https://kaoim.bloggang.com
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
8 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
จะผิดจะถูก ก็เป็นครูบาอาจารย์

สมัยพระพุทธเจ้าออกผนวชเป็นนักบวชใหม่ๆ ทรงหาหนทางดับทุกข์ ไปเรียนรู้กับดาบสทั้งสอง ได้ฌานสมาบัติ เข้าออก จนชำนาญ แต่ก็ไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ เมื่อทรงรู้ว่าไม่ใช่ทาง ท่านจึงได้ลาจากอาจารย์ ไปหาหนทางเบื้องหน้า

เมื่อพระพุทธองค์ ได้ค้นพบอริยสัจ 4 บรรลุธรรม ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ทรงนึกถึง อุทกดาบส และอาฬารดาบส อาจารย์ทั้งสองที่ได้เคยสอนมา แต่ก็พบว่าอาจารย์ทั้งสองได้สิ้นอายุขัยไปแล้ว

นักปฏิบัติพิจารณาให้ดี...

ที่ถกเถียงกันในปัจจุบัน พระองค์นั้นสอนไม่ถูกบ้าง สอนไม่ตรงจริตบ้าง ไม่ชอบก็ด่า ไม่ถูกก็ว่า.. ยังไม่รู้เลยว่าจริงไม่จริง แล้วก็พาลปรามาสครูบาอจารย์ บาปกรรมแท้ๆ

พระพุทธเจ้าท่านเคยปรามาส อาจารย์ดาบสทั้งสองหรือไม่ ทั้งๆ ที่ทรงพบว่า ดาบสสอนไปไม่ถึงทางพ้นทุกข์ มีแต่เมตตากรุณาอยากจะกลับไปโปรด

สัตบุรุษไม่ควรแม้แต่ลำเลิกบุญคุณคน หรือดูถูกครูบาอาจารย์ ผู้ใดทำก็เช่นนั้นก็เท่ากับไม่หาความเจริญ

ใครสอนไม่ถูกทาง ไม่ตรงทาง เราก็หาทางใหม่ เฉยๆ แล้วก็หาทางของเรา

การเยาะเย้ย ถากถางผู้อื่น ผู้ด้อยกว่า ยังไงก็ไม่สง่างาม ไม่สวยงาม

ครูบาอาจารย์หลายท่านที่เก้าเจอมา รู้ว่าท่านสอนเราไม่ได้หมด ถามไปท่านก็ตอบไม่ได้ เผลอๆ ก็รู้ได้ด้วยตนเองว่า ไม่ใช่แล้ว... แต่ก็ไม่ได้ไปด่า ไปโพทนาว่า ท่านไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ อย่างน้อย ในส่วนนึงท่านก็เป็นครูบาอาจารย์ที่ได้เคยสอนเรามา เราจะชอบหรือไม่ชอบก็ควรจะวาง ไม่ชอบก็เลี่ยงออกมา หาหนทางของเราเอง

ฝากไว้ให้คิดกัน


Create Date : 08 กันยายน 2553
Last Update : 8 กันยายน 2553 10:09:07 น. 6 comments
Counter : 1393 Pageviews.

 
กตัญญูกตเวที เป็นธรรมะ ที่ไม่ใช่ว่าจะมีกันได้ทุกคน

หากไม่ได้สะสมเหตุปัจจัยมา ก็ไม่ทำให้บุคคลนั้นรู้คุณผู้

อุปการะได้

ธรรมทั้งปวงก็เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างการทำทาน

บางคนทำง่ายแสนง่าย แต่บางคนนั้นทำได้ยากมาก

ก็เพราะไม่ได้สะสมเหตุปัจจัยของการทำทานมา

อนุโมทนาด้วยครับ



โดย: palmgang IP: 119.42.72.39 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:11:13:49 น.  

 
อนุโมทนาบุญด้วยคนคะ

ปกติจะทานมังสวิรัติทุกวันพุธ(วันเกิดตัวเอง) และวันพระคะ

มีความสุขกับทุกๆ วันนะคะ


โดย: เช้าวันใหม่กับใจดวงเดิม วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:12:05:06 น.  

 
เห็นด้วยมากๆค่ะ จะผิดจะถูก ก็เป็นครูบาอาจารย์...
เรามีความรู้สึกว่า เออ ทำไมตัวเราไม่หาครูบาอาจารย์ที่ใช่ ถูกจริตกับเรา กลับมาตำหนิว่ากล่าวผู้อื่น ทำไมเราไม่มุ่งปฎิบัติให้มาก ดูกาย ดูจิตตัวเอง กลับไปดูจิตดูกายผู้อื่น...ถึงได้เป็นปัญหาไม่รู้จบ
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ


โดย: เพื่อนธรรม IP: 182.52.54.39 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:22:02:06 น.  

 
ขอเสนอแนวคิดด้วยคนครับ

เมื่อเราพึ่งเริ่มต้น เราก็นับถือคนอื่นที่รู้มากกว่าเราเป็นครูบาอาจารย์อันมีบุญคุณ ต่อมาเมื่อเรามองออกแล้วว่า เรามาอยู่ระดับเดียวกันหรือไปไกลกว่าเค้าแล้ว เราควรใช้วิธีถีบหัวส่งเช่นที่ว่า ถึงฝั่งให้ทำลายเรือหรือ

เค้ายังมีประโยชน์ต่อบุคคลที่มีความรู้น้อยกว่าเค้า ตัวผมเองค่อนข้างแน่ใจแล้วว่ามาเกินระดับอาจารย์ตนเอง แต่โดยส่วนตัวแล้วผมระลึกเสมอว่า จะทำอย่างไรเพื่อสอนเค้าให้ได้ เหมือนที่เค้าเคยเมตตาสอนเราได้ ถ้าหากเค้ามีทิฐิว่าตนเป็นอาจารย์มาก่อน นั่นย่อมชี้ให้เค้าเห็นจุดอ่อนเองว่า อาจารย์ยังไม่พ้นทิฐิมานะ

ผมมั่นใจว่าศิษย์อาจารย์ที่แท้จริง จะต้องฟังกันเพราะครูจะรู้ทางศิษย์ และศิษย์ย่อมรู้ทางครู ปัญหาที่เกิดตอนนี้เพราะว่า มันไม่มีความสัมพันธ์แบบศิษย์และอาจารย์ที่แท้จริง เป็นเพียงการอ้างตนเป็นศิษย์คนนั้นคนนี้ และเทิดทูนอาจารย์มากเกินไป จนลืมไปว่า อาจารย์ก็ไม่ต่างจากเรา เค้าสอนได้เท่าที่รู้ รู้เท่าไหนก็สอนได้เท่านั้น ถ้าคุณรู้ดีกว่าครู คุณต้องสอนเค้า

ความเห็นส่วนตัวครับ


โดย: ก็อก ก็อก IP: 180.180.140.54 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:10:33:28 น.  

 
ตอบคุณ ก๊อก ก๊อก..

สอนไม่ได้ค่ะ และไม่ควร ถ้าหากว่า ฐานะของลูกศิษย์กับอาจารย์นั้นอยู่ต่างกัน

กรณีอาจารย์เป็นเพียงคุณครูท่านนึง (ปุถุชน ธรรมดา) วันใดวันนึงลูกศิษย์ เติบโตเล่าเรียน มีความรู้ที่มากกว่า อาจไปสนทนากันได้ แต่ไม่ใช่สอน ดังเช่นเราเห็นๆ กันทั่วไป อันนี้เรามองในแง่ทางโลก ลูกศิษย์เก่งขั้นดอกเตอร์จะกลับไปช่วยอาจารย์ในโรงเรียนสอน และแก้ไขคำสอนเก่าๆ ก็ไม่แปลก

ในแง่ทางธรรม หากอาจารย์เป็นพระ เป็นครูบาอาจารย์ระดับพระครู ระดับเจ้าคุณ ลูกศิษย์อย่างเก้าทำได้แต่ถอยฉากออกมา กราบลา แต่ไม่คิดเนรคุณอาจารย์

อยากจะเตือนว่า บางสิ่งบางอย่าง คุณอาจไม่รู้จริง การพลั้งเผลอกล่าวหาครูบาอาจารย์ว่า ทำไม่ถูก จริงๆ อาจไม่เป็นเช่นนั้น

ขอเล่าให้ฟังถึงการทดสอบของครูบาอาจารย์นะคะ

ครั้งนึง เก้าอยากมากเลย อยากไปกราบหลวงพ่อทูล ขิปปัญโญ ให้ถึงตัวเลย ได้ดั้นด้นไปกราบท่านที่กุฏิวัดมงกุฏฯ ท่านนั่งโดยไม่สำรวม จริงๆ ท่านก็ทดสอบจิตเรานั่นแหละ ว่าจะรู้สึกอย่างไร เราก็สนทนาธรรมกับท่าน ท่านก็นั่งแบบนั้นแหละ ยกขาขึ้นมาสองข้างบนเบาะที่นั่ง เอนหลังกับเก้าอี้ ซึ่งแบบนี้ผิดวินัยแน่ๆ

ผลคือ พบกันครั้งแรกเลย รู้สึกตำหนิครูบาอาจารย์ ละอายมากเลยนะเนี่ย...

และเท่าที่ทราบมา หลวงพ่อทูลท่านถูกตำหนิวิธีการสอน ที่ไม่เหมือนใคร ผ่าเหล่าทีเดียวจากสายหลวงปู่มั่น คือเน้นการพิจารณาธรรมลูกเดียว ไม่เน้นเจโตวิมุตติ แม้แต่หลวงตามหาบัวยังตำหนิท่านอย่างรุนแรง (มีโยมที่สนิทกัน มีเทปที่หลวงตาถึงกับต่อว่า หลวงพ่อทูล)

แต่สุดท้ายคือ เราก็เคารพธรรมะของท่านมาก ได้ไปกราบท่านอีกหลายหนที่วัด จนกระทั่งท่านมรณภาพ แล้วกระดูกท่านก็เป็นพระธาตุเสียด้วย




โดย: kaoim (kaoim ) วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:13:18:55 น.  

 
อุเบกขา


โดย: ทิดโต้ง IP: 27.130.77.192 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:20:56:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kaoim
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]








Friends' blogs
[Add kaoim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.