หมอกมุงเมือง
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2567
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
29 มีนาคม 2567
 
All Blogs
 
เมืองแก้ว : สีฟ้า

เรื่อง : เมืองแก้ว
ผู้เขียน : สีฟ้า
สำนักพิมพ์ : คลังวิทยา
ปีที่พิมพ์ : 2514
สองเล่มจบ



เมืองแก้ว น่าจะเรียกได้ว่าเป็นนวนิยายสะท้อนภาพการเมืองและชีวิตข้าราชการ ผ่าน “เมืองสมมติ” เมืองหนึ่ง ในช่วงปี พ.ศ.2513-2514 ที่สีฟ้าได้ประพันธ์ขึ้น จังหวัดหัวเมืองแห่งนี้ มีชื่อว่า รัตนบุรี อันมีความหมายถึง เมืองแก้ว นั่นเอง

      ฉากแรกเปิดตัวด้วยการเดินทางมายังจังหวัดแห่งนี้ โดยสาวสวยสุดเปรี้ยว ที่ก้าวลงมาจากโบกี้รถไฟปลายทาง
        หล่อนสวมชุดเดินทางสีน้ำตาลอ่อน ผ้าชิ้นเดียวกันตลอดตัว แขนยาว แต่ปลายกระโปรงสั้นเหนือเข่าประมาณกว่าหกนิ้ว สวมถุงเท้ายาวสีเดียวกับเครื่องแต่งกาย ใบหน้าสวยอย่างผู้หญิงสมัยใหม่ ผมตัดสั้นเกือบจะเกรียนอย่างคนโบราณท่านค่อนว่า “ยายชีเพิ่งสึก” ผิดกันที่ไม่ได้ตั้งเป็นดอกกระทุ่ม แต่ซอยและเซ็ทเรียบติดหนังศีรษะไล่ลงไปถึงต้นคอ ดวงตาเปิดบังด้วยแว่นสีอ่อนกรอบขาวอันโตเกือบจะครึ่งหนึ่งของใบหน้า

         นี่คือ ภวานี ปิยรมณีย์ คุณครูคนใหม่ของโรงเรียนมัธยมรัตนบุรี!
และยังเป็นหญิงสาวที่ขับรถสกูตเตอร์มาสอนที่โรงเรียน แทนที่จะปั่นจักรยานอย่างหญิงสาวชาวเมืองทั่วไป

          ภวานีเรียนจบจากฝรั่งเศสและเดินทางมาบรรจุที่โรงเรียนแห่งนี้ โดยอาศัยอยู่กับนายอำพันผู้เป็นลุง และลักษณาภรรยาสาวอดีตนางงามผู้อ่อนวัยกว่า ลักษณาเป็นหญิงสาวแสนสวยอ่อนหวานผู้มีรอยยิ้มอย่างมีอัธยาศัยไมตรี หากซ่อนความรู้สึกทีแท้จริงเอาไว้ภายใน

           ครั้งแรกของการมาถึง ภวานีได้รู้จักกับ นักสิทธิ์ อดีตลูกผู้มีอิทธิพลทางการเมืองท้องถิ่น ที่ภายหลังสิ้นบิดา เขาถูกจับเข้าคุกเพราะไปรับผิดแทนลูกน้อง และเมื่อออกมาจากชีวิตที่อยู่สูงสุดด้วยอำนาจบารมีของบิดา ก็ตกต่ำลงมาถึงขีดสุด เขาถูกตราหน้าจากชาวเมือง จนทำให้ชายหนุ่มหัวกบฏผู้นี้ ไปอาศัยอยู่บนดอยกับกลุ่มชาวกระเหรี่ยง ห่างไกลชุมชนออกไป ยิ่งทำให้เขากลายเป็นคนแปลกแยกของชาวเมือง
              ++++++++++++++++++++++++
          เมื่อมาอาศัยอยู่ที่นี่ ภวานีจึงรับรู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆในเมือง ที่มีทั้งข้าราชการ ประชาชน แต่ละคน อาศัยอยู่ร่วมกัน โดยมีผลประโยชน์ต่าง ๆ เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นปลัดสันติ ที่มีปัญหากับชาวกระเหรี่ยง เบื้องหน้าคือภาพลักษณ์ข้าราชการผู้เสียสละ แต่เบื้องหลัง สันติทั้งกดขี่ข่มเหง รีดไถเงินชาวบ้าน และยังฉุดคร่าเด็กสาวชาวกระเหรี่ยงมาบำเรอกาม จนทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น นักสิทธิ์พยายามยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือชนกลุ่มน้อยเหล่านั้น ก็พลอยถูกกล่าวหาว่าเป็นคนสนับสนุนคอมมิวนิสต์ และถูกฝ่ายตำรวจตรวจสอบ ปราบปราม จนเสี่ยงคุกตะราง ส่วนสันติกลับได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษ!

           ขณะเดียวกัน ครูภวานีได้รู้จักกับรัศมีจันทรา ลูกสาวนายศิวะ นักธุรกิจใหญ่ในเมืองนี้ ที่มีอำนาจเงินตรา และพลอยทำให้ลูกสาวคนเดียว กลายเป็นเด็กก้าวร้าว ถือว่าตนเองมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ในขณะที่ งามชื่น เด็กสาวอีกคนหนึ่ง ที่ตรงกันข้ามกับรัศมีจันทรา หล่อนเป็นเด็กสาวที่เพื่อนร่วมชั้นและครูในโรงเรียนเกือบทุกคนต่างรังเกียจ เพียงเพราะเป็นน้องสาวของ งามพิศ อดีตนางงามรุ่นเดียวกับลักษณา ที่ทำงานเป็นนักร้องในคลับบาร์ของนายศิวะ จนถูกมองว่าเป็นหญิงขายตัว หญิงไม่ดีที่สังคมชาวเมืองรังเกียจ งามชื่นเอง ก็ไม่อยากเรียนหนังสือ เพราะเบื่อหน่าย มองเห็นหนทางที่จะก้าวหน้าด้วยความสวยงามของตัวเองแทน แต่จำใจ เพราะพี่สาวบังคับ ไม่อยากให้ประสบชะตากรรมเหมือนตัวเอง

       “หนูไม่อยากเรียน หนูไม่ต้องการเป็นคนดีอย่างที่พี่พิศเขาตั้งใจจะให้เป็น หนู     เป็นคนดีอยู่ทุกวันมานานแล้ว แล้วมีใครยกย่องหนูเท่าเทียมคนอื่นบ้าง? ลูกปลัดจังหวัด ลูกผู้พิพากษา หรือรัศมีจันทราเรียนสู้หนูไม่ได้ แต่ใครๆ เขายกย่องมากกว่าหนู มีงานอะไรหนูก็ต้องอยู่ข้างหลังเขา โอกาสที่หนูจะเด่นเท่าคนอื่นไม่มีเลย แล้วหนูจะตั้งหน้าตั้งตาเรียนไปทำไมกัน?

          “พี่พิศชอบหาว่าหนูชอบเป็นนางงาม อยากเป็นนางสาวไทย อยากแต่งงานกับคนมีหน้ามีตา มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่อยากอย่างหนู? นอกจากคนหน้าตาขี้ริ้ว แล้วก็เลยเป็นปมด้อยขึ้นข่มคนอื่น ทำเป็นว่า ความสวยไม่มีค่าไม่มีราคา เพราะตัวเขาเข้าประกวดไม่ได้!”

         นายศิวะ คหบดีใหญ่จอมอิทธิพล กับ คุณนายเพ็ญแข ที่มีผลประโยชน์ในเมือง ศิวะวางแผนที่จะสร้างสถานบันเทิง ศูนย์การค้า คลับบาร์เพิ่มขึ้น โดยข้ออ้างว่าจะช่วยทำให้บ้านเมืองรัตนบุรีได้พัฒนาทัดเทียมกรุงเทพฯ เมืองหลวง โดยการย้ายโรงเรียนจากเดิมอยู่ใจกลางเมืองออกไปอยู่นอกเมืองแทน และสร้างภาพเป็นนักบุญ ยอมเสียสละมอบที่ดินราคาถูก นอกเมือง ป็นสาธารณกุศล เพราะมองเห็นประโยชน์มหาศาลของอสังหาริมทรัพย์ที่ตนเองจะสร้างขึ้น และเมือโรงเรียนย้ายไปนอกเมือง ตนเองยังสร้างวินรถเก็บค่าหัวคิว ที่จะรับส่งนักเรียน นับร้อย ที่จำเป็นต้องเดินทางออกไปเรียนไกลๆ ได้อีกต่างหาก

       ขณะที่คุณนายเพ็ญแขเองก็เป็นนักสังคมสงเคราะห์ ตามงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแมวมองหาเด็กสาวเข้าประกวด นักสิทธิ์ รู้ใส้รู้พุงอีกฝ่ายดี จนอดเปรียบเปรยให้ภวานี ฟัง ไม่ได้ว่า...

          “คุณนายเพ็ญแขแกเป็นนักสังคมสงเคราะห์คนหนึ่งเหมือนกัน สงเคราะห์ผู้ชายให้ได้ดูขาอ่อนผู้หญิงง่ายๆ โดยไม่เปิดเผย ในที่สุดก็สงเคราะห์ให้เป็นเมียน้อยใครต่อใคร แม้แต่ผัวของแกเอง!”

        และเหยื่อรายหนึ่งของ นายศิวะ ก็คืองามชื่น น้องสาวของงามพิศ ที่ถูกหลอกไปข่มขืนและข่มขู่เพื่อให้ปิดปากความชั่วนั้น จนภายหลัง งามชื่นก็ตั้งครรภ์ และถูกเข้าใจผิดว่าตั้งครรภ์กับ ดอกเตอร์ธีรรัตน์ น้องชายรูปหล่อของ อาจารย์ระตี ที่มาเที่ยวยังเมืองนี้

           ส่วนรัศมีจันทรา ลูกสาวที่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจ จนมองทุกอย่างเป็นศูนย์กลาง ก็ไม่ชอบหน้าครูคนใหม่อย่างภวานี ที่โดดเด่น เหนือกว่าตัวเอง
        ++++++++++++++++++++
           แม้แต่ครูโรงเรียนที่ภวานีเข้าไปอยู่ ต่างก็รู้วิธีในการทำตัวเอาอกเอาใจผู้เป็นใหญ่ในเมือง โดยเฉพาะบรรดาคุณนายผู้ว่า ที่พร้อมจะให้การสนับสนุนยามเรียกใช้ และทุกคนก็ซุบซิบนินทา ภวานีกันอย่างสนุกปาก เมื่อเห็นท่าทีกระด้างกระเดื่อง ต่อต้านระบบอุปถัมภ์แบบนี้ ของพวกตน

          ภวานีเผชิญหน้ากับครูระตี ครูใหญ่ผู้เจ้าระเบียบเคร่งครัด จนเกิดการปะทะกันทางความคิดของแต่ละฝ่าย

     “คุณมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของดิฉัน ผู้เป็นผู้บังคับบัญชาของคุณไม่ใช่หน้าที่ออกความคิดเห็น”
        เสียงของอาจารย์ใหญ่เรียบและเย็นชา”
        “สองครั้งแล้วนะคะ ที่ดิฉันถูกห้ามแสดงความคิดเห็น... ความคิดเห็นเป็นสิทธิของมนุษย์ยุคนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านเมืองไหน ตราบใดที่เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย อีกอย่างหนึ่ง ดิฉันไม่คิดว่าผุ้บังคับบัญชาอยู่ในฐานะนาย เหมือนดังสมัยก่อนโน้น ซึ่ง เมื่อสั่งอะไรออกมาแล้ว ลูกน้องจะต้องหลับตาทำตามเสมไป”


         หล่อนต้องเผชิญทั้งบัตรสนเท่ห์ ที่ใช้กลั่นแกล้ง ส่งมายังโรงเรียน และยังปัญหา จากงามชื่น เด็กสาวที่ตั้งครรภ์ จนไม่กล้าไปเรียน และภายหลังจึงทราบว่าพ่อของเด็กในท้องงามชื่น ก็คือ นายศิวะ คนบาปในคราบนักบุญนั่นเอง

        งามพิศแค้นใจ ที่น้องสาวถูกข่มเหงรังแก และถูกดูถูก จนพลั้งมือยิงนายศิวะเสียชีวิต ในท่ามกลางชาวเมืองและทุกคนที่มองว่า นายศิวะ คือคนดี และ ผู้หญิงกลางคืนอย่างงามพิศ และน้องสาว เป็นคนผิด มีเพียง ภวานี และนักสิทธิ์ ที่พยายามหาทางช่วยเหลืองามพิศ เธอเองก็ได้เห็นเนื้อใน ของชายหนุ่มที่ถูกมองว่า เป็นคนชั่ว เป็นไอ้ขี้คุก และหัวกบฏ จนถูกใส่ร้ายต่างๆนานา แต่เขาก็ยังยืนหยัดอยู่ที่รัตนบุรีแห่งนี้ ในความเปลี่ยนแปลง จากจุดสูงสุดที่เคยเป็นลงมาสู่จุดตกต่ำสุด โดยไม่หวั่นไหว

      “เมื่อก่อนนี้ แกเอาใจผมทั้งที่คงอยากกระทืบให้แบนติดดิน พอพ่อตาย เลยได้โอกาสกระทืบจริงๆ อ้ที่ลูกน้องของผมทำอะไรต่อมิอะไรไว้เป็นความผิดผมทั้งหมด เลยเข้าไปเสวยตะรางอยู่เกือบปี”
       “คุณคงเสียใจ”

         “เปล่า ผมปลงตกตั้งแต่อยู่ในคุกแล้ว ผมเกิดมาสู้ไม่ใช่เกิดมาหนี ผมสู้ชีวิตตามวิถีทางของผม แต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยแคร์สังคม ถึงเดี๋ยวนี้ผมก็ไม่แคร์ ไอ้ที่ขึ้นไปอยู่บนเขาไม่ใช่เพราะหนีหน้าสังคม แต่เพราะผมเกลียดพวกหน้าไหว้หลังหลอกกับพวกตอแหลจับใจต่างหาก!”
              +++++++++++++++++++++++++
           สิ่งนี้เอง ที่ดึงดูดให้ภวานี และ นักสิทธิ์ เห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของแต่ละฝ่าย และร่วมมือกันลุกขึ้นต่อสู้กับอยุติธรรม ที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้ และเพื่อช่วยเหลือหาความรับผิดชอบให้กับงามชื่น ที่กำลังตั้งท้อง แม้ว่าจะถูกต่อต้านจากทุกคน รวมถึงครอบครัวของคุณนายเพ็ญแข กับรัศมีจันทรา ที่ต้องการทำลายหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ภวานี เก็บเอาไว้ ในเวลาขึ้นศาล

           รัศมีจันทรา ถึงกับเข้าไปถามภวานี อย่างไม่เกรงใจ ว่าทำไมหล่อนต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว ช่วยเหลือเข้าข้าง ผู้หญิงชั้นต่ำ อย่าง งามพิศ และประจานบิดาของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว จึงได้คำตอบว่า

         “ความภูมิใจยังไงล่ะที่ครูได้รับ ภูมิใจที่ได้รักษาความเป็นมนุษย์ไว้ โดยไม่ปิดหูปิดตาละทิ้งมนุษย์ด้วยกัน ไม่วาจะเป็นมนุษย์ใหญ่โตขนาดคุณพ่อของเธอ หรือมนุษย์ที่ใครๆ ดูถูกกันว่าเป็นเศษสังคมอย่างงามพิศ... ไม่ว่าที่ไหนๆ ต่างก็เรียกร้องหาความเสมอภาค ความยุติธรรม ในความเป็นมนุษย์เท่าเที่ยมกัน แต่แล้ว ก็อดสร้างสังคมกีดกันแบ่งแยกไม่ได้ ไม่ว่าในทางใดก็ทางหนึ่ง สำหรับครู... จะเป็นพ่อของเธอ หรือข้าราชการตำแหน่งไหน หรือผู้หญิงอย่างงามพิศ ค่าของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกันทั้งนั้น”
          เพราะ
       การกระทำผิดมนุษยธรรมบางอย่าง ไม่มีตัวบทกฎหมายจะลงโทษ มิหนำซ้ำสังคมยังเข้าข้างผู้กระทำผิดเสียอีก แล้วผุ้ถูกกระทำจะไปร้องขอความยุติธรรมจากใคร?
         ใครเล่าจะให้ความยุติธรรมแก่เขาได้ นอกจากอาศัยน้ำมือของตัวเองแก้แค้นหาความยุติธรรมเอาเอง!


          และมันทำให้หล่อนได้เห็นเนื้อแท้ของหลายๆ คน ในเวลาที่เกิดความขัดแย้งเช่นนี้ขึ้น

      “สันดาน”แท้จริงของบุคคลนั้นอาจจะซุกซ่อน อาจจะฉาบเคลือบเอาไว้ด้วยมารยาท หรือด้วยความจำเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เมื่อใดที่บุคคลนั้นถูกครอบงำด้วย โลภะ โทสะหรือโมหะ สันดานอันแท้จริงของเขาก็จักปรากฏขึ้น โดยหารู้สึกตัวของตัวเองไม่

           ขณะที่ ครูระตีเอง เริ่มเข้าใจภวานี เมื่อมองข้ามเปลือกนอกของบุคลิก ท่วงทีและวาจาของหล่อนเข้าไป จนเห็นถึงความตั้งใจ และเจตนาดี โดยเฉพาะเมื่อตัวหล่อนเอง ก็ถูกกลั่นแกล้ง โดยบัตรสนเท่ห์ ถึงความสัมพันธ์กับท่านผู้ว่า ซึ่งเคยเป็นอดีตคนรักในสมัยวัยเรียนมาก่อนเช่นกัน

           “เดี๋ยวนี้เขายังนึกถึงความละอายใจกับมโนธรรมอยู่อีกรึครับ พี่ระตี? ให้ตายเถอะ มโนธรรมในขณะที่มนุษย์ฆ่าฟันกันตายทุกวันเพราะเหตุผลบ้าๆ ของแต่ละฝ่าย ความละอายใจในขณะที่ความโลภและเงินมีอำนาจสุดยอด ในขณะที่ใครๆ ยอมแลกทุกอย่างแม้แต่เกียรติยศ เพื่อกอบโกยเงินสุมกบาล ไม่ใช่เพียงแต่เพื่อดำรงชีวิต มโนธรรมกับความละอายแก่ใจเดี๋ยวนี้น่ะ สำหรับให้เด็กนักเรียนเล็กๆ แกท่องอยู่ในโรงเรียนเท่านั้นเองแหละขอรับ คุณพี่ระตี!”
            +++++++++++++++++++++++++
              บทสรุปของ เหตุการณ์ในเมืองแก้ว แม้จะไม่ลงเอยอย่างสวยงาม ปิดฉากสมบูรณ์เหมือนกับเทพนิยายพาฝัน ที่ผู้ร้ายหรือคนชั่วต้องพ่ายแพ้ความดีไปตามระเบียบ แต่ก็ยังมีความหวังให้กับผู้อ่าน ว่าอย่างน้อยที่สุด เมืองแก้ว รัตนบุรี แห่งนี้ยังมีคนที่กล้าหาญ ลุกขึ้นต่อสู้กับความอยุติธรรม โดยไม่พรั่นเกรง เมืองแก้วยังมีคนอย่าง นักสิทธิ์ และภวานี หลงเหลืออยู่
ม้ว่าอาจจะเหลืออยู่น้อยเต็มที ก็ตาม...

        “ดิฉันไม่ได้แอนตี้คนร่ำรวย ที่เขาร่ำรวยโดยการหากินอย่างสุจริต และซื่อตรงด้วยน้ำพักน้ำแรง ดิฉันแอนตี้เฉพาะคนที่รวยเพราะทุจริต คิดมิชอบ รอยเพราะความเจ้าเล่ห์และเห็นแก่ตัว รวยเพราะอาศัยตำแหน่งหน้าที่ในฐานะเป็นลูกจ้างราษฎร โกงผลประโยชน์ของผุ้จ้างต่างหาก แต่อย่าพูดเรื่องนี้เลย ประเดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่า เป็นนักการเมืองนอกสภา...”


หมายเหตุ
ปัจจุบัน นวนิยายเรื่องนี้ ได้นำมาจัดพิมพ์ใหม่โดยสำนักพิมพ์แสงดาว สำหรับเพื่อนนักอ่านที่สนใจลองติดต่อสอบถามได้ครับ




Create Date : 29 มีนาคม 2567
Last Update : 29 มีนาคม 2567 8:40:22 น. 0 comments
Counter : 269 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณnewyorknurse


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สามปอยหลวง
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




ฉันติดคุก ครั้งนี้ ชั่วชีวิต เพราะทำผิด คิดรัก ตัวอักษร ถูกคุมขัง ตั้งแต่เช้า จนเข้านอน ขอวิงวอน โปรดอย่า มาประกัน

คุกหนังสือ คือโซ่ทอง ที่คล้องล่าม คุกหนังสือ คือความงาม ในความฝัน คุกหนังสือ คือดนตรี กล่อมชีวัน คุกหนังสือ คือสวรรค์ ฉันรักเธอ

จาก คุกหนังสือ : แคน สังคีต

New Comments
Friends' blogs
[Add สามปอยหลวง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.