|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
แจแปนนิส ชีวิตโคตรป๊อบ EP.2 |
|
กลับมาอีกต่อกันเนื่องการเดินทางไปทำงานที่ญี่ปุ่นรอบล่าสุดของผม ที่เรื่องราวเมื่อบล๊อกที่แล้ว จบลงตรงที่ อาการหอบผมมาเรื่อยๆ และถี่ขึ้น และที่สำคัญเหมือนยาทำท่าจะเอาไม่อยู่ด้วยครับซึ่งผมยังต้องใช้เวลาอยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่อีก 1 วันเต็มๆ และอีก30กว่าชั่วโมงกว่าจะถึงไทย
ใครยังไม่ได้อ่าน Click Here!ไคลแม็กซ์มากครับ!!!คุณ VP เห็นอาการผมละ รู้สึกว่า ไอ่พี่โฟล์คน่าจะดูแลไม่ได้ เลยเอาผมไปนอนที่ห้องเค้าด้วย ซึ่งผมก็พ่นยาก่อนนอนในปริมาณสูงที่สุดที่เคยถูกสั่งให้พ่น กินยาแก้แพ้อีกตัวตามไปด้วย พร้อมยาขยายหลอดลม เอาหมอนมาซ้อนกัน 2 ใบ แล้วเอาตัวไปพาดบนหมอนจากนั้นคือภาพตัดไปเลยครับ เพราะรู้สึกเพลียมาก ตื่นอีกที ตี4 ตี5 มาไอ ซึ่งครั้งนี้ผมรู้สึกได้ว่า การไอของตัวเองเปลี่ยนไป จากการไอก้องๆ ตามด้วยเสียงฮืด ๆ มีเสมหะบ้าง ไอแห้งๆ บ้าง แต่ครั้งนี้เป็นการไอแบบมีเสมหะแบบมาก ไอเหมือนสำลักน้ำ แน่นหน้าอกมาก หายใจไม่ค่อยออกความรู้สึกบอกเลยว่า อาการกำลังแย่ลงด้วยอะไรซักอย่าง ซึ่ง.....แสดงว่ายาที่มีจะเอาไม่อยู่แล้ว เพราะก็เทคเต็มที่เท่าที่มีแล้วผมบอกแล้วว่า ดื่มไม่ไหว ดื่มไม่ไหว สาวไม่ฟังเลย...
หลังจากนั้นเราแยกย้ายกันตรงนั้น ราวๆ 11 โมงครึ่ง เนื่องจากเราต้อง Check out โรงแรมครับ คุณ VP กับพี่โฟล์คแยกกันไปเที่ยว ซึ่งผมบอกไว้ว่า ไม่ขอตามคุณVPไป เพราะผมเหนื่อยและเดินไม่ค่อยไหว แต่ก็ต้องหาที่ไปที่ไหนซักทีถูกไหมครับ....
ผมค่อยๆ เดินแบบไม่ค่อยมีแรง ช้าๆ ไปนั่งหาอะไรกินใกล้ๆ สถานีรถไฟ บอกตรงๆ ว่าตอนนั้น เดินหน่อย ทำอะไรหน่อยก็เหนื่อยแล้วครับ เพลียแบบโดนแดดร้อนๆ แล้วจะเป็นลมให้ได้ ระหว่างนั้น สกาย น้องชายคนที่อยู่ที่นั่น ก็ไลน์คุยกับผมตลอดจนผมบอกว่า เดี๋ยวจะนั่งรถไฟไปหามัน แต่มันบอกไม่ต้องๆ เดี๋ยวมันมาหาได้ ซึ่งผมที่ยังทนได้ เดินไหว เลยนัดกันที่กินซ่านั่นแหละครับ
แต่สิ่งที่เกิดกับผมวันนั้นคือ ไม่มีแรงเลยครับ เดินหน่อยก็เหนื่อย ทำอะไรหน่อยก็เหนื่อย กินข้าวไม่ลง หมดแรง รู้สึกไม่สบายตัวมากๆ เหมือนคนมีไข้ต่ำๆ ผมกับสกายเลยไม่ได้ไปไหนกันมากไปกว่า นั่งร้านกาแฟ และเดินเล่นในกินซ่านิดหน่อย ก่อนจะกลับมานั่งร้านกาแฟอีกครั้ง ซึ่งผมก็บอกมันตลอดว่า "พี่เดินไม่ไหวแล้ว"
จนเวลาล่วงเลยมาราวๆ 2 ทุ่ม ผมมานั่งกินโยเกิร์ตอยู่ที่เซเว่นหน้าโรงแรม ส่วนพี่โฟล์คมานั่งรอที่ล๊อบบี้แล้ว ก่อนที่ผมเองจะได้รับโทรศัพท์จากคุณ VP ว่า เค้าตกรถ และกลับไปโรงแรมไม่ทัน ให้ผมกับพี่โฟล์คเอากระเป๋าเค้าไปสนามบินเลย ผมเลยจัดการไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วให้โรงแรมเรียกแท็กซี่ไปสนามบินให้จังหวะที่ต้องยกกระเป๋า ผมก็ยกของตัวเอง และของคุณVP ไปเตรียมขึ้นแท็กซี่แต่ผมยกเสร็จ ผมนี่เหนื่อยมาก หายใจไม่ทัน จะเป็นลมให้ได้เลยจัดการตัวเองด้วยการเข้าไปนั่งเงียบๆ บนแท็กซี่ แล้วบอกให้เค้าเปิดแอร์แรงๆ หน่อย 5555"บอกเค้าหน่อยว่าเราจะไปสนามบิน" พี่โฟล์คบอกผม ในใจผมคือ "กูจะตายอยู่แล้ว ยังจะให้กูพูดอีกหรอ...."ก่อนจะบอกคนขับเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าเราจะไปสนามบินHaneda Terminal 3
จำเวลาได้ไหมครับ.....ตอนนี้เกิน 20 ชั่วโมงของยาที่ผมกินมาเรียบร้อยแล้วผมเริ่มหายใจลำบาก ไอจัดขึ้นมากๆ และเริ่มมีอาการหลอดลมตีบ เอาเป็นว่า คนขับแท็กซี่ทักอ่ะครับ ว่า "คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม ผมลดแอร์ให้ไหม"ผมตอบแค่ "ไม่เป็นไรครับ ขอโทษด้วย" ผิดกับพี่โฟล์ค ที่ยังพยายามชวนผมคุยสัพเพเหระ จนผมต้องยกมือห้ามว่า "ผมไม่พูดแล้วนะ...ผมเหนื่อย" พี่ผมถึงหยุด
โชคดีที่คุณ VP ตามมาเจอเราที่สนามบินได้ทันเวลาอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง จะบอร์ดตอนนั้นบอกตามตรงว่า ผมเหนื่อยมาก รู้สึกหายใจลำบากตลอดเวลา ดูนาฬิกาแล้วดูนาฬิกาอีก เพราะตั้งใจไว้ว่าจะเทคยาตอน 4 ทุ่ม เพื่อให้สบายขึ้นและหลับบนเครื่องได้ ไม่ไอรบกวนคนอื่นแต่สรุป....ผมต้องกินตอน 3 ทุ่มนิด ๆ นั่นแหละครับ เพราะผมไปนั่งไอจะเป็นจะตาย และหอบอยู่ในเล้าจ์ ตอนนั้นยาไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้นเต็มที่แล้วนะครับ รู้สึกเหนื่อย หายใจลำบากตลอดเวลา ทำอะไรเยอะไม่ได้
ถึงกับต้องคิดเลยว่า ถ้าเราเกิดหายใจไม่ออกจริงๆ ตอนอยู่บนเครื่องจะทำยังไงวะ อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงบ้านแล้ว กูคงไม่ตายมั้ง ทนมาได้หลายวัน อีกนิดเดียวกูต้องทนได้สิวะ ราวๆ 1ชั่วโมงครึ่งหลังจากกินยา ยาก็ออกฤทธิ์เพียงพอที่จะทำให้ผมสบายขึ้น สบายพอจะเดินสะโหล่สะเหล่ไปเกทได้ตามเวลา อ้อ....แวะซื้อ Royce กลับมาฝากที่บ้านได้ด้วย 55555
แต่ไฟล์ทเจ้ากรรมก็ดีเลย์ครับ ผมนี่นั่งซึมจัดๆ บ่นกับพี่โฟล์คตลอดว่า "เมื่อไหร่มันจะบอร์ดวะพี่....ผมจะไม่ไหวละ"ไอ่พี่โฟล์คก็เข้าใจว่าผมง่วง!!!!แต่ก็อาจจะใช่ครับ เพราะหลังจากดีเลย์ราวๆ 30 นาที ขึ้นเครื่องได้ปั๊บ ยังไม่ทันที่กัปตันจะตั้งลำในรันเวย์ ......ผมหลับ.....แล้วตื่นอีกทีคือ เสิร์ฟอาหารเช้าเลยครับ 555555555
เสิร์ฟมาผมก็กิน กินหมดด้วย พี่โฟล์คถึงกับถามว่า ผมกินลงได้ยังไง ในเมื่อมันเพิ่งตี3 ตี4 เอง
แล้วเวลาวัดใจก็มาถึงเมื่อกัปตันเริ่มประกาศว่า กำลังจะเริ่มลดระดับลงเพื่อเตรียมแลนดิ้ง หลังจากประกาศนี้ ตามปกติคือ อีกประมาณ 45 นาทีถึงแท็กซี่และทันทีที่เริ่มมีการลดระดับ ผมเริ่มแน่นหน้าอก ปวดหัว พยายามจะนอนต่อยังไงก็นอนต่อไม่ได้แล้ว แล้วต้องควักยาดมมานั่งดมแทนผมเริ่มก้มหน้ามองไปที่หน้าต่าง ดูว่าเริ่มเห็นแสงไฟหรือยัง....ปรากฎว่ายัง....แต่ผมนี่เริ่มเหนื่อยมากขึ้น หายใจจะไม่ออก แถมด้วยอาการปวดหู และเริ่มปวดหูมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่นั่งหลับตานิ่งๆ เริ่มนิ่งไม่ได้ ผมเริ่มก้มหน้าบ้าง เงยหน้าบ้าง กระสับกระส่ายมองหน้าต่างอยู่หลายครั้ง จนเริ่มมองเห็นแสงไฟบนแผ่นดินลางๆ บอกเลยว่า เป็นครั้งแรก....อ่ะ....ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องคิดว่า"กูขอละ เมื่อไหร่มึงจะแลนด์ซักที กูจะไม่ไหวแล้ว" "ไอ่เชี้ย...ถึงเร็วก็ไม่ดีสิวะ ถึงแบบปกตินั่นแหละ" "กูจะเป็นอะไรไหมวะ กูต้องทนนะ อีกนิดเดียวถึงบ้านแล้ว"แต่แม่งก็ไม่แลนด์ซักที !!!อยู่ๆ พี่โฟล์คก็เอื้อมมือมาสะกิดผมที่นั่งมือเย็นเจี๊ยบ แถมพยายามหายใจลึกๆ อยู่ตลอด ก่อนจะพูดอะไรด้วยซักอย่าง แต่ผมโปกมือให้ พร้อมพูดว่า "ไม่ได้ยิน"หูอื้อครับ...ไม่สิ...หูดับไปเลย ไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากปวดหูแทบระเบิด"เมื่อไหร่จะแลนด์" ผมพูดกับพี่โฟล์คโดยไม่ได้ยินเสียงตัวเองในที่สุดล้อเครื่องบินก็แตะพื้นผมจำไม่ได้เลยว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง รู้แค่รีบควักมือถือขึ้นมาแล้วเปิดซิมไทย ก่อนจะ text หาแฟนว่าถึงไทยแล้ว ให้มารับตรงไหนเสร็จแล้วก็นั่งก้มหน้าอยู่แบบนั้นจนประตูเปิด ซึ่งพี่โฟล์คก็หยิบกระเป๋ากับของในช่องเก็บของลงมาให้ผม แล้วยืนกันคนไว้ ก่อนจะหิ้วแขนผมให้ลุกขึ้นมายืนหน้าเค้าจากนั้นผมก็เดินสะโหล่สะเหล่ไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่พูดไม่จาไปตามทาง เดินไปหน่อยพี่โฟล์คก็เดินขึ้นมาตีคู่ เพราะผมเหนื่อยจะเดินไม่ไหว แต่ความซวยคือผมมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบันไดเลื่อน ทำไมทางมันไม่คุ้นวะ...คุณVP ที่เดินตามมาทันก็สะกิดให้เดินตามแล้วบอกว่า....เราอยู่ที่ Terminal ใหม่ไอ่เชี้ย....ไอ่เชี้ย!!!!! ผมนี่ขาอ่อนเลย ลงไปนั่งยองๆ ก้มหน้าอยู่กับพื้นพร้อมกระเป๋าสะพาย ตอนนั้นมึนหัวไปหมด ปวดตัวมากๆ ยืนก็จะยืนไม่ไหว ปวดหัว ปวดหูเหมือนจะระเบิด ผมลุกขึ้นแล้วค่อยๆ เดินรูดราวบันไดเลื่อนไปยืนรอรถไฟไปรับกระเป๋า
พอถึงสายพานรับกระเป๋า คุณVP ก็แยกไปเข้าห้องน้ำ พี่โฟล์คเลยบอกว่าให้ผมรอยกกระเป๋าของคุณ VP ใส่รถเข็นด้วย ซึ่งผมนี่ยืนผมแขนเท้ารถเข็นตัวเอง ก้มหัวซบแขนตัวเอง พร้อมพยักหน้าเบาๆ พอกระเป๋าเริ่มออกมา ผมก็เหล่ตามองดูให้ ซึ่งกระเป๋าที่มาก่อนคือกระเป๋าผมเอง พร้อมแท็กสีส้ม Royal Silk Priorityผมก็เดินไปที่สายพานพร้อมจะยกกระเป๋าตัวเองแต่....ผมยกไม่ขึ้นเว่ย....เลยปล่อยให้ไหลต่อไป แล้วไปตั้งหลักจะยกอีกรอบ แล้วผมก็ถูกใครบางคนเบียด ซึ่งนั้นก็คือพี่โฟล์ค ที่เข้ามายกกระเป๋าผมลงจากสายพาน แล้วบอกให้ไปนั่งรอ แล้วพี่เค้าก็รอยกกระเป๋าตัวเองกับของคุณVP ที่มัวแต่เดินโทรศัพท์ชิลๆ ซะงั้น
พอเราแยกย้ายกัน ผมเดินมาขึ้นรถที่แฟนมาจอดรถอยู่ที่จุดนัดแล้ว ขึ้นรถมาได้ ผมคือรู้สึกเหมือน.... "กูตายได้แล้วใช่ไหม" 555555 ผมนี่ทิ้งตัวปรับเบาะนอนหลับตาดมยาดม แฟนเห็นสภาพ และเห็นผมไอหนักมากขนาดนั้น ก็จับตัวผมเบาๆ "จะกลับบ้านหรือไม่โรงบาลก่อนดี ตัวเทอร้อนจี้เลยนะ""หรอ....เออ กลับบ้านก่อน""แน่ใจนะ แล้วนี่มันเป็นยังไงบ้าง ทำไมมันไอขนาดนั้น""เราเหนื่อย เหนื่อยจนพูดไม่ไหวเลย ปวดหูมากนี่แทบไม่ได้ยิน""เราไม่พูดแล้วได้ไหม เราไม่ไหว"ผมจบบทสนทนาแค่นั้นก่อนจะนอนหลับตาเงียบๆ จนถึงบ้าน พอถึงบ้าน ผมขอแวะบ้านแม่ก่อนเลยครับ แล้วไปขอ Test kit จากพี่สาว เพราะพอแฟนบอกว่าผมตัวร้อน และตัวเองก็รู้สึกเหมือนกำลังมีไข้ผมเริ่มสงสัยแล้วว่า......ผมติดไวรัสมาจากหลาน แล้วพอ Swab ก็.......ใช่เลยครับ.......hMVP
ตัวต้นเรื่องคือ หลานคนดี คนนี้นี่เอง.....เห็นถุงพลาสติกที่แขวนอยู่ที่แฮนด์ไหมครับ นั่นคือถุงใส่ทิชชูน้ำมูก ในตะกร้ามีทิชชู ที่ผมกับหลานพากันไปขี่จักรยานเมื่อวันเสาร์ก่อนเดินทางซึ่งวันนั้น...ผมไอหนักมาก เสมหะเยอะมากๆ และแน่นหน้าอกมาก เหนื่อย ไอไม่ค่อยออก คือยิ่งไอยิ่งหายใจไม่ออกโรงบาลสิครับ รออะไร......และไม่ต้องสงสัยครับ สภาพยมๆ ของผมนั่น ไข้39.8 / O2 sat ผมเหลือ 91-92%หมอสั่งนั่งพ่นยาไปรอบแรก ยังเหนื่อย sat ไม่ขึ้น รอบ 2 .... จนรอบ 3 sat ก็ไม่ขึ้น และเริ่มมีอาการไอแล้วจะ black out เลยได้แอดมิน นอนโรงบาล ตั้งแต่กลับมาวันแรก ก่อนได้นอนบ้านอีก แล้วผล X-ray ปอดผมก็ชั่วร้ายมาก....ผมมีอาการหลอดลมอักเสบมาก มากจนแทบไม่มีรูให้อากาศเข้าออก รวมถึงหลอดลมฝอยในปอดก็อักเสบ เริ่มมีอาการปอดอักเสบ และมีเสมหะอยู่ในปอดจนฝ้าไปหมด"ดีที่ไม่ตาย"แฟนผมสาปสนั่นห้องหมอบอกว่าผมคงติดหลานตั้งแต่วันเสาร์แล้ว แต่ด้วยเป็นผู้ใหญ่ แข็งแรง ทำให้กว่าจะแสดงอาการและหนักก็ล่อไป 1 สัปดาห์ และด้วยความที่ผมค่อนข้างคุ้นกับความรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย หรือหลอดลมที่ตีบเล็กน้อยอยู่แล้ว ทำให้อดทนอยู่ได้นานหลายวันสรุปผมได้นอนโรงบาลตั้งแต่วันอาทิตย์ที่มาถึงไทย เพื่อให้ออกซิเจนและพ่นยาทุก 4 ชั่วโมง และหลังจากได้ยาขยายหลอดลม ยาลดอักเสบ ยาฆ่าเชื้อเต็มอัตราศึก4 วัน ผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาล แล้วก็กลับมาทำงานทันที เพราะเมลล์เต็มดังนั้น ตอนที่ผมอัพบล๊อกตะพาบ สองมาตรฐาน นั้นผมนั่งพิมพ์อยู่ที่โรงพยาบาล นั่นแหละครับ สาเหตุที่ผมเกริ่นไว้ตั้งแต่แรกว่า เกือบจะอัพบล๊อกตะพาบไม่ทันตอนนั้นผ่านมากว่า 2 อาทิตย์นับจากวันที่ผมเริ่มป่วย ผมก็ยังไม่ได้หายดีนะครับ ยังไอประมาณนึงตื่นมาไอกลางคืนทุกคืน เมื่อวันเสาร์ X-ray ปอดยังมีฝ้าจากเสมหะและการอักเสบค้างอยู่แต่โดยรวมดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ และคงยังต้อง follow up ไปจนกว่าปกติ แถมไวรัสนี้มันยังกระตุ้นอาการหอบหืดและภูมิแพ้ ทำให้ผมต้องกลับมาใช้ยาคุมอาการในโดสสูงยาวๆ อย่างน้อย...3เดือนใดๆ คือ บอกตรงๆ ครับว่า ทริปนี้รอดมาได้ ผมนี่แทบกราบยากินต้านอาการหอบ เม็ดละเกือบ 50 บาท ที่ผมพกไปด้วย 1 แผง บอกเลยว่า ถ้าไม่ได้ยานี้ ผมน่าจะแย่ไปตั้งแต่วัน 2 วันแรกแน่ และไอ่ยานี่แหละที่ยื้ออยู่ได้ถึง 3 วัน ขนาดวันท้ายๆ ก็ยังพอเอาอยู่และดีครับ ที่คนที่ป่วยขนาดนี้ ไม่ใช่หลาน คนนั้นน้ำมูกไหล 2 วันหาย.....แต่.....คนที่ได้นอนโรงพยาบาลไล่ๆ กับผมเลยก็คือ พ่อ ครับ พ่อก็ติดหลาน และไอหนัก หลอดลมอักเสบเหมือนกัน ดีที่รู้เร็วได้ยาเร็ว เลยไม่มีอาการปอดอักเสบครับแต่รู้ไหมครับ....เจ้าตัว คนต้นเรื่องเป็นห่วงผมมากนะพี่สาวบอกว่า เค้านับวันรอผมกลับบ้านตั้งแต่ที่ญี่ปุ่น จนที่โรงบาล วันที่รู้ว่าผมได้ออกจากโรงบาล ก็มารอที่บ้าน รอจนไม่ได้นอนกลางวัน ใส่แมสนั่งรอนอนรอ จนหลับไป
อ่ะมา...ของฝากเยอะแยะเลย....แกะได้เลยนะคะ
ปล. จำได้ไหมครับว่าคุณVP เอาผมไม่นอนด้วย.... .....คุณ VP ติดนะ.... หยุดงานไป3 วันเหมือนกัน เหอะๆ ...ขอโทษครับ...
Create Date : 27 กันยายน 2567 |
Last Update : 27 กันยายน 2567 17:56:53 น. |
|
23 comments
|
Counter : 301 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณ**mp5**, คุณnonnoiGiwGiw, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmultiple, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณกะว่าก๋า, คุณทนายอ้วน, คุณtoor36, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณอุ้มสี, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณปัญญา Dh, คุณThe Kop Civil, คุณไวน์กับสายน้ำ |
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:20:07:35 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:20:50:58 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:23:13:36 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 กันยายน 2567 เวลา:5:28:18 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 28 กันยายน 2567 เวลา:7:12:38 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 28 กันยายน 2567 เวลา:20:34:27 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 28 กันยายน 2567 เวลา:20:37:25 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 29 กันยายน 2567 เวลา:0:12:11 น. |
|
|
|
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 29 กันยายน 2567 เวลา:21:05:32 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 กันยายน 2567 เวลา:20:41:05 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ตุลาคม 2567 เวลา:4:59:23 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ตุลาคม 2567 เวลา:19:55:47 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 ตุลาคม 2567 เวลา:21:56:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 ตุลาคม 2567 เวลา:4:51:33 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
BlogGang Popular Award#20
|
|
|