น้ำพริก 1 ถ้วย ใช้กะปิประมาณ 20-30 กรัม ให้แคลเซียม 500 มิลลิกรัม รวมถึงโซเดียม, โปรเตสเซียมและไอโอดีน และวิตามินบี 12 ช่วยสร้างเม็ดเลือด เมื่อกะปินำมาปรุงอาหารเป็นน้ำพริกกะปิ จะได้คุณค่าทางอาหารจากส่วนผสมต่างๆ ด้วยดังนี้คือ
#พริก กระตุ้นความอยากอาหาร พริกมีสารแคปไซซินเป็นตัวกระตุ้นความอยากอาหาร มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี ช่วยบำรุงผิวและป้องกันความชรา
#กระเทียม หอมแดง มีเซเลเนียม เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โปรเตสเซียม ทางการแพทย์ระบุว่ามีคุณสมบัติช่วยให้เซลล์แข็งแรง มีน้ำมันจากกระเทียมเป็นสารแอนตี้เซปติก ช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดไขมันในเส้นเลือด
#มะเขือพวง เป็นพืชผักที่มีเส้นใยอาหารสูงที่สุด ช่วยระบบขับถ่ายได้ดีเยี่ยม ป้องกันท้องผูก
#มะนาวมะนาวมีรสเปรี้ยวเพราะเป็นกรด แต่เมื่อผ่านกระบวนการย่อยแล้วจะมีสภาพเป็น “ด่าง” ช่วยปรับสมดุลภายในร่างกาย มีวิตามินซีสูงมาก และ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินบี9 มิลลิกรัม 35% แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และโซเดียม
#กะปิ มีสรรพคุณมากมายคือ - น้ำมันดี มีโอเมก้า3 เป็นหลักเพราะ “เคย” เป็นแหล่งโอเมก้า3 ยิ่งกว่าปลาน้ำเค็มชนิดไหน ๆ และน้ำมันจากเคยก็เป็นส่วนดูดซึมง่าย
- กรดอะมิโน มีมากทั้งในกะปิและน้ำปลา แต่ในกะปิมีมากกว่าไข่ไก่ 1 ฟอง และข้อดีคือส่วนใหญ่เป็นโปรตีนแบบย่อยง่าย
- แร่ธาตุ ที่ขาดไม่ได้อย่างแคลเซียมเป็นตัวหลักเพราะกะปิประกอบด้วยสัตว์ทะเลขนาดจิ๋วที่กินได้ทั้งตัวจึงเท่ากับได้แคลเซียมและแร่ธาตุทะเลอย่างไอโอดีนแบบเต็ม
- แอนตี้ออกซิแดนท์ โดยเฉพาะ “แอสตาแซนทิน” ที่กินแล้วให้พลังต้านอนุมูลอิสระได้ดียิ่งกว่าวิตามินทั่วไป
โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
เมื่อกินพร้อมปลาทูและผักต่างๆ ยังได้ประโยชน์อีกดังนี้คือ
ปลาทู แหล่งโปรตีนชั้นดี ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต รวมถึงมีโอเมก้า 3 ที่จะช่วยบำรุงสมองและร่างกายให้แข็งแรง
ผักสดและผักต้ม ให้วิตามินและเกลือแร่ ผักชุบไข่ทอด จะได้ประโยชน์จากไข่อีกด้วย
Credit->panyapost.blogspot.com