WELCOME! WELCOME! and WELCOME!
 
Turing Code – โปรแกรมรัก รีเทิร์นรัก รีวิว

ผู้แต่ง: เฟยเทียนเย่เสียง

แปล: ผู่เอ๋อร์

สำนักพิมพ์: every

ทำเอาเงิบไปเลยค่ะตอนที่เห็นเล่ม 3 ออกมา เพราะตอนที่อ่านเล่ม 2 จบ ก็เข้าใจไปเองมาตลอดว่า นิยายเรื่องนี้ มี 2 เล่มจบ แถมเล่ม 3 นี่คือหนามาเลยค่ะ ก็เลยต้องมารีไรต์รีวิวเล่มนี้เพิ่มเติมนี่แหละ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังขอยืนยันนะคะว่า นิยายเรื่องนี้สนุกมากเลย


 
เรื่องนี้จะว่าไปก็แปลกนะ เพราะเห็นมานานแล้ว จะซื้อทีไรก็มีอันต้องลังเลไปหยิบเรื่องอื่นมาอ่านแทนเสียทุกทีไป จนกระทั่งล่าสุด ก็คิดว่าได้ฤกษ์แล้วล่ะมั้งเนี่ย จังหวะที่ซื้อก็คือเล่มสองก็ออกมาพอดีด้วยล่ะค่ะ เลยสั่งมาซะเลย (เรามักจะสั่งซื้อออนไลน์มากกว่าไปเดินหาซื้อเองค่ะ ระยะหลังมานี้) แล้วก็อ่านจนจบภายในวันเดียว เพื่อนนักอ่านไม่จำเป็นต้องเอานิสัยนี้ไปใช้นะคะ เพราะมันจะเหนื่อยๆ นิดนึง อ่านหนังสือเยอะและยาวนานขนาดนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เก็บไว้อ่านเวลาอื่นบ้างก็ได้ มันออกจะสิ้นเปลืองน่ะค่ะ ไม่ใช่อะไร

 


ตอนที่อ่านคำนำก็แอบเซอร์ไพรส์เหมือนกันนะคะ เพราะกลายเป็นว่านี่เป็นคนเขียนคนเดียวกับที่เขียนเรื่อง ปราชญ์กู้บัลลังก์ ซึ่งเป็นนิยายย้อนยุคอีกเรื่องที่เราชอบมาก เพียงแต่เรื่องนี้เค้าใช้นามปากกาอีกชื่อนึงเท่านั้นเอง (เราเองก็ยังไม่ได้เอามารีวิวเหมือนกันค่ะ แต่นิยายสนุกมาก ไปหามาอ่านกันได้นะคะ) สำหรับ Turing Code หรือชื่อไทยว่า โปรแกรมลับ รีเทิร์นรัก เป็นเรื่องราวของ เหวินเทียนเหอ น้องเล็กของตระกูลเหวิน ที่จู่ๆ ก็เข้ามารับตำแหน่งเป็น CEO ของบริษัทอิพีอุส อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี ต่อจากพี่ชายคนรอง ที่พอส่งต่อตำแหน่งให้น้องชายตัวเองก็หนีหายไปอเมริกาแบบตามตัวไม่พบ เพื่อที่ภายหลังทั้งน้องชายและทุกคนในบริษัทก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า บริษัทถึงคราวล้มละลายในวันเดียวกันนั้นเอง โอ้โห กลิ่นดราม่ามาตั้งแต่เริ่มเรื่องเลยล่ะค่ะ แต่แล้วโพรมิธีอุส ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์หรือขออนุญาตเรียกสั้นๆ ว่า เอไอ ที่พ่อของเขาพัฒนาเอาไว้ก่อนจะเสียชีวิต ก็โผล่เข้ามาแนะนำตัว และยื่นมือเข้ามาเป็นผู้ช่วยและที่ปรึกษาแบบทันเวลาพอดี และคำแนะนำแรกที่โพรมิธีอุสให้กับเหวินเทียนเหอ ก็คือให้ไปขอความช่วยเหลือจาก กวนเยวี่ย ที่เคยเป็นแฟนเก่าของเจ้าตัวนั่นเอง ดราม่ายกกำลังสองเลยค่ะทีนี้
 
อันที่จริง ตอนที่อ่านเรื่องนี้ เราก็แอบทึ่งและเอาใจช่วยเหวินเทียนเหอ นายเอกของเราไม่น้อยเลยล่ะค่ะ เพราะดูจากสถานการณ์ที่เจ้าตัวจะต้องเผชิญ บวกกับความเป็นคุณหนูที่มาจากครอบครัวที่ทั้งเก่าแก่และร่ำรวยเข้าไปอีก การจะต้องรับมือและเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น นับว่าหนักหนามหาศาลเอาการสำหรับผู้ชายวัยยี่สิบต้นๆ คนนึงจริงๆ ยังดีที่เจ้าตัวเป็นคนใจสู้ แถมยังมีความสามารถ แล้วก็เป็นคนที่ฉลาดมาก เรียกว่าไอคิวได้ อีคิวดีคนนึง วิธีที่เข้าไปหากวนเยวี่ยหลังจากที่เลิกรากันไปแล้ว ก็นับว่าโอเคนะคะ ไม่ดราม่า ไม่ฟูมฟาย ตอนแรกที่อ่านไปก็กลัวว่า เหวินเทียนเหอจะไปป่วนกวนเยวี่ยแล้วทำตัวเป็นเด็กๆ หรือเปล่า เออ ก็ไม่นะ แล้วเรื่องก็ไม่ได้ดำเนินไปแบบง่ายๆ หรือผิวเผินแบบนั้นด้วย ก็เลยพลอยให้ชวนติดตามอ่านต่อแบบไม่อยากวางเลยล่ะค่ะ
 
ที่จริงความสัมพันธ์ของกวนเยวี่ยกับเหวินเทียนเหอนั้น ค่อนข้างจะลึกซึ้งและซับซ้อนมาก เพราะทั้งคู่ได้พบเจอและคลุกคลีกันมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนแรกก็ยังคิดว่า รักกันเบอร์นั้น แล้วทำไมถึงเลิกกันได้ แต่พอติดตามไป มันก็มีเรื่องพัฒนาการของตัวละครที่มีเข้ามาให้ทำความเข้าใจอย่างค่อนข้างละเอียด เป็นเหตุเป็นผลที่ ทำให้เราอ่านแล้วรู้สึกว่า เออนะ... ถ้าเป็นอย่างนี้ วันนึงจะต้องเลิกรากันไปก็ไม่แปลก แล้วก็ไม่น่าแปลกใจอีกเหมือนกันว่า แม้จะเลิกราไปแล้วแต่ทำไมกวนเยวี่ยถึงยังได้รักเหวินเทียนเหอ และแม้แต่เหวินเทียนเหอเองก็ไม่อาจลืมกวนเยวี่ยได้เลยเหมือนกัน เพราะความรักที่มันฝังรากลึก แต่มันแค่ต้องการการพูดคุย เผชิญหน้าและทำความเข้าใจกันเสียก่อนเท่านั้นเอง
 
ใครที่อ่านนิยายเรื่องนี้ ต้องทำใจนิดนึงกับเรื่องศัพท์เฉพาะในเรื่องของโปรแกรมอะไรทั้งหลายไว้ก่อนนะคะ (เราคนนึงล่ะ  แต่ก็ช่างมันไป) เพราะมันมีศัพท์เทคนิคเยอะเลย ปรบมือให้กับคนเขียนที่ใส่มาแบบเต็มที่ ให้เห็นภาพว่านายเอกของเรามีความรู้ความสามารถในด้านนี้จริงๆ ส่วนพระเอกของเราก็เป็นเลิศในเรื่องของการทำธุรกิจที่แท้ทรูมาก ทุกอย่างที่เจ้าตัวคิดหรือทำ ล้วนผ่านการวางแผนมาอย่างดี แม้คนภายนอกจะมองและตราหน้าว่า ที่กวนเยวี่ยตัดสินใจให้ความร่วมมือกับเหวินเทียนเหอ น่าจะไม่พ้นเรื่องถ่านไฟเก่าแน่ๆ ส่วนนึงก็ใช่อยู่หรอกค่ะ แต่ถ้ากวนเยวี่ยไม่รู้จักเหวินเทียนเหอเป็นอย่างดี ไม่มีความศรัทธาในตัวคนรักเก่า เขาก็คงไม่ตัดสินใจเรื่องที่คอขาดบาดตายไปในทิศทางนี้เหมือนกันนั่นแหละ แล้วก็ต้องไม่ลืมด้วยว่า คนที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นระดับผู้บริหารบริษัทใหญ่โตขนาดนี้ ย่อมไม่ได้มองอะไรผิวเผินด้วยใช่ไหมล่ะคะ ขอไม่สปอยล์นะคะว่า การตัดสินใจของกวนเยวี่ยเป็นยังไง แต่มันไปไกลมากกว่าที่เราคิดเอาไว้เยอะมากเลย อ่านไปนี่คือลุ้นไปจริงๆ
 
อีกอย่างนึงที่อยากจะให้ผู้อ่านทุกคนทำใจเอาไว้เสียแต่เนิ่นๆ ก็คือ ความร่ำรวยของตัวละครมากมายในเรื่องนี้ที่จะเรียกว่ายังไงดีล่ะ ความร่ำรวยนั้นอยู่ในระดับที่รวยเละเทะ รวยแบบน่าอิดหนาระอาใจ รวยทิ้งๆ ขว้างๆ รวยแบบไม่สนใจการจัดอันดับนิตยสารฟอร์บ รวยแบบไม่สนโลกของความเป็นจริงใดๆ ทั้งสิ้น โอยเหนื่อยค่ะ แค่พูดถึงความร่ำรวยมั่งมีของแต่ละคน จะเบะปาก มองบน สะบัดบ๊อบใส่ยังไงก็ไม่เรียกว่าสาสมกับความร่ำรวยเรี่ยราดที่กระจัดกระจายอยู่ตลอดทั้งเรื่อง รวยขนาดที่มีเครื่องบินส่วนตัวกันเป็นว่าเล่น นั่งเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวเป็นว่าเล่น อยากซื้อบ้าน อยากซื้อร้าน อยากจะปิดร้านไฮเอนด์เพื่อช็อปปิ้งคนเดียว อยากจะซื้ออะไรล้วนได้ดั่งใจ จะเหลือก็แค่ดาวกับเดือนนี่แหละค่ะที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ รวยจนคนอ่านเหลืออดเลยจริงๆ บ้าบอแท้ๆ
 
ตอนหลังเรามาอ่านเล่มสาม (เล่มที่เข้าใจว่าไม่มีแต่แรกน่ะค่ะ) ในใจนึกทึ่งเหมือนกันนะคะว่า คนเขียนเค้าเก่งนะ ที่พอเราอ่านเล่มสอง ก็คิดว่า จบได้ฟินแล้ว แต่พอมาเล่มสาม ก็รู้สึก โอ้โห... มันยังมีอะไรให้ติดตามอีกเยอะเลย แถมคนเขียนวางพล็อตออกมาได้สนุกและยังน่าติดตามต่อไปได้อีก เล่มนี้จะมีตัวละครที่เคยถูกแค่เอ่ยชื่อแต่ไม่เห็นตัวโผล่มาอีกหลายตัว ล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลต่อเส้นเรื่องเป็นอย่างมากอีกด้วยค่ะ แล้วหลังจากที่เราได้เบาสมองกับเล่ม 2 กันไปอย่างเต็มที่ พอมาเล่มสาม ก็กลับมาชิงไหวชิงพริบกันชนิดลุ้นตัวโก่งอีกแล้วค่ะ แหม... มันสนุกจริงๆ และขอย้ำอีกครั้งค่ะว่า อาจจะต้องปวดหัวกับศัพท์เทคนิคในเรื่องของการเงินและการเทรดหุ้นกันพอสมควรอีก แต่ก็ยังอ่านได้สนุกๆ นะคะ แม้อาจจะไม่มีความรู้ด้านนี้สักเท่าไหร่ก็ตาม
 
ว่าแล้วก็ขอย้ำค่ะว่า นิยายเรื่องนี้ มีตัวละครที่น่าสนใจเยอะมากจริงๆ แล้วตัวละครแต่ละตัวก็ตลกมาก เราว่าคนเขียนสร้างตัวละครได้อย่างมีเอกลักษณ์ดี เราอ่านไปก็ เออเว้ย... คนอย่างนี้ก็มี คืออาจจะเพราะคนพวกนี้รวยมากก็ได้นะคะ เลยต้องเข้าใจเขาหน่อย อย่างหวินเทียนเหอนี่คือ ตอนทำความรู้จักตัวละครตัวนี้ครั้งแรกก็รู้สึกว่าเออ ก็ดูมีความเป็นผู้ใหญ่ไม่ดราม่าดีเหมือนกันนะ แต่พออ่านไป นายเอกของเราตอนที่ยังเด็กกว่านี้ก็ออกแนวดราม่า เอาแต่ใจตัวเอง และคิดอะไรเป็นเด็กๆ อยู่นะ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมสุดท้ายต้องเลิกรากับกวนเยวี่ยไป ด้านกวนเยวี่ยเองเป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัวมาตั้งแต่เด็กๆ ความคิดความอ่าน ก็ค่อนข้างตรงไปตรงมาและตรงกันข้ามกับเหวินเทียนเหอ แถมเป็นคนไม่ค่อยพูด หนักไปทาง action speaks louder than words แต่แหม บางทีก็อยากให้พี่พูดบ้างอะไรบ้างนะ ดังนั้นแม้ว่าสองคนจะรักกันมากแค่ไหน แต่เพราะการสื่อสารที่มีปัญหา มันก็อยู่กันไม่รอดใช่ไหมล่ะคะ
 
บรรดาเพื่อนๆ ของพระเอกนายเอกของเราล้วนแล้วแต่มาสายฮา เช่นเจียงจื่อเจี่ยน เพื่อนสนิทของเหวินเทียนเหอ ที่รวยมาก เจ้าชู้มาก จึงมีปัญหาเรื่องการหาคนที่จะมาเป็นรักแท้ของตัวเองอย่างมาก แต่ในฐานะเพื่อนสนิท เจียงจื่อเจี่ยนเป็นเพื่อนที่น่ารักมากเชียวค่ะ แล้วก็มี ถงข่าย ทนายประจำบริษัทที่กวนเยวี่ยดูแลอยู่ คนนี้ก็ค่อนข้างสนิทกับพระเอก แม้จะฉลาดมีความสามารถ แต่ก็ประสบปัญหาเรื่องรักแท้แบบเดียวกับเจียงจื่อเจี่ยน แล้วสุดท้ายสองคนนี้ก็ต้องโคจรมาเจอกันในแบบที่ นิยายมาก แต่ก็ตลกมาก แล้วก็สร้างความปวดหัวให้กับเพื่อนๆ รอบตัวเป็นอย่างมากเหมือนกัน คือเป็นคู่คอเมดี้ในเรื่องคู่นึงเลยล่ะค่ะ
 
อีกตัวละครที่น่าสนใจก็คืออู๋ซุ่น คนนี้นี่ทีแรกนึกว่าจะกลายมาเป็นมือที่สามระหว่างความรักของพระเอกนายเอกเรา ไปๆ มาๆ ก็พลิกล็อกเสียอย่างนั้น แถมตอนหลังดันมาร่วมหัวจมท้ายกับกลุ่มซูเปอร์คนรวยไปเสียอีก อีกคนที่สมควรจะให้เครดิตในการพูดถึงเป็นย่างมากกก็คือป้าฟาง คุณป้าคนเก่าคนแก่ผู้ดูแลเหวินเทียนเหอ ที่ก็ดูแลพระเอกนายเอกของเราเป็นอย่างดีจริงๆ เป็นคุณป้าที่น่ารักอย่างยิ่งเลยล่ะค่ะ ส่วนโพรมิธีอุส เอไอสุดคูลของเราที่แม้จะไม่มีตัวตน แต่ก็รู้สึกได้ถึงความหล่อค่ะ จะเปรียบไปนางเหมือนกวนเยวี่ยในเวอร์ชั่นที่ไม่มีกายเนื้อ แต่อบอุ่นและช่างพูดช่างคุยกว่า ในเรื่อง ถ้าจะบอกว่าใครที่รู้จักเหวินเทียนเหอไม่แพ้กวนเยวี่ย ก็ต้องโพรมิธีอุสนี่เลย น่ารักแถมกวนประสาทดีด้วยนะคะ
 
ด้านพี่ๆ ของเหวินเทียนเหอก็เป็นตัวละครที่น่าสนใจไม่แพ้กันนะคะ อย่างพี่รองเหวินเทียนเยวี่ยที่ตอนแรกที่อ่านคือ อยากจะตบกบาลพี่ชายคนนี้เป็นกำลัง เพราะเทน้องเล็กของตัวเองให้ต้องเชิญหน้ากับปัญหาใหญ่โตขนาดนั้นได้ยังไง แต่พออ่านๆ ไป เราก็เริ่มจะเห็นในศักยภาพของพี่ชายคนนี้มากอยู่ แม้จะยังน่าตบในบางอารมณ์ก็ตาม  ส่วนพี่ใหญ่เหวินเทียนเหิงนี่ มาแนวพี่ใหญ่ที่สวมวิญญาณพ่อ แต่ด้วยความที่จู่ๆ ติสต์แตกหายหน้าหายตาไปร่วม 20 ปี แล้วก็โผล่มาสร้างความวายป่วงให้กับน้องๆ เสียอย่างนั้น แต่พอเรื่องราวมันดำเนินไปเรื่อยๆ เราก็เออพอจะเข้าใจธรรมชาติและวิธีคิดของพี่ใหญ่คนนี้ได้อยู่ แม้จะทำตัวน่าต่อยในบางโอกาสก็ตามทีค่ะ
 
ส่วนตัวเราชอบบทสรุปของนิยายเรื่องนี้มากเลยล่ะค่ะ พออ่านเล่มสุดท้ายจบก็รู้สึกว่ามันสมบูรณ์หมดแล้วล่ะ เพราะทุกคนได้ผ่านการพิสูจน์ตัวเองในแบบที่ไม่ต้องติดค้างอะไรกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเหวินเทียนเหอและกวนเยวี่ยที่มีการเล่าแบบแฟลชแบ็กไปมา ช่วยให้เรายิ่งเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์และนิสัยใจคอของทั้งสองคนมากขึ้น เจียงจื่อเจียนและถงข่ายที่เป็นคู่รักวายป่วงประจำเรื่อง แม้จะมีเรื่องให้ปวดตับบ้าๆ บอๆ เพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ชัดเจนขึ้นอีกโข แม้แต่เอไออย่างโพรมิธีอุส ก็มีบทสรุปที่ชัดเจนมากขึ้นว่า การมีอยู่ของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ไม่ต่างอะไรกับดาบสองคมนี้เพื่ออะไรกันแน่ ส่วนตอนพิเศษท้ายเล่ม สนุกค่ะ สนุกแบบวุ่นวายอย่างที่สุดเหมือนกัน
 
ใครที่อ่านนิยายเรื่องนี้ ถ้าสังเกตดีๆ บรรยากาศของเล่มหนึ่งและเล่มสองจะแตกต่างกันอย่างมากจริงๆ เพราะเล่มแรกจะค่อนข้างเล่นกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด ชิงไหวชิงพริบในเรื่องของธุรกิจกันน่าดู เพราะเราไม่ได้เอาใจช่วยแค่เหวินเทียนเหอนี่คะ ยังต้องเอาใจช่วยกวนเยวี่ยด้วย พระเอกของเรามีศึกในศึกนอกที่ต้องรับมือมากไม่แพ้กันค่ะ แต่พอเล่มสองมา เมื่ออะไรหลายอย่างเริ่มคลี่คลาย ก็จะเป็นแนวที่เบาสมอง ผ่อนคลายและเรียกเสียงหัวเราะได้มากจริงๆ พอมาเล่มสามก็เรียกว่าครบมันทุกรส ทั้งลุ้นกันตัวโก่ง ได้หัวเราะไปกับสถานการณ์ สนุกแบบยาวๆ กันไปเลย นิยายเรื่องนี้มันก็เลยอ่านสนุก เพราะอารมณ์ไบโพลาร์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมานี่แหละค่ะ อะไรที่ติดค้างในเล่มแรก เล่มที่สองจะมาคลี่คลายให้เราเข้าใจมากขึ้น และจบปึ้งชนิดหายสงสัยในเล่มสามเป็นการปิดท้ายที่สมบูรณ์ทีเดียวค่ะ
 
จบแล้วค่ะสำหรับการรีวิวอย่างละเอียด จริงๆ ควรจะรีวิวเสร็จตั้งแต่วันที่อ่านจบ (วันที่ 24 สิงหาคม) แต่ลากยาวมาจนป่านนี้ (28 สิงหาคม) เพราะขี้เกียจค่ะ แต่ขี้เกียจนานไม่ได้ เดี๋ยวลืมอีก จนพอมารู้ว่าอ้าวมีเล่มสาม ก็สั่งมาอ่านจนจบไปช่วงต้นเดือนตุลาคม  แล้วก็ต้องมารีไรต์รีวิวอันนี้อีก กว่าจะได้เขียนจบก็ 5 ตุลาคมค่ะ ยาวนานจริงๆ และถ้าอ่านรีวิวนี้ไปจนจบ และพบว่ามันอาจจะมีความไม่ต่อเนื่องอยู่บ้าง ก็ขออภัยเอาไว้ตรงนี้ด้วยจริงๆ นะคะ เพราะเรื่องราวในส่วนของเล่มสามนั้น ถูกเพิ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัวนั่นเองค่ะ

จากเรื่องนี้ไป เรายังไม่แน่ใจนะคะว่าจะได้รีวิวเรื่องอะไรอีกในเร็วๆ นี้มั้ย เพราะว่ามีภาระติดพันบางอย่างที่ต้องไปทำ แต่ก็ลองดูค่ะว่าจะพอทำสต๊อกเอาไว้ได้ทันรึเปล่า ถ้าไม่ทันและหายหน้าไปก็รบกวนรอหน่อยนะคะ ยังไงก็ต้องกลับมาเขียนรีวิวให้ได้อ่านกันแน่ๆ เพราะมีอยู่หลายเรื่องที่อยากเขียนถึง แต่เพราะติดงาน และบางเรื่องก็ต้องให้อ่านให้จบก่อนด้วยนี่ล่ะค่ะ ไหนจะพันสารท กับรัชศกฯ ที่ติดค้างเอาไว้ชาตินึง ไหนจะอร่อยล้นวัง ไหนจะ เทพบุตรแห่งชาติกับคุณผู้ชายคนนั้น ไหนจะ อุบัติการณ์ (รัก) ในม่านเมฆ อีก เหล่านี้คือรอให้อ่านจบก่อนทั้งสิ้นและล้วนแล้วแต่เป็นนิยายที่เราชอบมากด้วยค่ะ ดังนั้น อย่าลืมติดตามกันนะคะ
 
ถึงตรงนี้ ก็อยากจะขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่เข้ามาติดตามอ่านเป็นอย่างมากจริงๆ ก่อนหน้าที่จะเริ่มเขียนรีวิว ก็ทำไปเพราะความชอบ อยากทำอะไรสนุกๆ ตามใจตัวเอง แล้วก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนเข้ามาอ่านมากมายอะไร เพราะต้องยอมรับอย่างนึงว่า เราเป็นพวกชอบเขียนไปเรื่อยๆ เขียนอะไรยาวๆ ชอบเล่าเรื่อง ก็เลยไม่มั่นใจว่าจะมีใครชอบอ่านอะไรยาวๆ แบบนี้ซักกี่มากน้อย แต่พอเห็นยอดวิวตั้งแต่เริ่มเขียนมาจนถึงวันนี้ ก็รู้สึกเกินคาดมาก แล้วก็รู้สึกขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ
 
หวังว่าจะติดตามกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ต่อไปนะคะ ขอบคุณจากใจค่ะ
 
(Last update: 9 ตุลาคม 2563)
 
 


Create Date : 04 กันยายน 2563
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2563 9:41:31 น. 1 comments
Counter : 3593 Pageviews.  
 
 
 
 
 
 

โดย: สมาชิกหมายเลข 2876811 วันที่: 4 กันยายน 2563 เวลา:21:58:42 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

fingers-crossed
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หวังว่าจะได้รับความบันเทิงจากการเข้าเยี่ยมชม Blog กันถ้วนหน้าจ้ะ
[Add fingers-crossed's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com