|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
กะเรกะร่อน
 เมื่อปลายเดือนเมษายน เริ่มมีพายุฝนเข้าแล้วหลายวันต่อเรื่องกัน แต่ตามปกติหน้าแล้งฝนไม่เคยทิ้งช่วงนาน ผู้เขียนมายืนอยู่ใต้ต้นมะม่วงที่บ้าน สังเกตว่าดอกไม้ผลไม้บ้านเรานั้นเริ่มไม่ออกดอกออกผลตามฤดูกาล เพราะอุณหภูมิของโลกเปลี่ยนแปลง ฤดูหนาวก็หดสั้นส่วนฤดูร้อนก็เริ่มยาวนาน ฝนที่ควรจะตกบ้างตั้งแต่ต้นเมษายนก็มาช้ากว่าปีก่อน

ฉันกำลังยืนดูพุ่มกล้วยไม้ที่เลี้ยงเกาะไว้ที่ต้นมะม่วงค่ะ กล้วยไม้นี้เราเรียกกันแบบบ้าน ๆ ว่า "กะเรกะร่อน" ชื่อแปลกดีนะ เป็นเอื้องป่าชนิดนึงที่มีใบเดี่ยวยาวเป็นพุ่ม ตัวลำต้นเป็นกอเหมือนหัวมันอะไรสักอย่าง ออกดอกช่วงประมาณมีนาคม - พฤษภาคม ที่ผู้เขียนสังเกตความผิดปกติ คือมันควรออกดอกนานแล้ว แต่ก็เพิ่งจะมาเริ่มออกช่อดอกปลายเดือนเมษายน
 มาทำความรู้จักกับกล้วยไม้ชนิดนี้กันหน่อยค่ะ กะเรกะร่อน เป็นกล้วยไม้ วงศ์ Orchidaceae สกุล ซิมบีเดียม (Cymbidium) ขึ้นได้ทั้งในพื้นที่อุณหภูมิต่ำ บนยอดดอย จนถึงอุณหภูมิสูง พบได้ในหลาย ๆ ประเทศ เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน ไทย อินโดนีเชีย ไล่ลงไปจนถึงออสเตรเลีย ในไทยพบได้ทุกภาค เราสามารถหามาปลูกได้ที่บ้าน เพราะกล้วยไม้ชนิดนี้ทนอากาศร้อนได้ดี นำมาเลี้ยงไว้ในกระถาง จนลำกอมันใหญ่ก็แยกกอนำไปเกาะไว้กับต้นไม้ใหญ่ ๆ รากจะทำการยึดเกาะกับลำต้นของต้นไม้ ดูแลง่าย แค่มีแสงแดดรำไร การรดน้ำก็ตามปกติ แทบไม่ต้องใส่ปุ๋ยอะไรเลยมันก็ออกดอกให้ชื่นชมเป็นประจำทุกปี
กะเรกะร่อนมีหลายชนิดค่ะ พบในไทยถึง 18 ชนิด ที่บ้านผู้เขียนตามรูปคือ เอื้องกะเรกะร่อน ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Cymbidium Aloifolium ออกดอกในช่วงมีนาคมเป็นต้นไป ดอกบานครั้งนึงก็อยู่ทนไปนานกว่า 10 สัปดาห์ ดอกแทงออกจากตัวลำต้นเป็นพวง ช่อนึงมีหลายดอกถึง 20 กว่าดอก แต่ละช่อมีความยาวมากถึง 30 -50 เซ็นติเมตร ลักษณะดอกมีขนาดเล็กประมาณ 3 เซ็นติเมตร มีกลีบดอกขนาดสั้นสีออกแดงปนน้ำตาล มีขอบขาว กลีบเลี้ยงสามกลีบ ส่วนเกสรตัวผู้มีสีออกเหลือง ๆ ดอกกะเรกะร่อนมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ถ้ากอของกะเรกะร่อนเป็นกอใหญ่ แทงช่อดอกออกพร้อม ๆ กัน จะส่งกลิ่นหอมเย็น ๆ เชียวค่ะ หลังจากดอกเหี่ยวแห้งไป ถ้าได้รับการผสมของเกสรตัวเมียและตัวผู้ก็จะติดลูกเป็นกระเปาะขนาดเท่ากำปั้น
การขยายพันธุ์ของกล้วยไม้ชนิดนี้ทำได้สองแบบค่ะ คือการผสมเกสรด้วยมือเรานี่แหละ และนำไปเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในขวด วิธีการนี้ค่อนข้างยุ่งยาก ต้องหาผู้ที่เชี่ยวชาญทำ ส่วนแบบที่สองก็ทำได้ง่าย ๆ คือ แยกตัวกอลำต้นด้วยมีด แล้วก็เอาไปแปะไว้ลำต้นของต้นไม้ต้นอื่น มัดด้วยลวดให้รากของกล้วยไม้เขายึดเกาะไว้ แยกไปได้เยอะหลาย ๆ กอ ต้นไม้ก็จะเหมือนเป็นป่าดิบชื้นขนาดย่อม ปล่อยออกซิเจนทำให้อากาศในบริเวณบ้านสดชื่น แถมยังร่มรื่นอีกด้วยค่ะ
 กะเรกะร่อนหาซื้อง่ายตามตลาดต้นไม้ทั่ว ๆไป ไม่ใช่กล้วยไม้ป่าที่หวงห้ามแต่อย่างใด ราคาไม่แพง ขายตามออนไลน์ราคากระถางละประมาณร้อยกว่าบาทเองค่ะ เหมาะสำหรับคนที่อยากเลี้ยงกล้วยไม้ที่ดูแลไม่ยาก แต่ให้ดอกสม่ำเสมอทุกปี
Create Date : 19 มิถุนายน 2563 |
|
8 comments |
Last Update : 19 มิถุนายน 2563 11:01:02 น. |
Counter : 11468 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: หอมกร 23 มิถุนายน 2563 10:55:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: Mariomab IP: 190.2.133.230 12 มิถุนายน 2564 3:19:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: BennieRar IP: 190.2.130.167 11 พฤศจิกายน 2564 4:50:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: Louisunalo IP: 89.38.97.125 10 ธันวาคม 2564 7:56:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: DJCharlesSyday IP: 46.166.182.65 7 กุมภาพันธ์ 2565 1:18:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: Derrickelido IP: 89.39.106.222 18 มกราคม 2566 8:02:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: EdwardLeape IP: 37.46.113.250 29 พฤศจิกายน 2566 19:09:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: Jamesdob IP: 79.137.89.102 20 ธันวาคม 2567 5:59:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|