|
Macgyver revisit...
วันนี้ดูหนัง Macgyver อีกแล้ว เป็นสมาชิกของ Netflix นี่มันก็ดีอย่างแฮะ มีหนังเก่าๆ ให้ดูเยอะดี ยิ่งช่วงหลังๆ นี่สตูดิโอใหญ่ๆ ฮอลลีหวูดเค้าเอาซีรี่ย์ดังมาปัดฝุ่นออกขายเป็น DVD กันเป็นล่ำเป็นสัน เราเลยได้ดู Macgyver อีกครั้ง หลังจากที่เคยดูเมื่อนานมาแล้ว
เอาหนังยุคปี 80s กลับมาดูตอนปี 2000s นี่ทำให้เห็นว่ามีอะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น หน้าตา ทรงผม หรือการแต่งตัวของผู้คน รถยนตร์ที่เห็นในหนังก็ยังเป็นรถอเมริกันซะเกือบทั้งหมด มีเมอร์เซเดสโผล่มาให้เห็นประปราย แต่ไม่มากนัก เทียบกับยุคปัจจุบันที่มีรถญี่ปุ่นวิ่งเต็มไปหมดในถนนอเมริกาโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ
ในเรื่อง บ้านของตาแม็กไกเวอร์นี่อยู่แถวๆ เวนิสบีช ชานเมืองแอลเอ ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิค มีสาวๆ ใส่บิกินี่ เล่นโรลเลอร์สเก็ตอยู่ตามริมหาด ส่วนพี่แม็กของเราใส่เสื้อแจ็กเก็ตหนังตลอดเวลา ดูแล้วขัดตาพิลึก แต่ก็นั่นล่ะนะ เป็นพระเอก ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด
เอาไว้มาเล่าต่อในตอนถัดไปละกัน ตอนนี้ขอตัวไปทำการบ้านก่อน
Create Date : 03 ตุลาคม 2548 | | |
Last Update : 4 ตุลาคม 2548 12:16:38 น. |
Counter : 645 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Wristband: บ่น บ่น และ บ่น
ช่วงที่ผ่านมานี้กระแสความฮิตของแถบข้อมือ (Wristband) ในบ้านเรามาแรงเหลือเกิน คนหนุ่มสาว ถ้าจะให้ไม่ตกกระแสแล้วจะต้องมีแถบข้อมือกันคนละอันสองอัน บางคนบ้าหน่อย ใส่ทีละสี่ห้าอันพร้อมๆ กัน ดูแล้วประหลาดพิลึก อันว่าแถบข้อมือเนี่ย ฝรั่งคนต้นคิดเค้าเอาไว้แสดงออกถึงการสนับสนุนมูลนิธิต่างๆ เช่นสีเหลืองเป็นของ Live Strong ที่ก่อตั้งโดย Lance Armstrong นักจักรยานชื่อดัง ส่วนสีชมพูเป็นของมูลนิธิที่สนับสนุนการรักษามะเร็งในเต้านม หรือไม่ก็สนับสนุนแนวความคิดสำคัญๆ บ่างอย่างเช่น ต่อต้านเหยียดผิว หรืออันล่าสุดคือ ONE ที่รณรงค์ให้ความยากจนหมดจากโลก ของไทยๆ เราก็มีเช่นอันที่ช่วยเหยื่อสึนามิ อีกอันที่ควรจะมีในเร็วๆ นี้ (หรืออาจจะมีไปแล้ว) คืออันที่สนับสนุน พันธะสัญญาเกียวโต หรือไม่ก็ป้องกัน Global Warming ผมว่าการใส่แถบข้อมือนั้นเป็นการแสดงออกถึงอุดมการณ์ของผู้สวมใส่ แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ในบ้านเราใส่เพื่อไม่ให้ตกแฟชั่น แถมตอนซื้อมาใส่ก็ไม่สนใจด้วยว่าเงินนั้นจะตกไปถึงมูลนิธินั้นๆ หรือไม่ เอาเป็นว่าได้แถบข้อมือมาใส่โชว์คนอื่นก็พอแล้ว อุดมการณ์อะไรนั่นไม่สนใจหรอก มีเรื่องตลกง่าวๆ อันนึงเกี่ยวกับแถบข้อมือนี่แหละ จำได้สนิทใจ เรื่องมีอยู่ว่า มีนักข่าวไปสัมภาษณ์หนุ่มไฮโซคนนึง ถามว่าทำไมถึงสวมแถบข้อมือตลอดเวลา ประมาณว่าสนับสนุนองค์กรหรือมูลนิธิอะไรอยู่หรือเปล่า พอหนุ่มนั้นตอบมาได้สิ้นคิดมากว่า "ผมไม่ได้สนับสนุนอะไรใดๆ ทั้งสิ้น" "ที่ใส่ Wristband นี่เพราะว่าทำให้ข้อมือได้ความรู้สึกดีขึ้นเวลาตีกอล์ฟ" ง่าวสุดๆ จริงๆ ...... มีเงินซะปล่าว แต่สมองเท่าแมว แถมใจเล็กกว่ามดอีก มีเงินตีกอล์ฟได้ แต่ไม่เคยคิดจะทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นที่ด้วยโอกาสกว่า ก่อนจะทำอะไร ควรจะคิดก่อนนะครับ สิ่งทุกอย่างมันมีเหตุและมีผลในตัวมันเอง อย่าเห่อตามแฟชั่นโดยไม่รู้ที่มาที่ไปเลยครับ คนที่เจริญแล้วเค้าไม่ทำกันหรอก
Create Date : 19 กรกฎาคม 2548 | | |
Last Update : 19 กรกฎาคม 2548 11:47:04 น. |
Counter : 529 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
มาอ่านหนังสือกันเถอะ
ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือครับ อ่านเป็นล่ำเป็นสันตั้งแต่เด็กแล้ว ความดีส่วนหนึ่งคงต้องยกให้กับคุณพ่อคุณแม่และคุณป้า ที่นับเป็นนักอ่านตัวยงเช่นกัน ที่บ้านจะมีตู้หนังสือใหญ่มาก เก็บหนังสือต่างๆ ไว้รวมๆ กัน ป้าผมชอบสะสมหนังสือครับ และก็รักหนังสือมากด้วย แกจะมีกฎกติกาประจำบ้าน คือให้ยิบหนังสือมาอ่านได้ แต่ต้องถนอมมันเป็นอย่างดี ห้ามพับ และห้ามแบะ เด็ดขาด
หนังสือในตู้ทีว่าก็มีพวกนิยายไทยอมตะนิรันดร์กาล พวกคู่กรรม บ้านทรายทอง ปริศนา รัตนาวดี อะไรเทือกนั้น อ่านนิยายเสร็จ ก็ต้องมาตามดูละครทางโทรทัศน์ต่อ ดูว่าจะสร้างออกมาได้เหมือนกับที่เราจินตนาการไว้หรือไม่
นอกจากนั้นแล้ว ในตู้หนังสือนั้นก็ยังมีหนังสืออ่านนอกเวลา พวก นิกกับพิม ของท่าน ว ณ ประมวญมารค หรือไม่ก็ อยู่กับก๋ง ของ หยก บูรพา สองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชอบมากอีกเช่นกัน นิก กับ พิม อ่านแล้วได้บรรยากาศเมืองสวิส กับ บ้านนอกแบบไทยๆ นางเอกอยู่เมืองซูริค พระเอกอยู่บ้านภูเขียว
ส่วนอยู่กับก๋งนี่ภาษาสวยมาก พรรณนาโวหารสุดยอด เรียบง่าย กระชับ แต่พริ้วพรายอยู่ในที อ่านแล้วนึกถึงความสวยงามของชีวิตชนบท กลิ่นดิน ท้องฟ้ากว้าง ตลาดเก่า เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเด็กในเมืองอย่างผม
ถึงเวลาจะผ่านไปเป็นสิบๆ ปีแล้ว ทุกวันนี้ผมก็ยังอ่านหนังสืออยู่เป็นประจำ พอมีบ้านเป็นของตัวเอง เฟอร์นิเจอร์ชิ้นแรกๆ ที่ซื้อก็เป็นตู้หนังสือนี่แหละ ว่าจะสะสมหนังสือไปเรื่อยๆ กะว่าพอมีลูกหนังสือก็คงจะเต็มตู้พอดี ลูกของผมจะได้มีหนังสืออ่านเยอะๆ เหมือนกับที่ผมมีโอกาสในตอนเด็ก
ผมว่าสอนให้เด็กรักการอ่านเป็นเรื่องดีนะครับ อ่านหนังสือนั้นนอกจากจะได้ความรู้ที่มากับเนื้อหาแล้ว ยังเป็นการหัดให้ได้ใช้จินตนาการอีกด้วย
เรามาสนับสนุนการอ่านหนังสือกันเถอะครับ
Create Date : 14 กรกฎาคม 2548 | | |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2548 12:08:00 น. |
Counter : 525 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Soul Asylum: Runaway Train: RIP
วันนี้เพิ่งอ่านข่าวของหนังสือพิมพ์ Startribune ได้ความว่ามือเบสของวง Soul Asylum ชื่อ Karl Mueller ได้จากโลกนี้ไปซะแล้ว ด้วยวัยแค่ 41 ปี
Soul Asylum นั้นถือเป็นวงดนตรีท้องถิ่นของ Twin Cities มีเพลงฮิตอย่าง Runaway Train ซึ่งได้รางวัลแกรมมี่ในปี 1993
สำหรับเรา จับกีต้าร์ทีไรก็ได้เล่นเพลงนี้ทุกที ได้ข่าวนี้แล้วก็รู้สึกเศร้าแฮะ
Rest In Peace...
Create Date : 18 มิถุนายน 2548 | | |
Last Update : 18 มิถุนายน 2548 11:10:15 น. |
Counter : 509 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สวนดอกไม้ และ คนตาบอด
วันนี้ไปเที่ยว Marjorle Conservatory มา หลังจากที่ไม่ได้ไปมาซักพักนึง Conservatory นี่หมายถึงเรือนกระจกขนาดใหญ่นะ เอาไว้ปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้ด้านใน มีทั้งสำหรับเพื่อความสวยงาม และก็เพื่อการทดลอง ส่วนที่เค้าเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมได้นั้นแบ่งเป็นหลายๆ ห้อง ต้นไม้เมืองร้อน ป่าดิบแถบบ้านเราก็มีให้เห็นนะครับ ส่วนที่เค้าจัดแสดงโชว์ก็มีอย่างเช่น ห้องเฟิร์น ห้องบอนไซ และก็รวมถึงสวนญี่ปุ่นที่อยู่ด้านนอกของอาคาร ดอกไม้ที่นี่เค้าจะจัดหมุนเวียนสลับไปเรื่อยทั้งปี ตามแต่ฤดูกาลและก็เทศกาลสำคัญเช่นคริสมาสต์ เป็นต้น ช่วงที่ไปนี้เค้าถือเป็นตอนปลายของดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้สีสดๆ ก็เลยดูค่อนข้างจะโรยราไปหน่อย แต่กลิ่นหอมยังอบอวลอยู่ใช้ได้เลย
วันนี้มีคนไปเที่ยวที่ conservatory กันเยอะแยะ ส่วนนึงเป็นเพราะมีพวกเด็กๆ มัธยมปลายเค้ามาถ่ายรูปงาน prom กันนะ แต่งตัวกันสวยงาม แต่งหน้าทำผมกันเต็มที่ ทั้งชายและหญิง บางคนถึงขนาดมีการจ้างช่างถ่ายรูปอาชีพมาถ่ายเลยที่เดียวนะ ยังกะงานรับปริญญาบ้านเราเลย
คนอื่นๆ ที่มาชมก็เป็นพวกครอบครัว เข็นรถอุ้มลูกมากัน บ้างก็เป็นคุณตาคุณยายมากันสองคน เค้าอาจจะมารำลึกความหลังตอนสมัยยังหนุ่มๆ สาวๆ อยู่ก็ได้มั้ง ก็ conservatory แห่งนี้เค้าเปิดมาเกือบจะร้อยปีแล้วนะ ว่ากันว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการออกเดทของเมืองนี้เลยทีเดียว
แต่ที่สะดุดตาที่สุดเป็นจะเป็นคนตาบอดคนนึง เค้าถือไม้เท้าและมีคนช่วยดูทางมาด้วยอีกคน ท่าทางมีความสุขดี คนที่พามาเค้าก็คอยบอกว่าตอนนี้เป็นดอกไม้หรือต้นไม้อะไร สีอะไร เข้าใจว่าถึงมองไม่เห็น แต่ได้กลิ่น ก็คงรับรู้ความงามได้เช่นกัน
เห็นแล้วทำให้นึกถึงเพลงของ เฉลียง ขึ้นมาทันที "ต้นชบากับคนตาบอด" น่ะ เกือบยี่สิบปีได้แล้วมั้ง เนื้อร้องและความหมาย คมคายยิ่งนัก
------------------------------- " บอดก็เพียง สายตาเท่านั้น แต่จิตใจก็ยังผูกพันความงาม อาจจะรับ รู้ไปตาม สูดกลิ่นงาม ฟังเสียงวิไล ร่มไม้บังเงา"
ท่อนสุดท้ายยิ่งสุดยอด
" สิ่งจะงาม อยู่กับใจ บอดที่ใจ เห็นไปอย่างไรไม่มีวันงาม โลกจะสวยนั้นสวยไปตาม จิตที่งาม มองโลกสดใสไปในทางดี" -------------------------------------
วันนี้คุณมองโลกในแง่ดีแล้วหรือยังครับ

Create Date : 15 พฤษภาคม 2548 | | |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2548 7:28:12 น. |
Counter : 649 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|