Group Blog
กุหลาบในเปลวไฟ...บทที่ 4


กุหลาบในเปลวไฟ


บทที่ 4...คณิตยา


“ไม่อยู่ หมายความว่าไง” อัสมาร์แผดเสียงดังคับห้องแล้วหน้าเผือดสี เมื่อเดินมาถึงห้องคนป่วยแล้วไม่เจอโรซาลินา พลทหารสี่นายที่ยืนตรวจตราอยู่บริเวณนั้นรีบเข้ามารายงานทันที “คุณการิมสั่งให้ย้ายออกไปครับ”

อัสมาร์หันไปมอง สายหาตาเรื่องทันที “พาย้ายไปไหน” ถามด้วยน้ำเสียงดุ

พลทหารหน่วยกล้าตาย ก้มหน้างุดอีกครั้ง “หอคอยงาช้างครับ”

อัสมาร์ตาค้าง พระเจ้า.. สีหน้าเขาซีดเผือด กรามบดแน่นขณะเอ่ยว่า “ไอ้บ้านั่นมันทำบ้าอะไร มันคิดว่าเป็นใครถึงกล้าขัดคำสั่งฉัน” อัสมาร์พูดอย่างดุเดือด

หอคอยงาช้าง.. ชื่อแสนไพเราะแต่แท้จริงแล้วเป็นคุกใต้ดินสำหรับนักโทษอาญาแผ่นดิน อย่างพวกกบฏ ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร เป็นคุกที่ลำบากที่สุดในฐานอนาเซียเพราะเป็นคุกมืดอยู่ใต้ดิน นักโทษจะไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน อัสมาร์หมุนตัวจะเดินไปยังหอคอยงาช้างซึ่งอยู่ใต้ฐานบัญชาการ แต่พลทหารสี่รายรีบวิ่งมาดักหน้า อัสมาร์นิ่วหน้า

“คุณอัสมาร์ไปไม่ได้นะครับ คุณการิมสั่งไม่ให้ใครเข้าไป”

อัสมาร์เลิกคิ้ว “นี่ฐานบัญชาการอนาเซียเปลี่ยนหัวหน้าเป็นไอ้หมอนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่” อัสมาร์มองกราดตั้งแต่หัวจดเท้าทุกคน แล้วว่า “ไหนบอกฉันสิ ใครหน้าไหนกล้าจะมาห้ามฉัน”

ทุกคนหน้าเสีย ยืนห้อมล้อมอัสมาร์อย่างทำอะไรไม่ถูก อัสมาร์มองกวาดอีกรอบแล้วว่า “ถ้าไม่กล้า ก็ถอยไป”

ทุกคนถอยออกห่างทันที อัสมาร์ยิ้มแสยะแล้วรีบผละไปทันที เขาตรงไปยังฐานบัญชาการซึ่งอยู่ติดกับสถานพยาบาล พลันที่ไปถึงฐานบัญชาการ เขาก็กดปุ่มลับซึ่งซ่อนอยู่หลังผนัง พื้นยางเบื้องล่างเปิดออก เผยให้เห็นช่องลับขนาดกว้าง อัสมาร์ไต่บันไดลงไปอย่างรวดเร็ว ถึงพื้นห้องเขาก็กระโดดลงไป เขาเดินสำรวจห้องขัง แต่ละห้องสร้างแบบหันหน้าเข้าหากัน โดยตรงกลางเป็นทางเดินขนาดกว้าง ห้องขังสร้างแบบโปร่ง กั้นด้วยซี่กรงเหล็กหนาแข็งแรง

อากาศในคุกเหม็นอับ พื้นเบื้องล่างสร้างด้วยหินขัดเรียบ มันจึงเย็นเฉียบและชื้นเพราะผู้คุมคอยสาดน้ำใส่นักโทษเพื่อปลุกให้ตื่นตลอดเวลาทำให้พื้นเปียกแฉะอยู่ตลอด แต่ละห้องแคบและเตี้ยเพราะถูกออกแบบให้ขังได้เพียงคหนึ่งคน ความสูงจากเพดานจดพื้นเท่ากับมาตรฐานความสูงของชายเอเชีย พื้นห้องถูกสร้างให้เอียงทำมุมสี่สิบห้าองศาเพื่อต้องการทรมานนักโทษให้ต้องยืนอยู่ตลอดเวลา หากยืนไม่ไหวและผล็อยหลับไป สภาพของห้องขังจะบังคับให้ลื่นตกลงมากองข้างล่าง ทำให้ศีรษะจุ่มน้ำสกปรกที่แช่ขังอยู่ให้ห้อง ทำให้เกิดสภาพเลือดตกศีรษะและปอดบวมในที่สุด

อัสมาร์สอดสายตามองหาโรซาลินา กระทั่งไปสิ้นสุดที่ห้องสุดท้าย สายตาจึงปะทะเข้ากับร่างบางสะบักสะบอมของภรรยา หญิงสาวกำลังนอนบนพื้นที่สร้างแบบเอียง จึงเกิดสภาพศีรษะพาดต่ำจนปริ่มกับน้ำสกปรก เขาเห็นสภาพโรซาลินาแล้วแทบเข่าทรุด พระเจ้า.. อัสมาร์ร้องครวญคราวในอกแล้วกระโจนไปเขย่ากรงขัง สภาพที่นอนไม่ได้สติของภรรยาบีบคั้นจิตใจอัสมาร์จนเจ้าตัวน้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว แล้วเขาก็มองหลังมือภรรยา มีเลือดซึมจากแผลที่ถูกเจาะน้ำเกลือ ราวกับว่าเธอถูกกระชากสายน้ำเกลือออก อัสมาร์เลื่อนสายตาสำรวจต้นแขนที่ผ่านการผ่าตัด แล้วเขาต้องครางในอกอย่างยอกแสยงอีกครั้ง เมื่อเห็นเลือดซึมผ้าพันแผลจนซึมมาถึงเสื้อตัวนอก

“ไอ้สารเลวคนไหนมันบังอาจทำกับผู้หญิงไม่มีทางต่อสู้อย่างนี้” อัสมาร์แผดเสียงก้อง น้ำเสียงราวกับเสือบาดเจ็บ แล้วเขาก็หันไปมองรอบตัว ตะคอกกับทหารคุมนักโทษ “เปิดประตูเดี๋ยวนี้”

ทหารคุมนักโทษหันรีหันขวางอย่างทำอะไรไม่ถูก เขาทำอะไรไม่ถูกนับตั้งแต่เห็นอัสมาร์ก้าวพรวดพราดมาราวกับพายุบุแคมแล้ว

“ฉันสั่งให้เปิดประตู ไม่ได้ยินหรือไง”

พลทหารทำหน้าอึดอัดใจ “ขอโทษเถอะครับคุณอัสมาร์ เราได้รับรายงานว่าผู้หญิงคนนี้เป็นกุหลาบดำข้อหาอาชญากรแผ่นดิน เพราะงั้นสำหรับนักโทษอาชญากรเหล่านี้เราไม่สามารถเปิดให้ออกไปได้”

“นายอยากตายหรือไง ไอ้กร๊วก” อัสมาร์พูดแล้วก้าวไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย “ฉันจะบอกอีกครั้งนะเผื่อนายหูหนวก ฉันขอให้แกเปิดกรงขังเดี๋ยวนี้”

“แต่คุณการิมสั่ง...”

“ให้คำสั่งห่าเหวอะไรนั่นไปลงนรกเสียเถอะ” อัสมาร์สวนโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ แล้วออกหมัดตุ้ยหน้าท้องไปที ฝ่ายนั้นจุกจนข้อพับงอ ทหารที่เหลือตาเหลือกรีบเข้ามาห้าม อีกส่วนช่วยไปพยุงทหารที่เคราะห์ร้าย อัสมาร์ก้าวไปกระชากกุญแจห้องขังจากเอวทหารที่ดวงซวย แล้วจัดการไขกุญแจ ทหารในที่นั้นได้แต่มองอย่างตกใจ ทำอะไรไม่ถูก

อัสมาร์เปิดประตูได้แล้วก็ก้าวไปพยุงโรซาลินา ท่วงท่าทุลักทุเลพอสมควรเพราะห้องขังแคบ “โรส..เป็นไงบ้าง” อัสมาร์พูดแล้วช้อนศีรษะเข้าอ้อมแขน

เสียงเรียกอ่อนโยนพร้อมกับการเขย่าบ่าแผ่วเบาของอัสมาร์เรียกสติกาเซียให้รู้สึกตัว หญิงสาวลืมตาขึ้นมองเขา กะพริบตาหลายครั้งเพื่อปรับสายตาให้ชิน แล้วเธอก็พึมพำว่า “ปวด หิวน้ำ” กล่าวอย่างสะลึมสะลือแล้วเธอก็ล้มพับไปในอ้อมแขนเขา

“ไม่..โรสตื่นสิ” อัสมาร์พูดแล้วเขย่าบ่าหญิงสาวอย่างใจเสีย พระเจ้า..หญิงสาวหมดสติไปอีกครั้ง อัสมาร์นึกอย่างทำอะไรไม่ถูก แล้วเขาก็ตัดสินใจอุ้มหญิงสาวออกมาจากห้องขัง ปากกระซิบชิดใบหน้ารูปไข่ว่า “อดทนอีกนิดนะยอดรัก ผมจะพาคุณออกไปจากที่นี่”

“คุณจะพานักโทษไปไหน คุณอัสมาร์” เสียงการิมเอ่ยขึ้น เขาก้าวออกมายืนบังทางเดิน “ผมบอกอะไรอย่างนะคุณอัสมาร์ คุณจะพานักโทษคนสวยคนนี้ออกไปจากคุกไม่ได้” การิมพูดเน้นเสียงทีละคำ “เธอเป็นกุหลาบดำและเวลานี้ถูกตั้งข้อหาอาชญากรแผ่นดินแล้ว”

“นายจะมาตั้งศาลเตี้ยในถิ่นฉันไม่ได้ การิม ฉันขอบอกนายอีกครั้งนะ ฐานบัญชาการแห่งนี้ฉันเป็นคนบัญชา ไม่ใช่นาย แล้วก็อย่าใช้วิธีป่าเถื่อนๆ อย่างนี้อีก ยังไม่ได้สอบก็ยัดข้อหา บ้ารึไง”

“คุณคงเข้าใจอะไรผิด กับขบวนการกุหลาบดำ เราไม่จำเป็นต้องสอบ ก็ตั้งข้อหาได้แล้วปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุก็เป็นหลักฐานได้ดีแล้ว คุณชักทำให้ผมสงสัยความสัมพันธ์ของคุณกับแม่สาวสวยคนนี้เสียแล้วสิคุณอัสมาร์ ทำไมคุณต้องปกป้องหรือเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอนัก”

“นายจะสงสัยอะไรก็เป็นเรื่องของนาย แต่ฉันมีสิทธิ์ไม่ตอบ หลีกไปถ้ายังไม่อยากเจ็บตัว”

การิมยกมือกอดอก ยังไม่ขยับ เหล่าพลทหารและนักโทษในคุกต่างมองอย่างสนใจ นึกเก็งว่าใครจะเป็นผู้ชนะ “ผมปล่อยให้คุณออกไปไม่ได้คุณอัสมาร์”

“นายกล้ามาขวางฉันหรือ” อัสมาร์พูดแล้วจ้องหน้าการิม แววตาร้อนแรง

การิมจ้องตอบ แววตาประเมิน แล้วเขาก็เห็นความบ้าดีเดือดในแววตาบุตรชายนายกฯ ชาโต ดูเหมือนอัสมาร์พร้อมจะฆ่าใครก็ตามที่เข้ามาขวางทางตอนนี้ การิมเอ่ยเสียงเย็นว่า “ผมย้ำอีกครั้งว่าผู้หญิงคนนี้ต้องถูกขังอยู่ที่นี่”

อัสมาร์บดกรามอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ “ถ้าจะขัง ฉันจะขังของฉันเอง”

“หมายความว่าไง” การิมหลิ่วตา มองอัสมาร์ด้วยแววตาคมปลาบ เขากำลังพยายามประเมินสัมพันธภาพของคนทั้งคู่ ด้วยดูเหมือนอัสมาร์จะห่วงใยผู้หญิงในอ้อมแขนอย่างมาก

“หมายความว่าฉันจะขังเธอเอง” อัสมาร์พูดพลางกัดฟันกรอด

“คุณกำลังใจดีกับศัตรูเกินไปหรือเปล่าคุณอัสมาร์ นั่นแม่เสือสาวที่เพิ่งทำร้ายคุณนะ แผลต้นแขนก็เพิ่งเย็บมาหยกๆ ยังจะมาใจดีกับเธออีก”

“มันเรื่องส่วนตัวของฉัน การิม”

การิมมองเขาอย่างประเมิน “ถ้าคุณยืนยันอย่างนั้น คุณจะขังเธอที่ไหน อย่าบอกนะว่าในห้องนอนคุณ” การิมถามประชด ตั้งใจแค่ประชุดแต่เมื่อได้รับคำตอบกลับมาเขาก็อึ้งกิมกี่

“จะมีที่ไหนดีไปกว่าห้องนอนถูกไหม ในเมื่อเธอทั้งสาวทั้งสวยอย่างนี้” อัสมาร์ตอบไปประชดพอกัน

การิมอึ้ง “ได้ถ้าคุณยืนยันอย่างนั้น คาร์..” อีกฝ่ายรับคำครับ การิมพูดต่อว่า “ไปทำกรงขังห้องนอนคุณอัสมาร์เดี๋ยวนี้ แล้วก็เฝ้าดูอย่าให้ผู้หญิงคนนี้ออกจากห้องเด็ดขาด”



“หมอนั่นมันบ้าอำนาจเกินไปแล้ว” อัสมาร์นึกอย่างเจ็บใจ ขณะฟังเสียงตอกเสียงเชื่อมเหล็กกรงขังดังทั่วห้อง ทุกทางเข้าออก แม้กระทั่งหน้าต่างและระเบียงห้องนอนถูกทำกรงขังหมด บ้าชิบ.. อัสมาร์สบถขณะยกมือกดโทรศัพท์หมายเลขภายใน โทรหาน.พ.คีรา เขาเอ่ยขอโทษที่รบกวนเวลา บอกเล่าสถานการณ์ย่อๆ พร้อมบอกขอความช่วยเหลือให้มาดูแลอาการหญิงสาว

อัสมาร์เดินกลับมาที่เตียงนอน เอื้อมมือไปอิงหน้าผากภรรยาซึ่งบัดนี้ตัวเธอรุมๆ เขาเช็ดเนื้อตัวให้หญิงสาวไปรอบหนึ่งแล้วเพื่อทำความสะอาดน้ำสกปรกจากห้องขัง ตอนถอดเสื้อผ้าให้หญิงสาวเขารู้สึกใจแป้วเมื่อเห็นรอยแผลฟกช้ำที่เกิดจากน้ำมือเขา โรซาลินาคงเจ็บมาก ก็ผิวเธออ่อนขนาดนั้น สมัยที่ใช้ชีวิตร่วมกัน เขาต้องทะนุถนอมเธออย่างมากเพราะผิวเธอบอบบาง แตะต้องคราวใดเป็นต้องแดงเป็นปื้น แล้วนับประสาอะไรกับกำปั้นและเท้าที่เขาใส่เธอไม่ยั้ง

เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ถึงซอกคอ ก่อนจะคว้ามือบางมาเกาะกุม “โรส..อย่าเป็นอะไรนะ พระผู้เป็นเจ้าโปรดคุ้มครองเธอด้วยเถอะ” อัสมาร์อธิษฐานแล้วก้มจูบหลังมือแผ่วเบา

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”

เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง พลทหารที่ถูกสั่งให้มาเฝ้าหน้าห้องนอนเขาเดินนำน.พ.คีราเข้ามา ชั่วหนึ่งที่อัสมาร์ฉุนกึก รู้สึกกลายมาเป็นผู้ต้องขังในเรือนพักตัวเอง มันเป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออกจริงๆ

พลทหารเข้ามาส่งน.พ.คีราแล้วโน้มศีรษะทำความเคารพอัสมาร์ ก่อนจะผลักประตูเรือนพักเขาออกไป น.พ.คีราเดินเข้ามาวางอุปกรณ์ทางการแพทย์ พลางว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น คุณกลายเป็นผู้ต้องขังไปด้วยหรือ” ชายสูงวัยพูดแล้วมองรอบห้องซึ่งบัดนี้คนงานเกือบสิบคนกำลังเร่งมือสร้างกรงทั่วห้องเขา

“ผมหวังว่าจะไม่ใช่อย่างนั้นหมอ” อัสมาร์ตอบสั้นๆ “ผมคงต้องรบกวนหมอช่วยตรวจเธออีกครั้ง”

น.พ.คีราพยักหน้ารับรู้ หันไปตรวจชีพจรคนไข้ วัดปรอท แล้วจัดการทำความสะอาดแผลบริเวณผ่าตัดและหลังมือ ก่อนจะเปลี่ยนผ้ากอซ เขาหันกลับมามองอัสมาร์ “ผมจะทิ้งยาแก้อักเสบให้เธอ ดูเหมือนเธอจะมีไข้ เวลาอาบน้ำอย่าให้โดนบาดแผล แล้วก็เปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน” น.พ.คีราเหลือบตามองคนงานซึ่งบัดนี้ทยอยออกจากห้องเพราะเสร็จงาน รอจนคนสุดท้ายออกไปแล้ว เขาจึงถามว่า “ไหนคุณอัสมาร์ เล่าเหตุการณ์ให้ผมฟังอีกครั้งสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครทำไมคุณถึงยอมเสี่ยงช่วยเหลือเธอขนาดนี้”

อัสมาร์บดกรามแน่น “ผมคงเล่าหมอไม่ได้”

“ทำไมไม่ได้” น.พ.คีราถอนใจ “คุณอัสมาร์ ผมยังต้องตามมาดูแลเธออีกหลายครั้งนะ ถ้าคุณไม่เล่าสถานการณ์ให้ผมรับรู้ ผมเกรงว่าครั้งต่อไปจะมาช่วยเธอลำบาก”

“เธอไม่ใช่คนร้าย หมออย่าห่วงไปเลย”

น.พ.คีราเลิกคิ้ว “ลอบเข้ามาในฐานบัญชาการอนาเซีย ทำร้ายคุณแล้วยังจะเรียกว่าไม่ใช่คนร้ายอีกหรือ”

“หมอคีราขอให้เชื่อใจผม ผู้หญิงคนนี้ถูกสถานการณ์บังคับ เธอไม่ได้อยากเป็นคนร้าย เชื่อผม”

น.พ.คีรานิ่วหน้า มองลูกชายพล.อ.ชาโตอย่างพินิจ “เธอเป็นอะไรกับคุณกันแน่คุณอัสมาร์”

“ผมบอกหมอไม่ได้ มันจะทำให้หมอไม่ปลอดภัย หลังเหตุการณ์นี้ทุกคนคงถูกเรียกตัวไปสอบ เพราะงั้นการที่หมอไม่รู้อะไรเลยจะทำให้หมอปลอดภัยเสียกว่า เอาล่ะ.. ผมต้องขอโทษที่รบกวนดึกๆ ดื่นๆ หลายรอบ แต่หวังว่าคืนนี้ไม่มีรอบที่สามอีกแล้ว” อัสมาร์พูดแล้วออกเดินนำไปส่งน.พ.คีรา

“คุณไม่ควรพักอยู่กับเธอสองต่อสอง มันจะยิ่งทำให้พลทหารซุบซิบนินทา”

“ขอบคุณหมอ” อัสมาร์พูดแล้วปิดประตู ล็อกห้อง ที่จริงเขาไม่ต้องล็อกก็ถูกล็อกจากด้านนอกอยู่แล้ว อัสมาร์ถอนใจเดินกลับมาหาโรซาลินา หน้าต่างรอบห้องบัดนี้เต็มไปด้วยกรงเหล็ก มองไปทางไหนก็ไม่เจริญหูเจริญตา เขานึกอย่างไม่ชอบใจขณะทรุดนั่งริมเตียงข้างหญิงสาว เตียงเขาขนาดคิงไซด์จึงทำให้เขาทรุดนั่งได้อย่างสบาย

“โรส คุณลอบเข้ามาในฐานอนาเซียเพื่ออะไร แล้วตลอดสองปีคุณหายไปไหนมา ทำไมผมถึงตามหาคุณไม่เจอเลย” อัสมาร์ถามแผ่วเบาแล้วก้มจุมพิตเหนือหน้าผาก ร่างบางขยับตัวก่อนจะค่อยๆ กระพือขนตาราวกับปีกผีเสื้อ

กาเซียกะพริบตาแล้วจึงมองเขาเต็มตา แต่ยังคงมีอาการสะลึมสะลือ “ขอน้ำ”

“เดี๋ยวนะโรส” อัสมาร์พูดแล้วเอี้ยวตัวไปรินน้ำ ถือประคองมาจ่อริมฝีปากหญิงสาว “ค่อยๆ ดื่มที่รัก” อัสมาร์พูดแผ่วเบาเมื่อเห็นอีกฝ่ายดื่มอักๆ หญิงสาวดื่มจนพอใจแล้วหลับตาผล็อยหลับไปอีกครั้ง ภาพนั้นทำให้อัสมาร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาหรี่โคมไฟเหนือหัวเตียง ก่อนจะเดินไปอาบน้ำและกลับมาด้วยชุดนอน

พลันที่ล้มตัวลงนอน อัสมาร์ก็ต้องชะงักเมื่อมีดคมปลาบจ่อเข้าที่คอ เขาก้มมองมีดที่อยู่ในมือโรซาลินา มันเป็นมีดเล่มที่หล่อนเคยใช้แทงเขาเมื่อสองปีก่อน เขาเก็บรักษาไว้ใต้ลิ้นชักข้างเตียงเพื่อเตือนใจให้นึกถึงหล่อน โรซาลินาคงไปค้นหาตอนเขาเข้าห้องน้ำ

อัสมาร์หัวเราะแผ่วเบา เงยหน้ามองภรรยา “คุณยังไม่หายดีนะที่รัก เก็บแรงไว้บ้างเถอะ” อัสมาร์พูดแล้วแกะมีดจากมือหญิงสาวซึ่งมันก็ออกอย่างง่ายดาย อัสมาร์วางมีดบนตัวเตียงด้านเขาก่อนจะพลิกตัวตะแคงข้างมองภรรยา

“คุณยังอ่อนเพลียอยู่มากนะโรส ดูสิหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดเชียว” อัสมาร์พูดอย่างห่วงใย ก่อนจะไล้แก้มด้วยหลังมือ

“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” กาเซียพูดด้วยน้ำเสียงแหบระโหย เสียงขาดกระท่อนกระแท่น “แล้วก็ขยับออกไปห่างๆ ฉันด้วย”

“โรส คุณเดี้ยงออกอย่างนี้ใครจะมีอารมณ์เมคเลิฟด้วย ไม่ต้องห่วงน่าผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” อัสมาร์พูดแล้วลากร่างบางเข้าอ้อมกอด “ผมแค่จะกอดกล่อมคุณให้หลับเท่านั้น คืนนี้คุณเจออะไรๆ ที่เลวร้ายมาเยอะแล้ว นอนเสียนะอัลไลลา”

กาเซียดิ้นขลุกขลักพยายามสะบัดตัวให้พ้นจากอ้อมแขนหนาแข็งแรงปานขุนเขา แต่เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงแล้วหนักตาก็หนักอึ้งเหลือเกิน ไม่กี่วินาทีถัดมาเธอก็ผล็อยหลับไปอีกครั้งอย่างฝืนตัวเองไม่ได้

“คุณอึดมากเลยนะโรส” อัสมาร์พูดอย่างอ่อนโยน โอบเอวบางด้วยมือหนึ่ง ส่วนอีกมือก็หนุนแขนต่างหมอนเพื่อจะได้พิศหน้าเธอใกล้ๆ แสงจากโคมไฟเหนือเตียงส่องให้เห็นใบหน้ารูปไข่สวยคมกำลังพลิ้มตาหลับ เธอเอียงหน้ามาทางเขาทำให้เห็นใบหน้าเธอใกล้ยิ่งขึ้น ขนตาดกหนาทาบทับนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ แม้จะหลับไหล เขาก็สามารถจินตนาการได้ว่านัยน์ตาคู่นั้นงามซึ้งแค่ไหน แล้วเขาก็ไล่สายตาต่ำยังจมูกโด่งปลายงอนแล้วริมฝีปากบางเป็นกระจับ

คิดถึงคุณเหลือเกิน..โรส อัสมาร์นึกแล้วห้ามตัวเองไม่อยู่ เขาชะโงกหน้าไปจุมพิตริมฝีปากแผ่วเบา ไล้กลีบปากเบาๆ ซึ่งบัดนี้มันแหกผากเพราะขาดน้ำ ชั่วครู่ริมฝีปากคู่นั้นก็ชุ่มชื่นขึ้น อัสมาร์เลื่อนไปจุมพิตปลายจมูกโด่งแล้วจึงถอยกลับมาพิศเรียวหน้างามต่อ

สี่ปีก่อนในคืนส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ มันเป็นคืนแรกที่เขาได้สัมผัสหญิงสาวจริงจัง โรซาลินาเป็นผู้หญิงที่หวงตัว ตลอดเวลาที่เรียนอยู่ที่อังกฤษเธอไม่เคยปล่อยตัวไม่เคยเฟลิตกับหนุ่มคนไหน เวลาไปไหนมาไหนจะต้องมีเพื่อนผู้หญิงหรือไม่ก็พี่เลี้ยงคอยติดตามอยู่ด้วยเสมอ กระทั่งเป็นภรรยาเขาแล้ว เธอจึงปฏิเสธที่จะให้พี่เลี้ยงคอยติดตาม จำได้ว่าครั้งแรกที่ร่วมรักกับโรซาลินา เธอตัวอ่อนปวกเปียกราวกับหุ่นขี้ผึ้งที่พร้อมให้เขาจับวางตรงไหนก็ได้ โรซาลินาหวานและเขินอาย แต่ในคราวเดียวกันก็พยายามเรียนรู้ที่จะตอบสนองและให้ความสุขเขา มันจึงเป็นความสุขที่เหมือนได้ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์อย่างแท้จริงสำหรับเขา

เขาคิดว่าเขาเป็นผู้ชายโชคดีที่สุด..



แดดยามรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา หน้าต่างนั้นมีผ้าม่านสีน้ำตาลอ่อนผูกรวบชายไว้อย่างดี แดดกระทบกระจกระเบียงเกิดความสว่างจ้าไปทั่วห้อง กาเซียกะพริบตาปริบๆ เธอพยายามปรับสายตาให้ชินกับความสว่างจ้านั้น สอดส่ายมองรอบห้องแล้วพลันสะดุ้งโหยงดีดตัวลุกเมื่อนึกได้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างเมื่อคืนนี้

พระเจ้า..เธอทำงานพลาด สติสัมปชัญญะกลับคืนมาพร้อมกับความรู้สึกอดสูที่ถูกจับขังคุกใต้ดิน เหตุการณ์นับตั้งแต่เธอลอบเข้ามาในฐานอนาเซีย ต่อสู้กับเขาแล้วเธอพลาดถูกยิง กระทั่งถูกจับตัวไปขังในคุกย้อนกลับมาสู่ความทรงจำ เธอเหลียวมองรอบตัวแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นอัสมาร์กำลังทำอะไรกุกกักอยู่มุมห้อง

“ตื่นแล้วหรือ” อัสมาร์ถามเสียงอ่อนโยนแล้วประคองถ้วยอาหารเสริมกำลังมาให้หญิงสาวบนเตียง “ดื่มนี่เสียหน่อย นี่เป็นโสมจากเกาหลี”

“นายทำอะไรฉัน” โรซาลินาพูดแล้วขยุ้มคอเสื้อตัวเอง

อัสมาร์เหลือบตามองชุดนอนตัวเองบนร่างของภรรยา “เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ” แล้วเขาก็ทำเสียงรอมชอม “ไม่เอาน่าที่รัก ก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าผมยังไม่ได้ทำอะไร เดี๋ยวเช้านี้ว่าจะทายาแก้ช้ำให้คุณเสียหน่อย เนื้อตัวคุณเขียวเป็นจ้ำๆ ทั่วตัวเลยรู้ไหม”

กาเซียจ้องเขาด้วยแววตาร้อนแรง ถ้าฆ่าเขาด้วยสายตาได้เธอคงฆ่าไปแล้ว “นายกล้าที่จะแตะต้องตัวฉันหรือ” กาเซียถาม ลากเสียงสูง

“ทำไมล่ะที่รัก เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณผมก็ทำมาแล้ว กะอีแค่ทายาทำไมไม่กล้า”

กาเซียกัดฟันกรอดกับการเล่นลิ้นของอีกฝ่าย เธอศึกษาประวัติศัตรูทุกคนอย่างดีก่อนออกปฏิบัติการ แต่ทำไมนะนิสัยยียวนกวนประสาท เธอเพิ่งจะมาได้ยินเป็นครั้งแรก..

“ไม่เอาน่า อย่าเพิ่งอารมณ์เสียแต่เช้า ทานโสมบำรุงร่างกายก่อนที่รัก” อัสมาร์พูดแล้วทรุดนั่งริมเตียง

“หยุดเรียกฉันว่าที่รักเสียที ฟังแล้วจะคลื่นไส้” กาเซียพูดเสียงต่ำอย่างดูถูก ขยับตัวออกห่างอัสมาร์

“อ้าว คุณท้องหรือ ไม่บอกผมจะได้ตามหมอมาดูอาการ”

“บ้าจริง..นายจะกวนประสาทฉันไปถึงไหน”

อัสมาร์หัวเราะแผ่วเบา “เปล่าหรอกยอดรัก ก็แค่อยากทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง เอาล่ะ..ไม่กวนโมโหคุณแล้ว ทานโสมนี่ก่อนแล้วค่อยคุยกัน”

“ฉันไม่กินอะไรทั้งนั้น ใส่ยาเบื่อหนูลงไปหรือเปล่า ใครจะรู้”

อัสมาร์ทำหน้าบึ้ง “โรส ผมเป็นสามีคุณนะจะทำบ้าๆ อย่างนั้นได้ไง เอ..หรือว่าที่งอแงอยู่นี่เพราะอยากให้ผมป้อน มา..ได้เลยผมยินดีป้อนให้คุณ”

“จะบ้าหรือไง” กาเซียผลักมือเขาออก ช้อนกระเด็นเปอระเสื้อเขา กาเซียมองภาพนั้นด้วยแววตาท้าทาย ดูว่าเขาจะตอบโต้กลับมาอย่างไร ทว่าอัสมาร์ก็เพียงมองหญิงสาวนิ่งๆ เขาถอนใจแล้วว่า

“โรสถ้าคุณอยากออกไปจากที่นี่เร็วๆ คุณต้องแข็งแรงให้เร็วที่สุดเข้าใจไหม นี่เป็นทางเดียวที่ผมจะช่วยคุณให้ออกไปจากที่นี่ ก่อนที่สภามนตรีฯ จะมีคำสั่งจับคุณไปแขวนคอ ข้อหาบุกฐานอนาเซียและทำร้ายผมในฐานะรัฐมนตรี โทษมันรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตเข้าใจไหม อัลไลลา”

กาเซียชะงัก เธอเหลียวขวับมองรอบตัว เห็นซี่กรงทุกบานหน้าต่าง ประตูและระเบียง ถึงเข้าใจสถานะตัวเองในฐานะผู้ต้องขัง “ฉันกำลังถูกขังในฐานะนักโทษหรือ”

“รวมถึงผมด้วย”

กาเซียมองเขาอย่างไม่เข้าใจทันที

“ผมพาคุณออกมาจากหอคอยงาช้าง.. ชื่อมันสวยหรูแต่จริงๆ แล้วมันคือคุกใต้ดินน่ะ ผมพาคุณออกมาเมื่อคืนโดยที่ไอ้กร๊วกไม่อนุญาต มันเลยขังผมพร้อมกับคุณในห้องนอนผมนี่ แต่อันที่จริงจะว่าผมถูกขังก็ไม่ถูกนัก เพราะผมยังสามารถออกไปไหนมาไหนได้ เพียงแต่ผมไม่อยากออกไปไหนเพราะเป็นห่วงคุณ เลยอยู่กับคุณตลอดเวลาที่นี่” อัสมาร์อนุญาตยาวเหยียด เขาไม่อยากอยู่ห่างหญิงสาวอีกแล้ว เพราะห่วงสวัสดิภาพเธอ เมื่อวานห่างจากโรซาลินาเพียงครึ่งชั่วโมง กลับมาเธอก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นอีก

“ทำไมคุณต้องเป็นห่วงฉัน เสี่ยงชีวิตทำถึงขั้นนั้น” กาเซียมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

อัสมาร์มองหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ดวงตาพยายามจำกัดให้อยู่แต่ใบหน้าโรซาลินา ไม่วอกแวกไปยังกระดุมเสื้อสองเม็ดบนซึ่งบัดนี้หลุดจากรังดุม เสื้อนอนเขาตัวโคร่งมันอาจพอดีกับตัวเขา แต่เมื่ออยู่บนร่างกายหญิงสาว มันกลับยาวรุ่มร่าม ลำพังกระดุมสองเม็ดที่หลุดจากรัง จึงเหมือนสามเม็ดหลุด และบัดนี้เปิดเปลือยให้เห็นไปถึงหน้าท้องแบนราบของเจ้าตัว

อัสมาร์พยายามไม่วอกแวกกับเนินอกอวบอิ่มที่โผล่วับแวมยามหญิงสาวขยับตัว พระเจ้า.. เรือนร่างของภรรยามันกระตุ้นสัญชาตญาณดิบที่เขารู้ว่ามีอยู่ในตัวให้ตื่นขึ้นมา ยามหญิงสาวขยับเผลอไผล ชายเสื้อก็ขยับตาม เผยให้เห็นปทุมสองข้างวับแวม ดูแล้วเซ็กซี่เหลือร้าย อัสมาร์รีบเลื่อนสายตาขึ้นมามอบใบหน้าคมแต่เขาพบว่ามันทรมานความเป็นชายเขาพอๆ กันด้วยใบหน้ายามตื่นนอนของโรซาลินา ราวกับเทพธิดา

พระเจ้า..โรซาลินาเซ็กซี่จริงๆ ให้ตายเถอะ..ผมยาวสลวยยุ่งเหยิง ตาคมเบิกโตเพราะการนอนหลับเต็มที่ ริมฝีปากเป็นกระจับเป็นสีชมพูสดกำลังเผลอราวกับจะเชิญชวน เขาไม่รู้ว่าอะไรกำลังทรมานกลางลำตัวเขามากกว่ากันระหว่างเรือนร่างที่เซ็กซี่และใบหน้าที่เย้ายวนเหลือร้าย

สายตาที่มองอย่างตกตะลึงงันของอัสมาร์ ทำให้กาเซียรู้สึกตัว เธอขมวดคิ้วรีบก้มสำรวจตัวเองอย่างรวดเร็ว พลันที่เห็นกระดุมสองเม็ดบนหลุดจากรังดุม เธอก็ใจหายวาบรีบตะครุบชาบเสื้อเข้าหากันทันที “นายมันโรคจิต อัสมาร์” กาเซียพูดแล้วรีบหันหลังกลัดรังดุมอย่างรวดเร็ว มือไม้เธอสั่นเมื่อพบว่าต่อให้กลัดรังดุมเรียบร้อย แต่มันก็ยังไม่เรียบร้อยอยู่ดี เมื่อบัดนี้ยอดอกเธอดันเสื้อนอนออกไปอย่างเห็นได้ชัด กาเซียข่มความอาย ยกมือกอดอกหันกลับมามองเขา

“ฉันต้องการเสื้อผ้าฉัน”

“เสื้อผ้าที่ใส่แล้วรู้ทันทีว่าเป็นขโมยน่ะหรือ” อัสมาร์ย้อน มองอาการเขินอายของภรรยานิ่งๆ

กาเซียอึ้ง “งั้นเสือผ้าอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ผ้าบางๆ เหมือนอย่างเสื้อบ้าๆ นี่”

อัสมาร์หัวเราะ “ขอโทษเถอะที่รัก บังเอิญกีซาลีอากาศค่อนข้างร้อน ผมเลยมีแต่เสื้อเชิ้ตบางๆ แต่ถ้าคุณต้องการผ้าหนาๆ เดี๋ยวผมจะสั่งให้เด็กไปหาซื้อในตลาดละกัน ว่าแต่จะเอาชุดชั้นในด้วยไหม” อัสมาร์ถามอย่างใจกว้าง

กาเซียหน้าแดงก่ำ “นายตั้งใจจะดูถูกฉันไปถึงไหนอัสมาร์”

“อ้าว..คนเขาถามเพราะหวังดียังถูกหาว่าดูถูกอีก หรือว่าคุณอยากสวมแต่เสื้อกางเกง ไม่สวมชุดชั้นในเดินโทงๆ อย่างนั้น ผมว่าก็โอเคนะสำหรับผม” อัสมาร์หัวเราะกับสีหน้าแดงก่ำอย่างโกรธจัดของภรรยา เขาเดินไปหัวเตียงกดกริ่ง ชั่วครู่เด็กรับใช้ชื่อเดหวีก็เข้ามายอบตัวหน้าเตียง

“คุณอัสมาร์ เรียกฉันหรือคะ”

“เดหวีไปซื้อเสื้อผ้าชุดผู้หญิงในตลาดให้ฉันทีนะ เลือกเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนอย่างล่ะห้าหกตัว แล้วอ้อ..ชุดชั้นในผู้หญิงด้วย เอายี่ห้อที่แพงที่สุดที่หาเจอ ไซด์สามสิบสี่ ยี่สิบสี่ สามสิบห้า แล้วก็วานไปส่งข่าวบอกกามินทร์ทีว่าฉันเจอโรสแล้ว ขอให้ออกมาจากที่นั่นด่วน”

กาเซียไม่ได้สนใจประโยคท้ายเท่ากับประโยคแรก เธอรีบก้มมองขนาดหน้าอกตัวเองทันที บ้าชิบ..นึกสบถยาวเหยียดว่าเป็นเพราะเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอเมื่อคืน ถึงทำให้รู้ขนาด กาเซียรอเด็กรับใช้ออกจากห้อง เธอจึงเหวี่ยงถ้วยโสมร้อนๆ บนหัวเตียงเขวี้ยงใส่เขา “นายกล้าดียังไง ถึงบังอาจมารู้ขนาดไซด์ฉัน”

อัสมาร์ปัดโสมที่เปื้อนเสื้อ เดินกลับมาจากภรรยา “ผมไม่จำเป็นต้องใช้ความบังอาจหรอกนะโรส นอนด้วยกันมาหนึ่งปี จำไซด์ของเมียไม่ได้ก็บ้าเต็มที”

“ฉันไม่ใช่เมียคุณ” กาเซียสวนทันควัน “แล้วก็หยุดเรียกฉันว่าโรสเสียที ฉันไม่ได้ชื่อโรส”

อัสมาร์เลิกคิ้ว “ถ้าคุณไม่ได้ชื่อโรส แล้วคุณชื่ออะไรอัลไลลา”

“หยุดเรียกฉันว่าแม่เมียรักเสียที ฉันไม่ได้เป็นเมียคุณด้วย”

อัสมาร์หลิ่วตา “ว่าไป แม่สาวกุหลาบสีเพลิงผมกำลังฟัง”

“ฉันชื่อกาเซีย”

“คุณพูดตลกอะไรน่ะโรส หน้าตาผิวพรรณอย่างนี้ทำไมผมจะจำเมียผมไม่ได้ คุณชื่อโรสไม่ใช่กาเซียมีชื่อเต็มๆ ว่าโรซาลินาเป็นภรรยาผม เราแต่งงานกันมาสี่ปีจะย่างเข้าปีที่ห้าแล้ว”

“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ชื่อโรส หยุดเพ้อเจ้อเสียที”

“คุณพูดจริงหรือ”

“พูดจริงสิ จะพูดเล่นให้ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา”

“งั้นทำไมคุณถึงหน้าเหมือนภรรยาผม เธอไม่เคยมีพี่น้องฝาแฝดที่ไหน”

“ฉันจะไปรู้หรือ”

“งั้นคุณมาทำอะไรที่นี่กาเซีย ที่ฐานอนาเซียมีอะไรที่คุณต้องการอย่างนั้นหรือ”

“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณ”

“แต่คุณต้องบอกผม” อัสมาร์ขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัว เขาไม่รู้ว่าเขาโกรธที่เธอจำไม่ได้ ไม่ยอมรับตัวเอง หรือโกรธที่เธอไม่ยอมให้ความร่วมมือตอบคำถามเขากันแน่ “ได้ยินไหมกาเซีย คุณต้องตอบคำถามผมทุกคำถาม เวลานี้คุณเป็นเชลยของผมแล้ว”

ได้..ในเมื่อเธออยากเล่นบทบาทศัตรู มากกว่าบทบาทเมีย เขาก็จะให้เธอ..กาเซีย

กาเซียเม้มริมฝีปากแน่น “เชลยหรือ? ลองปล่อยตัวฉันสิ ดูสิว่าคุณจะมีปัญญาจับฉันเป็นเชลยไหม บอกได้เลยว่าถ้าฉันไม่เจ็บอย่างนี้ คุณไม่มีปัญญาแม้จะแตะปลายก้อยฉันแน่”

อัสมาร์เลิกคิ้ว “อย่ามั่นใจตัวเองเกินไปนักยอดรัก”

“ฉันบอกว่าหยุดเรียกฉันว่าที่รัก ยอดรักหรืออัลไลลาสักที ฉันจะเอียน”

อัสมาร์มองหน้ากาเซีย แววตาที่อีกฝ่ายมองกลับมาขุ่นเคือง ใช่..เป็นแววตาว่างเปล่าราวกับคนแปลกหน้าจริงๆ อัสมาร์เริ่มหวั่นไหวว่าสิ่งที่เธอพูดอาจเป็นความจริง “ถ้าคุณไม่ใช่โรสจริงๆ คุณเกิดที่ไหนกาเซีย”

“กีซาลี ฉันเกิดและเติบโตที่นี่มาตลอด”

“คุณแต่งงานหรือยังกาเซีย”

กาเซียเลิกคิ้ว “ฉันจำเป็นต้องตอบคุณด้วยหรือ มันเรื่องส่วนตัวของฉัน”

“เวลานี้จำเป็น ว่าไงกาเซีย”

“โสด”

อัสมาร์พยักหน้ารับรู้ “คุณมาทำอะไรที่นี่” กล่าวพร้อมกับเดินไปรินน้ำเย็นดื่ม

กาเซียไม่ตอบ

“ว่าไงกาเซีย ถ้าคุณไม่ตอบก็อย่าหวังว่าจะออกไปจากห้องนี้ คุณต้องติดสภาพถูกจองจำไปจนกว่าจะขึ้นศาลอนาเซีย”

กาเซียเมินจากหน้าคมคายของอัสมาร์ สายตาจึงปะทะเข้ากับบาดแผลเหนือต้นแขน แผลนั้นพันด้วยผ้ากอซ แขนเสื้อพับเหนือหัวไหล่จึงเห็นชัดเจน อัสมาร์มองตามสายตาหญิงสาว เขาเอ่ยว่า “เป็นแผลถูกเย็บ เกิดจากคุณปาดด้วยมีด เชื่อไหม..ข้างเดียวกับสองปีก่อนที่คุณแทงผม”

อัสมาร์ตอบแล้วมองหญิงสาวจากอีกฟากของห้อง มือยังคงถือแก้วเย็น “คุณยังไม่ตอบผมกาเซียว่าลอบเข้ามาทำอะไรที่นี่ อะไรที่คุณต้องการ”

“ฉันไม่ตอบ”

อัสมาร์ถามใหม่ “งั้นสองปีก่อนคุณหายไปไหนกาเซีย หลังจากคุณแทงผมด้วยมีดอาบยาพิษแล้ว คุณหายตัวไปไหน”

“...”

“ผมขอเตือนสถานภาพคุณอีกครั้งนะกาเซีย เวลานี้คุณเป็นเชลยของผม เพราะงั้นวิธีเดียวที่คุณจะออกไปจากห้องนี้ได้ คือให้ความร่วมมือผม และผมอยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณ เริ่มจาก..คุณเป็นกุหลาบดำใช่หรือไม่..”

“ถ้าฉันไม่ตอบคุณ คุณจะทำอะไรฉันได้”

“อย่ายั่วอารณ์ผมนะกาเซีย ผมไม่ใช่สุภาพบุรุษ แล้วกับผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณผมมีวิธีร้อยแปลดที่จะทำให้คุณคายความจริง”

“งั้นก็เริ่มเลยสิ”

กาเซียพูดแล้วสะดุ้งเพราะไม่ทันสิ้นคำท้า อัสมาร์ก็ก้าวมาถึงตัวเธอ เขารวบข้อมือเธอบีบแน่น “ถ้าไม่คิดว่าคุณกำลังป่วย ผมซัดคุณไม่เลี้ยงแน่กาเซีย อย่ามาโยกโย้กับผม”

กาเซียจ้องตอบเขา พยายามไม่แสดงความรู้สึกกับมือข้างที่เขาบีบว่าเธอเจ็บแค่ไหน ร่างกายยังไม่ฟื้นสภาพเธอจึงไม่สามารถเหวี่ยงกำปั้นตอบโต้เขาได้ อย่าว่าแต่ซัดเขาเลยแม้แต่จะป้องกันตัวเอง เธอยังไม่มีแรง แม้กาเซียจะพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเจ็บ แต่ดูเหมือนไม่อาจรอดพ้นสายตาคมกริบของอัสมาร์ไปได้ ฉะนั้นเขาจึงสบถยาวเหยียดแล้วผลักตัวเธอล้มกับฟูกที่นอน

“ผมให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมงกาเซีย ครบชั่วโมงเมื่อไหร่ผมจะกลับมาเอาคำตอบจากคุณ” อัสมาร์พูดแล้วเท้าลงส้นเท้าออกไป ตั้งใจออกไปนอกห้องเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์



..............................................




จบตอน
















Create Date : 18 สิงหาคม 2550
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:02:00 น.
Counter : 434 Pageviews.

2 comments
  
-สายหาตาเรื่องทันที ==>สายตาหาเรื่องทันที

-เพียงคหนึ่งคน ==>เพียงหนึ่งคน

-ร้องครวญคราว ==>ร้องครวญคราง

-ตุ้ยหน้าท้อง ==>คำนี้ไม่แน่ใจว่าจะใช้ไม้ตรีหรือเปล่านะคะพี่อุ๋ย(สะกดตามที่ออกตามเสียงวรรณยุกต์มันเป็นแบบยี้นะค่ะ ตุย ตุ่ย ตุ้ย ตุ๊ย ตุ๋ย)

-ประชุด ==>ประชด

-ผมคงเล่าหมอไม่ได้ ==>ผมคงเล่าให้หมอฟังไม่ได้

-ตัวเตียง ==>หัวเตียง

-แหกผาก ==>แห้งผาก

-โรซาลินาพูดแล้วขย้ำคอเสื้อ ==>กาเซีย

-เปอระ ==>เปรอะ

-เลื่อนสายตาขึ้นมามอบ ==>เลื่อนสายตาขึ้นมามอง

-ชาบเสื้อ ==>ชายเสื้อ

-เดินกลับมาจากภรรยา ==>เดินกลับมาหาภรรยา

-แก้วเย็น ==>แก้วน้ำเย็น

-ร้อยแปลด ==>ร้อยแปด

-เท้าลงส้นเท้าออกไป ==>เดินลงส้นเท้าออกไป
โดย: mimny IP: 58.147.121.101 วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:0:15:35 น.
  
ขอบคุณมากค่ะน้องมิมนี่สำหรับการตรวจบรูฟ เขินจังผิดเยอะมาก ^^"

ป.ล.ต้นฉบับแก้ไขตามที่น้องมิมนี่แนะแล้วจ้า..
โดย: คณิตยา วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:3:02:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments