ

ไปถึงอาคารบัญชาการพบว่ามีชุดคุ้มกันเดินตรวจตราไปมา อัสมาร์จึงเลี่ยงไปใช้เส้นทางหลัง เขาขว้างก้อนหินทำลายกล้องวงจรปิดแล้วจึงสะเดาะกุญแจผลักประตูเข้าไป ลิฟต์ไม่ทำงานเพราะเลยเวลาทำการไปนานแล้ว เขาจึงใช้บันไดแทน เขาออกวิ่งตั้งแต่ชั้นหนึ่งไปถึงชั้นสาม ตลอดทางเขาทำลายกล้องวงจรปิดไปตลอด กระทั่งเข้าไปในห้องบัญชาการ

สิ่งที่สะดุดตาอัสมาร์เป็นลำดับแรกเมื่อผลักประตูเข้าไปคือ ไวท์บอร์ดตรงหน้า เขากดนาฬิกาไฟฉายตรงข้อมือ พบไวท์บอร์ดเขียนด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงินคำว่า ‘วันประกาศอิสระรัฐกีซาลี’ ตามมาด้วยข้อความอะไรสักอย่างเป็นภาษากีซาลีโบราณ เขียนเป็นข้อๆ แต่อัสมาร์อ่านไม่ออกนัก ชายหนุ่มละสายตาไปสำรวจรอบห้องต่อไป ภายในห้องมีอุปกรณ์ไฮเทคพร้อมสรรพ กลางห้องเป็นโต๊ะการประชุมพร้อมด้วยจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่อย่างที่ดูออกว่าเป็นวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ บนโต๊ะทุกตัวยังมีโน้ตบุ๊ก

แล้วอัสมาร์ก็พุ่งสายตาไปยังตู้เก็บเอกสารซึ่งมีเพียงตู้เดียวในห้องนั้น เขาดึงถุงมือจากกระเป๋าเสื้อด้านในมาสวม ก่อนจะเข้าไปสะเดาะกุญแจตู้ เปิดตู้แล้วรื้อแฟ้มมาเปิดอ่านทีละแฟ้ม กระทั่งมาถึงแฟ้มหนึ่งเขียนว่า ‘วันประกาศอิสระรัฐกีซาลี’ ชายหนุ่มรีบพลิกไปอ่านด้านในอย่างรวดเร็ว ด้านในเป็นภาษากีซาลีปัจจุบัน บรรทัดแรกเขียนว่านโยบายเชิงรุกในการยึดแผ่นดินกีซาลีกลับคืน แล้วจากนั้นก็เป็นการแจกแจงนโยบายและมาตรการเป็นข้อๆ

อัสมาร์ซุกเอกสารรายงานการประชุมทั้งปึกนั้นเข้าในอกเสื้อ ถอดนาฬิกาออกซ่อนไว้ใต้โต๊ะพร้อมกับเริ่มตั้งเวลาการทำงาน จากนั้นเขาก็กลับออกไปนอกอาคาร ก้าวออกไปได้ไม่มีก้าว ก็มีกระสุนปืนหลายสิบนัดระรัวยิงใส่ทันที อัสมาร์รีบฉากหลบหลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ต้นหนึ่ง แล้วเขาก็ได้ยินเสียงกรรโชกเป็นภาษากีซาลีดังขึ้นว่า

“มึงถูกล้อมไว้หมดแล้วไอ้ดารุส ยอมออกมามอบตัวเสียดีๆ”

สลับกับเสียงนั้น เขาได้ยินเสียงประกาศดังก้องไปทั่วฐานบัญชาการกุหลาบดำแห่งนั้นว่า “ประกาศสภาวะฉุกเฉิน มีคนร้ายลอบเข้ามาในฐานบัญชาการกุหลาบดำ ตรวจสอบเบื้องต้นชื่อดารุสแต่งกายชุดพื้นเมืองกีซาลี รูปร่างสูง...” จากนั้นเป็นการบรรยายลักษณะหน้าตาและรูปร่างของเขา แล้วเสียงประกาศนั้นก็ดังซ้ำขึ้นอีกครั้งพร้อมกับประโยคที่ว่า “คนร้ายซ่อนตัวอยู่หน้าอาคารบัญชาการกุหลาบดำ ย้ำอีกครั้งคนร้ายซ่อนตัวอยู่หน้าอาคารบัญชาการ โปรดระวัง..”

“ดารุส..กูขอเตือนอีกครั้ง ยอมออกมามอบตัวเสียดีๆ ก่อนที่ข้าจะโกรธไปมากกว่านี้” ยาหยังพูดแล้วส่งสัญญาณให้ลูกน้องตีโอบล้อมต้นไม้ต้นนั้น หากพลันที่ลูกน้องเข้าไปใกล้รัศมีเกินยี่สิบเมตร เสียงปืนก็ยิงโต้ตอบกลับมาทันที พร้อมกับลูกน้องเขาที่ร่วงทีละคนๆ

มันแม่นปืน! ยาหยังนึกอย่างสบถ เขาทำสัญญาณมือให้ลูกน้องระรัวยิงใส่คนที่อยู่หลังต้นไม้อีกครั้ง ทว่าฝ่ายนั้นยิงตอบโต้กลับมาเร็วพอกัน

ยาหยังมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาถูกปลุกกลางดึกด้วยข่าวร้ายที่ว่ามีคนร้ายลอบเข้ามาในฐานกุหลาบดำ ยามินรายงานว่าคนร้ายชื่อดารุส เป็นชาวกีซาลีและสมุนเก่าของขบวนการกุหลาบดำ เข้ามาเพื่อพานักโทษที่ชื่อกาสลองหนีออกไปจากคุก

นั่นแปลว่าคนของเขาหักหลัง!

น่าขำ..คืนนี้เป็นวันชาติและวันก่อตั้งขบวนการกุหลาบดำ ซึ่งเขาถือโอกาสนี้ประกาศเป็นวันประกาศอิสระรัฐกีซาลี สั่งการให้สมุนมือซ้ายขวาออกออกปฏิบัติการระเบิดจุดยุทธศาสตร์สำคัญๆ ของประเทศอนาเซีย ทั้งฐานบัญชาการรบ ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา คลังอาวุธทุกแห่งรวมตลอดไปถึงที่พำนักของประธานาธิบดีของอนาเซีย โดยให้สั่งให้ออกปฏิบัติการพร้อมกันในทุกจุดในเวลาเดียวกันแบบดาวกระจาย โดยปฏิบัติการที่ว่าเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตีหนึ่งที่ผ่านมา ตอนที่เขากลับไปถึงที่พัก สถานีโทรทัศน์ของกีซาลีซึ่งเป็นสถานีเถื่อนเริ่มออกประกาศข่าวดีเป็นระยะๆ แล้วว่าขบวนการกุหลาบดำปฏิบัติการสำเร็จ

เขาอยู่รอฟังข่าวต่ออีกหลายชั่วโมงกระทั่งรู้สึกง่วงจึงผล็อยหลับไป มาตื่นอีกครั้งก็ด้วยข่าวร้ายของยามินนี้ น่าตลก..เขาตั้งใจโจมตีจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอนาเซียคืนนี้ เพื่อกลับกลายเป็นว่าฐานบัญชาการกุหลาบดำถูกลอบบุกรุกเสียเอง เขาถูกลูบคมและมันซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของเขากล้าบุกเข้ามาในถ้ำเสือ!

แล้วยาหยังก็ได้ยินอีกฝ่ายตอบโต้มาว่า

“ถอยออกไป ถ้ายังไม่อยากถูกระเบิดฐานบัญชาการราบเป็นหน้ากลอง ข้าวางระเบิดฐานบัญชาการของเรียบร้อยแล้ว”

ยาหยังชะงัก เหลียวมองบุตรชายซึ่งแอบอยู่หลังอาคารใกล้ๆ กัน

“มันไม่กล้าหรอก แค่ขู่อีกอย่างชุดรักษาความปลอดภัยรายงานเข้ามาแล้วว่าตอนมันเข้ามาไม่มีอาวุธสักชิ้น” ยามินแสดงความเห็น

“ไม่มีอะไร..แล้วทำไมมันยิงตอบโต้เราปังๆ อย่างนั้นล่ะ”

ยามินอึ้ง “อาจเอามาจากในฐานบัญชาการแห่งนี้ ยังไงฝ่ายเราก็ได้เปรียบเพราะมีคนมากกว่า ผมว่าตีโอบล้อมมันเลยครับ”

“แต่เรายังไม่รู้กองกำลังของฝ่ายนั้นนะยามิน มันอาจซุ่มอยู่บริเวณใดบริเวณหนึ่งในฐานบัญชาการกุหลาบดำแห่งนี้”

“ถึงซุ่มก็ทำอะไรเราไม่ได้ เชื่อสิพ่อ อนุญาตให้ผมจัดการมันเถอะ อย่าไปเชื่อคำขู่เลย”

ยาหยังนิ่งอย่างประเมินสถานการณ์แล้วเขาก็ถามบุตรชายว่า “กองกำลังเราตอนนี้มีเท่าไหร่”

“ไม่ถึงห้าสิบ พ่อก็รู้ส่วนใหญ่ออกไปปฏิบัติการลับคืนนี้ทั้งหมด อีกส่วนก็ตามไล่กวดไอ้กาสลอง”

ยาหยังพยักหน้า “งั้นต้องระวังให้มากที่สุด อย่าให้อีกฝ่ายรู้เป็นอันขาดว่ากองกำลังเรามีจำกัด สั่งเร่งสมุนผู้หญิงให้มาสมทบหรือยัง”

“นากาสรีกับกาลัดกำลังรวบรวมสมุนผู้หญิงมาสมทบอยู่ ส่วนกาเซีย..ผมบอกให้นากาสรีไม่ต้องตามเธอมาเพราะสุขภาพเธอยังค่อยไม่แข็งแรงดีนัก”

ยาหยังพยักหน้า “ดีแล้ว ไม่ต้องตามมาหรอก ให้พักผ่อนนั่นแหละ” พูดแล้วต้องชะงักแค่นั้นเพราะอีกฝ่ายตะโกนสวนขึ้นมาว่า

“สั่งลูกน้องให้หยุดยิงเดี๋ยวนี้ยาหยัง.. ไม่งั้นข้าระเบิดฐานบัญชาการกุหลาบดำจริงๆ ข้าวางระเบิดไว้แล้ว ถ้าต้องตายก็ตายด้วยกันเถอะ” อัสมาร์ตะโกนเป็นภาษากีซาลี ใจนึกภาวนาให้เพื่อนหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย อัสมาร์เลื่อนมือมาฉีกแขนเสื้อข้างหนึ่งแล้วผูกรัดเหนือหัวไหล่ต้นแขนบริเวณที่ถูกยิงเพื่อห้ามเลือด เมื่อครู่ที่ยิงสวนกันเขาถูกลูกกระสุนถากบริเวณหัวไหล่ จังหวะนั้นสายตาเหลือบไปเห็นสมุนกุหลาบดำสามนายที่ย่องเข้ามาใกล้ เขารีบหยิบปืนยิงโต้ออกไป อัสมาร์ยิงปืนแม่นราวกับจับวางทำให้ทั้งสามคนร่วงลงกับพื้นทันที บริเวณหัวไหล่เริ่มปวดหนึบจนเกือบยกแขนไม่ขึ้นและสีข้างก็รู้สึกขัดๆ ทุกครั้งที่ขยับตัว แต่อัสมาร์พยายามไม่สนใจมัน ยังคงถือปากกระบอกปืนไปทางยาหยังซึ่งหลบอยู่หลังอาคารบัญชาการ

“แกไม่กล้าระเบิดจริงๆ หรอกดารุส” ยามินโต้ออกไป

“ไม่กล้าอะไร..ข้าวางระเบิดในฐานบัญชาการเรียบร้อยแล้ว อีกห้านาทีมันจะเริ่มทำงาน”

ทุกคนอึ้งยาหยังขยับถอยห่างออกมาจากอาคารบัญชาการโดยไม่รู้ตัว นากาสรีและกาลัดที่เพิ่งนำกองกำลังฝ่ายหญิงมาสมทบก็พลอยอึ้งตามไปด้วย เพราะทั่วทั้งฐานบัญชาการกุหลาบดำแห่งนี้ เต็มไปด้วยค่ายกลและกับดักระเบิดมากมาย มันถูกตั้งระบบการทำงานด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในห้องบัญชาการ หากอาคารบัญชาการถูกระเบิดตูมขึ้น ก็น่ากลัวว่าจะส่งผลกระทบให้ค่ายกลและระเบิดที่วางซ่อนไว้ตามจุดๆ ของฐานบัญาการกุหลาบดำ เกิดระเบิดตามไปด้วย

ยาหยังมองบุตรชายบุตรสาวอย่างหารือ

กาลัดเอ่ยว่า “คิดว่าเป็นแค่คำขู่”

“ผมว่าเราตีวงเข้าไปดีกว่า” ยามินแนะนำขึ้น

ยาหยังนิ่งคิดอย่างไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เอาล่ะ..ส่งสัญญาณให้เด็กๆ เก็บมัน แต่ก็บอกให้พวกเขาถอยห่างออกมาจากอาคารบัญชาการให้มากที่สุดด้วย แล้วประกาศเป็นการภายในให้ทุกคนอยู่ห่างจากสวนหย่อมตามจุดต่างๆ ให้มากที่สุดเพราะถูกวางกับดักระเบิดไว้ พ่อไม่รู้ว่าถ้าอาคารบัญชาการถูกระเบิดจริงๆ ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกตั้งไว้ในนั้นจะรวนจนส่งผลให้ระเบิดลูกอื่นๆ ในฐานระเบิดตามไปด้วยหรือไม่”

ทุกคนอึ้งอีกคำรบ แล้วนากาสรีเอ่ยว่า “จะตัดสินใจบุกหรือถอย รีบออกคำสั่งดีกว่าค่ะพ่อ ก่อนที่คนงานทั้งฐานจะแตกตื่นไปกว่านี้ แค่เสียงประกาศตามสายเมื่อครู่ ทุกบ้านก็หวาดผวากันไปหมดแล้ว”

“เอาล่ะ.. งั้นถ่ายทอดคำสั่งพ่อ สั่งเก็บไอ้ดารุสให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”

สิ้นเสียงของยาหยังก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นตูมใหญ่ทันที ทุกคนกระโดดหลบและหมอบลงกับพื้นวุ่นวาย จากนั้นก็เกิดความโกลาหลหนักขึ้นเมื่อระเบิดลูกอื่นๆ ที่วางไว้ตามสวนหย่อมก็ดังระเบิดขึ้นสิบกว่าลูกติดๆ กัน อัสมาร์อาศัยช่วงโกลาหลนั้นฉากหลบ ทุกก้าวที่เขาออกวิ่งเสี่ยงกับเสียงบึ้มตลอดเวลา หากกระนั้นชายหนุ่มก็เลือกจะเสี่ยง บอกตัวเองว่าหนีไปตายเอาดาบแน่ ดีกว่าถูกจับทรมานตายในฐานบัญชาการกุหลาบดำแห่งนี้ จุดหมายของเขาคือโรงเก็บฟางข้าว

ยามินเงยหน้าขึ้นมาเห็นพอดี เขาจึงตะโกนสั่งให้ลูกน้องวิ่งตามส่วนตัวเขาเล็งปากกระบอกปืนไปทางร่างสูงนั้น พร้อมกับลั่นไกปืนขึ้น

“ปัง!”

สิ้นเสียงเปรี้ยงอัสมาร์ก็เซถลาไปครู่หนึ่งแล้วเขาก็ออกวิ่งในจังหวะเร็วสม่ำเสมอเช่นเดิม เขาถูกยิงถากๆ บริเวณแขน เป็นแขนข้างเดียวกับที่ถูกยิงถากๆ บริเวณหัวไหล่ไปก่อนหน้านี้ อัสมาร์รู้สึกเสียวปลาบและปวดหนึบขึ้นเรื่อยๆ หากกระนั้นเขาก็ยังออกแรงวิ่งต่อไปโดยมีเสียงปืนตามไล่หลัง จังหวะที่คิดว่าคงหนีไม่ทันแน่แล้ว จึงตัดสินใจเลี้ยวเข้าซอยแห่งหนึ่ง ตัดสินใจกระโดดตัวลอยข้ามรั้วบ้านหลังที่อยู่ใกล้ที่สุด



เสียงกดออดบริเวณหน้าบ้านดังรัวเร็ว แต่คนที่อยู่ในบ้านยังไม่ออกมาเปิดประตู เสียงกดออดจึงถี่และหนักขึ้น นากาสรีหันไปสบตากับยามินและกาลัดอย่างหารือ ยามินยกมือทำท่ากดออดซ้ำ จังหวะนั้นเจ้าของบ้านก็เดินมาเปิดประตูพอดี ยามินมองกาเซียอย่างเสียใจเพราะอีกฝ่ายมีท่าทีงัวเงียราวกับเพิ่งตื่นนอนอย่างเห็นได้ชัด

“ขอโทษทีเซีย” ยามินส่งเสียงขอโทษขอโพยออกไปก่อน

“มีอะไรกันหรือคะ” กาเซียรัดเชือกชุดคลุมให้ผูกเอวแน่นขึ้น แล้วเธอก็เหลือบตาสำรวจทีละคนไล่ตั้งแต่ยามิน นากาสรีไปจนถึงกาลัด เบื้องหลังของพวกเขา คือ สมุนกุหลาบดำหลายสิบคน

“เสียงปืนเสียงระเบิดดังตูมตามออกอย่างนั้นเรายังหลับไหวอีกหรือกาเซีย..ไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนกับอะไรเลยหรือ” นากาสรีถามอย่างประชดแล้วขมวดคิ้วมุ่น มองน้องสาวด้วยสายตาพินิจ แววตาสีนิลฉายแววสงสัยและระแวง หากไม่กล่าวออกมาเป็นคำพูด

“ขอโทษทีค่ะ กลับจากประชุมเซียปวดหัวเลยกินยาแก้ปวด หลังจากนั้นก็หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย ว่าแต่มีใครพอจะอธิบายให้เซียฟังได้บ้างคะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องยกกองกำลังมาล้อมบ้านเซีย”

ยามินจ้องหน้ากาเซียอย่างค้นหาความจริง ครู่หนึ่งก็ตอบว่า “ขอโทษทีที่ต้องมารบกวนดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้ ครู่ใหญ่ที่ผ่านมามีคนร้ายลอบเข้ามาในฐานบัญชาการ มันช่วยกาสลองแหกคุกหนีไป เราพยายามสะกัดแต่ไม่สำเร็จ คนร้ายวางระเบิดอาคารบัญชาการแล้วมันหนีรอดไปได้ มีคนเห็นมันหนีเข้ามาในบ้านเซีย พวกเราเลยเข้ามาตาม”

กาเซียนิ่วหน้า “มีเหตุการณ์อย่างนี้ด้วยหรือ”

“มันเกิดขึ้นแล้ว” ยามินตอบสั้นๆ

“แล้วทำไมไม่บอกเซีย จะได้ออกไปช่วยอีกคน”

“พวกเราเห็นว่าเซียยังไม่แข็งแรงเลยไม่อยากมาตาม อยากให้เซียได้พักฟื้นจะได้กลับมาแข็งแรงโดยเร็ว ว่าแต่เซียไม่เห็นใครแปลกหน้าเข้ามาในอาณาเขตบ้านเซียบ้างหรือ”

“ไม่นี่คะ” กาเซียตอบแล้วส่ายหน้า “ไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย ตื่นมาก็เห็นแต่พวกพี่นี่แหละ”

“ยังไงพวกพี่ก็ต้องเข้าไปค้น” กาลัดเอ่ยขึ้น กาเซียรีบหลีกทางให้ทันที เอ่ยพึมพำว่า “เชิญค่ะ” กาลัดพยักหน้ารับรู้ หันไปส่งสัญญาณมือให้สมุนกุหลาบดำกลุ่มใหญ่ที่ยืนรออยู่ตามเธอกับนากาสรีเข้าไปค้นในบ้าน

บ้านพักหรือเรือนพักรับรองของกาเซียเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น มีสนามหญ้าล้อมรอบแต่ไม่กว้างนักเมื่อเทียบกับของพี่สาวพี่ชายและยาหยัง ถัดจากสนามหญ้าเป็นพุ่มชบาสูงใหญ่ซึ่งปลูดตลอดแนวชิดกับรั้ว กาเซียมองจนสมุนกุหลาบดำคนสุดท้ายหายลับเข้าไปในบ้านแล้ว จึงละสายตากลับมามองยามิน แล้วเธอก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเห็นว่ายามินจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว แววตาส่งคำถามให้เขาเงียบๆ

ยามินจ้องหน้ากาเซียอีกครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่ต้องขอโทษที่นำกองกำลังมาค้นบ้านเซียดึกๆ ดื่นๆ แต่อย่างที่บอกพี่จำเป็นต้องทำเพื่อความปลอดภัยของเซียและของทุกคนในฐานบัญชาการกุหลาบดำแห่งนี้ พวกเราไม่อาจวางใจปล่อยไว้จนถึงรุ่งเช้าได้เพราะเสี่ยงอันตราย มันอาจหลบซ่อนอยู่มุมใดมุมหนึ่งของบ้านเซีย”

“ไม่เป็นไรค่ะ ตามสบายเซียเข้าใจ แล้วนี่ตกลงกาสลองหนีออกไปได้หรือคะ” ความทรงจำของกาเซียเกี่ยวกับนักโทษที่ชื่อกาสลอง มีเพียงว่าเขาเป็นสายลับของอนาเซียที่ปลอมตัวเข้ามาเท่านั้น

“ยังให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ คือพวกพี่ยังตามหามันไม่เจอ พ่อโกรธมากที่ถูกลบเหลี่ยม เซียคงรู้พ่อหวังให้วันนี้เป็นวันประกาศอิสระรัฐกีซาลี เลยส่งหน่วยปฏิบัติการลับออกโจมตียุทธศาสตร์สำคัญทั้งหมดของอนาเซียคืนนี้ กะเป็นการเฉลิมฉลองวันชาติของเรา แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเราถูกลบเหลี่ยมเสียเอง” แล้วยามินก็บอกต่อว่า “พ่อนัดประชุมด่วนพรุ่งนี้เพื่อรับมือ ยังไงเซียก็เข้าประชุมด้วยนะ แปดโมงที่เรือนน้ำชา”

“พวกมันมากันกี่คน”

“เท่าที่เช็คยังเจอแค่คนเดียว แต่พ่อสั่งปิดทางเข้าออกไว้หมดแล้ว”

กาเซียพยักหน้า “อุกอาจ” เธอให้คำจำกัดความสั้นๆ แล้วแสดงความเห็นต่อว่า “พวกมันอาจรู้แผนการณ์พ่อล่วงหน้า”

“พี่ก็อยากคิดอย่างนั้น อยากเชื่อว่าเกลือเป็นหนอนไม่งั้นแผนคงไม่รั่ว แต่น่าแปลกถ้ามันรู้แผนการล่วงหน้า ทำไมถึงสะกัดจุดระเบิดไม่ได้ เซียคงรู้ฝ่ายเราระเบิดจุดสำคัญๆ ของมันได้หลายจุด”

“ค่ะ เซียเห็นข่าวเหมือนกัน”

“นั่นแหละ แล้วนี่อาการเซียเป็นไงบ้าง” ถามแล้วมองหัวไหล่ของหญิงสาว ไม่เห็นอะไรหรอกเพราะอยู่ใต้ชุดคลุมแต่กระนั้นก็พอจินตนาการออกว่าหญิงสาวคงยังไม่หายดีนัก

“ยังระบมอยู่นิดหน่อย”

“แล้วอาการปวดหัว?”

“ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ ได้นอนพักก็ดีขึ้น”

“เป็นผลข้างเคียงจากการล้างสมองหรือเปล่า พรุ่งนี้ให้หมอฟาติมาตรวจเช็คสุขภาพหน่อยไหม”

กาเซียส่ายหน้าโดยไม่เสียเวลาคิด “เรื่องของเซียเล็กน้อย เรื่องคนร้ายบุกฐานบัญชาการกุหลาบดำสำคัญกว่า ยังไงหาทางแก้ไขเรื่องนี้ก่อนดีกว่า”

ยามินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “พรุ่งนี้คงต้องซ่อมอาคารต่างๆ เป็นการใหญ่ เพราะมีหลายตึกเสียหายจากแรงระเบิดคราวนี้”

กาเซียพยักหน้ารับรู้ ยามินยังคงยืนคุยกับน้องสาวอีกพักใหญ่ตราบจนนากาสรีเดินนำกองกำลังออกมาและมีกาลัดตบท้าย เขาก็เลิกคิ้วถามขึ้น “เป็นยังไงบ้าง”

“ไม่เจอ” นากาสรีตอบสั้นๆ อย่างเสียอารมณ์

“แต่เด็กมันเห็นคนร้ายลอบเข้ามาในบ้านกาเซียจริงๆ นะ แต่บ้าจริง..ค้นเท่าไหร่ก็ค้นไม่เจอ” กาลัดเสริมขึ้น ยามินรับฟังด้วยอาการนิ่งสงบ เขานิ่งอย่างใช้ความคิดแล้วถามว่า “ค้นดีแล้วใช่ไหม”

“ดีแล้วค่ะ กาลัดสั่งให้เด็กค้นซ้ำสองสามรอบด้วยซ้ำ”

ยามินพยักหน้า “งั้นเราคงต้องรีบย้ายไปค้นที่อื่น” ยามินพูดแล้วหันมาทางกาเซีย “พี่ไปก่อนนะเซียระวังตัวด้วยเผื่อคนร้ายจะย้อนกลับมาอีก ยังไงต้องระวังตัวให้มากตราบใดที่พี่ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ เราก็อย่าเพิ่งวางใจเด็ดขาด”

กาเซียพึมพำตอบรับเบาๆ ยามินเห็นน้องสาวรับคำ เขาก็หันไปทางสมุนกุหลาบดำ สั่งให้แยกย้ายกันออกค้นหาตามบ้านพักและอาคารต่างๆ จนกว่าจะเจอ ทุกคนแยกย้ายตามคำสั่งยามิน กาเซียมองจนพวกเขาหายลับสายตา หญิงสาวจึงปิดล็อครั้วประตูก่อนจะสาวเท้ากลับเข้าไปในบ้าน ใบหน้าสวยเคร่งเครียดขณะเปิดประตูเข้าไป เพื่อเผชิญหน้ากับใครคนหนึ่งซึ่งเธอรู้ว่ากำลังรออยู่หลังประตูบานนี้

อาการงัวเงียและสะลึมสะลือที่แสดงออกเมื่อครู่หายไป ถูกแทนที่ด้วยแววตาโชนแสงเรืองรองแทน





..............................................




จบตอน








Create Date : 01 กันยายน 2550
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2555 19:40:59 น.
Counter : 410 Pageviews.

4 comments
  
พล.อ.ชาโตจะเป็นใช้กำลังบุกฐานกุหลาบดำเหมือนในตอนที่ลงที่เว็บพี่ณาราหรือเปล่าคะอยากให้อัสมาร์มาช่วยพ่อตานะแก้นแค้นที่พ่อกับพี่ชายตามฆ่าเมียตัวเอง

-ล็อค==ล็อก

-อัสมาร์ไม่รู้เลยว่าสมุนกุหลาบดำอีกคน(เขา)ฉากหลบไปหลังเสาต้นหนึ่ง==ไม่น่าจะมีคำว่าเขาในประโยคนะคะ

-เขากับ(สมุนกุหลาบ)ผลัดกันยิงผลัดกันหลบ==สมุนกุหลาบดำ

-คราบเลือด(เปอระเปื้อน)==เปรอะเปื้อน

-"ถ้าเขาเป็นพ่อของโรส แล้วจะไม่ให้ยอมรับว่าเป็นพ่อตา จะให้ยอมรับว่าเป็นอะไร..(ไอ้เพื่อน)==น่าจะเป็นไอ้เพื่อนยากหรือไม่ก็ไอ้เสืออย่างที่พี่อุ๋ยเขียนในตอนแรกเพราะไอ้เพื่อนคำเดียวมันดูห้วนๆน่ะค่ะ

-สั่งการให้สมุนมือซ้ายขวา(ออกออก)ปฏิบัติการระเบิด==คำว่าออกซ้ำกัน2คำค่ะ

-ข้าวางระเบิดฐานบัญชาการ(ของ)เรียบร้อยแล้ว==ข้าวางระเบิดฐานบัญชาการไว้เรียบร้อยแล้วหรือข้าวางระเบิดฐานบัญชาการของแกไว้เรียบร้อยแล้ว

-เพราะสุขภาพเธอยัง(ค่อยไม่)แข็งแรงดีนัก==ยังไม่ค่อยแข็งแรง

-ก่อนที่(คนงาน)ทั้งฐานจะแตกตื่นไปกว่านี้==ใช้คำงานแทนคนงานได้มั้ยคะเพราะฐานบัญชาการกุหลาบดำอยู่ในนั้นเพื่อทำการต่อสู้เพื่ออิสรภาพคนที่อยู่ในฐานไม่น่าจะเรียกว่าคนงาน

-หนีไปตายเอาดาบ(แน่)==ดาบหน้า

-พุ่มชบาสูงใหญ่ซึ่ง(ปลูด)ตลอดแนว==ปลูก
โดย: mimny IP: 124.157.133.161 วันที่: 2 กันยายน 2550 เวลา:19:29:51 น.
  
อืม...ข้อเสนอน้องมิมนี่ก็น่าสนใจ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ต้องเปลียนพล็อตย่อยพอสมควรเลยล่ะค่ะ เอาไงดี แหะๆ..

ขอบคุณสำหรับบรูฟจ้า..พี่ได้แก้ไขในต้นฉบับเรียบร้อยร.ร.กุหลาบฯ แล้ว
โดย: คณิตยา วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:0:49:46 น.
  
เมื่อไร่จะอับ อีกค่ะ ชอบมากค่ะ
โดย: sofar IP: 203.113.77.68 วันที่: 4 กันยายน 2550 เวลา:22:07:45 น.
  
โดย: คณิตยา วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:21:12:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments