|
ยุทธภพกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ รีวิว
ผู้แต่ง: อวี่เซี่ยวหลานซาน
แปล: อู่ตงลู่
สำนักพิมพ์: MUZES
ก่อนอื่นไม่ขอแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น สำหรับการทิ้งช่วงหายไปนานถึงครึ่งปีแบบไม่ยอมมารีวิวอะไรเลยแม้แต่เรื่องเดียว เพราะขอสารภาพตรงนี้เลยว่า เราขี้เกียจมากค่ะ จู่ๆ ก็ไม่มีอารมณ์มาเขียนถึงอะไรสักอย่าง ทั้งๆ ที่ก็ยังคงอ่านหนังสืออย่างเมามันไม่มีแผ่วเลยเหมือนเดิมนั่นแหละ เราไม่รู้ว่าจะมีคนรออ่านมากน้อยแค่ไหนหรอกนะคะ แต่ถ้าใครที่แวะเข้ามาดูแล้วไม่เห็นการอับเดตใดๆ เลย ชวนให้น่าด่าและน่าผิดหวังอย่างยิ่ง ก็ขออภัยเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ หวังใจว่า จะกลับมาเขียนรีวิวนิยายให้ได้บ่อยกว่านี้ ไม่หายไปจนแทบจะถูกแทงบัญชีคนหายไปแบบนี้อีกค่ะ
สำหรับ ยุทธภพกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ เป็นอีกหนึ่งนิยายผลงานการแต่งของอวี่เซี่ยวหลานซานที่เรียกได้ว่า ยังรักษามาตรฐานอันคงเส้นคงวาของนิยายแนวโบราณที่สนุก ตลก และกวนตีนได้อย่างน่าชื่นชมอย่างยิ่งค่ะ ใครที่เป็นแฟนนิยาย เล่ห์กลจักรพรรดิ ขอบอกเลยว่า เรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวังสักนิด โดยเฉพาะจังหวะซิตคอมที่โคตรเป็นเอกลักษณ์ เราอ่านนิยายของอาจารย์อวี่ทีไร เป็นได้หัวเราะตลอดเลยสิน่า
นี่เป็นเรื่องราวของคุณชายรองสกุลจู้ที่มีนามว่า จู้เยี่ยนอิ่น ตระกูลบัณฑิตโคตรพ่อมหาเศรษฐีแห่งเจียงหนานอันโด่งดัง คือเป็นตระกูลผู้ลากมากดี เป็นบัณฑิต มีความรู้สูงส่ง ที่สำคัญคือรวยอลังการงานสร้างเหลือแสน คุณชายรองจู้แต่ไหนแต่ไรมา แม้จะได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตมีความรู้ แต่ใจกลับมีความสนใจในยุทธภพอย่างยิ่ง ด้วยความที่ทางบ้านไม่ชอบและค่อนข้างจะดูถูกความป่าเถื่อนของชาวยุทธภพ คุณชายรองก็เลยต้องหลบๆ ซ่อนๆ ซื้อหนังสือ อ่านนิยายเกี่ยวกับยุทธภพมากมาย จนกระทั่งวันหนึ่ง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้จู้เยี่ยนอิ่นต้องสูญเสียความทรงจำไป ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็หลงเข้าใจไปว่าตัวเองเป็นคนในยุทธภพ ร่ำรองอยากท่องยุทธภพไปโน่น
ก็ลำบากคนที่บ้านต้องควานหาตัวหมอเก่งๆ มาช่วยรักษา สุดท้ายก็ไม่ได้ดีขึ้นสักกี่มากน้อย ก็เลยต้องหวังพึ่งท่านหมอเทวดาเจียงเซิ่งหลินผู้โด่งดังเป็นตัวเลือกสุดท้าย ประเด็นคือหมอเทวดาเจียงนั้นฮ็อตมาก คิวก็แน่น แล้วก็ตามประสาหมอเทวดานั่นแหละ คือหาตัวไม่ง่าย คนไข้ต้องเป็นฝ่ายมากราบกราน ไม่ใช่อยากจะรักษาด้วยแล้วก็ได้เลยแบบนั้น กลายเป็นว่า แค่จะเดินทางมาขอรักษาอาการความจำเสื่อมกับท่านหมอเทวดาเท่านั้น จู้เยี่ยนอิ่นไม่ได้คิดเลยว่า ชีวิตของตัวเองจะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
เนื่องจากท่านหมอเป็นคนในยุทธภพใช่ไหมคะ จะตามหาท่านหมอก็ต้องอาศัยไปกับคนในยุทธภพ (ที่เป็นคนรู้จักของสกุลจู้เท่านั้น) แล้วท่านหมอก็ดันเป็นหมอประจำตัวที่รักษาประมุขวังว่านเริ่น ลี่สุย ที่คนทั้งยุทธภพครั่นคร้ามเหลือเกิน เพราะนอกจากจะมีฝีมือสูงส่งเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า เจ้าตัวยังมีนิสัยไม่รับแขก ไม่นับญาติกับใครทั้งสิ้น บุคลิกก็เย็นชา ไม่แคร์โลกไม่แคร์สังคม แถมใบหน้าที่หล่อเหลานั่นก็ยังแทบจะมีตัวหนังสือติดเอาไว้ชัดเจนเลยว่า ‘ข้าจะฆ่าเจ้า’ อยู่ตลอดเวลานั่นอีก แต่ด้วยความไม่รู้อิโหน่อิเหน่และความแบ๊วใสอ่อนต่อโลกของคุณชายรองจู้ ก็ให้บังเอิญไปเกี่ยวข้องกับลี่สุยเข้า แล้วก็เลยถูกลือไปทั่วทั้งยุทธภพว่า คุณชายรองตระกูลจู้ มีความสัมพันธ์อันดีกับประมุขลี่อย่างยิ่งเฉยเลย
ความตลกของเรื่องนี้ก็คือ ความคิดเองเออเอง ความชอบเมาธ์มอยปล่อยข่าวลือมั่วๆ ซั่วๆ ของคนในยุทธภพนี่แหละค่ะ เรานี่อ่านๆ ไปยังคิด นี่ขนาดยุคนั้นไม่มีโซเชียลมีเดีย ยังสามารถลืออะไรกันไปได้เรื่อยเปื่อยแบบไม่สนความจริงอะไรทั้งสิ้นได้ขนาดนี้เลยหรือนี่ ประเสริฐ! ประเสริฐนัก! นี่ยังไม่นับเรื่องที่จิ้นกันเละเทะ ประหนึ่งว่าอ่านนิยายกันมากเกินไปนั่นอีก ท่านหมอเทวดาเจียงก็ให้รู้สึกเอ็นดูสงสารคุณชายรองจู้ยิ่งนัก เพราะต้องมาเสื่อมเสียเพราะลี่สุยแท้ๆ ก็เลยยอมลัดคิว ถึงขนาดช่วยดูอาการป่วยให้เป็นพิเศษ ข่าวลือว่าความสัมพันธ์ของคุณชายรองจู้กับประมุขลี่เลยยิ่งน่าเชื่อหนักไปอีก
แล้วก็พอดีเป็นจังหวะที่ประมุขยุทธภพรวมถึงเหล่าจอมยุทธ์ผู้ผดุงความยุติธรรมทั้งหลาย กำลังวางแผนจะเดินทางไปกำราบ ชื่อเทียน ประมุขนิกายมารแห่งยุค แม้ใจจะอยากไปขอความช่วยเหลือจากลี่สุยอย่างยิ่ง ติดอยู่ที่ ประมุขลี่นั้นเป็นพวกต่อต้านสังคมอย่างที่บอก แต่ละคนเดาทางไม่ถูก กลัวไปขอแล้วจะโดนประมุขลี่ฆ่าตายเสียก่อน ก็เลยไม่มีใครกล้าเลยสักคน พอดีมีข่าวลือเรื่องคุณชายรองจู้ออกมา ทุกคนก็เลยหวังพึ่งจู้เยี่ยนอิ่นว่าจะช่วยพูดเกลี้ยกล่อมประมุขลี่ให้หน่อยประมาณนี้
ซึ่งเอาจริงๆ ลี่สุย ถือเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับประมุขนิกายชื่อเทียนอยู่แล้ว แล้วคู่นี้ก็มีความแค้นที่ต้องสะสางกันอยู่ แค้นใหญ่หลวงแค่ไหนก็ลองนึกดูนะคะ ถึงขนาดที่ลี่สุยที่บาดเจ็บภายในอย่างหนักเพราะชื่อเทียนมานานปี สามารถประคองอาการเอาไว้ได้เพียงเพื่อเป้าหมายที่จะไปคิดบัญชีแค้นชนิดให้ตายตกกันไปกับชื่อเทียนเพียงอย่างเดียวนี่ล่ะค่ะ คือยังไงก็อยากจะไปฆ่าชื่อเทียนอยู่แล้ว ลึกๆ ลี่สุยเองก็หวังพึ่งชาวยุทธ์อยู่ในระดับนึงเพราะถึงอย่างไรเสีย ชื่อเทียนก็มีลูกน้องมากมาย ลำพังลี่สุยเองก็อาจจะตึงมือไปบ้างนั่นล่ะ สุดท้ายประมุขลี่ก็ยอมร่วมมือกับชาวยุทธ์ทั้งหลาย (อย่างเสียไม่ได้) สร้างความโล่งอกโล่งใจให้กับทุกคนเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่า เครดิตก็คงจะตกเป็นของคุณชายรองจู้นี่เอง
และช่วงที่ต้องเดินทางร่วมกันไปนี่แหละค่ะ จู้เยี่ยนอิ่น ก็มีเหตุให้ต้องไปเจอและมีปฏิสัมพันธ์กับลี่สุยอยู่หลายครั้ง ทั้งที่ตัวเองก็กลัวแทบตาย จริงๆ จู้เยี่ยนอิ่นอ่อนแอมากค่ะ ขี้กลัวด้วย วรยุทธ์อะไรก็ไม่มีสักอย่าง เป็นคุณชายผู้บอบบางแสนซื่อสวมชุดขาวสะอาดล่องลอยไปๆ มาๆ ราวกับเทพเซียน ไปไหนมาไหน ก็จะผูกปิ่นโตผู้ติดตามมาเป็นพรวน เทียบกับลี่สุยที่ใส่ชุดดำ สวมผ้าคลุมผืนเบ้อเริ่ม ห้อยกระบี่ แถมยังทำสีหน้าเหมือนโกรธคนทั้งโลกตลอดเวลาแล้ว ประมุขมารชัดๆ เลยล่ะค่ะ
แต่ไม่รู้เป็นเพราะความน่ารัก ความซื่อ และความน่าแกล้งเหลือเกิน ของจู้เยี่ยนอิ่นหรือเปล่า หลังๆ มาประมุขลี่ชักจะชอบไปวอแวกับคุณชายรองจู้อยู่บ่อยๆ จากที่บังเอิญมีเหตุให้ต้องช่วยเหลือจู้เยี่ยนอิ่น ตอนหลังเดี๋ยวก็อุ้มเหาะไปโน่น เดี๋ยวก็อุ้มเหาะไปนี่ เดี่ยวก็ลากขึ้นไปนั่งคุยกันบนหลังคา เดี๋ยวก็อุ้มขึ้นหลังม้า คุณชายรองจู้ จากที่แรกๆ หน้ายังไม่กล้ามอง ตอนที่เห็นลี่สุยเข่นฆ่าศัตรูจนเลือดสาดเท่านั้นแหละ เจ้าตัวถึงกับอาเจียนออกมาขนาดที่เป็นลมเป็นแล้งไข้ขึ้นไปเลย ตอนหลัง อ้าว ก็ยอมให้เขาอุ้มไปอุ้มมา เดี๋ยวเดียวก็กระโดดขึ้นม้าไปกับเข้า ไปแอบมองเขา ถึงขนาดกล้าขึ้นเสียงออกอาการแง่งอนเวลาไม่ได้ดั่งใจก็มี ความสัมพันธ์ก้าวหน้ายิ่งนัก
ระหว่างการเดินทางไปกำจัดชื่อเทียน นอกจากความสัมพันธ์ของตัวละครหลักจะพัฒนาไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ยังเกิดเหตุการณ์ขึ้นมากมาย เรื่องราวต่างๆ เราจะไม่ขอลงรายละเอียดนะคะ ต้องลองไปอ่านกันเอง แต่สนุกมาก และไม่น่าเบื่อเลย เอาจริงๆ นิยายเรื่องนี้แม้จะมีความจริงจังของเส้นเรื่องอยู่ แต่ก็นับว่าเบาสมองมากด้วยเช่นกันค่ะ ไม่ได้ห้ำหั่นเอาเป็นเอาตายเหมือนกับเรื่องราวในรั้วในวังเหมือนอย่าง เล่ห์กลจักรพรรดิ และนิยายเรื่องอื่นอีกหลายๆ เรื่อง แต่มันมีความสนุกในเรื่องของลักษณะนิสัยของตัวละครมากกว่า พอตัวละครมีเสน่ห์มันก็เลยทำให้รู้สึกอยากจะติดตามน่ะค่ะ บวกกับเรื่องนี้มันตลกตรงที่ การเขียนถึงโลกของเหล่าบัณฑิตและโลกของเหล่าจอมยุทธ์ที่มีความแตกต่างชัดเจนในแบบที่ค่อนข้างชวนหัวเอาการนั่นด้วย
ฝ่ายที่เป็นบัณฑิตอย่างบ้านสกุลจู้ หรือจะตัวละครที่โผล่มาตอนหลังอย่างสวีอวิ๋นจง หรือซ่งอวี้ ก็วาดลวดลวยความเป็นบัณฑิตออกมาได้อย่างน่าชม ราวกับจะบอกว่าบัณฑิตอย่างเราแม้ไม่เป็นวรยุทธ์แต่เราก็มีความฉลาดเฉลียวอย่างบัณฑิตอยู่เต็มเปี่ยม อย่างบ้านสกุลจู้นั้น เหยียดหยามยุทธภพว่าป่าเถื่อน ไร้มารยาท พยายามจะกีดกันไม่ให้คุณชายตัวเองลงไปเกลือกกลั้วอย่างไรก็ไม่สำเร็จก็แล้ว ป้องกันทุกวิถีทางแค่ไหนก็แล้ว (เพราะคุณชายช่างไม่ให้ความร่วมมือเสียเลย) แต่ถึงอย่างนั้น ยามที่จะต้องแก้ปัญหาหรือแม้แต่ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็ได้แสดงให้ยุทธภพได้เห็นแล้วว่า เงินนั้น ช่างแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งจริงๆ นับถือ นับถือ
ฝ่ายชาวยุทธ์นั้น ก็ป่าเถื่อนสมดังที่ว่า แก้ปัญหาด้วยการใช้กำลัง หลั่งเลือดวางยาใช้กลโกงสารพัด อย่างลี่สุยนี่ถึงขนาดดูแคลนและรำคาญจู้เยี่ยนอิ่นอย่างมากด้วยซ้ำ หันไปเจอทีไรก็เห็นเป็นกระโจมหิมะสีขาวฟูฟ่อง ทั้งโง่งม ทั้งอ่อนแอ ทั้งเรื่องมาก แม้แต่เหล่าจอมยุทธ์ทั้งหลาย ช่วงที่รู้ว่าจะมีบัณฑิตร่วมทางไปด้วย ยังกลัวว่าจะเป็นภาระ เพราะนอกจากวรยุทธ์อะไรก็ไม่มีแล้ว ขบวนเดินทางแสนไฮโซนั่นก็อลังการแถมยังยาวอย่างยิ่ง หารู้ไม่ว่าเพราะความร่ำรวยนั้นสามารถเนรมิตและอำนวยทุกสิ่งอย่างได้เพียงชั่วลัดนิ้วมือ เรียกว่าเฉพาะม้าและรถเทียมม้านั่น คุณภาพดีเสียจนเดินทางได้รวดเร็วกว่าคนอื่นไปได้หลายเท่าตัว แถมความเป็นอยู่ยังสุขสบายกว่าด้วย อีกทั้งยามหน้าสิ่วหน้าขวาน มันสมองของบัณฑิตเจียงหนานยังช่วยคลี่คลายสถานการณ์มาได้ก็หลายครั้ง
นอกจากลี่สุยที่ตอนแรกสุดแสนจะเย็นชาและกลายมาเป็นประมุขมารผู้คลั่งรักในตอนหลัง ขนาดที่ว่าอยากจะมีชีวิตยืนยาวต่ออีกสักหลายสิบปีแล้ว หรือจู้เยี่ยนอิ่น คุณชายบัณฑิตผู้แสนอ่อนแอในตอนแรกแต่สุดท้ายก็แรดมาก เจ้าแผนการมาก แถมยังคบหากับประมุขมารรูปงามล่มบ้านล่มเมืองเต็มตัวในตอนท้าย ตัวละครอื่นๆ ก็น่าสนใจมากเชียวค่ะ อย่างหมอเทวดาเจียงเซิ่งหลินนั่น แท้ที่จริงยังหนุ่มยังแน่นมากนะคะ ไม่ใช่ท่านหมอผู้แก่ชราอะไร ท่านหมอแม้ไม่เก่งวรยุทธ์อะไรนักแต่ฝีมือทางการแพทย์และหยูกยาเรียกว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า ที่ตลกก็คือท่านหมอเป็นคนช่วยชีวิตลี่สุยแท้ๆ แต่ก็ต้องปวดหัวกับนิสัยแย่ๆ ของคนที่ตัวเองช่วยมากับมือ เป็นคนที่สนิทกับลี่สุยที่โดนจิกกัดหนักที่สุดแล้ว ความอดทนของท่านหมอนั้น เรียกว่าก็เป็นหนึ่งในใต้หล้าไม่แพ้กัน
อีกคนก็คือหลานเยียน ศิษย์และลูกน้องที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นมือขวาของลี่สุย นางเป็นจอมยุทธ์หญิงแห่งยุคที่มากฝีมือ ห้าวหาญอย่างยิ่ง แต่พอได้เห็นยามประมุขตัวเองใกล้ชิดกับคุณชายรองจู้เยี่ยนอิ่นแล้ว นางถึงกับเงิบแล้วเงิบเล่าหลายต่อหลายครั้ง ที่สำคัญนางโดนท่านหมอเทวดาตกหลุมรัก น่าเห็นใจนางตรงที่ ท่านหมอโคตรซื่อบื้อจนนางละเหี่ยใจก็หลายครั้งอยู่ค่ะ เอาจริงๆ ทั้งท่านหมอเทวดาเจียง แม่นางหลานเยียน รวมถึงคนทั้งวังว่านเริ่น หรือแม้แต่ม้าคู่ใจของของลี่สุยเอง ตอนหลังเรียกได้ว่าถูกความร่ำรวยของบ้านคุณชายรองจู้สปอยล์จนแทบจะเสียผู้เสียคนกันหมด พอประมุขลี่กลายเป็นคนของคุณชายรองจู้ ชีวิตทุกอย่างก็เลยถูกพลอยทำให้พรีเมียมไปตามๆ กันหมด แสดงให้เห็นว่าอำนาจเงินน่าจะน่ากลัวที่สุดในยุทธภพแล้วล่ะค่ะ
หรืออย่างบัณฑิตสวีอวิ๋นจงนั่น ก็คือ... เป็นบัณฑิตติสต์แตกตัวพ่อคนนึงของวงการแม้จะรูปงามอีกทั้งมีความสามารถ ขี้เกียจก็เท่านั้น รักสบายก็เท่านั้น แต่กลับมีความหยิ่งทะนงในตัวเองอย่างยิ่ง พฤติกรรมนี่เรียกว่าพลิกฟ้ากันไปข้างนึงเลยทีเดียว ถึงจะโผล่มามีบทบาทเล่มหลังไปแล้ว แต่ก็สร้างสีสันให้กับเรื่องอย่างยิ่ง ยังมีอีกหลายตัวละครค่ะที่ขาดไปไม่ได้เลย เพราะล้วนแล้วแต่ทำให้นิยายเรื่องนี้สนุกและน่าติดตามมากขึ้น ต้องลองไปอ่านกันดูค่ะ
เราอ่านนิยายเรื่องนี้จบ ถึงกับต้องไปหยิบ เล่ห์กลจักรพรรดิ มาอ่านอีกรอบ (ตั้ง 5 เล่มแน่ะค่ะ อย่างยาวเลย) เพราะชอบในสำนวนการเขียนของอาจารย์อวี่ นี่เรียกว่าเฝ้ารอเรื่องใหม่กันเลย ออกมากี่เรื่องก็จะตามอ่านแน่นอนค่ะ แนะนำเพื่อนนักอ่านทุกท่านลองไปหามาทัศนากันดูนะคะ ไม่ผิดหวังแน่ๆ ใครอ่านเรื่องนี้แล้วยังไม่เคยอ่านอีกเรื่องก็อย่าลืมไปหาเก็บไว้เป็นคอลเล็กชั่นซะนะคะ ไม่อยากให้พลาดจริงๆ
เรื่องต่อไป ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็น่าจะเร็วๆ นี้แหละค่ะ ไม่ทิ้งช่วงหนีหายราวกับหนีหนี้นอกระบบแบบนั้นอีกแล้ว โปรดติดตามนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า
Create Date : 15 กรกฎาคม 2564 |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2564 15:34:58 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2971 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: เอิงเอย IP: 183.88.127.4 วันที่: 16 กันยายน 2564 เวลา:21:13:55 น. |
|
|
|
|
fingers-crossed |
|
|
|
|