WELCOME! WELCOME! and WELCOME!
 
นักรบพเนจรสุดขอบฟ้า รีวิว

ผู้แต่ง: Priest

แปล: Breadknight

สำนักพิมพ์: SENSE BOOK

ในที่สุดก็ได้หยิบนิยายเรื่องนี้มาเขียนซักที ทั้งที่อ่านจบไปตั้งก่อนที่ซีรีย์ตอนสุดท้ายจะออนไม่กี่วันแล้วแท้ๆ เรื่องของเรื่องก็คือว่า มีคนแนะนำให้อ่านนักรบพเนจรสุดขอบฟ้ามาตั้งนานแล้ว แต่ปรากฏว่าพอซีรีย์ออนปุ๊ปก็ดังเปรี้ยง นิยายขาดตลาดทันทีเลยค่ะ อยากหาซื้อมาอ่านแค่ไหนก็ไม่สามารถ ก็เลย... ทำไมถึงได้ดังขนาดนั้นนะ งั้นก็ขอลองดูซีรีย์ก่อนก็แล้วกัน เรียบร้อยค่ะ! ติดหนึบเลย ไม่แปลกใจว่าทำไมนิยายเลยพลอยขายดีไปด้วยขนาดนั้น



พอดูซีรีย์จบก็ลังเลอยู่นานมากว่าจะรีวิวนิยายดีมั้ยนะ เพราะมันยากเสมอค่ะเวลาที่เราจะต้องเขียนรีวิวนิยายเรื่องที่ถูกนำไปทำเป็นซีรีย์ ยิ่งถ้าเป็นซีรีย์ที่ทำออกมาได้ดีด้วยก็จะยิ่งยากเป็นพิเศษ ก็พอดีจังหวะที่กลับมาเขียนรีวิวใหม่ ก็เลยตัดสินใจหยิบนิยายมาอ่านใหม่อีกรอบนึง แล้วก็ถึงได้ตัดสินใจลงมือเขียนซักทีนี่แหละค่ะ ขอออกตัวเอาไว้ก่อนตรงนี้เลยนะคะว่า ช่วงต้นเราจะเน้นเรื่องราวจากในหนังสือเท่านั้น รีวิวนิยายจบแล้ว เราถึงจะพูดถึงซีรีย์บ้างซักเล็กน้อยในตอนท้ายสำหรับทั้งแฟนนิยายและแฟนซีรีย์อีกทีก็แล้วกันนะคะ

 

นักรบพเนจรสุดขอบฟ้า เป็นเรื่องราวที่พูดถึงสองตัวละครหลักที่มีชีวิตที่จะบอกว่าแตกต่างก็น่าจะใช่ จะคล้ายกันก็เรียกว่าไม่ผิดนัก คนหนึ่งคืออดีตประมุขเคหาสน์สี่ฤดู โจวจื่อชู ที่ภายหลังมาสวามิภักดิ์ต่อฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ทำงานสกปรกทุกอย่างตั้งแต่เป็นสายลับจนถึงนักล่าสังหารภายใต้ชื่อสำนักเทียนชวงเพื่ออุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งโจวจื่อชูที่ต้องสูญเสียศิษย์พี่น้องร่วมสำนักไปมากมาย และตัวเองก็เบื่อหน่ายกับสิ่งที่ทำเต็มที แต่กฎของเทียนชวงคือเข้าได้ออกไม่ได้ ใครที่คิดจะถอนตัวออกไปจะต้องยอมรับทัณฑ์ตะปูเจ็ดทวารสามสารท แลกกับอิสรภาพและชีวิตที่จะอยู่ได้เพียงสามปีก่อนจะตายตกกันไป โจวจื่อชู ในฐานะประมุขก็ไม่ต่างกัน เขาตอกตะปูให้ตัวเองและลาออกจากราชสำนัก ก่อนจะปลอมตัวเป็นชายอมโรคร่อนเร่พเนจรที่สภาพไม่ดีไปกว่าขอทาน แต่คุ้มค่ากับชีวิตในช่วงสุดท้ายที่เหลืออยู่

ก่อนที่จะมาพบกับ เวินเค่อสิง ชายหนุ่มรูปงามท่าทางเจ้าสำอางที่มีที่มาที่ไปค่อนข้างลึกลับ เวินเค่อสิง ที่ราวกับคนหูหนวกตาบอด ไม่รู้มาถูกใจอะไรกับชายที่แต่งกายซอมซ่อหน้าเขียวบ้างเหลืองบ้างดูไม่เป็นผู้เป็นคนแถมผอมแห้งดูเหมือนจะตายวันตายพรุ่งอย่าง โจวจื่อชู แต่ไม่ว่าจะพูดหรือไล่อย่างไร เวินเค่อสิง ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อว่าหน้าตาอันอัปลักษณ์นี้จะเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของโจวจื่อชู จึงหน้าด้านตามติดหยอดคำหวานราวกับเป็นเหาฉลามที่สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด

ราวกับว่าชีวิตยังวุ่นวายไม่พอ โจวจื่อชู ที่บอกกับ เวินเค่อสิง ว่าตัวเองชื่อ โจวซวี่ ก็ดันต้องไปพัวพันกับเรื่องราวยุ่งยากในยุทธภพไปอีก เริ่มจากที่จับพลัดจับผลูต้องให้ได้ยื่นมือเข้าช่วยเด็กน้อยสกุลจาง จางเฉิงหลิ่ง ทายาทเพียงคนเดียวที่รอดตายจากการฆ่าล้างตระกูล และรับปากกับผู้เฒ่าใกล้ตายว่าจะพาเด็กน้อยคนนี้ไปส่งให้กับสกุลจ้าวให้ช่วยดูแลเด็กกำพร้าผู้นี้ต่อไป เวินเค่อสิง ที่ตอนแรกไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาซักนิด แต่ด้วยความอยากสอดเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตของโจวจื่อชูทุกเรื่อง ก็หน้าด้านออกตัวเดินทางไปด้วยกันเสียอย่างนั้น ทำเอาแม่นางน้อยกู้เซียง สาวใช้ผู้ติดตามเวินเค่อสิงอิดหนาระอาใจกับเจ้านายของตัวเองอย่างยิ่ง แต่ก็หลับหูหลับตาติดตามกันไปเป็นโขยงทั้งอย่างนั้น

ใครจะไปคิดล่ะคะว่า แค่พาเด็กผู้ชายวัย 15 คนหนึ่งไปฝากฝังให้กับตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง ระหว่างทางจะเกิดเรื่องราวมากมายถึงเพียงนั้น เพราะไปๆ มาๆ ก็ได้รู้ว่าสาเหตุแห่งเรื่องวุ่นวายเหล่านี้มาจาก เกล็ดหลิวหลี เกล็ดที่ว่านี้ว่ากันว่าเป็นกุญแจที่จะนำไปสู่คลังยุทธ์ในตำนานที่เก็บเอาตำรายุทธ์ที่มีคุณค่าหากยากขนาดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ขนาดนั้นเลยทีเดียว มันจึงกลายเป็นที่หมายตาจากทุกฝ่ายในยุทธภพไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรม เกล็ดหลิวหลีในตำนานนั้นถูกแยกออกเป็น 5 ชิ้น และถูกเก็บรักษาเอาไว้โดย 5 ตระกูลใหญ่ หนึ่งในนั้นคือตระกูลจางของเด็กน้อยจางเฉิงหลิ่งนั่นเอง พอตระกูลหนึ่งเกิดเรื่อง ตระกูลที่เหลือก็ต้องลุกฮือขึ้นมาออกหน้าตามธรรมเนียมว่าอย่างนั้น

ก็เลยกลายเป็นเรื่องราวการตามหาและแย่งชิงเกล็ดหลิวหลีกันเป็นที่เอิกเกริก และแน่นอนว่าเด็กน้อยจางเฉิงหลิ่งจึงไม่ต่างกับชิ้นเนื้อที่โดนหมายตาจากทั้งฝ่ายดีและฝ่ายร้าย วุ่นวายโจวจื่อชู (หรือตอนหลังถูกเวินเค่อสิงเรียกอย่างสนิทสนมว่า อาซวี่) และ เวินเค่อสิง (หรือที่ถูกเรียกว่า เหล่าเวิน จนติดปากเหมือนกัน) ต้องยื่นมือเข้าช่วยเพื่อรักษาชีวิตเด็กน้อย ที่เอาจริงๆ ก็น่าสงสารนะคะ เพราะสุดท้ายคนในยุทธภพที่พ่อของเขาคิดจะฝากฝังให้ช่วยดูแลลูกชาย กลับกลายเป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือ หวังอยากได้เกล็ดหลิวหลีส่วนของตระกูลจางมากกว่าจะสนใจชีวิตความปลอดภัยของเด็ก ด้วยความเวทนา โจวจื่อชู จึงตัดสินใจรับเฉิงหลิ่งเป็นศิษย์ โดยมีท่านอาเวินที่ก็ค่อยช่วยดูแลสอนนั่นสอนนี่ให้ด้วยอีกคน วันดีคืนดีก็มีพี่กู้เซียงมาช่วยดูแลปกป้องไปอีก อบอุ่นกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว จางฉิงหลิ่งจึงทั้งรักและเคารพชายหนุ่มทั้งสองคนมากกว่าใคร แม้เจ้าตัวจะหัวทื่อ สอนอะไรกว่าจะจำได้ช่างยากเย็นนักไปหน่อยก็ตาม

ระหว่างที่ต้องวุ่นวายกับทั้งเรื่องเกล็ดหลิวหลีเอย สำนักใหญ่ทั้ง 5 เอย ไหนจะกลุ่มแมงป่องพิษ และหุบเขาผีที่มีเหตุให้ต้องฆ่าฟันเสียเลือดเสียเนื้อกันไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดของ อาซวี่ และ เหล่าเวิน ก็ค่อยๆ ก้าวหน้าขึ้นอย่างน่าประหลาด เวินเค่อสิงนี่นะคะ เป็นพวกตัดแขนเสื้อชัดเจนมาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว แสดงออกชัดเจนว่าชอบผู้ชายไม่ชอบผู้หญิง แถมมาถูกอกถูกใจโจวจื่อชูอย่างยิ่ง และนั่งยันนอนยันว่า อาซวี่ ของเขานั้นแท้ที่จริงเป็นคนงาม ถึงได้ตามตื๊อ ตามจีบ ตามหยอดไม่หยุด โจวจื่อชูคือไม่ไหวจะรำคาญ ไม่ไหวจะอยากด่า หันไปเห็นหน้าบางทีเกิดอยากจะต่อยไปซักหมัดก็หลายครั้ง แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงรู้สึกชิน แถมตอนหลังยังรับลูก ชงมาตบกลับกันได้อย่างเป็นธรรมชาติยิ่งนัก แต่ก็นั่นล่ะค่ะ เผลอเป็นไม่ได้ เหล่าเวินต้องขอให้ได้แตะเนื้อต้องตัวแทบจะตลอดเวลากันเลยทีเดียว

พอได้อยู่ด้วยกันมากเข้า ด้วยความที่ทั้ง โจวจื่อชู และเวินเค่อสิง ที่ต่างก็ไม่ใช่เด็กหนุ่มอ่อนต่อโลก ชีวิตล้วนผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย ก็เรียกได้ว่าไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ล่ะค่ะ โจวจื่อชู ก็พอจะเดาได้แล้วว่า เวินเค่อสิง แท้ที่จริงคือประมุขผาวายุ หรือเรียกตรงๆ ก็คือประมุขหุบเขาผีที่มีข่าวลือหนาหูว่าแสนจะชั่วร้าย ส่วนเวินเค่อสิงเอง ก็รู้เหมือนกันว่า โจวจื่อชู คือประมุขพรรคเทียนชวง ที่เคยเป็นคนของเคหาสน์สี่ฤดู แต่รู้แล้วอย่างไรล่ะ พวกเขากลายเป็นสหายรู้ใจกันไปแล้วนี่นา

แล้วเอาจริงๆ สองคนนี้ ก็ไม่เคยเรียกตัวเองว่าเป็นคนดีอะไร โจวจื่อชู เองก็รู้ดีว่าตัวเองก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้มากมายเมื่อตอนเป็นประมุขเทียนชวง ตลอดระยะเวลาสิบปี เรื่องชั่วร้ายอะไรบ้างที่เขาไม่เคยทำ การเลือกเอาชีวิตมาแลกกับอิสระเพียง 3 ปีสุดท้ายที่ก็ต้องทนทรมาณกับฤทธิ์ของตะปูเจ็ดทวารสามสารทที่ใครๆ ก็บอกว่าอยู่ไม่สู้ตาย นั่นก็เขาเลือกเอง ตัวเวินเค่อสิงเอง ก็ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน เอาตัวเองรอดจนกลายมาเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์คนนึงได้ขนาดนี้ ก็มือเปื้อนเลือดมาไม่น้อย ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าที่แม้แต่ผีในหุบเขาผียังต้องประหวั่นพรั่นพรึง เรียกว่าศีลเสมอกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างยอมรับซึ่งกันและกัน และไม่มีการพูดเรื่องความดีความชั่วอะไรกันทั้งสิ้น สิ่งใดที่ต้องทำก็ทำไป จะเสียดายก็เพียงแค่ ได้มาเจอคนรู้ใจทั้งที กลับเหลือเวลาเพียงน้อยนิด โจวจื่อชูถึงกับอยากจะยืดชีวิตของตัวเองออกไปให้นานอีกสักหน่อย เวินเค่อสิงก็ไม่ได้คิดอยากจะแก้แค้นจนตัวตายอะไรขนาดนั้นแล้ว แล้วปั้นปลายของพวกเขาจะเป็นอย่างไรหนอ

เรื่องราวความขัดแย้งต่างๆ ในเรื่องมันค่อนข้างที่จะสลับซับซ้อนมากอยู่ค่ะ ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียด เพราะไม่อยากสปอยล์นะคะ จริงๆ ส่วนที่เล่าไปข้างบนก็นับว่าสปอยล์ไปพอสมควรแล้ว  ที่เหลืออยากให้ลองไปอ่านกันดู เพราะเรื่องนี้มีตัวละครมากมายทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรม พออ่านๆ ไป เราจะอดตั้งคำถามขึ้นมาไม่ได้อีกแล้วว่า ตกลงฝ่ายธรรมะนี่มันธรรมะจริงแน่หรือ แล้วที่เป็นอธรรม อย่างไหนหรือเรียกว่าอธรรม เพราะเรื่องนี้นี่มันทำให้รู้เช่นเห็นชาติสันดานคนได้เยอะเลยเชียวล่ะค่ะ ทั้งเรื่องวางแผน หักหลัง ผลประโยชน์ ชิงไหวชิงพริบกันน่าดูเลยยุทธภพนี้

นอกจากสองตัวละครหลักนี้แล้ว ยังมีตัวละครเด่นๆ ที่น่าสนใจที่จะขอหยิบยกมาแค่บางส่วนนะคะ กู้เซียง ในเรื่องน่ะ นางเป็นเด็กที่เวินเค่อสิงเก็บมาเลี้ยงสมัยอยู่หุบเขาผี เด็ก 7-8 ขวบคนนึง พยายามเลี้ยงทารกคนนึงท่ามกลางสิ่งแวดล้อมแบบนั้นจนเติบโตขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งคู่จึงมีความผูกพันไม่ต่างอะไรกับพี่น้องหรือจะบอกว่าเป็นพ่อลูกกันก็ไม่น่าจะผิดนักแม้ปากจะบอกว่าเป็นสาวใช้ก็ตาม จึงไม่น่าแปลกใจที่แม้นางจะสวยน่ารักแต่ปากคอนี่คืออย่าได้พูดถึงค่ะ ด่าเป็นด่า พูดจาไม่เห็นหัวใครทั้งสิ้น แต่อย่างน้อยนางก็เป็นคนตรงไปตรงมา จนกระทั่งได้มาเจอเฉาเว่ยหนิง ศิษย์จากสำนักกระบี่ชิงเฟิงที่รักนางอย่างแท้จริง ถึงได้ตกร่องปล่องชิ้นกันในที่สุดค่ะ

จางเฉิงหลิ่ง คุณชายน้อยที่เป็นกำพร้าเพียงช่วงเวลาข้ามคืน ใครจะไปคิดคะว่าเด็กไม่เอาไหนทั้งเรื่องบู๊เรื่องบุ๋นคนนี้ จะกลายเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างโจวจื่อชูและเวินเค่อสิง เรียกว่าไม่เป็นเพียงลูกศิษย์แต่แทบจะกลายเป็นลูกชายของทั้งสองหนุ่มไปแล้ว ช่วงต้นเรื่องอาจจะดูไม่เอาไหนไปสักหน่อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป จางเฉิงหลิ่งเรียกว่ามีบทบาทมากมายและพึ่งพาได้กว่าที่คิดเลยล่ะค่ะ อีกคนนึงที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ เย่ไป๋อี แม้จะมีใบหน้าที่ดูเป็นหนุ่มน้อย แต่ที่จริงแล้วเขาถือเป็นปรมาจารย์แห่งยุคที่อายุน่าจะเป็นร้อยปีขึ้นไปแล้ว เรียกว่าเป็นอันดับหนึ่งในยุทธภพที่เป็นอมตะเสียด้วย ไม่เพียงแต่ฝีมือที่เป็นหนึ่งไม่เป็นสอง ฝีปากพี่แกก็เหนือทุกคนใต้หล้า เห็นจะมีแต่เวินเค่อสิงเพียงคนเดียวนี่แหละที่กล้าต่อปากต่อคำ ก่นด่าจิกกัดผู้อาวุโสเย่แบบไม่แคร์สิ่งใดจนโจวจื่อชูเบื่อจะห้ามไปแล้ว ล่าสุดได้รับฉายาถังข้าวเดินได้จากเวินเค่อสิงไปเรียบร้อยเนื่องจากกินจุเหลือเกินนั่นเองค่ะ

นอกจากนี้ยังมีคุณชายเจ็ดเป่ยเยวียนและต้าอูผู้เยี่ยมยุทธ์และมากฝีมือทางยาอย่างยิ่ง ที่เป็นคนรู้จักแต่เก่าก่อนของโจวจื่อชู แม้จะไม่พบหน้ากันมาเนิ่นนาน แต่สุดท้ายสองคนนี้ก็กลายมาเป็นคนสำคัญที่จะช่วยชี้เป็นชี้ตายให้กับโจวจื่อชูในที่สุดค่ะ แม้ว่ากว่าจะมีบทบาทก็ปาเข้าไปเล่มสองแล้ว แต่เราก็ชอบตัวละครสองตัวนี้ไม่น้อย จนต้องหยิบยกมาพูดถึงนี่ล่ะ

ทีนี้เรามาพูดถึงตัวซีรีย์กันซักนิดนะคะ นักรบพเนจรสุดขอบฟ้า หรือ Word of Honor หรือที่มีชื่อจีนว่าชางเหอลิ่ง นั้นเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์แห่งซีรีย์แนว “มิตรภาพ” อีกเรื่องหนึ่งถัดจาก The Untamed หรือ ปรมาจารย์ลัทธิมาร เลยล่ะค่ะ อย่างแรกเลยที่น่าจะสำคัญมาก ก็คือเคมีของนักแสดงสองคนซึ่งก็คือ จางเจ่อฮั่น ที่รับบทเป็น โจวจื่อชู และ กงจวิ้น ที่รับบทเป็น เวินเค่อสิง ที่ดีงามชนิดสมบูรณ์แบบ สองคนถ่ายทอดความเป็นโจวจื่อชูและเวินเค่อสิงออกมาได้ราวกับกระโดดออกมาจากนิยายเลยเชียวค่ะ ฝีมือการแสดงเอย งานสายตาเอย เคมีระหว่างทั้งคู่ รูปร่างหน้าตา คือดีไปหมด ขออวยยศกันไปเลยตรงนี้นะคะ เราดูแล้วประทับใจการถ่ายทอดบทบาทการแสดงของทั้งสองคนนี้มาก แล้วมันทำให้เราเชื่อมากด้วยถึงความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ ของทั้งสองตัวละคร ยอมใจในฝีมือของจางเจ๋อฮั่นและกงจวิ้นอย่างยิ่งค่ะ



ส่วนเส้นเรื่องนั้นแน่นอนค่ะว่า เมื่อถูกทำให้กลายเป็นซีรีย์แบบนี้มันจะต้องถูกปรับหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวหรือความสัมพันธ์ของตัวละครหลายๆ ตัว หรือแม้แต่ความวายในเรื่อง แต่ให้พูดตามตรงก็คือ เราชอบเวอร์ชั่นซีรีย์มากกว่าในนิยาย ไม่ใช่นิยายไม่ดีค่ะ นิยายอ่านสนุกมาก ขอคอนเฟิร์มตรงนี้ แต่เวอร์ชั่นที่ถูกปรับมาเป็นซีรีย์ มันดีมากจริงๆ (ซึ่งก็ต้องให้เครดิตนิยายก่อนเลย เพราะแม้แต่ทีมงานและนักแสดงก็ยังบอกว่า เพราะนิยายเขียนมาดีมาก จึงสามารถพลิกแพลงได้มากมายโดยที่ยังรักษาเส้นเรื่องเอาไว้ได้) ตัวละครหลายๆ ตัวถูกนำมาให้ทำให้มีมิติและมีความซับซ้อนมากขึ้น พอบวกกับฝีมือนักแสดงเข้าไปอีก มันก็เลยเข้มข้นมากค่ะ ตัวละครอย่างเกาฉง เสิ่นเซิ่น จ้าวจิ้ง หรือแม้แต่ราชาแมงป่องพิษ ถูกดึงออกมาให้โดดเด่นขึ้นชนิดน่าดูชม คนดูอย่างเราไม่ไหวจะอินค่ะ บทของฮ่องเต้ในหนังสือ ถูกปรับให้เป็นท่านอ๋องฯ ที่มักใหญ่ใฝ่สูงแทน ก็ทำออกมาได้ดีมากจริงๆ



หรืออย่างกู้เซียง เราชอบกู้เซียงในซีรีย์มาก เพราะน้องสวยน่ารักแล้วก็มีเสน่ห์มาก เห็นแล้วเอ็นดูนาง เฉาเว่ยหนิงก็แคสตัวละครได้เหมาะสมสุดๆ น้องน่ารักแถมตาเป็นประกายตลอดเลยค่ะ ใครที่ยังไม่เคยดูไม่ว่าจะเคยอ่านนิยายแล้วหรือไม่ นี่เป็นซีรีย์อีกเรื่องที่เราแนะนำเลยว่า ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง  ที่สำคัญ สิ่งหนึ่งที่แฟนซีรีย์เห็นพ้องต้องกันสุดฤทธิ์ก็คือ หลายๆ ฉาก ผ่านเซ็นเซอร์มาได้ยังไง คือกองเซ็นเซอร์เรื่องนี้เปรี้ยวมาก คนดูไม่ไหวจะจิกหมอนกันไปแบบไม่อยากจะเชื่อว่าจะผ่านกองเซ็นเซอร์จีนมาได้ขนาดนี้ ขนาดเวอร์ชั่นที่ปล่อยออกมาปกตินั้นว่าเปรี้ยวแล้ว ทางช่องยังปล่อย special เวอร์ชั่นที่ไม่ถูกตัดตอนฟินๆ มาให้ดูตอกย้ำกันไปอีก ขยี้กันราวกับจะไม่ให้ออกจากวังวนกันได้ง่ายๆ เลยทีเดียว

เล่ามาขนาดนี้ ไม่ควรพลาดกันแล้วนะคะทุกคน อยากให้เปิดใจอ่านมันทั้งนิยาย ดูมันทั้งซีรีย์นั่นล่ะค่ะ ดีงามทั้งสองอย่างเลย ใครที่เป็นแฟนซีรีย์ แล้วอยากมาพูดคุยกันถึงตัวซีรีย์นี้อีก ก็ comment กันมาได้เรื่อยๆ นะคะ มาเล่ามาแชร์กันสนุกๆ ก็ได้ค่ะ เราอ่านคนเดียว ดูคนเดียว ไม่ค่อยมีคนแชร์อะไรแบบนี้ด้วยเท่าไหร่ ถ้าใครอยากพูดคุยก็ยินดีเสมอค่ะ

โปรดติดตามเรื่องต่อไปนะคะ

ปล. 1 ตอนนี้โดนจางเจ๋อฮั่นตกไปเรียบร้อยค่ะ ก็เลยพลอยเอ็นดูกงจวิ้นไปด้วยเลย บ้าจริง 5555555
ปล. 2 ซีรีย์สามารถเข้าไปดูกันได้ผ่านช่องทาง YouTube นะคะ ทาง YouKu เอามาลงซะได้ใจแฟนอินเตอร์กันไปมหาศาล แถมมีซับให้เลือกกันได้มากถึง 12 ภาษากันเลยทีเดียว


Create Date : 23 กรกฎาคม 2564
Last Update : 27 กันยายน 2564 20:06:01 น. 6 comments
Counter : 13517 Pageviews.  
 
 
 
 
จริงคะ เรามาดูช้าไป นี้วนไปวนมาหลายรอบแล้ว พอดูซีรีย์ก็ไปอ่านนิยาย พออ่านนิยายก็มาดุซีรี่ย์ ตอนนี้ โดนทั้งคู่ตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยิ่งตอนนี้ไปดูที่ จวิ้นไปออกรายการ ในวีทีวี ก็ดีใจแทนน้องที่จะได้เลือกงานได้บ้างแถมได้งานดีๆ อีก ส่วนฮั่นนั้นขอให้ดังยิ่งขึ้นไปอีกคะ เคยอ่านมาว่า ซีรี่ย์เรื่องนี้ทุนน้อย เลยมีแค่ 36 ตอน แล้วดันแมสมากกกก ดีใจแทนกองคงได้หายเหนื่อยกันแน่
 
 

โดย: care IP: 49.228.230.245 วันที่: 24 กรกฎาคม 2564 เวลา:3:29:11 น.  

 
 
 
ที่เคยอ่านเจอ เห็นบอกว่าทีแรกวางแผนเอาไว้ว่าจะถ่ายทั้งหมด 42 ตอน แต่งบไม่พอ แถมเอาไปลงกับเสื้อผ้าและคิวบู๊ซะเยอะเลย ซึ่งก็เข้าใจได้ เพราะพอทำออกมาแล้วมันดีงามมากจริงๆ รายละเอียดหลายอย่างก็ถูกใส่เพิ่มเข้าไปตั้งเยอะทำให้เนื้อเรื่องทั้งงเข้มข้นทั้งลึกซึ้งขึ้นไปอีก ถ้าถามเรา เราว่าที่ทำออกมานี่ก็คือสมบูรณ์แบบในตัวอยู่แล้วล่ะค่ะ นักแสดงในเรื่องนี่ถึงกับชีวิตเปลี่ยน ทีมงานเองก็คงแฮ็ปปี้กันทุกฝ่ายนะคะเราว่า

ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาอ่านรีวิวนะคะ
 
 

โดย: fingers-crossed วันที่: 24 กรกฎาคม 2564 เวลา:10:46:11 น.  

 
 
 
โดนจางเจ๋อฮั่นตกจนถอนตัวไม่ขึ้นค่ะ แล้วก็ได้กงจวิ้นแถมมาอีกคน เคมีดีมาก ซีรี่ย์สนุกมากจริงๆ
 
 

โดย: maanam IP: 101.109.214.28 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2564 เวลา:9:28:31 น.  

 
 
 
ใช่มั้ยล่ะคะ

ผู้ชายงานดีฝีมือการแสดงยังเยี่ยมอีกนี่ ทำเอาเสียผู้เสียคนค่ะ
 
 

โดย: fingers-crossed วันที่: 4 ธันวาคม 2564 เวลา:10:28:18 น.  

 
 
 
ชอบมากซีรี่ย์นี้ ดูจบสามรอบในสองอาทิตย์เลย ไม่เคยดูซีรี่ย์เรื่องไหนซ้ำ ๆ ได้แบบนี้ สุดมาก

ปล. เป็นครั้งที่สองที่ดูซีรี่ย์แนววาย เรื่องแรกปรมาจารย์ลัทธิมาร ก็ดูเพราะติดตามผลงานตัวเอกแบบเสี่ยวจ้าน แต่ไม่ได้อินอะไรมาก
 
 

โดย: namenottobenoted IP: 149.167.134.196 วันที่: 11 ธันวาคม 2564 เวลา:15:21:34 น.  

 
 
 
ก็แสดงว่าถูกจริตและโดนใจมากนั่นแหละค่ะ

ส่วนตัวเราชอบทั้งปรมาจารย์ฯ ทั้งนักรบพเนจรฯ เพราะงานดีทั้งสองเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้น แฟนซีรีย์หลายท่านชอบเอาไปเปรียบเทียบกัน ซึ่งเอาจริงๆ จะเปรียบเทียบไปทำไมก็ไม่รู้ เพราะเส้นเรื่องก็ต่างกัน คาแร็กเตอร์ตัวละครก็ต่างกัน อยู่ที่ว่าใครชอบแบบไหนมากกว่ากันเท่านั้นเองค่ะ

ดีใจที่คุณชอบซีรีย์เรื่องนี้มาก แล้วก็ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามานะคะ
 
 

โดย: fingers-crossed วันที่: 17 ธันวาคม 2564 เวลา:21:05:24 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

fingers-crossed
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หวังว่าจะได้รับความบันเทิงจากการเข้าเยี่ยมชม Blog กันถ้วนหน้าจ้ะ
[Add fingers-crossed's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com