Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
Ordinary Days
Postcard to Home
Sports Zone
Postcard to Home II
Trip to Vancouver
All blogs
Lady Antebellum's Need You Now and its 'Beta Version'
Happy Birthday to LEGO - 50 Years of creativity and imagination
ใกล้เลือกตั้งแล้ว อย่าลืมไปใช้สิทธิ์กันนะครับ
ผมว่าสุวรรณภูมิก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นี่ครับ
ระหว่างทางกลับบ้าน - On the way home
กลับมาจากเมืองไทยแล้ว
ปารีส วันที่สอง
มองพม่า
Minneapolis - Detroit - Paris
ไม่ได้อัพเดทบล็อกซะนาน
Johan Cruyff - the Dutch Master
Cold weekend & Chulalongkorn Alumni get together
Tian Mi Mi - Comrades, almost a love story
--- TheTraveler's Thought ---
ของฝากจากเมืองไทย
101回目のプロポーズOP~SAY YES~
เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ : Shanghai Beach
I am watching Winter Olympics!
Thai Olympian: Dr.Prawat Nagvajara
It's 5:40 PM at empty office
Sukiyaki - Ue o Muite Arukou
กลับมาแล้ว
จะไปเที่ยวแล้น
วันนี้ดู dvd : เรื่อง Fever Pitch
พ่อของผม ตอนที่ 1
บ่ายวันเสาร์
Snow Day
บิล คลินตัน กับการไหว้แบบไทยๆ
มีรูปถ่ายมาฝากให้ดูนะครับ
ร้านกาแฟ ภาค 3 (จบ)
Macgyver revisit...
Wristband: บ่น บ่น และ บ่น
มาอ่านหนังสือกันเถอะ
Soul Asylum: Runaway Train: RIP
สวนดอกไม้ และ คนตาบอด
ห้องสมุดประชาชน
ร้านกาแฟ ภาค 2: ในเมืองมหาลัย
ร้านกาแฟ ภาค 1
Priceless
Rainbow Connection
กิน Brunch ที่ Zumbro
สกี สกี สกี
กินขนมที่ร้าน Muddy Pow ก่อนวันวาเลนไทน์
ซิลเวสเตอร์ผู้มาจากกานา
คุยกับเพื่อนชาวยูเครน
Cross-country Ski
Minneapolis - Detroit - Paris
เมื่อปลายปีที่แล้วผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวปารีสกับอัมสเตอร์ดัมมาครับ ตอนนั้นเขียนไดอารี่เก็บรายละเอียดไ้ว้เยอะพอสมควร กะว่าจะเอามาเขียนเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังในภายหลัง แต่เวลาไม่ค่อยจะอำนวยเท่าไหร่นัก โครงการเลยไม่ค่อยเดินไปไหนซักที แต่ความที่ว่าพอเขียนไว้บ้าง เลยคิดว่าเอามาโพสต์ไว้ที่นี้ดีกว่า เผื่อใครไปใครมาจะได้อ่านกันบ้าง ถ้ามีเวลาแล้วผมจะเขียนต่อนะครับ
** หมายเหตุ: สรรพนามบุรุษที่หนึ่งในเรื่องจะใช้คำว่า "เรา" นะครับ เพราะเราไปเที่ยวกันสองคน (เท่านั้นเอง)
วันแรก
เราอออกเดินทางจากมินนิอาโปลิสตอนสายของวันเสาร์และก็ไปต่อเครื่องที่เมืองดีทรอยท์ มีช่วงหยุดพักไม่มากนักแต่พอจะเห็นได้ว่าสนามบินดีทร้อยท์จะมีรูปทรงออกเป็นแนวยาว ตัวเทอร์มินอลหลักเป็นเส้นตรง และก็มีรถไฟฟ้าวิ่งรับส่งผู้โดยสายตลอดทางยาวของ corridor สองข้างทางเดินมีร้านค้าร้านอาหารเต็มไปหมด สังเกตได้ว่าร้านอาหารที่ดีทร้อยท์จะหลากหลายกว่าที่มินนิอาโปลิส คงเป็นเพราะดีทร้อยท์มีคนหลายชาติหลายภาษากว่า และก็สนามบินที่ดีทร้อยท์มีจำนวนผู้โดยสารเยอะกว่าที่มินนิอาโปลิสมาก
ตอนแรกเรากะว่าจะมานอนเอาแรงบนเครื่องบินเพราะว่าระยะเวลาบินจากดีทร้อยท์ไปปารีสมันประมาณแปดชั่วโมงกว่าๆ แต่พอเอาเข้าจริงก็ได้นอนบนเครื่องประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้นเองเนื่องจากมัวแต่นั่งเล่นเกมกับดูหนังเลยไม่ได้นอนพอดี
ฝนตกพรำๆ ตอนไปถึงที่สนามบิน Paris Charles de Gaulle (CDG) แต่อากาศไม่ได้หนาวเย็นจนเกินไป ออกจะชื้นๆ หน่อยและก็มีเมฆมาก ตอนเครื่องจะแลนดิ้ง เรามองออกไปทางช่องหน้าต่าง มองเห็นต้น cypress เป็นพุ่มเรียวๆ สูงๆ เหมือนที่เห็นในภาพเขียนดูแล้วแปลกตาดี
พิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่ CDG ไม่ได้ซับซ้อนยุ่งยากมากนักเทียบกับที่อเมริกา และก็รวดเร็วมาก เจ้าหน้าที่เค้าถามแค่ว่าจะมาเที่ยวกี่วันและจะเดินทางต่อไปไหนบ้าง แค่นั้นเอง จากนั้นก็ออกมายืนรอ shuttle bus ที่ด้านนอกของเทอร์มินอล เราจอง shuttle bus ผ่านทางอินเตอร์เน็ตมาตั้งแต่ก่อนจะออกเดินทาง คิดว่ามันน่าจะสบายกว่านั่งรถไฟเข้าไปในเมืองด้วยตัวเอง
shuttle bus เป็นรถแวน VW คันใหญ่ นั่งได้ 8 คน เรากะดาวนั่งด้านหน้าติดกับคนขับ ด้านหลังเป็นนักท่องเที่ยวอเมริกันอีกหกคน ส่วนคนขับท่าทางสุภาพเรียบร้อย หน้าตาออกไปทางอาหรับ พูดภาษาอังกฤษชัดเปรี๊ยะ และก็เหน็บหูฟัง iPod ไปตลอดทาง ปาริสเป็นเมืองใหญ่ มีคนมากมายหลายชาติหลายภาษา เค้าว่ากันว่ามีความหลากหลายของผู้คนและวัฒนธรรมยิ่งกว่าที่ NYC ซะอีก จริงหรือเปล่าคงต้องลองติดตามดู
คนขับวนรถออกจากเขตสนามบินเข้าไฮเวย์ซึ่งมีรถวิ่งเยอะมาก แต่ละคันดูแปลกตาด้วยรูปทรงและก็สีสรร รถที่นี่ส่วนใหญ่คันเล็กดูคล่องแคล่วดี รถแวนของเราวิ่งได้พักนึงก็เข้าเขตเมือง บ้านคนเริ่มหนาแน่นขึ้น มีห้างสรรพสินค้าแบบ big box retail ให้เห็นอยู่ประปราย สลับกับอพาร์ตเมนต์หรือคอนโดมิเนียมที่กระจายกันอยู่ออกไปตามเนินเขาเตี้ยๆ สองข้างทาง
ความรู้สึกแว่บแรกที่เห็นเขตชานเมืองของปารีสคือ มันคล้ายกรุงเทพฯ ในแง่ของความไม่ค่อยเป็นระเบียบนักของสิ่งปลูกสร้าง คือมีตึกสูงเตี้ยอยู่สลับกันไปหมดและก็หน้าตาไม่ค่อยกลมกลืนกันนัก คือมีทั้งใหม่และเก่าคละกันไป แต่ของปารีสดูจะวางผังเมืองได้ดีกว่าบ้านเรา ขณะที่นิวยอร์คนั้นรูปตึกอาคารส่วนใหญ่จะคล้ายกันคือออกทึมๆ เหมือนกันไปหมด ก็ไม่รู้ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากันนะ
จากนั้นรถวิ่งผ่านถนนวงแหวนเข้าสุ่เขตปารีสชั้นใน คราวนี้ตึกรามบ้านช่องจะดูดีขึ้นมาก เค้าน่าจะมีกฏระเบียบห้ามดัดแปลงอาคารเก่านะ เพราะตึกเกือบทั้งหมดจะมีหน้าตาออกไปในทางเดียวกัน และส่วนใหญ่จะมีความสูงไล่เรี่ยกัน ไม่มีตึกสูงมากๆ ให้เห็นเกะกะสายตา รถเราวิ่งผ่านกลางเมืองปารีสได้พักนึงก็ข้ามสะพานไปยังฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Saine และอีกไม่นานนัก็ถึงโรงแรมของเรา
โรงแรมของเราอยู่ตรงรอยต่อของเขต Arrondissement ที่ 6 กับ 13 บนถนน St.Marcel ใกล้กับสถานีรถใต้ดิน Le Goublin ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Saine นับว่าไม่ไกลจากศูนย์กลางของปารีสมากนัก โรงแรมเป็นโรงแรมเล็กๆ หกชั้น มีห้องซักประมาณ 40 ห้องเห็นจะได้ ชั้นล่างเป็น Front Desk และก็มีห้องอาหารเช้าอยู่ด้านหลังออกไปนิดนึง พนักงานต้อนรับที่ Front Desk เป็นหนุ่มน้อยอารมณ์ดี พูดอังกฤษคล่องแคล่วมีแอ็กเซ่นฝรั่งเศสเล็กน้อย ความที่เราไปถึงโรงแรมก่อนเวลา Check-in เค้าเลยแนะนำให้ไปเดินเล่นแถวนั้นก่อนซักหนึ่งชั่วโมงแล้วค่อยกลับมา จะได้รอให้เหมดเข้าไปจัดเตรียมห้องให้ก่อน เราเลยทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้ที่โรงแรมและก็ออกเดินเท้าสำรวจบริเวณรอบๆ แถวนั้น กะว่าจะไปหาซื้อตั๋วรถไฟเตรียมไว้จะได้ไม่เสียเวลา เพราะวางแผนไว้แต่แรกแล้วว่าจะไปเดินแถว Montmarte ในบ่ายวันแรกนี้แหละ
สถานีรถใต้ดินอยู่ตรงสี่แยก ใกล้กับโรงแรมมาก เดินแค่ห้านาทีก็ถึงแล้ว ตรงสี่แยกมีร้านค้า ธนาคาร และก็ร้านอาหารเยอะแยะ มีกระทั่งแม็คโดนัลด์และร้านจีน ดูแล้วคงไม่อดตายแน่นอน เราซื้อตั๋วรถไฟเสร็จก็ตัดสินใจเดินเลี้ยวขวาข้ามถนนไปดูตลาดนัดเล็กๆ ที่อีกฝั่งหนึ่งของถนน มีร้านขายขนนตั้งอยู่เรียงราย สลับกับร้านขายงานศิลปะพวกภาพเขียนหรือรูปปั้นขนาดต่างๆ แต่ไม่ค่อยมีคนเดินดูมากนัก ไม่ไกลจากนั้นมีจตุรัสขนาดย่อมๆ มีนักดนตรีเล่นเพลงโดยใช้แอคคอร์เดียน และก็มีคนจับคู่เต้นรำอยู่หลายคู่เหมือนกัน ความที่ว่าวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ และอากาศดี ท้องฟ้าใสหลังจากฝนตก ก็เลยมีผู้คนออกมาเดินเล่นข้างนอกเยอะ ทำให้บรรยากาศแถวนั้นครึกครื้นไม่น้อย พอเดินเลยออกไปหน่อยถนนกว้างก็กลายเป็นตรอกแคบ ที่เต็มไปด้วยร้านค้า พวกร้านขายเนื้อ ชีสและขนนต่างๆ ดูแล้วรู้สึกว่าย่านนี้น่าจะเป็นตลาดที่คนเมืองเค้ามาซื้อหาอาหารสดกัน ถือถุงใส่ขนมปังฝรั่งเศสก้อนยาวๆ เราเดาเอาว่าไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก
เดินเตร่ไปมาได้ซักพักก็ถึงเวลากลับไปโรงแรม เราได้ห้องบนชั้นสี่อยู่ตรงหัวมุมของถนนเล็กตัดกับถนนใหญ่ St.Marcell มองออกจากระเบียงจะเห็นถนนใหญ่วิ่งออกไปไกล และก็เห็นทัศนียภาพของกรุงปารีสได้ดี นับว่าไม่เลวทีเดียว
ห้องพักมีขนาดเล็กมากถ้าเทียบกับมาตรฐานอเมริกัน วางเตียงคู่ขนาด queen size ลงไปก็เกือบจะเต็มห้องแล้ว มีที่ให้วางกระเป๋าเดินทางอีกนิดหน่อย ฝรั่งอเมริกันมาเห็นเข้าคงมึนไปเหมือนกัน แต่เราว่านี่แหละถือว่าดีแล้ว ใช้เนื้อที่ได้คุ้มค่าดีทุกตารางนิ้ว ในห้องมีตู้เสื้อผ้าขนาดย่อม และโต๊ะทำงานที่หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง และก็มีทีวีแบบจอแบนแขวนอยู่บนผนัง ส่วนห้องน้ำอยู่แยกออกไปอีกทางนึง ห้องน้ำกว้างขวางสะดวกสะบายมาก ผนังและเครื่องสุขภัณฑ์ทาสีขาวล้วนทำให้ดูโปร่งตาขึ้นไปอีก โดยรวมๆ เราว่าเป็นห้องพักที่ดีใช้ได้เลย
หลังจากจัดของเข้าห้องพักเรียบร้อย ก็ได้เวลาออกเที่ยวซะที จุดหมายแรกของเราในวันแรกนี้อยู่ที่ Sacre Couer ในย่าย Mont Marte ทางด้านตอนเหนือของเมือง
เรานั่งนรถไฟใต้ดินจากสถานีแถวที่พัก ผ่านใจกลางเมืองไปต่อสายที่สอง และก็ไปถึงจุดหมายปลายทาง ใช้เวลาทั้งหมดประมาณครึ่งชั่วโมง เรื่องรถไฟใต้ดิน หรือที่เค้าเรียกกันว่า Metro นี้มีเรื่องประทับใจจะเล่าให้ฟังอีกเยอะ เอาไว้ว่ากันวันหลังละกัน ถ้าไม่ลืมไปซะก่อนนะ
Sacre Couer นี้เป็นโบสถ์ใหญ่สีขาวสร้างมาไม่นานนัก น่าจะประมาณร้อยกว่าปีเท่านั้น ทำเลที่ตั้งสวยมากเพราะอยู่บนเนินสูงซึ่งว่ากันว่าเป็นเนินที่สูงที่สุดในเขตเมืองปารีส ความที่ที่ตั้งอยู่บนที่สูงอย่างนี้นี่เองที่ทำให้ Sacre Coure มองเห็นได้จากแต่ไกล และในทางกลับกันถ้าไปยืนอยู่ที Sacre Couer ก็จะมองเห็นออกไปรอบๆ ปารีสได้ไกลมากเช่นกัน
จากสถานีรถไฟ เราเดินลัดเลาะขึ้นเนินผ่านถนนเล็กที่มีร้านค้า ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกอยู่เต็มสองข้างทาง มีนักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่ เดินได้พักนึงก็จะถึงบริเวณ plaza ชั้นแรก ตรงนี้เรามีทางเลือกสองทางคือจะนั่งรถรางขึ้นเขาไปจนถึงโบสถ์หรือจะเดินนับขั้นบันไดขึ้นไปเอง (เหมือนกับตรงวันพระธาตุดอยสุเทพที่เชียงใหม่) เราเลือกจะเดินบันไดเพราะเห็นว่ามันไม่ค่อยจะสูงนัก และก็ไม่อยากต้องไปรอคิวขึ้นรถราง
พอเดินขึ้นไปถึงเกือบถึงด้านบนสุด จะมี plaza เล็กๆ อีกอันนึง ติดกับบันไดกว้างที่เป็นทางขึ้นไปสู่ตัวโบสถ์ มีพวกนักดนตรีมาเปิดการแสดงย่อยๆ พวกเล่นกีต้าร์ร้องเพลง คนนั่งฟังกันเต็มขั้นบันไดกว้างที่อยู่ด้านหน้าโบสถ์ จากจุดนี้มองออกไปทางทิศใต้จะเห็นตัวเมืองปารีสไปสุดสายตา มองเห็นหอไอเฟลอยู่ลิบๆ และถ้ามองเลยไปทางขวาอีกนิดจะเห็น La Defence อันเป็นย่านตึกสูงที่อยู่นอกเขตเมืองปารีสออกไปหน่อย มีคนมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกดินกันเยอะมาก บรรยากาศคงจะโรแมนติคไม่น้อยถ้าไม่ติดที่จำนวนนักท่องเที่ยวมากมายแถวนั้น เราเดินถ่ายรูปอยู่แถวนั้นได้พักนึงอากาศก็เริ่มจะเย็นลง ก็เลยเดินเข้าไปในโบสถ์ดูซะหน่อยว่าข้างในมีอะไร เค้าห้ามถ่ายรูปด้านในนะ นัยว่าเพื่อความเงียบสงบของศาสนสถาน ภายในโบสถ์ถือว่าตกแต่งได้อลังการณ์พอประมาณ และก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวอีกเช่นกัน
เสร็จจากการทัวร์ดูโบสถ์ก็ถึงรายการต่อไป เรานั่งรถไฟอ้อมไปยังทิศตะวันตกของเมืองปารีส จุดหมายของเราคือหอไอเฟลซึ่งอยู่ริมแม่น้ำ Saine ตอนนั้นเริ่มได้เวลาพลบค่ำแล้ว อากาศก็เริ่มจะเย็นลงเรื่อยๆ ขึ้นจากสถานีรถไฟใต้ดินมาปุ๊บก็เห็นหอไอเฟลอยู่ไม่ไกลออกไปนัก เดินแค่ไม่เกินสิบนาทีก็ไปถึง พอฟ้ามืดแล้วเค้าจะเปิดไฟประดับหอไอเฟลให้กลายเป็นสีเหลืองทอง สลับกับเปิดไฟระยิบระยับเต็มโครงสร้าง ดูแล้วแปลกตาและสร้างสรรไปอีกแบบ ความที่นักท่องเที่ยวเยอะก็เลยมีพ่อค้านำของที่ระลึกมาขายเต็มไปหมด ที่เห็นมีมากที่สุดเห็นจะเป็นหอไอเฟลจำลองทำจากพลาสติกและก็ติดหลอดไฟไว้ข้างในเป็นสีต่างๆ แต่เท่าที่ดูก็ไม่เห็นจะมีใครซื้อซักเท่าไร เห็นจะมีแต่คนขายเป็นส่วนมาก
เราเดินถ่ายรูปอยู่ใต้ฐานของหอไอเฟลได้พักใหญ่ๆ ก็ถึงเวลากลับ ตัดสินใจไม่ขึ้นไปด้านบนเพราะเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวันแล้ว ประกอบกับอากาศเริ่มจะเย็นลงอย่างรู้สึกได้ชัดเลยคิดว่ากลับโรงแรมไปพักผ่อนดีกว่า พรุ่งนี้ยังมีอะไรๆ ให้ดูอีกเยอะ
ขากลับเรานั่งรถไฟจากหอไอเฟลที่อยู่ด้านตะวันตกของเมือง อ้อมลงมาทางใต้แล้วมาต่อรถอีกสายนึงที่สถานี Place d'italie ก็จะถึงโรงแรมตรงย่าน Les Gobelins พอดี
อาหารเย็นสำหรับวันแรกนี้คือบิ๊กแม็กจากแม็กโดนัลด์ที่อยู่ใกล้ๆ โรงแรมนั่นเอง เมนูไม่ค่อยเหมือนกับที่อเมริกาซะทีเดียวนัก คนขายก็ไม่ค่อยจะพูดภาษาอังกฤษเท่าไหร อาศัยว่าคุณภรรยาเราพอจะพูดฝรั่งเศสได้บ้างเลยเอาตัวรอดไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เราซื้อแล้วเอากลับมากินในห้องที่โรงแรม มองออกไปข้างนอกชมมหานครปารีสยามค่ำคืน ถนน St.Marcel ตรงหน้าโรงแรมก็เปิดโคมไฟถนนสว่างไสวตลอดถนน บรรยากาศดีไม่เลวเลยสำหรับค่ำวันแรกในปารีสของเรา
Create Date : 12 สิงหาคม 2550
Last Update : 12 สิงหาคม 2550 12:16:34 น.
1 comments
Counter : 634 Pageviews.
Share
Tweet
หวัดดีพี่โจ้ มีบล๊อกไม่บอกกันเลยนะ รูปสวยๆทั้งน้าน
โดย:
New Brighton
วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:13:20:16 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
hvacboy
Location :
Minneapolis, Minnesota United States
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
www.
flick
r
.com
This is a Flickr badge showing photos in a set called
Twin Cities
. Make your own badge
here
.
Friends' blogs
วังน้อย
ลำพูริมน้ำ
...Minoru...
tukata001
กิ่งไม้ไทย
woodchippath
Miss Starbucks
เฉลียงหน้าบ้าน
Hana*
jaa_aey
New Brighton
Webmaster - BlogGang
[Add hvacboy's blog to your web]
Links
Gallery at pbase
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.