lliliil Work it harder, Make it better, Do it faster, Make us Stronger liilill
space
space
space
<<
กันยายน 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
space
space
27 กันยายน 2567
space
space
space

แจแปนนิส ชีวิตโคตรป๊อบ EP.2




กลับมาอีกต่อกันเนื่องการเดินทางไปทำงานที่ญี่ปุ่นรอบล่าสุดของผม
ที่เรื่องราวเมื่อบล๊อกที่แล้ว จบลงตรงที่
อาการหอบผมมาเรื่อยๆ และถี่ขึ้น 
และที่สำคัญเหมือนยาทำท่าจะเอาไม่อยู่ด้วยครับ




ซึ่งผมยังต้องใช้เวลาอยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่อีก 1 วันเต็มๆ
และอีก30กว่าชั่วโมงกว่าจะถึงไทย




ใครยังไม่ได้อ่าน
Click Here!











ไคลแม็กซ์มากครับ!!!
คุณ VP เห็นอาการผมละ รู้สึกว่า ไอ่พี่โฟล์คน่าจะดูแลไม่ได้
เลยเอาผมไปนอนที่ห้องเค้าด้วย 
ซึ่งผมก็พ่นยาก่อนนอนในปริมาณสูงที่สุดที่เคยถูกสั่งให้พ่น
กินยาแก้แพ้อีกตัวตามไปด้วย พร้อมยาขยายหลอดลม 
เอาหมอนมาซ้อนกัน 2 ใบ แล้วเอาตัวไปพาดบนหมอน


จากนั้นคือภาพตัดไปเลยครับ เพราะรู้สึกเพลียมาก
ตื่นอีกที ตี4 ตี5 มาไอ ซึ่งครั้งนี้ผมรู้สึกได้ว่า การไอของตัวเองเปลี่ยนไป
จากการไอก้องๆ ตามด้วยเสียงฮืด ๆ มีเสมหะบ้าง ไอแห้งๆ บ้าง
แต่ครั้งนี้เป็นการไอแบบมีเสมหะแบบมาก ไอเหมือนสำลักน้ำ
แน่นหน้าอกมาก หายใจไม่ค่อยออก

ความรู้สึกบอกเลยว่า อาการกำลังแย่ลงด้วยอะไรซักอย่าง 
ซึ่ง.....แสดงว่ายาที่มีจะเอาไม่อยู่แล้ว เพราะก็เทคเต็มที่เท่าที่มีแล้ว





ผมบอกแล้วว่า ดื่มไม่ไหว ดื่มไม่ไหว สาวไม่ฟังเลย...






หลังจากนั้นเราแยกย้ายกันตรงนั้น ราวๆ 11 โมงครึ่ง
เนื่องจากเราต้อง Check out โรงแรมครับ 
คุณ VP กับพี่โฟล์คแยกกันไปเที่ยว  ซึ่งผมบอกไว้ว่า ไม่ขอตามคุณVPไป
เพราะผมเหนื่อยและเดินไม่ค่อยไหว
แต่ก็ต้องหาที่ไปที่ไหนซักทีถูกไหมครับ....









ผมค่อยๆ เดินแบบไม่ค่อยมีแรง ช้าๆ ไปนั่งหาอะไรกินใกล้ๆ สถานีรถไฟ
บอกตรงๆ ว่าตอนนั้น เดินหน่อย ทำอะไรหน่อยก็เหนื่อยแล้วครับ
เพลียแบบโดนแดดร้อนๆ แล้วจะเป็นลมให้ได้
ระหว่างนั้น
สกาย น้องชายคนที่อยู่ที่นั่น ก็ไลน์คุยกับผมตลอด
จนผมบอกว่า เดี๋ยวจะนั่งรถไฟไปหามัน 
แต่มันบอกไม่ต้องๆ เดี๋ยวมันมาหาได้ ซึ่งผมที่ยังทนได้ เดินไหว
เลยนัดกันที่กินซ่านั่นแหละครับ













แต่สิ่งที่เกิดกับผมวันนั้นคือ ไม่มีแรงเลยครับ
เดินหน่อยก็เหนื่อย ทำอะไรหน่อยก็เหนื่อย กินข้าวไม่ลง  หมดแรง
รู้สึกไม่สบายตัวมากๆ เหมือนคนมีไข้ต่ำๆ 

ผมกับสกายเลยไม่ได้ไปไหนกันมากไปกว่า นั่งร้านกาแฟ และเดินเล่นในกินซ่านิดหน่อย
ก่อนจะกลับมานั่งร้านกาแฟอีกครั้ง 
ซึ่งผมก็บอกมันตลอดว่า
"พี่เดินไม่ไหวแล้ว"









จนเวลาล่วงเลยมาราวๆ 2 ทุ่ม
ผมมานั่งกินโยเกิร์ตอยู่ที่เซเว่นหน้าโรงแรม   ส่วนพี่โฟล์คมานั่งรอที่ล๊อบบี้แล้ว 

ก่อนที่ผมเองจะได้รับโทรศัพท์จากคุณ VP ว่า เค้าตกรถ 
และกลับไปโรงแรมไม่ทัน ให้ผมกับพี่โฟล์คเอากระเป๋าเค้าไปสนามบินเลย
ผมเลยจัดการไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วให้โรงแรมเรียกแท็กซี่ไปสนามบินให้



จังหวะที่ต้องยกกระเป๋า ผมก็ยกของตัวเอง และของคุณVP ไปเตรียมขึ้นแท็กซี่
แต่ผมยกเสร็จ ผมนี่เหนื่อยมาก หายใจไม่ทัน จะเป็นลมให้ได้
เลยจัดการตัวเองด้วยการเข้าไปนั่งเงียบๆ บนแท็กซี่
แล้วบอกให้เค้าเปิดแอร์แรงๆ หน่อย 5555


"บอกเค้าหน่อยว่าเราจะไปสนามบิน"  พี่โฟล์คบอกผม
ในใจผมคือ 
"กูจะตายอยู่แล้ว ยังจะให้กูพูดอีกหรอ...."
ก่อนจะบอกคนขับเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าเราจะไปสนามบินHaneda  Terminal 3



จำเวลาได้ไหมครับ.....
ตอนนี้เกิน 20 ชั่วโมงของยาที่ผมกินมาเรียบร้อยแล้ว
ผมเริ่มหายใจลำบาก ไอจัดขึ้นมากๆ  และเริ่มมีอาการหลอดลมตีบ
เอาเป็นว่า คนขับแท็กซี่ทักอ่ะครับ ว่า
"คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม ผมลดแอร์ให้ไหม"
ผมตอบแค่ "ไม่เป็นไรครับ ขอโทษด้วย" 
ผิดกับพี่โฟล์ค ที่ยังพยายามชวนผมคุยสัพเพเหระ 
จนผมต้องยกมือห้ามว่า
"ผมไม่พูดแล้วนะ...ผมเหนื่อย" พี่ผมถึงหยุด









โชคดีที่คุณ VP ตามมาเจอเราที่สนามบินได้ทันเวลา

อีก 2 ชั่วโมงครึ่ง จะบอร์ด
ตอนนั้นบอกตามตรงว่า ผมเหนื่อยมาก รู้สึกหายใจลำบากตลอดเวลา
ดูนาฬิกาแล้วดูนาฬิกาอีก เพราะตั้งใจไว้ว่าจะเทคยาตอน 4 ทุ่ม 
เพื่อให้สบายขึ้นและหลับบนเครื่องได้ ไม่ไอรบกวนคนอื่น

แต่สรุป....ผมต้องกินตอน 3 ทุ่มนิด ๆ นั่นแหละครับ
เพราะผมไปนั่งไอจะเป็นจะตาย และหอบอยู่ในเล้าจ์
ตอนนั้นยาไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้นเต็มที่แล้วนะครับ 
รู้สึกเหนื่อย หายใจลำบากตลอดเวลา ทำอะไรเยอะไม่ได้









ถึงกับต้องคิดเลยว่า ถ้าเราเกิดหายใจไม่ออกจริงๆ ตอนอยู่บนเครื่องจะทำยังไงวะ
อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงบ้านแล้ว กูคงไม่ตายมั้ง 
ทนมาได้หลายวัน อีกนิดเดียวกูต้องทนได้สิวะ 




ราวๆ 1ชั่วโมงครึ่งหลังจากกินยา ยาก็ออกฤทธิ์เพียงพอที่จะทำให้ผมสบายขึ้น
สบายพอจะเดินสะโหล่สะเหล่ไปเกทได้ตามเวลา
อ้อ....แวะซื้อ Royce กลับมาฝากที่บ้านได้ด้วย 55555










แต่ไฟล์ทเจ้ากรรมก็ดีเลย์ครับ ผมนี่นั่งซึมจัดๆ บ่นกับพี่โฟล์คตลอดว่า 

"เมื่อไหร่มันจะบอร์ดวะพี่....ผมจะไม่ไหวละ"
ไอ่พี่โฟล์คก็เข้าใจว่าผมง่วง!!!!
แต่ก็อาจจะใช่ครับ เพราะหลังจากดีเลย์ราวๆ 30 นาที 
ขึ้นเครื่องได้ปั๊บ ยังไม่ทันที่กัปตันจะตั้งลำในรันเวย์
.
.....ผมหลับ.....
แล้วตื่นอีกทีคือ เสิร์ฟอาหารเช้าเลยครับ 555555555











เสิร์ฟมาผมก็กิน กินหมดด้วย 
พี่โฟล์คถึงกับถามว่า ผมกินลงได้ยังไง ในเมื่อมันเพิ่งตี3 ตี4 เอง










แล้วเวลาวัดใจก็มาถึง
เมื่อกัปตันเริ่มประกาศว่า กำลังจะเริ่มลดระดับลงเพื่อเตรียมแลนดิ้ง
หลังจากประกาศนี้ ตามปกติคือ อีกประมาณ 45 นาทีถึงแท็กซี่



และทันทีที่เริ่มมีการลดระดับ ผมเริ่มแน่นหน้าอก ปวดหัว
พยายามจะนอนต่อยังไงก็นอนต่อไม่ได้แล้ว แล้วต้องควักยาดมมานั่งดมแทน

ผมเริ่มก้มหน้ามองไปที่หน้าต่าง ดูว่าเริ่มเห็นแสงไฟหรือยัง


....ปรากฎว่ายัง....


แต่ผมนี่เริ่มเหนื่อยมากขึ้น หายใจจะไม่ออก แถมด้วยอาการปวดหู
และเริ่มปวดหูมากขึ้นเรื่อยๆ 
จากที่นั่งหลับตานิ่งๆ เริ่มนิ่งไม่ได้ ผมเริ่มก้มหน้าบ้าง เงยหน้าบ้าง กระสับกระส่าย

มองหน้าต่างอยู่หลายครั้ง จนเริ่มมองเห็นแสงไฟบนแผ่นดินลางๆ 
บอกเลยว่า เป็นครั้งแรก....อ่ะ....ไม่ใช่ครั้งแรก
แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องคิดว่า




"กูขอละ เมื่อไหร่มึงจะแลนด์ซักที กูจะไม่ไหวแล้ว"
"ไอ่เชี้ย...ถึงเร็วก็ไม่ดีสิวะ ถึงแบบปกตินั่นแหละ"
"กูจะเป็นอะไรไหมวะ กูต้องทนนะ อีกนิดเดียวถึงบ้านแล้ว"










แต่แม่งก็ไม่แลนด์ซักที !!!
อยู่ๆ พี่โฟล์คก็เอื้อมมือมาสะกิดผมที่นั่งมือเย็นเจี๊ยบ แถมพยายามหายใจลึกๆ อยู่ตลอด
ก่อนจะพูดอะไรด้วยซักอย่าง แต่ผมโปกมือให้ พร้อมพูดว่า
"ไม่ได้ยิน"
หูอื้อครับ...ไม่สิ...หูดับไปเลย ไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากปวดหูแทบระเบิด
"เมื่อไหร่จะแลนด์"  ผมพูดกับพี่โฟล์คโดยไม่ได้ยินเสียงตัวเอง



ในที่สุดล้อเครื่องบินก็แตะพื้น
ผมจำไม่ได้เลยว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง รู้แค่รีบควักมือถือขึ้นมาแล้วเปิดซิมไทย
ก่อนจะ text หาแฟนว่าถึงไทยแล้ว ให้มารับตรงไหน

เสร็จแล้วก็นั่งก้มหน้าอยู่แบบนั้นจนประตูเปิด  
ซึ่งพี่โฟล์คก็หยิบกระเป๋ากับของในช่องเก็บของลงมาให้ผม 
แล้วยืนกันคนไว้ ก่อนจะหิ้วแขนผมให้ลุกขึ้นมายืนหน้าเค้า

จากนั้นผมก็เดินสะโหล่สะเหล่ไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่พูดไม่จาไปตามทาง
เดินไปหน่อยพี่โฟล์คก็เดินขึ้นมาตีคู่ เพราะผมเหนื่อยจะเดินไม่ไหว
แต่ความซวยคือผมมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบันไดเลื่อน ทำไมทางมันไม่คุ้นวะ...

คุณVP ที่เดินตามมาทันก็สะกิดให้เดินตามแล้วบอกว่า....เราอยู่ที่ Terminal ใหม่









ไอ่เชี้ย....ไอ่เชี้ย!!!!! 
ผมนี่ขาอ่อนเลย ลงไปนั่งยองๆ ก้มหน้าอยู่กับพื้นพร้อมกระเป๋าสะพาย
ตอนนั้นมึนหัวไปหมด ปวดตัวมากๆ ยืนก็จะยืนไม่ไหว ปวดหัว ปวดหูเหมือนจะระเบิด
ผมลุกขึ้นแล้วค่อยๆ เดินรูดราวบันไดเลื่อนไปยืนรอรถไฟไปรับกระเป๋า










พอถึงสายพานรับกระเป๋า คุณVP ก็แยกไปเข้าห้องน้ำ
พี่โฟล์คเลยบอกว่าให้ผมรอยกกระเป๋าของคุณ VP ใส่รถเข็นด้วย
ซึ่งผมนี่ยืนผมแขนเท้ารถเข็นตัวเอง ก้มหัวซบแขนตัวเอง พร้อมพยักหน้าเบาๆ 
พอกระเป๋าเริ่มออกมา ผมก็เหล่ตามองดูให้
ซึ่งกระเป๋าที่มาก่อนคือกระเป๋าผมเอง พร้อมแท็กสีส้ม
Royal Silk Priority

ผมก็เดินไปที่สายพานพร้อมจะยกกระเป๋าตัวเอง
แต่....ผมยกไม่ขึ้นเว่ย....เลยปล่อยให้ไหลต่อไป แล้วไปตั้งหลักจะยกอีกรอบ
แล้วผมก็ถูกใครบางคนเบียด ซึ่งนั้นก็คือพี่โฟล์ค
ที่เข้ามายกกระเป๋าผมลงจากสายพาน แล้วบอกให้ไปนั่งรอ
แล้วพี่เค้าก็รอยกกระเป๋าตัวเองกับของคุณVP ที่มัวแต่เดินโทรศัพท์ชิลๆ ซะงั้น










พอเราแยกย้ายกัน ผมเดินมาขึ้นรถที่แฟนมาจอดรถอยู่ที่จุดนัดแล้ว
ขึ้นรถมาได้ ผมคือรู้สึกเหมือน....
"กูตายได้แล้วใช่ไหม"  555555
ผมนี่ทิ้งตัวปรับเบาะนอนหลับตาดมยาดม
แฟนเห็นสภาพ และเห็นผมไอหนักมากขนาดนั้น ก็จับตัวผมเบาๆ 

"จะกลับบ้านหรือไม่โรงบาลก่อนดี ตัวเทอร้อนจี้เลยนะ"
"หรอ....เออ กลับบ้านก่อน"
"แน่ใจนะ แล้วนี่มันเป็นยังไงบ้าง ทำไมมันไอขนาดนั้น"
"เราเหนื่อย เหนื่อยจนพูดไม่ไหวเลย ปวดหูมากนี่แทบไม่ได้ยิน"



"เราไม่พูดแล้วได้ไหม เราไม่ไหว"
ผมจบบทสนทนาแค่นั้นก่อนจะนอนหลับตาเงียบๆ จนถึงบ้าน
พอถึงบ้าน ผมขอแวะบ้านแม่ก่อนเลยครับ แล้วไปขอ Test kit จากพี่สาว
เพราะพอแฟนบอกว่าผมตัวร้อน และตัวเองก็รู้สึกเหมือนกำลังมีไข้



ผมเริ่มสงสัยแล้วว่า......ผมติดไวรัสมาจากหลาน
แล้วพอ Swab ก็.......
ใช่เลยครับ.......hMVP














ตัวต้นเรื่องคือ หลานคนดี คนนี้นี่เอง.....




เห็นถุงพลาสติกที่แขวนอยู่ที่แฮนด์ไหมครับ นั่นคือถุงใส่ทิชชูน้ำมูก ในตะกร้ามีทิชชู
ที่ผมกับหลานพากันไปขี่จักรยานเมื่อวันเสาร์ก่อนเดินทาง







ซึ่งวันนั้น...ผมไอหนักมาก เสมหะเยอะมากๆ 
และแน่นหน้าอกมาก เหนื่อย ไอไม่ค่อยออก คือยิ่งไอยิ่งหายใจไม่ออก

โรงบาลสิครับ รออะไร......
และไม่ต้องสงสัยครับ สภาพยมๆ ของผมนั่น ไข้39.8 / O2 sat ผมเหลือ 91-92%
หมอสั่งนั่งพ่นยาไปรอบแรก ยังเหนื่อย sat ไม่ขึ้น 
รอบ 2 .... จนรอบ 3 sat ก็ไม่ขึ้น และเริ่มมีอาการไอแล้วจะ black out 
เลยได้แอดมิน นอนโรงบาล ตั้งแต่กลับมาวันแรก ก่อนได้นอนบ้านอีก
แล้วผล X-ray ปอดผมก็ชั่วร้ายมาก....

ผมมีอาการหลอดลมอักเสบมาก มากจนแทบไม่มีรูให้อากาศเข้าออก
รวมถึงหลอดลมฝอยในปอดก็อักเสบ เริ่มมีอาการปอดอักเสบ
และมีเสมหะอยู่ในปอดจนฝ้าไปหมด



"ดีที่ไม่ตาย"
แฟนผมสาปสนั่นห้อง



หมอบอกว่าผมคงติดหลานตั้งแต่วันเสาร์แล้ว
แต่ด้วยเป็นผู้ใหญ่ แข็งแรง ทำให้กว่าจะแสดงอาการและหนักก็ล่อไป 1 สัปดาห์
และด้วยความที่ผมค่อนข้างคุ้นกับความรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
หรือหลอดลมที่ตีบเล็กน้อยอยู่แล้ว  ทำให้อดทนอยู่ได้นานหลายวัน




สรุปผมได้นอนโรงบาลตั้งแต่วันอาทิตย์ที่มาถึงไทย เพื่อให้ออกซิเจนและพ่นยาทุก 4 ชั่วโมง
และหลังจากได้ยาขยายหลอดลม ยาลดอักเสบ  ยาฆ่าเชื้อเต็มอัตราศึก

4 วัน ผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาล  แล้วก็กลับมาทำงานทันที เพราะเมลล์เต็ม


ดังนั้น ตอนที่ผมอัพบล๊อกตะพาบ สองมาตรฐาน นั้น
ผมนั่งพิมพ์อยู่ที่โรงพยาบาล 
นั่นแหละครับ สาเหตุที่ผมเกริ่นไว้ตั้งแต่แรกว่า
เกือบจะอัพบล๊อกตะพาบไม่ทัน











ตอนนั้นผ่านมากว่า 2 อาทิตย์นับจากวันที่ผมเริ่มป่วย 
ผมก็ยังไม่ได้หายดีนะครับ ยังไอประมาณนึง

ตื่นมาไอกลางคืนทุกคืน เมื่อวันเสาร์ X-ray ปอดยังมีฝ้าจากเสมหะและการอักเสบค้างอยู่
แต่โดยรวมดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ และคงยังต้อง follow up ไปจนกว่าปกติ
แถมไวรัสนี้มันยังกระตุ้นอาการหอบหืดและภูมิแพ้
ทำให้ผมต้องกลับมาใช้ยาคุมอาการในโดสสูงยาวๆ
อย่างน้อย...3เดือน



ใดๆ คือ บอกตรงๆ ครับว่า ทริปนี้รอดมาได้ 
ผมนี่แทบกราบยากินต้านอาการหอบ เม็ดละเกือบ 50 บาท 
ที่ผมพกไปด้วย 1 แผง 
บอกเลยว่า ถ้าไม่ได้ยานี้ ผมน่าจะแย่ไปตั้งแต่วัน 2 วันแรกแน่
และไอ่ยานี่แหละที่ยื้ออยู่ได้ถึง 3 วัน
ขนาดวันท้ายๆ ก็ยังพอเอาอยู่




และดีครับ ที่คนที่ป่วยขนาดนี้ ไม่ใช่หลาน
คนนั้นน้ำมูกไหล 2 วันหาย.....

แต่.....คนที่ได้นอนโรงพยาบาลไล่ๆ กับผมเลยก็คือ  พ่อ ครับ
พ่อก็ติดหลาน และไอหนัก หลอดลมอักเสบเหมือนกัน ดีที่รู้เร็วได้ยาเร็ว
เลยไม่มีอาการปอดอักเสบครับ





แต่รู้ไหมครับ....เจ้าตัว คนต้นเรื่องเป็นห่วงผมมากนะ
พี่สาวบอกว่า เค้านับวันรอผมกลับบ้านตั้งแต่ที่ญี่ปุ่น จนที่โรงบาล
วันที่รู้ว่าผมได้ออกจากโรงบาล ก็มารอที่บ้าน 
รอจนไม่ได้นอนกลางวัน  ใส่แมสนั่งรอนอนรอ จนหลับไป









อ่ะมา...ของฝากเยอะแยะเลย....แกะได้เลยนะคะ


















ปล. จำได้ไหมครับว่าคุณVP เอาผมไม่นอนด้วย....
.....คุณ VP ติดนะ.... หยุดงานไป3 วันเหมือนกัน เหอะๆ
...ขอโทษครับ...



Create Date : 27 กันยายน 2567
Last Update : 27 กันยายน 2567 17:56:53 น. 23 comments
Counter : 301 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณ**mp5**, คุณnonnoiGiwGiw, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmultiple, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณกะว่าก๋า, คุณทนายอ้วน, คุณtoor36, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณอุ้มสี, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณปัญญา Dh, คุณThe Kop Civil, คุณไวน์กับสายน้ำ


 
ยังไม่มีเวลาอ่านดีๆ งานยุ่งมาก เดวจะเข้ามาเม้นอีกรอบนึงนะครัช


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:17:48:30 น.  

 
แต่โหดมาก ดีที่ไม่ตายจริงๆ แหละ..


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:17:49:31 น.  

 
เรื่องนี้น่าจะชื่อเรื่อง การเดินทางของ hMVP นะคะ
จากเมืองไทยไปญี่ปุ่น แล้วยังกลับมาไทยได้อีก เจ้าโรคนี้ร้ายกาจมากนะคะ
บินฟรี แถมยังเผื่อแผ่ไปให้คนอื่น ๆ ต่อ ไม่รู้ว่านอกจากคุณ VP แล้ว ยังมีคนไหนได้รับแจ๊คพ็อตติดไปด้วย
ว่าแต่พี่โฟล์คหรือคนอื่น ๆ ที่ญี่ปุ่นยังสุขสบายดีใช่ไหมคะ 555

ทันทีที่กลับถึงไทย เข้าใจความรู้สึกเลยค่ะ "กูตายได้แล้วใช่ไหม"
ยังไงก็แข็งใจมาถึงไทยได้ เจ็บป่วยยังไงอยู่บ้านเราก็ดีกว่านะคะ
กลับบ้านเรา รักรออยู่ ...

ขอให้สุขภาพดีแข็งแรงเป็นปกติเร็ววันนะคะ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:19:04:24 น.  

 
อ่านไปลุ้นไป
แล้วภาพก็ตัดกลับมาตอนที่หมิงป่วย
ปอดอักเสบ....อันตรายจริงๆครับ
หมิงต้องแอดมิดเลย

น้องปริ๊นซ์โชคดีมากเลยนะครับ
ที่กลับมารักษาที่บ้านเราต่อ
ยังไงคุยกับหมอที่บ้านเราน่าจะดีกว่า

นี่หมิงก็กลับมาเป็นไซนัสอักเสบต่อเลยนะครับ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
น้องปริ๊นซ์อาจจะต้องระวังแบบเดียวกับหมิงเลย



ที่บ้านวันก่อนก็ท่วมครับ
ท่วมอยู่วันเดียว น้ำไม่ระบาย
เข้าบ้านมานิดนึง
ตอนนี้น้ำลดเป็นปกติแล้ว

แต่ที่ไม่ปกติคือไปท่วมแถวริมน้ำปิงนี่ล่ะครับ
ท่วมเป็นวงกว้างเลย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:20:07:35 น.  

 
ใจหายใจคว่ำไปด้วยเลยครับ รักษาสุขภาพเยอะๆนะครับ หน้าฝนอากาศชื้นมากๆ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:20:50:58 น.  

 
อ่านทุกตัวอักษร
แล้วก็พูดแฟนน้องว่า
ดีที่ไม่ตาย...


โดย: อุ้มสี วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:23:13:36 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 กันยายน 2567 เวลา:5:28:18 น.  

 
โอ้ เป็นคราวนี้ น่าจะหนักกว่าทุกครั้งเลยนะครับนี่
ทีแรกก็สงสัยอยู่ว่า ทำไมยาพ่น ยากินประจำ ถึงเอาไม่อยู่
ที่แท้เจอโรคแทรก เชื้อไวรัสเข้าไปซ้ำอีกนะครับ

ดูอาการแล้ว เหมือนโควิด เลย แต่เชื้อนี่ น่าจะร้ายแรงกว่า
เพราะมุ่งโจมตีปอด โดยตรงเลยทีเดียว

ยังดีที่ยังประครองตัว ตุปัดตุเป๋ กลับมาเมืองไทยได้
แต่ยังไม่วาย ฝากเชื้อ เผื่อแผ่ให่เจ้านายด้วยนะครับ 555

แล้วก็ขนาดป่วยๆนี่ ก็ยังปฏิบัติ ภารกิจไม่ขาดตกบกพร่อง
ทั้งงาน ทั้งช็อปปิ้งของฝาก
ขาดอยู่เรื่องเดียว คือ ตอนไปดริ๊งกับ สาว อาจารย์เต๊ะ
แอบมองทะลุ แก้วไวน์ ไปเจอ สาวผมม้า คิมิโนโตะ นั่งโต๊ะหลัง น่ารักม๊ากกกก นี่ถ้าน้องปรินซ์ไม่ป่วย เชื่อว่า
ความสัมพันธ์ ระหว่างไทย ญี่ปุ่น ต้องกระชับแนบแน่นกว่านี้แน่นอน นะครับ อิอิ

น้องปริ๊นซื บอก เอ็งจะหางานเข้าให้ข้าอีกแล้ว ข้ารักเดียวใจเดียว แต่มีหลายห้อง ไม่เหมือนเอ็ง ว้อยยยย เย้ย 555

ดูแล้วเชื่อที่ว่านี่ น่ากลัว แถมติดง่ายมากด้วย
แถมยังไม่มีวัคซีนป้องกันด้วย
ยังไง ก็ขอให้น้องปริ๊นซ์ หายป่วย กลับมาแข็งแรงในเร็ววันนะครับ
คราวหน้าจะได้มีแรงไปช็อปที่ ตึก ห้าชั้นในตำนาน มาฝาก อาจารย์เต๊ะมั่งนะครับ แฮร่ 5555



โดย: multiple วันที่: 28 กันยายน 2567 เวลา:7:12:38 น.  

 
สวัสดียามสายค่ะ น้องปริ๊นซ์

ศุกร์ 13 ซะด้วยยยยยยย
โชคดีจริงๆที่ยังพาตัวเองกลับมาสู่ประเทศไทยได้
สงสารน้องเชียว เพาะเชื้อมาเต็มปอดแล้ว
ดีนะคะ กลับมาหาหมอที่ไทยทัน

แสดงว่าสภาพน้องตอนนั้นน่าจะแย่มากจริงๆ
คุณVPถึงต้องให้มานอนดูอาการใกล้ๆ
ตอนนี้คุณVPหายดีแล้วใช่ป่าวคะ หยุดไป3วัน
แล้วสรุป พี่โฟล์คติดไข้น้องไปมั้ย

ช่วงท้ายๆเรื่อง พี่โฟล์คคงเห็นแล้วว่าอาการน้องแย่มาก
ถึงได้ขยับตัวมาช่วยเหลือ ทั้งหิ้วปีกและหิ้วกระเป๋า

อาการ hMPV มันน่ากลัวจริงๆนะคะ พอๆกับโควิดเลย
ถ้าปล่อยเชื้อลงปอดนี่อันตรายจริงๆ

โชคดีที่ข้าวหอมไม่เป็นเยอะนะคะ
เอ็นดูเชียวรอน้าปริ๊นซ์จนหลับ แถมแฟรี่ยังอยู่ใกล้ๆไม่ห่าง

พ่อหายดีแล้วใช่ไหมคะ
แม่ พี่สาว และพี่เพ็ญ อยูาในกลุ่มผู้รอดหรือป่าวคะ


จากบล็อก

กลิ่นน้ำหอม กลิ่นน้ำมันทอด กลิ่นอาหาร กลิ่นบุหรี่
ไอ้4กลิ่นที่น้องว่ามานี่ พี่ก็แพ้ค่ะ โดนทำร้ายหนักตลอด 55555
กลิ่นควันไฟเผาขยะ เผาถ่านอีก อันนี้พี่ก็ไม่ไหว

ตอนวัยรุ่นพี่ยังไม่รู้ตัวว่าแพ้พวกนี้ เวลาได้กลิ่นน้ำหอมมี2แบบ
ไม่ลงกระเพาะ ก็ขึ้นหัว พี่ก็สงสัยว่าทำไมมันลงกระเพาะ 5555
เวลาได้กลิ่นน้ำหอม กระเพาะพี่มันชอบร้องแบบหิวข้าว
ทีแรกพี่คิดว่าตัวเองหิวนั่นหละ แต่บางทีเพิ่งกินอิ่มมา พอมาได้กลิ่นท้องก็ร้อง
ตอนหลังจึงจับสังเกตุได้ว่าเป็นเพราะกลิ่นน้ำหอม
เคยทนจนอ้วกแตกค่ะ 55555555
แต่พอแก่แล้ว มันขึ้นหัวอย่างเดียวเลย
ไม่ค่อลลงกระเพาะแล้ว

กลิ่นน้ำหอมนี่ (น้ำยาซักผ้า ปรับผ้านุ่ม ครีมทาตัว)
บางกลิ่นพี่แพ้รุนแรงมาก ขึ้นหัวปวดตุ๊บๆเลยค่ะ
ถ้าแบบหนักมากก็ไมเกรนขึ้น อ้วกแตก ปวดกระบอกตา ไหล่ตึงไปหมดเลยค่ะ

พี่ต้องพกพวกยาดม ยาหม่องน้ำทั้งหลายไว้ทุกกระเป๋า กันตายค่ะ

คนไม่แพ้คงนึกภาพไม่ออก ว่ามันทรมานขนาดไหน


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 28 กันยายน 2567 เวลา:15:21:41 น.  

 
เดี๋ยวนี้โรคอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด คุณปริ๊นซ์ร่างกายอ่อนแออยู่ก่อนหน้าแล้ว ต้องใช้ยาพ่น เพราะจุดนี้ด้วยกระมังมันเลยยิ่งหนัก แต่ทนมาได้ขนาดนี้ตบมือให้เลย ส่วนหนึ่งเพราะเราคิดว่าเดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้วมั้ง เลยทนต่อไป

จะว่าไปเด็กเดี๋ยวนี้โรคร้ายเยอะนะ สมัยเราๆ ไม่รู้จัก แต่พอมาตอนนี้เป็นโรคของเด็กที่เด็กมันเป็นกัน


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 28 กันยายน 2567 เวลา:20:34:27 น.  

 
โรคเยอะจริงพอหนุ่มคนนี้
อ่านแล้วมีอารมณ์ร่วมไปด้วเลยปริ้น



โดย: หอมกร วันที่: 28 กันยายน 2567 เวลา:20:37:25 น.  

 
น้องปริ๊นซ์เอ่ยว่า เราไม่ไหว
จุดนั้นคือไม่ไหวจริงๆแล้วนะคะ

ไวรัส hMVP ไม่ธรรมดาเลยค่ะ
ออกจาก รพ แล้วทำงานต่อ
แกร่งมากค่ะน้องปริ๊นซ์

หลานข้าวหอมน่ารักมาก ทั้งเป็นห่วงและรอน้าปริ๊นซ์
รักษาสุขภาพมากๆ ขอให้แข็งแรงนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 29 กันยายน 2567 เวลา:0:12:11 น.  

 
ลำบากเลยนะครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 29 กันยายน 2567 เวลา:21:05:32 น.  

 
สวัสดีครับน้องปริ๊นซ์
เห็นด้วยกับเม็นต์คุณต่อเลยครับว่าเดี๋ยวนี้โรคประหลาดเยอะจริง ๆ ครับ ยิ่งน้องปริ๊นซ์ทำงานหนัก พักผ่อนน้อยด้วย อาการไม่สบายก็เลยถามหา
นี่ยังดีนะน้องปริ๊นซ์ร่างกายแข็งแรง ของพี่เดี๋ยวนี้ถ้าปวดหัวอะไรพวกนี้ พี่ออกมาวิ่งแปบเดียวก็หายละ แต่พี่ยังไม่เคยเป็นหนักถึงขั้นนอนนโรงบาลนะ นี่ทำประกันไว้ไม่เคยได้ใช้เลย ขอไม่ใช้ดีกว่านะ
รักษาสุขภาพด้วยครับน้อง


โดย: The Kop Civil วันที่: 30 กันยายน 2567 เวลา:15:39:03 น.  

 

งานพี่กะลียุคมากกก แกรเปลี่ยนไปก่อน
เดี๋ยวจะตามไปเม้นย้อนหลัง..
น๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 30 กันยายน 2567 เวลา:17:50:43 น.  

 
วันนี้พี่ก๋าไปโรงพยาบาลมาครับ
ไปตรวจเพราะมีตุ่มและผื่นขึ้นที่ขากับก้น
พบว่าเป็นงูสวัดครับ
งานเข้าเลย 555
โชคดีหน่อยที่ตุ่มมันเริ่มแห้งแล้ว
ไม่อยู่ในระยะแพร่เชื้อ
ฉลองอายุ 50 ปีพอดีเลย
มีเอกสารวางอยู่บอกว่าคนอายุ 50 ปีขึ้นไป
จะป่วยเป็นงูสวัดได้ง่ายมากครับ 555




หมิงก็ใกล้หายแล้วครับ
รอบนี้พอเริ่มเป็นมาดามพาไปหาหมอเลย
ไม้รอแล้ว
วันนี้ไปเรียน รด.เลยกลับมาฟึดฟัดอีกรอบ
เจอแดดเจอหนาว อาการแพ้ก็เริ่มมาเลย

ปีที่ท่วมสูงสุด
บ้านพี่ก๋าในเมืองท่วมถึงหน้าอกเลยนะครับ
ตอนนั้นพี่ชายอยู่ที่บ้าน
ท่วมอยู่ 1 อาทิตย์เต็มๆ ลำบากมากๆ

ปีนี้ท่วมเร็วประมาณเอว
แต่ก็สองวันลดครับ
คืนนี้ลุ้นกันว่าพายุลูกใหม่จะหนักหนาขนาดไหน
ตอนนี้มีแต่ฟ้าแลบฟ้าร้อง
ยังไม่มีลมหรือฝนตกลงมาครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 กันยายน 2567 เวลา:20:41:05 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ตุลาคม 2567 เวลา:4:59:23 น.  

 
"มิจแท้ แน่นอนครับแบบนี้ ยังดีที่ไม่ส่งมาเป็นก้อนหิน หรือมะม่วงกวน

คำถามคือ....ดอกจะส้มกี่โมงครับ 55555
เอาเถอะครับ ถือว่าได้เฟืองฟ้าชมพูมาปลูก ใบด่างบ้างไม่ด่างบ้าง ถือว่าเอาน้องมาดูแลครับ"

-------------------------

555 ใช่เลย คิดแบบนั้นจริง ๆ ค่ะ
ถือว่าได้เฟื่องฟ้าแปลก ๆ มาดูเล่น อย่างน้อยก็ดีกว่าได้ก้อนหินหรือมะม่วงกวน

ก็รู้แหละว่า ซื้อของออนไลน์ย่อมมีความเสี่ยง
นี่ขนาดซื้อจากเว็บที่เชื่อถือได้แล้วเชียวนะ คือส่งคืนก็ได้ แต่ขี้เกียจวุ่นวาย
แต่ถ้าเป็นก้อนหิน ไม่ยอมแน่นอนค่ะ 555

ต้นไม้ปลอมออนไลน์ ไปซื้อเองได้ดีกว่าแน่นอนค่ะ



โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 1 ตุลาคม 2567 เวลา:17:52:03 น.  

 
เป็นข่าวที่สะเทือนขวัญและสะเทือนใจมากจริงๆครับ
สมัยหมิงเป็นเด็ก
เวลาเดินทางไปทัศนศึกษา
มาดามก็ห่วงนู่นห่วงนี่
ยิ่งมีข่าวแบบนี้
พ่อแม่หลายบ้านคงจะคิดหนักเลยครับ
ว่าจะให้ลูกไปดีหรือไม่ดี




พี่ก๋ายังบอกหมอเลยนะ
ว่าเป็นคนไม่เครียดแน่ๆ
นอนก็ดี
แต่วันนั้นไปตากฝนแล้วเหมือนจะเป็นไข้
ก็เป็นวันนั้นเลยครับ
ตอนแรกคิดว่าติดจากการนั่งชักโครกสาธารณะซะอีก 555

วันนี้ก็เพิ่งพาหมิงไปหาหมออีกรอบ
เป็นการตรวจซ้ำเฉยๆครับ
แต่ก็ต้องกินยาต่ออีกอาทิตย์
อาการโดยรวมโอเคแล้วครับ

เชียงใหม่เคยน้ำท่วมใหญ่สองสามครั้งครับ
น้ำเอ่อมาจากน้ำปิง ไหลพุ่งจากท่อระบายน้ำเลย
ท่วมอยู่เกือบอาทิตย์ได้ครับ

วันนี้ตอนไปโรงพยาบาลฝนก็ตกลงมาหนักเลย
ดีหน่อยที่ตกแป๊บเดียวก็หยุดครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ตุลาคม 2567 เวลา:19:55:47 น.  

 
ได้อ่านที่คอมเม้นต์ไป ผมผู้ซึ่งแทบไม่มีภูมิเพราะไม่เคยติดโรคพวกนี้ชักกังวลซะแล้วสิครับ 555


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 ตุลาคม 2567 เวลา:21:56:28 น.  

 
อดทนได้ดีมากๆ จริงๆ แล้วใช้ประกันที่นั่นก็ไม่ได้แย่หรอกนะ เพราะยังไงเราก็ซื้อประกันไว้แล้ว

เห็นว่าติดมาจากหลาน เห็นเด็กๆ แล้วนึถึงข่าวไฟไหม้รถเด็กวันนี้จริงๆ มาตรการรักษาความปลอดภัยต่ำมาก ดับอนาคตเด็ก เอาเด็กไปตายแท้ๆ น่าสงสัยว่าที่จัดกิจกรรมนี้ขึ้น มันส่งผลให้กระเป๋าตังค์ใครฟูขึ้นมารึเปล่า


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 1 ตุลาคม 2567 เวลา:22:10:20 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 ตุลาคม 2567 เวลา:4:51:33 น.  

 
น่าเห็นใจ ไปป่วยระหว่างการเดินทาง ต้องช่วยตัวเอง รอเวลา
กลับ
แต่คุณปริ๊นซ์ใจแข็งจนกลับมารักษาตัวต่อที่ไทย ขอให้หาย
ไว ๆ นะครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 2 ตุลาคม 2567 เวลา:7:28:19 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

BlogGang Popular Award#20


 
จันทราน็อคเทิร์น
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




* Engineer
* Guitar trainer
* Casual gamer



space
space
space
space
[Add จันทราน็อคเทิร์น's blog to your web]
space
space
space
space
space