ช่วยด้วยครับ ผมเกิดใหม่เป็นลูกชายประมุขพรรคมาร รีวิว
ผู้แต่ง: anonymouslycatสำนักพิมพ์: SENSE ตอนที่หยิบนิยายเรื่องนี้มาอ่าน ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าแค่ว่า นี่เป็นนิยายจีนย้อนยุคอันว่าด้วยเรื่องการกลับมาเกิดใหม่อีกเรื่องนึงแล้วสินะ อ่านไปซักพักนั่นแหละค่ะ ถึงเพิ่งมารู้ว่าคนแต่งเป็นผู้หญิงแถมเป็นคนไทยด้วย เซอร์ไพรส์มากค่ะ หลายคนอาจจะแบบ อะไรกัน อ่านนิยายตั้งมากมาย แค่นี้ยังแยกไม่ออกอีกรึไง ชื่อคนแต่งก็อยู่บนหน้าปกขนาดนั้น แหม... มันก็ใช่ล่ะค่ะ แต่บางทีเวลาที่เราไปซื้อนิยายอ่านซักเรื่องโดยที่ไม่มีเป้าหมายอะไรเลยเนี่ย การจะเลือกหยิบซื้อเรื่องไหนมาอ่าน บางทีเราก็เผื่อใจเอาไว้เหมือนกันแหละค่ะว่า มันอาจจะสนุกถูกใจหรือไม่ก็ได้ โอเคว่าเรื่องราวก็สำคัญเหมือนกัน นักเขียนบางคนเราก็เลือกงานของเขามาอ่านโดยไม่ลังเลก็จริง แต่บางเรื่องเราสุ่มเอาจากเรื่องย่อด้านหลังเท่านั้นแหละค่ะ แล้วก็เหมือนจับฉลากน่ะ เราอาจจะได้ของที่ถูกใจหรือไม่ก็ได้ ใช่ไหมล่ะคะ ถ้าได้เรื่องที่ดีก็คือว่าโชคดีไป ถ้าไม่โอเค อย่างน้อยก็ยังได้อ่านและได้รู้ว่ามันไม่ค่อยโอเคยังไง ไม่เสียเปล่าหรอกค่ะ ปรากฏว่าพออ่านไปได้ไม่กี่หน้า เราชอบเลยนะ เรื่องราวรายละเอียดยังไม่ต้องไปลงลึกอะไรหรอก เราชอบภาษาในการเขียนค่ะ คือมันวายป่วงมาก มันตลกมากด้วย แล้วเราชอบในความที่แบบคนเขียนชัดเจนดีน่ะค่ะ คือจะเอาก็เอาให้สุดไปเลย แล้วสำเร็จด้วยนะ เราอ่านวันเดียวจบเลยเรื่องนี้ทั้งๆ ที่เล่มหนามาก พอดีมีแค่เล่มเดียวด้วยล่ะค่ะ แล้วเราก็รู้สึกว่าเล่มเดียวนี่แหละ กำลังพอดีเลยสำหรับเรื่องนี้โอเค จริงอยู่ว่า นี่เป็นเรื่องของการกลับมาเกิดใหม่ของผู้ชายคนนึง (อีกแล้ว) ก็จริง ซึ่งถ้าเราคิดจะอ่านนิยายแนวนี้ บางทีเราอาจจะต้องเลิกตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้เสียที ปกหลังเค้าก็เขียนบอกเล่าเรื่องราวสั้นๆ อยู่ เราไม่อยากอ่านแนวเกิดใหม่แบบนี้ก็ไม่ต้องอ่าน แต่ลองถ้าคิดจะหยิบมาอ่านแล้ว เราสู้เอาเวลาไปดูดีกว่าว่า เค้าจะสร้างสตอรี่ขึ้นมายังไงให้น่าสนใจจนเราต้องตามอ่านจนจบอย่างนี้ดีกว่าสำหรับเรื่องนี้นะคะ นายเอกของเราน่ะ คือ บ.ก. ที่มีหน้านี่พิจารณานิยายที่ถูกส่งเข้ามาว่าควรจะได้รับการตีพิมพ์หรือไม่ของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง พอดีอีตา บ.ก. คนนี้เป็นพวกโหมทำงานหนัก แล้วก็ได้ทำงานหนักจนตายจริงๆ โดยก่อนตายก็กำลังพิจารณานิยายเรื่องหนึ่งที่เจ้าตัวอ่านแล้วหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่มีวันยอมให้นิยายไม่ได้เรื่องเล่มนี้ตีพิมพ์เด็ดขาด แย่ขนาดนั้นล่ะนะคะ สุดท้ายวิญญาณของเธอก็ลงมาเกิดใหม่ในร่างของตัวประกอบตัวหนึ่งของนิยายที่ไม่ผ่านการแอพพรูฟเรื่องนั้น แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง ก็ย่อมต้องได้ล่ะค่ะ ถ้านิยายเรื่องนั้นถูกเขียนยึ้นโดยฝีมือของเทพแห่งโชคชะตาที่มีงานอดิเรกอยากจะเป็นนักเขียนกับเขาขึ้นมาซะงั้น เป็นไงล่ะ เรื่องเกิดใหม่กลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย เจอมุขนี้เข้าไปตัวประกอบที่ว่านี้ชื่อ จ้าวหลี่หมิง เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของประมุขพรรคมารผู้เลื่องลือ จ้าวเจิน เรียกว่าพ่อใหญ่มาก อำนาจบารมีไม่ต้องพูดถึง แถมยังรักและตามใจลูกชายสิ้นดี จ้าวหลี่หมิง ในเรื่องที่จริงกระโหลกกะลามากนะคะ เป็นตัวประกอบไร้ประโยชน์โดยแท้ แถมบ้ากาม เมียเยอะ วิชาอะไรก็ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย คือเวลาเราอ่านเจอตัวละครแบบนี้ ส่วนใหญ่ถ้าไม่กลับตัวก็ต้องตายระหว่างการดำเนินเรื่องอยู่ดีค่ะ แต่นี่นายเอกของเราอุตส่าห์กลับมาเกิดใหม่ในร่างนี้ทั้งที ใช่ไหมคะ จะมาตายง่ายๆ คงไม่ได้แล้วล่ะ แต่ที่ตลกก็คือ แทนที่นางจะทำตัวเด่นๆ ฝึกวิชา มีพลังความสามารถพิเศษเหมือนคนอื่นๆ เขา แต่นางกลับชอบทำตัวโลว์โพรไฟล์อย่างยิ่ง ชีวิตวันๆ ไม่ทำอะไร ไม่ทำตัวเกกมะเหรกด้วยนะ แต่ในเมื่อความสามารถอะไรก็ไม่มี แถมย้อนยุคกลับมายังมีปัญหาเรื่องสุขอนามัยที่เจ้าตัวไม่อาจจะปล่อยผ่านได้เลย นั่นก็คือการสร้างส้วมที่มีประสิทธิภาพขึ้นพร้อมสายฉีดตูด มันมาเอะใจอีตอนอ่านเจอสายฉีดตูด แล้วจนกระทั่งบอกว่าชีวิตที่แล้วอยู่กรุงเทพฯ นี่แหละ เงิบเลยค่ะ แต่ก็ทำให้ตลกหนักไปอีกแต่แม้จะมองว่าตัวเองเป็นตัวประกอบ เพราะดันไปเจอเข้ากับอู๋เฟยหลง ลูกชายประมุขพรรคธรรมะเข้าตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย อู๋เฟยหลงที่แก่แดดแก่ลมมาแต่เด็ก ก็ดันถูกอกถูกใจจ้าวหลี่หมิงที่อายุมากกว่าไม่กี่ปีเข้า พอโตขึ้น อู๋เฟยหลงก็หมายใจอย่างยิ่งว่าจะเอาจ้าวหลี่หมิงมาเป็นคู่ให้ได้ พร้อมๆ กันนั้นก็ได้เกิดเรื่องราวกระทบกระทั่งระหว่างฝ่ายธรรมะกับฝ่ายมารไปตลอดทั้งเรื่อง ด้านพระเอกนายเอกก็ค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์กันไปด้วย ระหว่างนั้น เราก็จะได้ทำความรู้จักตัวละครหลักทั้งสองตัวลึกซึ้งขึ้นมากเหมือนกัน เพราะอะไรจ้าวหลี่หมิงถึงได้สมองช้านักเรื่องความสัมพันธ์ อะไรจะไม่รู้เนื้อรู้ตัวขนาดนั้น แล้วเพราะอะไรถึงได้ไม่ชัดเจนนัก ในขณะที่อู๋เฟยหลง ที่ใครๆ ต่างก็มองว่าเขาช่างวิเศษ สมบูรณ์แบบ แท้ที่จริงเขาต้องเจอกับอะไร และความรู้สึกที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไรกันแน่ แล้วเพราะอะไรหนอ คนสมบูรณ์แบบในสายตาใครๆ ถึงได้หมายตาคนกากๆ อย่างจ้าวหลี่หมิงได้ นี่เป็นเรื่องที่คนอ่านอย่างเรา ต้องค้นพบด้วยตัวเองค่ะแม้การดำเนินเรื่องจะไม่ได้ซับซ้อน เออ... แต่จริงๆ ก็แอบซับซ้อนอยู่เหมือนกันนะ ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเป็นความซับซ้อนที่แทรกความเบาสมองไปเรื่อยๆ ให้เราได้หัวเราะไปได้ตลอดจริงๆ คนอื่นจะยังไงไม่รู้นะคะ แต่เรานี่ถึงกับหัวเราะน้ำตาไหลเลย ประเด็นนึงที่เราชอบมากและโดนใจเรามากก็คือประเด็นของฝ่ายธรรมะและฝ่ายมารนี่ล่ะค่ะ จำได้ว่าเคยเขียนมาตั้งแต่ตอน ปรมาจารย์ฯ แล้วว่า ตกลงที่ฝ่ายที่อ้างว่าเป็นฝ่ายธรรมะมักอ้างว่าถูกต้อง ชอบธรรมนั้น แท้ที่จริงมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เหรอ เรื่องนี้ก็เลยเอามายำให้เห็นชัดขึ้นไปอีกว่า จริงๆ พวกฝ่ายอธรรมหรือฝ่ายมารน่ะ ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย คนธรรมดาสีเทาๆ ทั่วไปนั่นแหละ แถมยังตลกคาเฟ่ จังหวะซิตคอมมันทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวหลัก ตัวรอง หรือตัวประกอบ ส่วนฝ่ายธรรมะนั้น มันไม่เคยฟังอะไรเลย เผลอๆ เป็นฝ่ายที่เหมาโหลฝ่ายมารไปอีกว่า ได้ชื่อว่าเป็นมารยังไงก็เลว ไม่มีใครดีซักคน นายเอกของเราถึงได้ซัฟเฟอร์มาแต่เล็กๆ เพราะเวลายื่นมือไปช่วยใคร พอคนเห็นการแต่งตัวด้วยชุดสีเข้มๆ เป็นสีแดง สีดำมาอย่างนี้ โดนมองทันทีว่าพวกพรรคมารแน่ๆ นี่มาทำร้ายกลั่นแกล้งผู้คนนี่นา โดนกล่าวหายังไม่พอ เจออิพวกธรรมะเข้าไปอีก ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จ้องแต่จะทำร้ายอยู่เสมออีกต่างหากมันตลกตรงที่คนเขียนบรรยายออกมาให้เห็นภาพกันแบบชัดๆ ไปเลยว่า โคตรจะไม่มีเหตุผล ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น เกิดอะไรขึ้นเป็นต้องโยนมาให้เป็นความผิดของพรรคมารอยู่ร่ำไป นายเอกเราถึงได้เบื่อแสนเบื่อ เวลาออกไปไหนมาไหน เลยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นสีอ่อนๆ ซะ จะได้ไม่ต้องมีปัญหามาก มันตลกตรงนี้แหละค่ะ ตรงที่พอเปลี่ยนสีเสื้อผ้า คนก็พร้อมจะเชื่อแล้วว่าไม่ใช่พรรคมาร โคตรจะตัดสินคนที่ภายนอกแบบไม่คิดหอกอะไรทั้งสิ้นเลย ตลกร้ายจริงๆเราชอบคาแร็กเตอร์ของ จ้าวหลี่หมิง นายเอกของเรามาก เพราะว่านิสัยใจคอจริงๆ ก็คือชายหนุ่มสายเกรียนปกติในสังคมทั่วไปเรานี่แหละ แต่คนนี้พิเศษตรงที่เป็นคนที่มาสายหนังสือ ความคิดอ่าน ความช่างแซะ ช่างประชดประชัน ช่างสังเกตสังกามาเต็ม อ่านๆ ไป จะรู้สึกเหมือนนางเป็นน้องชายข้างบ้านเรานี่แหละ ด้านอู๋เฟยหลง ตอนแรกนึกว่าจะมาแนวสายหล่อเพอร์เฟ็กต์ อ้าว จริงๆ นี่ก็มีปมนี่หว่า แถมช่างวางแผนแล้วก็รักจ้าวหลี่หมิงเอามากจริงๆ แล้วในเรื่องนี้ นอกจากเจ้าหลี่หมิงที่กลับมาเกิดใหม่ ยังมีหนุ่มสาวชาวไทยที่ได้มาเกิดใหม่ในร่างของตัวละครในนิยายเรื่องนี้อีก ซึ่งพูดเลยว่าตลกมาก เราชอบตัวละครเหล่านี้มาก แต่ก็ไม่อยากจะสปอยล์มากไปกว่านี้ เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์ เพราะแต่ละคนล้วนมาเกิดอยู่ในร่างที่ไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่งเลยล่ะค่ะไม่เพียงเท่านั้น คนเขียนยังสมนาคุณเพื่อนนักอ่านด้วยการจับคนนั้นมาคู่คนนี้ได้อย่างสนุกสนานอีก คือเก่งนะคะที่สามารถใส่รายละเอียดเรื่องราวขนาดนี้ลงไปในนิยายเรื่องนี้ได้ แต่บางจุด บทจะไม่ใส่ใจกะมันก็ทำซะโจ่งแจ้ง เช่นเรื่องชื่อสำนักต่างๆ ก็เล่นมันง่ายๆ เลย คือเอามันง่ายๆ แต่อ่านแล้วดันรู้ด้วยนะว่า นี่มันฝ่ายธรรมะแหละงิ ตอนอ่านนิยายเรื่องนี้จบ นอกจากจะรู้สึกว่ามันตลกมากยังคิดด้วยว่ามันเป็นนิยายที่กวนตีนมากจริงๆ แต่เราก็สนุกกับมันมากเลย สมความตั้งใจของคนเขียนเขานั่นแหละค่ะไปหามาอ่านได้นะคะ รับรองไม่ผิดหวัง นิยายเรื่องนี้ให้ความบันเทิงได้แบบเต็มอิ่มจุใจค่ะ หัวเราะบ้าตายกันไปข้างนึง นี่เรายังคิดว่าจะเอากลับมาอ่านใหม่อีกรอบเลย ชอบขนาดนั้น ใครที่ลังเลว่าควรจะซื้อมาอ่านดีไหม ซื้อเถอะค่ะ ยิ่งถ้าอยากอ่านอะไรสบายๆ ตลกๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีวางพล็อตที่ค่อนข้างดี ไม่ใช่มาแบบหลวมๆ ไม่มีที่มาที่ไปอะไรเสียเลยแบบนั้นด้วยล่ะค่ะ เราแนะนำนะคะขอให้อ่านสนุกและอย่าลืมติดตามเรื่องต่อไปกันค่ะ
ตัวร้ายอย่างข้า... จะหนีเอาตัวรอดยังไงดี รีวิว
ผู้แต่ง: โม่เซียงถงซิ่วแปล: ลาเวนเดอร์สำนักพิมพ์: SENSE กว่าจะตั้งหลักหยิบ ตัวร้ายอย่างข้า... จะหนีเอาตัวรอดยังไงดี ขึ้นมาเขียนถึงได้เนี่ย ต้องรวบรวมพลังใจเยอะมาก ทั้งๆ ที่นี่เป็นนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่ชอบมาก อันที่จริงนิยายของ โม่เซียงถงซิ่ว หรือที่ใครหลายคนพร้อมใจกันเรียกว่าอาจารย์โม่เนี่ย ต้องขอยอมใจให้กับสกิลการวางพล็อต การสร้างตัวละคร การดำเนินเรื่อง และรายละเอียดอันมากมายของอาจารย์เธอจริงๆ เรื่องนี้เห็นว่าเป็นนิยายเรื่องแรกที่ทำให้เธอดังเป็นพลุแตก ตั้งแต่ก่อนหน้า ปรมาจารย์ลัทธิมาร โน่นแล้ว แถมเจ้าตัวเองก็ออกมาเปิดใจว่ากว่าจะปิดจบเรื่องนี้ได้นี่คือหนักหนาสาหัสนัก แถมใช้เวลายาวนานเป็นปีทีเดียว ขอคารวะให้กับเธอจริงๆ ก็เลยเป็นเหตุลผลว่า ทั้งๆ ที่อ่านจบไปชาตินึงแล้ว ทำไมเพิ่งหยิบเอามาเขียน ก็เพราะรายละเอียดอันมากมายนี่ล่ะที่ทำให้แอบหนักใจนิดหน่อยอยู่เหมือนกัน ที่จริงเรื่องนี้ ต้องเรียกว่าเป็นนิยายเรื่องที่สองที่เราตัดสินใจซื้อมาอ่าน หลังจากที่อ่านปรมาจารย์ฯ จบไปแล้ว แล้วก็ไม่รู้จะไปเริ่มอ่านอะไรต่อ เพราะตอนนั้นยังใหม่กับการอ่านนิยายจีนยิ่งนัก แต่พอดีน้องสาวที่สนิทกันก็บิ๊วสำทับมาเป็นระยะว่า พี่ มีงานของอาจารย์โม่ ที่ถูกตีพิมพ์ออกมาก่อนหน้านี้ แล้วพอเจอกระแสปรมาจารย์ฯ ก็เลยเอามาตีพิมพ์ใหม่ ขายดีตามกันไปอีกเรื่อง แถมน้องยังส่ง link ตัวอย่างมาให้อ่านด้วย สุดท้ายอ่านไป 70 หน้า ไม่ไหวแล้ว ทำไมตลกขนาดนี้ ก็เลยไปเสาะหาหนังสือมาอ่านเอาจนได้ เราชอบการอ่านนิยายที่ตีพิมพ์ออกมาจนจบแล้วมากค่ะ เพราะจะได้ไม่ต้องรอ เวลาอ่านอะไรติดพันแล้วต้องรอเนี่ย ทรมาณสิ้นดีเลยอันที่จริง ตัวร้ายอย่างข้าฯ เนี่ยถือเป็นเรื่องแรกในการเปิดโลกนิยายข้ามมิติที่มีอยู่มากมายหลายเรื่องให้กับเราเลยล่ะค่ะ คืองงมาก อะไรวะ ยังงี้ก็ได้เหรอ แต่ด้วยการผูกเรื่องที่สนุกและเบาสมอง อ่านไปขำไป ก็เลยสนุกกับมันไปซะเลย แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก จนกระทั่งอ่านนิยายไปหลายสิบเรื่องแล้วนั่นแหละค่ะ ถึงได้ค้นพบว่า ตัวละครในนิยายจีนนั้น เกิดใหม่ข้ามภาพข้ามชาติกันเป็นว่าเล่น ไม่สนกฎธรรมชาติอะไรทั้งสิ้น นึกอยากจะไปเกิดใหม่สวมร่างใคร ก็ย่อมเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นไม่ต่างอะไรกับที่คนธรรมดาชาวเราจะต้องตื่นไปทำงานตอนเช้ากันยังไงยังงั้นเลยล่ะ แน่นอนค่ะ ในเมื่อห้ามไม่ได้ เราก็เข้าร่วมความสนุกนี้ไปด้วยเสียเลยก็แล้วกันเรื่องนี้พูดถึงชายหนุ่มที่ชื่อ เสิ่นหยวน ที่ติดตามอ่านนิยายแนวฮาเร็มในเว็ปชื่อดังมาอย่างยาวนาน ทั้งเข้าไปคอมเม้นต์ เข้าไปด่า ปวดตับการการวางพล็อตเรื่อง การดำเนินเรื่อง ความไม่มีที่มาที่ไปหลายๆ จุด จนถึงตอนจบที่เรียกว่าทำเอาเจ้าตัวฉุนขาดกับไอ้นักเขียนผู้ไร้ความผิดชอบนี่สิ้นดี จนเสิ่นหยวนตายน่ะค่ะ เหมือนว่าเจ้าตัวไม่แข็งแรงและใกล้จะตายอยู่แล้ว อุตส่าห์ยอมเสียเงินอ่านนิยายที่ติดตามมานาน เพื่อจะให้จบโดยไม่ติดค้างก่อนตายแท้ๆ แต่กลับมาเจอเรื่องแบบนี้ กลายเป็นว่าเจ้าตัวติดค้างจริงๆ จนนอนตายตาไม่หลับ ที่สุดก็พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโลกของนิยายเรื่อง ‘เทพมารอหังการ’ ในร่างของ เสิ่นชิงชิว ตัวร้ายที่โฉดชั่วเลวทรามที่สุด และต้องตายโดยเงื้อมมือของพระเอกอย่างสาแก่ใจที่สุด ก็คนที่เขาพร่ำด่าไม่เว้นแต่ละวันสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นแหละค่ะการกำหนดบทบาทของเสิ่นชิงชิว (ที่เกิดใหม่) ในเรื่องนี้ จะถูกควบคุมภายใต้เงื่อนไขและกฎเกณฑ์อันมากมายของระบบ โดยระบบที่ว่านี้พัฒนาขึ้นมาจากแนวคิดประมาณว่าถ้านักเขียนเฮงซวย นิยายเฮงซวย คุณก็สามารถปรับปรุงแก้ไขนิยายเฮงซวยให้เป็นไปตามที่ปรารถนา จนกลายเป็นวรรณกรรมชั้นสูง คลาสสิกมีระดับได้เลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะเงื่อนไขที่มากมาย รวมไปถึงการหักลบและเพิ่มคะแนน (แบบค่อนข้างเอาแต่ใจของระบบ) นั่นด้วย ตอนอ่านถึงตรงนี้ เรานี่คือเงิบไปนิดนึง ไม่เคยเจอนิยายอะไรแบบนี้มาก่อน แต่เพราะความที่ปูเรื่องมาซะสนุก แถมยังตลกเป็นบ้า ก็เลยถึงกับวางไม่ลงเฉยเลยค่ะพระเอกของนิยาย เทพมารอหังการ ก็คือ ลั่วปิงเหอ เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีมีฝีมือที่ต้องกลายมาเป็นศิษย์ของเสิ่นชิงชิว อาจารย์เสิ่นชิงชิวแม้จะรูปงามมากฝีมือ แต่หัวใจก็โฉดชั่วเสียจนแม้แต่ศิษย์ตัวเองก็ไม่ละเว้น ทั้งกลั่นแกล้ง ทรมาณ ทำร้ายสารพัด ส่วนนึงก็เพราะริษยาในพรสวรรค์ของศิษย์ตัวเองด้วยนั่นแหละ จนกระทั่งลั่วปิงเหอภายหลังพบว่าตัวเองมีสายเลือดมารอยู่ในตัวครึ่งนึง ภายหลังต่อจากนั้นไปอีกก็กลายเป็นมารสุดหล่อฝีมือสูงส่งที่ไม่อาจจะหาใครมาโค่นล้มได้ ไม่เพียงจะมากเสน่ห์จนเมียล้นฮาเร็ม แต่ในเวลาต่อมายังกำจัดเสิ่นชิงชิวในแบบที่โหดร้ายน่าสมเพชที่สุด แบบไม่มีใครสงสารด้วยนะ โฉดชั่วขนาดไหนก็นึกดูว่านักอ่านเห็นพ้องกันว่าสมควรตายขนาดนั้นเลยทีเดียว ทีนี้เสิ่นหยวนในร่างของเสิ่นชิงชิวจะทำยังไงดีล่ะ เพื่อที่จะให้ตัวเองรอดจากความตายแบบอเนจอนาถนั้นให้ได้ และทำให้พระเอกไม่กลายเป็นมารร้ายที่จะครองโลกในภายหลัง ด้วยเงื่อนไขที่ว่าต้องไม่เปลี่ยนนิสัยตัวละครจนทำให้ตัวเองโดนระบบหักคะแนนจนหมดเสียด้วยนะ ยากมากพูดเลยโชคยังดีที่ระบบส่งเสิ่นหยวนให้มาอยู่ในร่างของเสิ่นชิงชิวในช่วงที่พระเอกลั่วปิงเหอยังเด็ก เพิ่งเข้ามาอยู่ในสำนักได้ไม่นานนัก แต่ก็กำลังโดนอาจารย์ผู้ชั่วร้ายผู้นี้ทรมาณได้ที่ โดยที่เจ้าตัวก็ยังใสซื่อเหลือเกิน คิดว่าอาจารย์ทำไปเพื่อทดสอบความอดทนของตัวเองไปอีก เสิ่นชิงชิวคนใหม่จึงพยายามหาหนทางที่จะพลิกสถานการณ์จากที่ทำร้ายลูกศิษย์ตัวเอง มาเป็นแอบช่วย หรือไม่ก็ช่วยแบบซึ่งหน้า โดยพยายามไม่ให้ตัวเองหลุดจากคาแร็กเตอร์เดิมแล้วก็วิธีอ้างโน่นอ้างนี่กับระบบแบบข้างๆ คูๆ ไป ซึ่งก็เอาตัวรอดมาได้เหมือนกันนะ ลุ้นน่าดู แต่กลับทำให้ลั่วปิงเหอ ที่ลึกๆ ก็มีความน้อยอกน้อยใจว่าอาจารย์ช่างไม่รักตัวเองเสียเลย พออาจารย์ทำดีกับตนเองเข้า แม้จะเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อย กลับก่อให้เกิดเป็นความประทับใจอย่างที่สุด จนตอนหลังไปๆ มาๆ ศิษย์อาจารย์ กลายเป็นตัวติดกันไปเสีย แถมลั่วปิงเหอยังมีฝีมือในการทำอาหารอย่างมาก ก็เลยได้ทำอาหารดูแลซือจุน (อาจารย์) ของตัวเองไปพร้อมกับการดูแลความเป็นอยู่ของอาจารย์ทุกอย่างชนิดถวายหัวรายละเอียดที่แสดงถึงพัฒนาการของศิษย์อาจารย์ผู้นี้ยังมีอีกเยอะค่ะ จนกระทั่งเสิ่นชิงชิวนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องการคีพคาแร็กเตอร์ตัวร้ายแล้ว คือพอหลุดจากกฎข้อนี้ไปได้ก็เลยยิ่งทำดีกับลั่วปิงเหอมากขึ้น แรกๆ ก็ทำเพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ แต่ตอนหลังกลายเป็นทำไปเพราะเต็มใจไปแล้ว เพราะดันเอ็นดูศิษย์คนนี้จริงๆ ไหนจะความสงสาร และรู้สึกผิดกับการกระทำเสิ่นชิงชิวก่อนหน้านี้ด้วย อย่างไรก็ตาม เพราะเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ถึงยังไงมันก็ยังมีส่วนสำคัญหลักๆ ของนิยายเรื่องนี้ที่ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ยังไงเสียเรื่องมันก็ยังต้องดำเนินต่อไปใช่ไหมล่ะคะ มันก็เลยมีเหตุให้ศิษย์อาจารย์ต้องหมางใจกันและเข้าใจผิดกันในที่สุด ที่จริงเรียกว่าลั่วปิงเหอต่างหากที่เข้าใจซือจุนของตัวเองผิดแต่เพียงฝ่ายเดียว เรื่องราวมันก็เลยดำเนินต่อไปชนิดลุ้นกันตัวโก่งเลยล่ะค่ะที่ขำก็คือ เสิ่นชิงชิว ที่เริ่มจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่แปลกไป เพราะพฤติกรรมของลั่วปิงเหอนี่แหละ ทำไมสายตาของลั่วปิงเหอที่มองตัวเองจึงแปลกไป เกลียดหรือก็ไม่ใช่ เสียใจหรือก็เหมือนจะใช่ แต่มันก็เหมือนมีอะไรอื่นอยู่อีก แล้วไหนจะบรรดาเมียๆ ในฮาเร็มที่เคยอ่านมาจากนิยายออริจินอลนั่นด้วยล่ะ ทำไมเรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว สาวน้อยคนนี้ทำไมถึงดูห่างเหิน ทำไมคนนี้ดูคล้ายกับแค่เป็นคนรู้จักกับพระเอก ทำไมคนนี้ถึงกลายเป็นเพียงลูกไล่ เพราะอะไรตอนนี้ลั่วปิงเหอที่ควรจะมีสาวๆ เต็มฮาเร็ม จึงยังไม่มีสาวงามคนไหนอยู่เคียงข้างเลยซักคน แถมยังมีทีท่าหมางเมินพวกนางยิ่งกว่าอะไร กว่าจะรู้ความจริง แหม... ข้าวสารเกือบจะเป็นข้าวสุกนั่นล่ะค่ะ เสิ่นชิงชิวถึงได้รู้ว่า พล็อตเรื่องมีการเปลี่ยนแปลงหนักมาก หนักขนาดที่เปลี่ยนแนวของนิยายเรื่องนี้ไปเลย พร้อมๆ กับพล็อตที่ดูรัดกุมขึ้น แถมเรื่องราวก็ดูเข้าท่าขึ้นเยอะเลย คือเฮงซวยน้อยลงนั่นล่ะค่ะในเรื่องนี้นอกจากตัวละครเสิ่นชิงชิวและลั่วปิงเหอแล้ว ยังมีตัวละครที่สำคัญและน่าสนใจอีกหลายตัว แบบหลายตัวมากๆ คือถ้าเป็นนิยายผลงานของอาจารย์โม่เนี่ย หายห่วงนะคะ เยอะแยะไปหมด แถมมีความสำคัญทั้งนั้น รายละเอียดนี่ไม่ต้องพูดถึง ทำเอาคนเขียนรีวิวอย่างเราหนักใจที่จะเขียนถึงอย่างที่สุด ก็เลยขอยกมาพูดถึงไม่กี่ตัวก็แล้วกัน หนึ่งในนั้นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือตัวคนแต่งนิยาย เทพมารอหังการ นี่ล่ะคนหนึ่ง คนนี้ไม่ใช่แค่เขียนนิยายที่เสิ่นหยวนถึงกับออกปากบริภาษว่าเฮงซวยห่วยแตกเท่านั้นนะคะ เจ้าตัวยังมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการดำเนินเรื่องโดยรวมตั้งแต่ต้นจนจบด้วย นอกจากนี้ยังมีบรรดาศิษย์พี่น้องในสำนักของเสิ่นชิงชิว และสำนักอื่นๆ อีกหลายสำนักที่ก็ทำให้การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเข้มข้นและสนุกมากจริงๆไหนจะเทียนหลางจวิน ราชามารหรือประมุขพรรคมาร พ่อแท้ๆ ของลั่วปิงเหอ ที่จริงๆ ก็... โหดแหละค่ะ เป็นถึงราชามารอยู่แล้ว แต่ถ้าสังเกตดีๆ นี่เป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก เราอ่านๆ ไปนี่ เกลียดไม่ลงอ่ะ รู้สึกชอบด้วยซ้ำ จู๋จือหลาง ที่เป็นมือขวาของราชามารก็ดีค่ะ ตัวละครตัวนี้ที่จริงน่ารักมาก แต่พฤติกรรมน่ารักของเขาก็เป็นแบบมารนั่นแหละค่ะ หวังดี ไม่ประสงค์ร้ายก็จริง แต่นำหายนะใหญ่หลวงมาทุกครั้งเลยเราว่าอาจารย์โม่เนี่ย เธอมีแนวคิดในเรื่องของธรรมะอธรรมที่น่าสนใจมากนะคะ ยิ่งพอมาอ่านนิยายของเธอทั้งสองเรื่องนี้แล้ว เรารู้สึกว่า ฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรมเนี่ย มันไม่ได้เป็นสีขาวหรือสีดำ หรือเป็นความมืดกับความสว่างชัดเจนขนาดนั้น เรามองว่า เธอมองว่า ทุกอย่างมันล้วนมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไปของมัน อย่างเสิ่นชิงชิวที่คนอ่านในเว็ปเกลียดกันทั้งเรื่องน่ะ ก็ไม่ได้เป็นคนชั่วร้ายแบบไม่มีที่มาที่ไป เพราะถ้าเราได้อ่านตอนท้ายๆ หรือแม้แต่ตอนพิเศษ เราจะได้เห็นเลยว่า เพราะเกิดและโตขึ้นมาแบบนี้นี่เอง เสิ่นชิงชิวจึงกลายเป็นคนแบบนี้ อย่างลั่วปิงเหอ ถ้ายังให้เสิ่นชิงชิวคนเดิมสั่งสอนศิษย์คนนี้ ก็อย่าแปลกใจที่โลกจะถูกหมู่มารยึดครอง แต่พอเป็นเสิ่นชิงชิวคนใหม่ที่ขัดเกลาลั่วปิงเหอขึ้นมา เรื่องราวทุกอย่างก็พลิกไปเลย เราว่าทั้งเราและอาจารย์โม่ ไม่เชื่อเรื่องที่ว่าคนเราเกิดมาแบบไหนก็เป็นแบบนี้เลย ทุกอย่างมันต้องมีสาเหตุ นอกจากนี้คนที่เกิดมาเป็นคนดีและดีไปจนจบ หรือเกิดมาเลวก็เป็นได้แต่เพียงคนเลวนั้น ล้วนไม่มีอยู่จริง ที่สุดแล้วคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงและเลือกหนทางที่จะเดินได้ด้วยตัวเอง และไม่ว่าหนทางนั้นจะเป็นยังไง มีเพียงคนที่เลือกนั่นแหละที่รู้ดีที่สุดและหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับผลของมันด้วยเช่นกัน ไม่น่าแปลกใจค่ะที่ตัวละครของเธอจึงมีมิติและทำให้คนอ่านตกหลุมรักไปด้วยได้อย่างไม่ยากเย็นนักที่นี้เรามาพูดถึงความสัมพันธ์ของพระเอกนายเอกของเรากันดูสักหน่อยค่ะ พอพล็อตนิยายออริจินอลถูกเปลี่ยนจากเป็นแนวฮาเร็มมาเป็นแนววายเท่านั้นแหละ ทุกอย่างจึงน่าสนใจขึ้นทันที ลั่วปิงเหอที่แสนจะดิบเถื่อน แต่ก็หล่อเหลาเจ้าชู้ชนิดอยากสอยผู้หญิงที่ไหนมาเป็นเมียก็ย่อมได้ทั้งนั้น ก็ได้กลายเป็นชายหนุ่มที่ปักใจกับซือจุนของตัวเองเพียงคนเดียวชนิดไม่สนชะนีหน้าไหนทั้งสิ้น เรียกว่ายอมหันหลังให้คนทั้งโลกเพื่อคนที่รักเพียงคนเดียวนี่แหละ ยามโลดเล่นในยุทธภพก็ไม่คิดจะไว้หน้าใคร เกลียดใครก็ว่าไปตรงๆ แค้นใจก็แก้แค้นซะ รำคาญใครก็หมางเมิน ไม่สนโลกอะไรทั้งสิ้น เย็นชาก็เท่านั้นโหดเหี้ยมก็เท่านั้น แต่พออยู่กับซือจุนเท่านั้นแหละ เหมือนหมาตัวใหญ่แสนเชื่องทันที แถมยังกลายเป็นเด็กหนุ่มขี้ใจน้อย คิดมาก เดี๋ยวก็ตัดพ้อ เดี๋ยวก็บีบน้ำตา อ่านๆ ไปนี่คือแบบ หมดกันพระเอกผู้เหี้ยมหาญ ทั้งขำทั้งเอ็นดู ทั้งอยากถีบไปพร้อมๆ กันเลยเชียวค่ะ ทำเอาซือจุนต้องคอยลูบหัวลูบหางปลอบใจ เชียร์อัป อ่านไปอ่านมาเนี่ย เราจะลืมภาพซือจุนผู้ต่ำช้าในอดีตไปแบบชนิดหมดเลย เพราะช่างเป็นผู้เสียสละอย่างยิ่ง จนเราอดคอยเอาใจช่วยซือจุนคนใหม่นี้ไม่ได้เลยจริงๆ เอ็นดูนางสนุกค่ะนิยายเรื่องนี้ อ่านไปขำไป จังหวะซิตคอมคือดีมาก เนื้อเรื่องก็วางมาดีเลยแหละ ดีเทลจัดเต็ม ได้หัวเราะไปพร้อมกับลุ้นกันชนิดตัวโก่งไปด้วย นิยายเรื่องนี้นอกจากปกจะสวยงามทั้ง 3 เล่มจบแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือฝีมือการแปลของคุณลาเวนเดอร์ เราชอบการแปลของเธอที่สนุกและลื่นไหลมากจริงๆ นี่ตอนนี้ก็ติดตามผลงานการแปลเรื่องล่าสุดของเธออยู่ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ คาดว่าก็น่าจะได้เอามาเขียนถึงอีกเช่นกัน คงต้องรอให้อ่านจบก่อนล่ะนะคะ รับรองว่าได้หยิบมาเขียนถึงแน่นอนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะสำหรับ ตัวร้ายอย่างข้า... จะหนีเอาตัวรอดยังไงดี ใครที่เป็นแฟนอาจารย์โม่ สมควรจะต้องไปหามาอ่าน ใครไม่เป็นแฟนก็ควรจะหามาอ่านด้วยเช่นกัน เราอ่านนิยายเรื่องนี้แล้ว ยอมรับเลยว่าได้เปิดโลกของการเขียนนิยายของทางเว็ปจีนอย่างยิ่ง สนุกและเพลินดีค่ะ ลองไปหามาอ่านกันดูนะคะ
ตัดสินคนจากหน้าก็ต้องเจอแบบนี้ รีวิว
ผู้แต่ง: เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่งแปล: ศีตกาลสำนักพิมพ์: Rose เกือบจะต้องเลื่อนรีวิวคราวนี้ออกไปแล้วนะคะ เพราะจู่ๆ คอมฯ ที่บ้านก็เกิดไม่ให้ความร่วมมือขึ้นมาซะงั้น แล้วจู่ๆ ก็กลับมาใช้ได้เฉยเลย สำหรับเรื่องที่เลือกมาเขียนคราวนี้นะคะ ตอนแรกก็กะว่าจะยกยอดไปเขียนคราวหน้าเพราะยังอ่านไม่จบ แต่พอคอมฯ กลับมาใช้ได้อีกครั้งก็อ่านจบพอดี ไหนๆ ก็เพิ่งจะจบไปหมาดๆ ยังสดใหม่อยู่ ก็เอาล่ะ หยิบมาเขียนถึงซะเลย ส่วนหนึ่งก็เพราะอ่านสนุกด้วยแหละค่ะ ตอนที่เลือกเรื่องนี้มาอ่าน ไม่ได้คิดเลยนะคะว่าพล็อตจะมาแนวเทพเซียนยุคใหม่เบอร์นี้ เพราะฉีเยี่ยน นายเอกที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุแค่ยี่สิบต้นๆ ของเรา มีวิชาดูดวง ดูฮวงจุ้ย ดูโหงวเฮ้ง เอาเป็นว่ามีความเชี่ยวชาญในศาสตร์นี้ในทุกๆ ทาง อยู่ในระดับที่เรียกว่าสูงส่งจริงๆ พออ่านๆ ไป และเริ่มรู้ที่มาที่ไปของฉีเยี่ยน เลยถึงบางอ้อว่าทำไมถึงตั้งชื่อนิยายแบบนี้ เพราะภาพลักษณ์ของฉีเยี่ยนดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นอาจารย์หมอ (ดู) ได้ เพราะทั้งอายุน้อย หน้าเด็ก แถมหน้าตาน่ารักยังกะตุ๊กตา ดูยังไงก็เป็นเด็กหนุ่มที่ชีวิตแสนจะธรรมดา ใครเห็นเป็นต้องคลางแคลงใจกันทั้งนั้นแหละค่ะว่า เป็นพวกต้มตุ๋นรึเปล่าแต่ทีนี้ฉีเยี่ยนของเราเนี่ย ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของสำนักหนึ่งสวรรค์ อาจารย์ก็ระดับหมอเทวดาที่หาตัวจับยาก เรียกว่าเป็นสำนักที่ได้ชื่อว่าพลังฝีมือยอดเยี่ยมเป็นหนึ่งในใต้หล้า เพียงแต่สาปสูญไปจนเหลือเพียงตำนานเล่าขานเท่านั้น ขนาดเจ้าตัวยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักและอาจารย์ของตัวเองจะเก่งขนาดนี้ เป็นไงล่ะคะ แบ็กกราวนด์นายเอกเรายิ่งใหญ่ดีไหม ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจค่ะหากความสามารถของฉีเยี่ยนนั้นถือเป็นหนึ่งในหลายๆ ล้านที่จะเกิดขึ้นซักครั้งในรอบร้อยปี นี่! จะไปก็ต้องไปให้สุดแบบนี้ ดังนั้นแม้ภาพลักษณ์ภายนอกอาจจะดูไม่ได้น่าเกรงขาม แต่แท้ที่จริงน่ะความสามารถอยู่ในระดับเหนือธรรมดาไปมากเชียวล่ะค่ะ มีหรือเส้นทางสู่อนาคตอันรุ่งเรืองสดใสของเจ้าตัวจะถูกขัดขวางได้ยิ่งเมื่อได้มาเจอกันเฉินไป่เฮ่อ ลูกชายคนเล็กของตระกูลเฉินที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งมีแต่จะทำให้ชีวิตของฉีเยี่ยนพุ่งสูงจนฉุดไม่อยู่ แต่แรกเริ่มเดิมที เฉินไป่เฮ่อ นั้นร่างกายอ่อนแอมาก คือเจ็บป่วยอยู่แทบจะตลอดเวลา ชนิดที่หมอไม่รับประกันว่าจะมีอายุยืนยาวไปได้แค่ไหน พระเอกของเราอายุ 29 เท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ถึง 35 ไหม ทั้งที่เป็นคนที่รูปงาม มากความสามารถ ฉลาดเฉลียว โชคดี หยิบจับอะไรก็เป็นความเจริญรุ่งเรืองไปเสียหมด คือสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องอายุที่จะไม่ยืนนี่ล่ะ มันน่าเสียดายไหมล่ะแต่แท้ที่จริงไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ เพราะดวงของเฉินไป่เฮ่อนั้น เป็นดวงจักรพรรดิ ถ้าเกิดในช่วงกลียุคล่ะก็ บุญบารมีอันมากล้นที่อยู่ในตัวก็จะถูกนำมาใช้ออกไป ร่างกายก็จะปรับสมดุลย์ได้เอง อายุก็จะยืนยาวเป็นปกติ ร่างกายก็จะไม่อ่อนแอแบบนี้ แต่นี่มาเกิดในยุคที่บ้านเมืองสงบสุขขนาดนี้ ร่างกายก็เลยไม่อาจจะรับพลังบุญบารมีที่ติดตัวมาเอาไว้ได้ ก็มีแต่จะกดทับพลังชีวิตของตัวเองแล้วก็อายุจะสั้นในที่สุด เข้าตำราคนดีมีบุญตายเร็วแบบนั้นเลย แต่เพราะเป็นพระเอกใช่ไหมล่ะคะ จึงได้มีโอกาสมาพบกับฉีเยี่ยน ที่เมื่อเห็นพลังชีวิตสีม่วงอันมากล้นที่ไหลออกมาจากร่างกายของเฉินไป่เฮ่อตลอดเวลา ก็เห็นหนทางที่จะช่วยนำพลังของเฉินไป่เฮ่อไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น ในขณะเดียวกันก็จะทำให้ร่างกายของเฉินไป่เฮ่อฟื้นฟูขึ้นเรื่อยๆ แข็งแรงขึ้น แถมอายุยืนขึ้นด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกมาเพียบแบบนี้ จะไม่เรียกว่าโชคหล่นทับก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วไม่น่าแปลกใจหรอกค่ะที่เฉินไป่เฮ่อที่ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มผู้เย็นชาอย่างยิ่ง จะรู้สึกดีกับเฉินเยี่ยน เพราะเอาจริงๆ แค่นิสัยของเฉินเยี่ยนถ้าไม่นับความสามารถด้านนี้ ก็เรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มที่เป็นที่รักและเอ็นดูของผู้คนรอบข้างอยู่แล้ว โหงวเฮ้งดียังไม่พอ นิสัย การวางตัวยังดีด้วย บวกกับไม่เคยอวดตัวเองเรื่องความสามารถ เฉินไป่เฮ่ออยู่ใกล้ๆ ย่อมรู้สึกสบายใจ แถมพอได้มีโอกาสแบ่งพลังตัวเองให้อาจารย์ฉีใช้กู้โลกหลายๆ ครั้งเข้า ร่างกายตัวเองก็ดีวันดีคืน ไปๆ มาๆ อ้าว มีฉีเยี่ยนที่ไหน ก็มีเฉินไป่เฮ่ออยู่ที่นั่นไปเสียทุกทีเฉยเลยแล้วฉีเยี่ยนก็ไม่ได้ช่วยแค่เฉินไป่เฮ่อนี่คะ พ่อเล่นช่วยหมดทั้งตระกูล จู่ๆ ก็ให้ยันต์พี่ชายพระเอกไปพกไว้ จู่ๆ ก็พูดอะไรกระทบใจพี่สะไภ้พระเอกเข้าจนเกิดเป็นความประทับใจ ที่จริงไม่ต้องยื่นมือเข้าช่วย บ้านตระกูลเฉินก็เรียกว่าแทบจะทูนหัวทูลเกล้าฉีเยี่ยนอยู่แล้ว เพราะแค่ทำให้เฉินไป่เฮ่อที่เป็นที่รักและเป็นห่วงของทุกคนในครอบครัว กลับมาเป็นคนสดใสขึ้นและแข็งแรงขึ้นไม่เจ็บออดๆ แอดๆ อีก นี่ก็เรียกว่าเป็นบุญคุณอย่างที่สุดแล้ว ตระกูลเฉินจึงทั้งเคารพนับถือ ทั้งรักทั้งเอ็นดู และสปอยล์ฉีเยี่ยนยิ่งกว่าสมาชิกในครอบครัวด้วยซ้ำความสัมพันธ์ของพระเอกนายเอกของเราจึงค่อนข้างราบรื่นอย่างยิ่ง แต่แหม... นะคะ ตัวละครนะคะ ไม่ว่าจะเก่งเลิศเลอแค่ไหน ก็มักจะมาตกม้าตายในเรื่องความรักกันแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเรื่องความรู้สึกช้า เรื่องไม่หือไม่อือว่าอีกฝ่ายคิดกับตัวเองยังไงนี่ เรื่องไหนเรื่องนั้นจริงๆ ค่ะ เรียกว่าถ้าไม่พูดออกมาตรงๆ ก็จะไม่เก็ตเสียที ก็อย่างว่านะคะ หมอดูไม่สามารถดูดวงชะตาของตัวเองและคนใกล้ชิดได้ก็แบบนี้ (อ้างอิงข้อมูลจากในเรื่องนี่ล่ะ) แรกๆ ก็เลยแอบน่าเห็นใจพระเอกเฉินไป่เฮ่อนิดหน่อย แต่พอได้เปิดใจกันแล้วเท่านั้นแหละค่ะ อู๊ยยย... ไม่ไหวจะอวดแฟนกันไปมา ทำเอาให้ตัวละครอื่นๆ ในเรื่องหมั่นไส้ต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนเราสนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้มากค่ะ เพราะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์ด้านนี้โดยเฉพาะ ส่วนตัวเราไม่ได้อินกับเรื่องดูดวงหรืออะไรขนาดนั้น แต่ก็เชื่อในเรื่องของโหราศาสตร์ เพราะถึงอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้งมงาย เราเชื่อเรื่องเวรเรื่องกรรมมาก เชื่อเรื่องใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เชื่อว่าคนเราล้วนเกิดมามีกรรมเป็นของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็เชื่อเรื่องที่ว่าคนเราสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ ไม่งั้นคงไม่มีคำพูดที่ว่าคนเรามีทั้งแบบที่มามืดไปสว่าง (เคยทำไม่ดีมาแต่ตอนหลังกลับเนื้อกลับตัวได้) หรือมาสว่างไปมืด (เคยทำดีมา แต่ตอนหลังกลับไปทำความชั่ว) หรอกค่ะเรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยตัวอย่างของคนที่ทำอะไรแล้วก็ต้องรับผลกรรมของตัวเองไปในแบบที่หลากหลายเชียวล่ะค่ะ คือมิติของตัวละครหรือเรื่องราวมันอาจจะไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนนัก แต่คนเขียนก็ผูกเรื่องราวให้อ่านสนุกและน่าติดตามไปตลอดจนจบเลย อย่างตระกูลเฉินนี่คือ เป็นตระกูลตัวอย่างของความมั่งคั่งร่ำรวย เจริญรุ่งเรือง สมาชิกในครอบครัวล้วนเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม เรียกว่าต้นทุนสูงมาตั้งแต่เกิดกันทุกคน ถึงแม้จะมีเรื่องน้องชายคนเล็กของบ้านที่มีแววอายุจะสั้น แต่สุดท้ายก็กลับมามีชีวิตที่สมบูรณ์ในที่สุด ดังนั้นต่อให้เฉินไป่เฮ่อ จะคบหาอาจารย์ฉีที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็มีพระคุณกับตระกูลขนาดนี้ ก็ต้องยอมไหมล่ะคะ แถมตระกูลนี้ไม่ดราม่าด้วย เพราะชีวิตดีงามเกินกว่าจะหาเรื่องดราม่าไร้สาระมาสร้างความวุ่นวายโดยไม่จำเป็นด้วยนั่นแหละค่ะ ในขณะเดียวกันก็มีตระกูลหยวนที่เป็นตัวอย่างตระกูลที่มีแต่เรื่อง เพราะลูกหลานขาดคุณธรรมให้ได้เห็นกันแบบชัดๆ ไปอีก ดังนั้นเรื่องนี้มันก็จะได้ข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องความดีความชั่วให้ได้อ่านกันไปตลอดเป็นระยะ แล้วก็มีเคสต่างๆ ให้อาจารย์ฉีผู้น่ารักของเราได้ยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่บ่อยๆ เรียกว่ามีตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับประเทศเลยทีเดียว มันจะไม่สนุกได้ยังไงล่ะคะเราชอบที่ผู้แต่งสร้างคาแร็กเตอร์ต่างๆ ออกมาได้ทั้งน่ารัก น่าชัง และน่าสนใจดี เรื่องนี้จังหวะซิตคอมมีเข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ อ่านไปก็ได้ขำไปด้วย เล่มหนาๆ 3 เล่มนี่ เราใช้เวลาอ่านไม่นานก็จบ ยังนึกเสียดายเลยว่าอ่านจบซะแล้ว ยังสนุกอยู่แท้ๆ เวลาอ่านนิยาย แม้พล็อตเรื่องจะสำคัญ แต่คาแร็กเตอร์สำหรับเราเป็นส่วนสำคัญอย่างนึงที่มองข้ามไม่ได้เลยนะคะ ถามว่าที่ทุกวันนี้ คนยังชอบปรมาจารย์ลัทธิมารกันอยู่ ถึงขั้นวนเวียนอยู่ในกูซูออกไปไหนต่อไม่ได้ ก็ไม่ใช่เพราะคนหลงรักตัวละครของเรื่องหรอกหรือ ทุกวันนี้ตัวละครต้วนไป๋เยว่ กับฉวู่เยวียน จาก เล่ห์กลจักรพรรดิ ยังคงเป็นที่จดจำในใจเรา ก็เพราะภาพอันที่ชัดเจนจนลืมไม่ลงนี่ล่ะค่ะ ดังนั้นมองข้ามไม่ได้เด็ดขาดเลยเชียวนะคะจุดนี้ใครอยากจะลองหยิบนิยายเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน อย่าได้ลังเลค่ะ จัดไปเลย เพราะอ่านสนุกมากจริงๆ นี่ใจยังอยากจะเอามาอ่านอีกรอบเลยนะ 3 เล่มนี่จบเร็วกว่าที่คิดมาก (ส่วนนึงเพราะว่างมากด้วยแหละ) ใครที่เคยได้อ่านมาแล้ว อยากมาแชร์กันก็ได้เลยนะคะ ใครที่ยังไม่แน่ใจก็แน่ใจเถอะค่ะ เชื่อว่าจะไม่ผิดหวังกันเรื่องหน้าจะเป็นเรื่องอะไร โปรดติดตามกันต่อไปค่ะ
Guardian รีวิว
ผู้แต่ง: Priestแปล: ลูกหว้าสำนักพิมพ์: everYนิยายที่ออกมาตั้งแต่ปีที่แล้วนะคะ แต่เพิ่งมีโอกาสได้หยิบมาเขียนเอาป่านนี้ เพราะอะไร... เพราะลืมค่ะ มันมีนิยายที่อ่านจบไปแล้วกองรอให้หยิบมาเขียนถึงเยอะมากจนท้อเลยล่ะตอนนี้ แต่ก็อาศัยว่า ไม่กดดันตัวเองมาก เพราะต้องไม่ลืมว่าที่เริ่มต้นรีวิวนิยายนี่ก็เพราะอยากทำอะไรสนุกๆ ต่างหาก ไม่ได้จะเขียนงานส่งอาจารย์เสียหน่อยกว่าจะได้ลงมือเขียนเรื่องนี้ ก็เรียกว่าทิ้งช่วงจากเรื่องก่อนไปพอสมควรค่ะ บังเอิญโน้ตบุ๊กเกิดเกเรขึ้นมาเสียก่อน ก็ต้องเอาไปซ่อมให้เรียบร้อยเนาะ จริงๆ ตอนแรกหยิบ ตัวร้ายอย่างข้า... จะหนีเอาตัวรอดยังไงดี มาเขียนก่อนด้วยซ้ำ แต่ขอเอาเรื่องนี้แทรกคิวก่อนก็แล้วกันนะคะที่จริง เราไม่ได้ติดตามเรื่องนี้แต่แรกเพราะสนใจอยากอ่านนิยายอะไรหรอกค่ะ แต่มันมีคลิปในยูทูปที่ตัดซีรีย์เรื่องนี้ออกมาสั้นๆ แบบปรมาจารย์ฯ นั่นล่ะค่ะ ขึ้นเป็นคลิปแนะนำ ก็เข้าไปดูเสียหน่อย ก็อ้าว... เออ เรื่องมันก็ค่อนข้างน่าสนใจอยู่นะ ที่สำคัญพระเอกของเรื่องทั้งคู่ก็งานดีเข้าท่าอยู่ โดยเฉพาะจูอี้หลงที่มารับบทเป็น ศาสตราจารย์เสิ่นเว่ย คือเสิ่นเว่ยจากในนิยายหลุดออกมาชัดๆ ส่วนไป๋อวี่ ที่มารับบทเป็น จ้าวหยุนหลาน ก็เคมีใช่สุดๆ แต่ถ้าถามนะคะ ส่วนตัวแล้วชอบนิยายมากกว่าซีรีย์ และความดีงามที่สุดของซีรีย์เรื่องนี้ก็เห็นจะเป็นนักแสดงหลักสองคนนี้แหละค่ะ นอกนั้น พูดเลยว่าไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ทั้งการแคสต์นักแสดงและโปรดักชั่น ซึ่งแม้แต่ไป๋อวี่เอง ยังถึงกับออกปากเลยว่า มันดู cheap ไปหน่อย ซึ่งต้องยอมรับว่ามันคือเรื่องจริงแหละค่ะ อันนี้ตัดสินจากการดูซีรี่ย์จนจบและอ่านนิยายไป 2 รอบแล้วนะคะกลับมาที่นิยายกันดีกว่าค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของราชาวิญญาณ (aka ท่านฑูตมรณะ) และเทพผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่ง ที่มีอายุยาวนานมา.... นานล่ะค่ะ ย้อนกลับไปสมัยสร้างโลกกันโน่นเลย เอาเป็นว่าตัวเทพนั้นได้กลับมาเกิดใหม่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในขณะที่ตัวราชาวิญญาณนั้นเป็นฝ่ายเฝ้ารอ (ไปพร้อมๆ กับการทำหน้าที่ในฐานะราชาวิญญาณหรือท่านฑูตมรณะไปด้วย) ที่ผ่านมาก็ไม่เคยจะเปิดเผยตัวเอง หลบหลีกมาได้ก็หลายชีวิตของท่านเทพที่เกิดแล้วตายเกิดแล้วตายไม่รู้กี่ชีวิตเข้าไปแล้ว จนท่านเกิดมาเป็นเจ้าหยุนหลานนี่แหละ ก็มีเหตุให้จะต้องจับพลัดจับผลูมาเจอกันแบบจังๆ เพราะราชาวิญญาณที่มักจะคอยแอบเฝ้ามองดูท่านเทพอยู่ห่างๆ ในชีวิตนี้ อยู่ในร่างของศาสตราจารย์เสิ่นเว่ย ที่จู่ๆ ก็มีเหตุได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมที่เหนือธรรมชาติที่ไม่ใช่แค่เหตุการณ์เดียวนะคะ เรียกว่าเกิดแบบต่อเนื่องลากยาวเลยล่ะตัวเจ้าหยุนหลานนั้น ถึงแม้จะมีลุคเป็นหนุ่มเสเพล ท่าทางไม่สนโลก และปล่อยเนื้อปล่อยตัวเอามากๆ นั้น แต่จริงๆ มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีพิเศษ ที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ คือจะรับทำแต่คดีที่ประหลาดๆ ที่ตำรวจทั่วไปไม่อาจทำได้ ทำเสร็จก็ปิดคดีให้เงียบหายไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ด้วย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะที่หน่วยนี้มีพนักงานเป็นทั้งแมวที่พูดและแปลงร่างเป็นคนได้ มีวิญญาณหญิงสาวที่คอยทำงานแอดมิน มีหญิงสาวครึ่งคนครึ่งงู ชายหนุ่มที่ดูยังไงก็คล้ายผีดิบ มีเด็กหนุ่มท่าทางขี้กลัวและแต่เป็นคนมีบุญเยอะ และมีนักบวชที่ดูยังไงก็นอกรีตเหลือเกินเป็นต้น เรียกว่าแค่ตัวละครที่ทยอยปรากฏตัวออกมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ก็พอจะเดาได้ละว่าน่าติดตามขนาดไหน แฟนตาซีเว่อวังขนาดนี้ทีนี้เรามาพูดถึงตัวละครหลักของเราคือเสิ่นเว่ย กับเจ้าหยุนหลานกันหน่อยค่ะ ตัวละครสองตัวนี้มีเสน่ห์มาก ตัวเสิ่นเว่ยที่รู้จักเจ้าหยุนหลานดียิ่งกว่าเจ้าตัวนั้น แม้จะคอยเฝ้ามองและเฝ้ารอมานานแค่ไหน แต่ก็ไม่คิดอยากจะเข้าไปใกล้ชิดเลยจริงๆ เหมือนว่าชีวิตของเขาที่เป็นอยู่นี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นจะต้องเปิดเผยตัวเองให้เกิดความซับซ้อนวุ่นวายอันใดอีก ส่วนหนึ่งมันก็มีเหตุผลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเจ้าหยุนหลานโดยตรงด้วยนั่นแหละค่ะ ซึ่งที่จริงเสิ่นเว่ยน่าสงสารนะคะ เพราะเป็นคนที่ต้องรอมานานอยู่เพียงฝ่ายเดียว ต้องหักห้ามใจหนักมาก ทั้งๆ ที่ก็รักมากเสียขนาดนั้นในขณะที่เจ้าหยุนหลาน (ในชีวิตนี้) ชอบเสิ่นเว่ยชนิดออกนอกหน้า อีกฝ่ายจะพยายามหลบหน้าหรือทิ้งระยะแค่ไหน พี่แกก็ตามติดชีวิตเสิ่นเว่ยจริงๆ เรียกว่าทั้งส่งข้อความหา ทั้งพยายามไปเจอหน้าบ่อยๆ คือก็ตื๊อจีบเค้านั่นแหละ สร้างความลำบากใจให้กับเสิ่นเว่ยเหลือเกิน เพราะแม้จะทำทีเยือกเย็น ไม่สนใจ แต่ลึกๆ ในใจน่ะ อยากจะจับกดเจ้าหยุนหลานจะแย่ใช่ค่ะ... เรื่องนี้คือโคตรหักมุม เสิ่นเว่ยที่เป็นชายหนุ่มสุภาพเรียบร้อยสุดเนี้ยบ ตั้งแต่ทรงผม การแต่งตัว หน้าตาหรือก็หล่อละมุนละไมเหลือเกินนี่แหละค่ะ ที่จับกดเจ้าหยุนหลานซะงั้น เรียกว่าจะเสเพลและแมนมาจากไหน ก็ไม่มีทางเอาชนะระดับราชาวิญญาณได้เลย โดยเฉพาะในเรื่องของเรี่ยวแรง พละกำลัง และสกิลการต่อสู้ใดๆ ก็ตาม คือเจ้าหยุนหลานเก่งมากค่ะ เมื่อเทียบกับทุกคน ไม่ใช่แค่มนุษย์ทั่วไปด้วยนะ ต่อให้เป็นพวกปิศาจอะไรทั้งหลาย ก็เรียกว่ารับมือได้ทั้งนั้น จะแพ้ก็แค่เสิ่นเว่ยนี่แหละ ตอนอ่านขำมาก งงก็งง แต่ก็ตลกและแอบเห็นใจนางมากอยู่เหมือนกัน มีความเสียเชิงชายเสเพลไปไม่น้อย เพราะเป็นฝ่ายรุกเขาก่อนแท้ๆ แต่คดีกลับพลิกไปซะได้ในส่วนของการดำเนินเรื่อง เราชอบนิยายมากค่ะ มันสนุกกว่ากันเยอะเลย ทั้งการวางพล็อต การใส่รายละเอียดต่างๆ อ่านสนุกมาก มีที่มาที่ไป สมเหตุสมผล (แบบแฟนตาซีน่ะนะคะ) แม้จะเป็นเรื่องที่ดึงมาจากตำนานการสร้างโลกของเทพเจ้าตามความเชื่อโบราณผสมผสานกับการแต่งเติมขึ้นใหม่ของนักเขียนเอง ซึ่งขอละเอาไว้นะคะ ตำนานนี้มีให้อ่านในเรื่องอย่างละเอียดแล้ว แต่คืออ่านแล้วแบบ จินตนาการคนเขียนช่างเลิศเลอแท้ ตอนที่อ่านเรารู้สึกว่ามันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกินแล้วมันก็เชื่อมโยงถึงกันหมดจริงๆ สนุกค่ะตัวละครหลายๆ ตัวในเรื่องก็สร้างสีสันให้นิยายอ่านสนุกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจะเป็นตัวละครกัวฉางเฉิง ที่ทำหน้าที่เป็นตัวเปิดเรื่อง ทั้งวังเจิง จู้หง หลินจิ้ง ต้าชิ่ง ฉู่ซู่ หรือแม้แต่คุณพ่อของเจ้าหอวิ๋นหลานเอง ไหนจะเหล่าอสูร เทพ มาร วิญญาณตัวประหลาดทั้งหลายนั่นอีก เรื่องราวต่างๆ จะถูกผูกเอาไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 4 อย่างที่สำคัญชนิดพลิกโลก ของแต่ละชิ้นมีพลังอำนาจต่างๆ กันไป กว่าจะตามหา แย่งชิง รวบรวมกันได้ พระเอกทั้งสองของเราพร้อมทีมงานก็เรียกได้ว่าล้มลุกคลุกคลานแทบเอาชีวิตไปทิ้งก็หลายครั้ง ส่วนผลจะออกมาเป็นยังไง ก็ลองไปตามอ่านกันดูได้นะคะ เพราะตอนจบของนิยายกับซีรีย์ไม่เหมือนกันเลยจริงๆ ใครบอกว่าดูซีรีย์เอาก็ได้ ขอบอกตรงนี้ค่ะว่า นอกจากตัวละครหลักสองตัวแล้ว องค์ประกอบอื่นๆ ไม่ค่อยมีพลังซักเท่าไหร่ มันจะมีความรู้สึกขัดๆ อยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตัวละครและการดำเนินเรื่อง อย่างที่บอกค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือการแสดงของจูอี้หลงกับไป๋อวี่ เราคงไม่ติดตามและดูจนจบขนาดนี้แน่ๆ รอดเพราะเคมีของสองคนนี้โดยแท้ค่ะ แต่ถ้าใครไม่อยากอ่านนิยาย ขอไปดูซีรีย์เลย ความรู้สึกอาจจะต่างจากเราก็ได้ อันนี้ก็เป็นอีกทางเลือกนึงนะคะความสนุกของนิยายขนาด 3 เล่มจบเรื่องนี้ ทำให้สามารถหยิบมาอ่านซ้ำได้อีกแบบสบายๆ เลยล่ะค่ะ (หรือที่อ่านรอบสองเพราะว่างมากก็ไม่รู้) เป็นหนึ่งในนิยายที่ชอบเรื่องนึง เราชอบนิยายที่วางพล็อตเรื่องดีๆ มีรายละเอียด และมีตัวละครที่น่าสนใจเสมอ และจะว่าไป เราก็ไม่ใช่คนเรื่องมากนะคะ มีหลายๆ เรื่องที่อาจจะไม่ได้เลิศเลอมากมาย แต่จริงๆ ถ้าแค่ทำให้อ่านเพลินอ่านสนุกได้ล่ะก็ เราก็ถือว่าผ่านแล้วนะคะ ดังนั้นสำหรับเราแล้ว มีน้อยเรื่องมากที่อ่านแล้ว ไม่อยากหยิบกลับมาอ่านอีก หรือไม่ก็ไม่อยากอ่านต่อแล้วแบบนี้ ซึ่งก็จะขอไม่หยิบมาเขียนถึงดีกว่า เพราะอาจจะมีหลายคนที่ก็คงชอบ เราก็แค่เลือกเขียนถึงแต่เรื่องที่เราชอบก็พอขออภัยอีกครั้งนะคะที่ทิ้งช่วงไปนาน เวลารีวิวหนังสือแต่ละที หลายๆ ครั้งต้องเปิดกลับไปเช็กชื่อตัวละคร เรื่องราวอะไรอยู่บ่อยๆ ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ไอ้เรื่องที่ว่าจะหยิบเอาเรื่องอะไรมาเขียนก่อนนั่นก็อีกเหตุผลนึงค่ะ เขียนทีก็ใช้เวลาไม่น้อยเหมือนกัน แต่นั่นก็เพราะอยากจะเขียนออกมาให้อ่านกันเพลินๆ ในขณะเดียวกันก็อยากให้ได้มาแชร์กัน แล้วก็เผื่อให้ใครที่ลังเลว่าควรจะหามาอ่านดีมั้ยนะ ได้ใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อหามาอ่านได้ด้วยโปรดติดตามเรื่องต่อไปค่ะ
ชายาคุณธรรมนั้นเป็นยาก รีวิว
ผู้แต่ง: ชางหมิงแปล: อลิสสำนักพิมพ์: Bakery Book กลับมาอีกครั้งพร้อมนิยายจีนโบราณแนวกลับชาติมาเกิดอีกเรื่องหนึ่ง ทีแรกก็ลังเลอยู่ว่าจะอ่านดีมั้ยนะ เพราะมันยาวเหลือเกิน ตั้ง 5 เล่มแน่ะ แต่พอเปิดดูตัวหนังสือจะใหญ่หน่อย แถมพอได้เริ่มลองอ่านไปซักนิดซักหน่อยก็รู้สึกว่าอ่านเพลิน น่าติดตามดีเหมือนกัน พออ่านจบไปเล่มนึงก็บอกตัวเองเลยว่า นิยายเรื่องนี้อ่านง่ายและค่อนข้างเบาสมองดีค่ะ เรียกว่าใครหยิบมาอ่านก็ไม่น่าจะผิดหวังกันแหละ คือนิยายแนวกลับมาเกิดใหม่เนี่ยมันมีหลายเรื่องจริงๆ อ่านไปซัก 10 เรื่อง อย่างน้อยมีมาละ 3-4 เรื่อง ทีนี้ก็อยู่ที่คนเขียนแล้วว่า จะวางพล็อตออกมาได้น่าติดตามมากแค่ไหนล่ะนะคะ สำหรับชายาคุณธรรมฯ นั้น เป็นเรื่องราวของคุณหมอวัย 39 ที่ถูกญาติคนไข้แทงตาย แบบตายเลยนะคะ คือไม่มีให้ต้องลุ้นอะไรเลย จุดจบชีวิตหมอในยุคศตวรรษที่ 21 คนนึง จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของเด็กหนุ่มวัย 16 ปีที่ย้อนอดีตกลับไปหลายร้อยปี นี่คือการเกริ่นนำตัวละครถังเยว่ แล้วก็เริ่มต้นเรื่องราวชีวิตใหม่กันเลยแบบไม่ต้องว่ากันให้มากความถามว่า อ้าวแล้วเจ้าของร่างคนเดิมล่ะไปไหน ก็ปรากฏว่าหนุ่มน้อยคนนั้นป่วยหนักมากในระดับที่น่าจะถึงแก่ชีวิต จึงเป็นจังหวะให้วิญญาณของถังเยว่ไปสวมอยู่ในร่างเด็กคนนั้นแทน โดยความทรงจำและความสามารถของศัลยแพทย์ผู้มากประสบการณ์วัย 39 นั้นมีอยู่ครบถ้วนทีเดียว พอฟื้นขึ้นมาพบกับลุงซานที่ได้รับคำสั่งจากพ่อที่แท้จริงที่ยังจำได้ว่ามาไข่ทิ้งไว้กับหญิงชาวบ้านให้มารับตัวกลับไปเป็นทายาท ก็เลยได้ลุงซานช่วยเหลือบวกกับใช้ความรู้ทางการแพทย์รักษาตัวเองจนหาย การเดินทางที่แท้จริงของถังเยว่ในยุคโบราณจึงเริ่มขึ้นคืออย่างนี้นะคะ พ่อของถังเยว่คือลี่หยางโหว ขุนนางผู้มั่งคั่งของเมืองหลวง ที่จริงเจ้าตัวลืมลูกชายคนนี้ไปแล้วยด้วยซ้ำ แต่เพราะร้อนใจว่า ไม่ว่าศรีภรรยาตัวจริงที่จวนจะมีลูกกี่คนก็มีแค่ลูกสาวเท่านั้น ปาเข้าไป 7 คนแล้วก็ยังไม่มีลูกชายมาเป็นทายาทให้สืบทอดวงศ์ตระกูลเสียที สุดท้ายผ่านไปสิบกว่าปีนึกขึ้นได้ว่ามีลูกชายนอกสมรสกับเขาอยู่คนหนึ่ง เลยส่งคนไปรับตัวกลับมา ระหว่างทางทั้งสองคนไปพักในวัดร้างแห่งหนึ่ง ก็บังเอิญมีกลุ่มคนที่น่าจะเป็นผู้สูงศักดิ์ซักคนนึงบาดเจ็บเข้ามา แวะพักที่วัดดังกล่าวด้วยพร้อมองครักษ์และทหารหลายนาย มารู้ตอนหลังว่าคนผู้นั้นคือ หลี่เจา หรือ องค์ชายเจา ที่เป็นถึงองค์รัชทายาท ถูกคนลอบทำร้ายจนตกจากหลังม้าและขาหัก จนแทบจะกลายเป็นคนพิการอยู่รอมร่อหลังจากที่แยกย้ายกันไป ฝ่ายหนึ่งกลับจวน ฝ่ายหนึ่งกลับวัง สุดท้ายถังเยว่ก็จับพลัดจับผลูได้เข้าไปช่วยรักษาอาการบาดเจ็บขององค์ชายเจา เพราะหลังจากที่บังเอิญได้แสดงฝีมือด้านการแพทย์ไปหลายครั้ง จนคนเอาไปร่ำลือว่าเป็นหมอเทวดา มิชชั่นนี้จึงเกิดขึ้น เป็นมิชชั่นระดับชาติทีเดียว เนื่องจากหากรัชทายาทได้ชื่อว่าพิการล่ะก็ ตำแหน่งรัชทายาทก็จะหลุดลอยไปทันที เรื่องของเรื่องคือ องค์ชายเจาแม้จะอายุน้อย (14 เองค่ะ) แต่ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก ความคิดอ่าน ความกล้าหาญ ล้วนเป็นผู้ใหญ่เกินตัว แถมยังรูปงาม มีออร่าความเป็นผู้นำ เรียกว่าตั้งแต่ขุนนางยันไพร่ฟ้าล้วนแล้วแต่อยากให้พระองค์เป็นรัชทายาทกันถ้วนหน้าค่ะ ดังนั้นหากมีหนทางจะรักษาขาพระองค์ได้ ก็ต้องทำทุกอย่าง ถังเยว่เองก็ใช่ว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า ก่อนหน้านั้นน่ะอาจจะใช่ แต่ตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็นทายาทของจวนลี่หยางโหวแล้ว ไม่ธรรมดาแล้วค่ะ แน่นอนว่าเป็นถึงระดับหมอศัลย์ฯ แค่ขาหัก แม้อุปกรณ์จะไม่พร้อม แต่มีหรือจะทำไม่สำเร็จ ดังนั้นเมื่อรักษาขาหายก็แปลว่ารักษาตำแหน่งองค์รัชทายาทเอาไว้ได้ด้วยเหมือนกันพระเอกนายเอกของเราจึงได้มาพบปะใกล้ชิดกันอย่างเป็นทางการก็ด้วยเหตุนี้ล่ะค่ะ ถังเยว่น่ะถึงจะไม่มีวรยุทธ์ ตอนย้อนกลับไปยุคโบราณก็ไม่รู้อักษรจีนโบราณก็ต้องฝึกกันใหม่ หน้าตาอาจจะไม่ได้ถึงกับหล่อเหล่าราวเทพเซียน แต่มีวิชาการแพทย์ เก่งเรื่องการทำอาหาร และงานฝีมืออย่างยิ่ง แถมความรู้รอบตัวก็มาก วางตัวก็ดี เป็นที่รักของใครต่อใครได้ง่ายๆ คุณลักษณะเป็นแม่ศรีเรีอนทุกประการเบอร์นี้ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ เข้าตาองค์ชายเจาอย่างมาก องค์ชายเจาก็เก่งไปซะหมดทั้งบู๊ทั้งบุ๋น หล่อเหลาก็ปานนั้น เสียตรงนิสัยอาจจะดูแข็งกระด้างไปบ้าง เด็ดขาดดุดัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนจิตใจดี และได้เห็นถึงความดีงามของถัวเยว่ด้วยตาตัวเองชนิด เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม เข้าขั้นยอมให้ทุกอย่างกันเลยทีเดียว ดีนะที่เรื่องปูมาให้ถังเยว่น่ะเป็นเกย์มาตั้งแต่ชีวิตที่แล้ว ส่วนองค์ชายเจานี่พออ่านๆ ไป ก็เริ่มไม่ต้องสืบแล้วล่ะค่ะ เพราะข้ารับใช้ทั้งจวนไม่มีชะนีเลยแม้แต่นางเดียว เหตุผลสั้นๆ คือรำคาญ! ดังนั้นถ้าจะไม่แลถังเยว่ได้ ก็ออกจะเกินไปแล้วจริงๆที่จริงหากใครเคยอ่านนิยายเรื่อง กลับมาเกิดใหม่เป็นซูเปอร์โมเดล ที่เราเคยรีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้ แล้วมาอ่าน ชายาคุณธรรมฯ ดู จะพบว่ามันมีลักษณะการพัฒนาตัวละครที่ค่อนข้างจะคล้ายๆ กันอยู่ไม่น้อยนะคะ จะต่างกันก็แค่ในเรื่องของยุคสมัยก็เท่านั้น แต่ก็คือการเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบใช้ต้นทุนที่สะสมเอาไว้แล้วก่อนหน้า มาดำเนินชีวิตใหม่ พบเจอกับเรื่องราวมากมาย และมีอุปสรรคมาให้ทดสอบอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ได้พิสูจน์ตัวเอง และได้ใช้ชีวิตอีกครั้งอย่างคุ้มค่ายิ่ง น่าจะตรงใจใครหลายคนที่มักจะคิดว่า ถ้าฉันได้เกิดมาเป็นคนนี้พร้อมความสามารถอันนี้ ฉันจะอย่างนี้... กันบ้างล่ะใช่ไหมคะแน่นอนค่ะว่านิยายขนาด 5 เล่มจบนั้น แถมเป็นแนวจีนโบราณ จำนวนตัวละครจึงเยอะแยะมากมายไปหมด จะให้พูดถึงทุกตัวก็เห็นทีจะลากยาวเกินเหตุ ก็ขอเลือกมาบางตัวเช่น ท่านลี่หยางโหว คุณพ่อในชีวิตนี้ของถังแยว่ที่ถึงจุดนึงก็รักลูกชายคนนี้ของตัวเองอย่างยิ่ง ถึงขนาดมานั่งเสียดายและรู้สึกผิดว่าไม่น่าทิ้งขว้างไม่ดูดำดูดีเลย เพราะจะว่าไปถังเยว่ก็เหมือนเพชรในตม ความรู้ ความคิดอ่านก็มากมายเสียจนเปลี่ยนชีวิตของทุกคนไปในทางที่ดีขึ้น และถึงขนาดเป็นที่ต้องตาขององค์รัชทายาท แถมไปไกลถึงได้แต่งเป็นชายาฯ กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีอาหย่า น้องสาวคนโตที่แรกๆ เขม่นพี่ชายต่างแม่คนนี้นัก แต่ไปๆ มาๆ ก็แพ้ความดี แถมได้พี่ชายคอยรักคอยซัพพอร์ตไปจนถึงชีวิตคู่อีก เรียกว่าผ่านด่านอาหย่าไปได้ น้องสาวคนอื่นๆ นี่เรียกว่าหลงพี่ชายกันไปตามๆ กันเชียวค่ะตัวละคร จ้าวซานหลาง กับ ผิงซุ่น ที่ได้จับพลัดจับผลูมาเป็นสหายของถังเยว่นั้น ที่จริงสองคนนี่ถือได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย ได้แต่เสวยสุขไปวันๆ เพราะบ้านรวยว่าอย่างนั้น สุดท้ายก็ได้อิทธิพลจากถังเยว่นี่แหละที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่ชนิดจากหน้ามือเป็นหลังเท้ากันเลยทีเดียว ตัวละคร จางฉุน เป็นเจ้าเมืองน้อยที่ชะตาชีวิตแสนจะผกผัน แท้ที่จริงเป็นชายหนุ่มที่ก็เป็นวิญญาณจากยุคเดียวกับยังเยว่กลับมาเกิดใหม่เช่นกัน ก็อาศัยถังเยว่นี่แหละคอยช่วยเหลือสนับสนุนจนได้ดิบได้ดีในภายหลัง แถมยังปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในยุคโบราณได้ดีเกินหน้าเกินตาชาวบ้านเสียด้วยตัวละครอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิหนานจิ้นที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อชีวิตการเป็นรัชทายาทก็ดี องค์ชายสาม องค์ชายใหญ่ รวมถึงองค์ชายเล็กๆ น้อยๆ อื่นใดก็ดี แม้แต่เหล่าขุนนางกังฉิน ตงฉินมากมาย แล้วยังมีหนูน้อยลั่วลั่ว ต่างก็ล้วนเข้ามามีบทบาทในชีวิตของถังเยว่และองค์ชายเจาเป็นอย่างมาก ทำให้การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างมีสีสัน นอกจากนี้ยังมีอีเว้นต์ใหญ่ๆ ที่น่าติดตามอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ถังเยว่กับองค์ชายเจาคอยทำงานแบบเคียงบ่าเคียงไหล่ชนิดผัวหาบเมียคอน ทั้งฝึกแพทย์ทหารบ้าง ฝึกทหารในรูปแบบใหม่บ้าง คิดค้นสิ่งต่างๆ อันเกิดจากมันสมองของถังเยว่ก็หลายต่อหลายครั้ง ไหนจะเรื่องที่ต้องคอยรับมือกลุ่มคนที่อยากจะถอดองค์ชายเจาออกจากการเป็นรัชทายาท การชิงไหวชิงพริบในวังนอกวัง การทำสงครามกับเมืองเป่ยเว่ยที่เป็นคู่ปรับกันมายาวนานนั่นอีก คือมีเรื่องราวให้ติดตามอ่านเยอะจริงๆ ค่ะเรื่องนี้มีการสอดแทรกความรู้ในเรื่องของหยูกยา การรักษาพยาบาลอยู่ไม่น้อย นับว่าผู้แต่งทำการบ้านมาพอสมควร ในเรื่องความรู้ต่างๆ เพื่อที่จะสอดแทรกในนิยายเรื่องนี้ แม้จะไม่ใช่ความรู้ในเชิงลึกมากมาย (ซึ่งก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องลงลึกไปซะทุกเรื่องขนาดนั้น) แต่ก็นับว่ามีให้ได้อ่านได้ความรู้อยู่ไม่น้อยนะคะ เราอ่านไปก็รู้สึกว่าเพลินไป ไม่เบื่อเลยแหละ ไหนจะเรื่องการสงคราม การปกครองต่างๆ ที่จริงไม่ใช่เรื่องที่คิดจะเขียนก็เขียนออกมาได้ง่ายๆ เพราะมันก็ต้องผ่านการคิดการวางแผนมาไม่น้อย เราจึงขอยกเครดิตให้คนแต่งไปเลย เพราะในขณะที่เรื่องราวมันมีความสนุกเบาสมองอยู่ แต่ผู้แต่งก็ไม่ลืมผูกปมต่างๆ ขึ้นมา เรียกว่ามีวางแผนในการดำเนินเรื่องได้ชวนติดตามเอาเรื่องทีเดียวประเด็นที่น่ารักหน่อยก็น่าจะเป็นเรื่องความรักความสัมพันธ์ระหว่างถังเยว่ (ที่มีความคิดอ่านแบบผู้ใหญ่วัยใกล้ 40 ในร่างของเด็กหนุ่มวัย 16) และหลี่เจา องค์รัชทายาทวัย 14 ที่ความคิดจิตใจโตเกินอายุไปมาก คู่นี้ที่จริงเค้าเหมาะสมกันมากแหละค่ะ เพราะส่งเสริมกันไปเสียทุกเรื่อง ถ้าองค์ชายเจาไม่ใช่คนดี ถังเยว่หัวเด็ดตีนขาดก็คงไม่ตัดสินใจยอมแต่งเป็นชายาด้วย ถังเยว่เอง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะความสามารถระดับเทพเซียนมาเกิดในยุคนั้น บวกกับความคิดอ่านแบบคนมีอีคิวสมวัย องค์ชายเจาก็คงไม่แลเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นองค์ชายเจาก็ช่างไม่ประสีประสาในบางเรื่อง ในขณะที่ถังเยว่เองก็เกินประสีประสาไปมาก มันเลยมีความเบาสมองอยู่เยอะในประเด็นนี้ แต่ถึงอย่างนั้น องค์ชายเจาก็ชัดเจนค่ะว่ารักถังเยว่มาก และมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ใครต่อใครจะมองว่า ผู้ชายรักผู้ชายอย่างไรเสียก็คงต้องเบื่อหน่ายกันเข้าสักวัน ปรากฏว่า คู่นี้เค้าก็พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นกันไปแบบไร้ข้อกังขา ทำเอาหงายเงิบกันไปก็หลายดอกอยู่แนะนำให้ไปหาอ่านกันค่ะ เป็นนิยายอีกเรื่องที่อ่านสนุก ไม่เบื่อแหละ อาจจะไม่ถึงกับต้องลุ้นอะไรกันหนักหนา แต่ไม่ลุ้นหนักๆ บ้างก็ดีเหมือนกัน มันเหนื่อยนะคะเวลาอ่านเรื่องที่มันเข้มข้นมากๆ มันบีบหัวใจไปหน่อย ก็เอาชายาคุณธรรมฯ นี่แหละมาเบรก ถึงยังไงซะเรื่องราวมันก็ไม่ได้ดำเนินไปแบบทื่อๆ และเราก็ยังจะได้เห็นการพัฒนาและเติบโตขึ้นของหลายๆ ตัวละครที่น่าทึ่งมาก ถึงขนาดว่าต้องเอาใจช่วยกันอย่างนั้นเลยล่ะค่ะสนุกกับการเลือกหาอ่านกันแล้วอย่าลืมเอามาแชร์กันบ้างนะคะ