https://kaoim.bloggang.com
Group Blog
 
 
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
17 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
ความสุขอยู่ที่ไหน?

เคยไหมคะ  ในชีวิตของเราเคยถามตัวเองว่า อะไรมันคือความสุข  ความสุขที่สุดของชีวิตเรามันอยู่ตรงไหน? 



จริงหรือเปล่าที่ใครต่อใครบอกเราตั้งแต่เด็กๆว่า  มีเพื่อนชั้นมัธยมมากนั่นแหละมีความสุข  ได้เข้าเรียนต่อ สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ นี่แหละมีความสุข   เรียนจบปริญญาตรีมีความสุข   ถ้าได้ทำงานดีดี มีเงินเดือนสูงๆ นั่นแหละความสุข นั่นยังไม่ใช่   ต้องทำงานเก็บเงินสิ เจอคนดีๆ มีฐานะร่ำรวย  แต่งงานมีลูก มีบ้านสวยๆ นั่นแหละความสุขแล้ว  ยังสิ ต้องรอให้ลูกเรียน ลูกทำงาน ลูกแต่งงาน ลูกมีฐานะดีดี  เราจึงจะมีความสุข..  นี่เราผลักความสุขออกไปเรื่อยๆ หรือควานหาความสุขมันอยู่ที่ไหนกันแน่?

แล้วอะไรคือความสุขล่ะ...  อะไรคือความหมายของความสุข  แล้วเราจะหาที่ไหน?

เราเคยไปเที่ยวตามต่างจังหวัดที่แสนจะชนบท ล้าหลัง ห่างไกลกับความเจริญไหมคะ  มีแต่ธรรมชาติ  มีชาวบ้านชาวนา ชาวไร่ปลูกข้าว ทำไร่ ขายของริมทาง หรือบางทีแค่ขับรถผ่าน  เขาก็ส่งยิ้มมาให้  

และหลายต่อหลายครั้งที่คนเมืองกรุงออกไปเที่ยวต่างจังหวัด  แล้วก็มาแชร์ความเห็น ถ่ายภาพสวยๆ แล้วก็คุยกัน  ถ้าฉันได้มีบ้านอยู่ตรงนี้  ได้อยู่ในสถานที่แบบนี้  สูดอากาศดีๆ เห็นภูเขาสวยๆ แบบนี้ทุกวัน ฉันคงมีความสุข... นี่เราแสวงหาความสุขอีกแล้วหรือ?

เราหาแต่ความสุขแต่ไม่เคยรู้จักว่าทุกข์คืออะไร    ความสุขที่เราคอยมองหา แสวงหามาตลอดทั้งชีวิต นั่นคือความทุกข์ ถ้าเราไม่สามารถกำจัดทุกข์ตรงนี้ เราจะไปหาความสุขได้ที่ไหน     ความทุกข์ที่เราพูดถึงมันคือความทุกข์ล้วนๆ ที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ  มันเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้หนีไปไหนไกลจากตัวเราเลยสักนิด   ตัวเรากายเรา จิตใจของเรา ความคิดของเรา นี่เองที่เป็นตัวทุกข์  เราคือตัวทุกข์  แบกกองทุกข์ไปไหนมาไหนอยู่ตลอดเวลา  แต่เราไม่เคยรู้เลยสักนิด

แล้วคำตอบว่าความสุขเกิดที่ไหนล่ะคะ  จริงๆ แล้วมันเกิดอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง  มีประโยคในเพลงธรรมะของหมู่บ้านพลัม เพลงนี้เพราะมากๆค่ะ  ในเนื้อเพลงขึ้นต้นว่า  "Happiness is here and now.." ถ้าจิตใจเรารู้จักความสงบ รู้จักความจริงของธรรมชาติของจิตที่เดิมมีแต่ความใสสะอาด  แต่ต้องขุ่นมัวเพราะเนื่องจากความคิด ความปรุงแต่ง การกระทบทั้งทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ เราจึงเผลอไผลไปกับสิ่งที่ยั่วยุ  มัวแต่แสวงหาจากการความคิด ความฝัน   วันทั้งวันเราเอาแต่จมอยู่กับความคิด คิดเรื่องโน้นเรื่องนี้เต็มหัวสมองตั้งแต่ตื่นจนหลับ  แม้แต่หลับก็ยังฝัน บางทีก็เก็บเอาเรื่องที่คิดไปฝัน  ไม่ว่าจะคิดเรื่องดีๆ เรื่องสวยหรู จินตภาพไปต่างๆนานา  หรือคิดในเรื่องที่ไม่ดี คิดโกรธแค้น หมกมุ่นในสิ่งที่ทำให้ใจเราต้องเศร้าหมอง เราลืมไปว่า นี่แหละมันเป็นความทุกข์ 

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เรารู้จักสติ ให้รู้จักว่าอะไรคือทุกข์ เราอะไรคือเหตุแห่งทุกข์ รู้จักกระบวนการกำจัดทุกข์ เพื่อให้เราได้ความสุข  ครูบาอาจารย์หลายองค์ หลายท่านได้พร่ำสอนว่าให้เรารู้จักเจริญสติให้มาก  รู้สึกตัวให้มาก  กลับมาเรียนรู้กาย เรียนรู้ใจ  ถ้าเรามีสติ  รู้สึกตัวตื่นขึ้นจากความคิด  ตื่นขึ้นจากความฝัน  เราจะค้นพบว่า ปัจจุบันที่เราได้อยู่กับตัวเอง ไม่ได้ดิ้นรนไขว่คว้าไปตามความอยากนั่นแหละคือความสุขง่ายๆ ที่หาได้ในตัวเรา  เพราะวันนึงๆ เราสูญเสียเวลาแห่งความสุขไปกับการเพลิดเพลิน หรือจมดิ่งขุ่นมัว ลืมเนื้อลืมตัว  ความสุขหรือความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจเราก็ไม่รู้ทันสักที  กว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างว่า นี่ฉันกำลังหลงไปเพลินไป ก็หมดไปเป็นวันๆ  แล้วเราก็เรียกร้องหาความสุขอยู่ร่ำไป

มองหาความสุขทางโลกๆแล้ว หันมามองหาความสุขที่แท้จริงตามความเป็นจริงของธรรมชาติของตัวเรากันเถอะค่ะ  เริ่มต้นง่ายๆ กับหัดทำสมาธิ หัดทำความสงบบ้างวันละเล็กละน้อย  เช่นก่อนนอน หรือตื่นนอนสัก 2-5 นาที หรือสงบจิตใจด้วยการสวดมนต์ก็เป็นการทำสมาธิง่ายๆ   จากนั้นหัดมาเรียนรู้กายใจด้วยการเจริญสติตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ที่เราศรัทธา เช่น เจริญสติด้วยการดูลมหายใจเข้าออก ด้วยการเคลื่อนไหวของร่างกาย กำหนดนึกคำพุทโธในใจ ดูท้องที่พองที่ยุบ  หรือจะหัดสังเกตจิตใจของเราว่ามันเป็นยังไงในชีวิตที่ดำเนินไปในระหว่างวัน อะไรเกิดขึ้น อะไรตั้งอยู่ อะไรดับไป  เราจะค่อยๆ มีความสุขขึ้นทีละเล็กละน้อย  นี่แหละความสุขที่หาได้ง่าย ไม่ต้องไปค้นหา ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องไปไกลถึงต่างจังหวัด ต่างประเทศ  แต่เป็นความสุขที่เกิดขึ้นในใจของเรา

เราเป็นสุขอยู่ในปัจจุบัน
เราได้ปล่อยวางความกังวล
ไม่ไปที่ไหน
ไม่มีงานใด
เราจึงไม่ต้องรีบเร่ง
เราเป็นสุขอยู่ในปัจจุบัน
เราได้ปล่อยวางความกังวล
ต้องไปที่ไหน
จะมีงานใด แต่เราก็ไม่ต้องรีบเร่ง

Happiness is here and now
Happiness is here and now
I have dropped my worries
Nowhere to go
Nothing to do
No longer in a hurry
Happiness is here and now
I have dropped my worries
Somewhere to go
Something to do
But not in a hurry.

Song of the Plum Village: Thich Nhat Hanh



=================================================

Note:.... 

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ Bloggang  เก้าอิมกลับมาเขียนบล๊อคอีกครั้งค่ะ หลังจากห่างหายไปทำภาระกิจส่วนตั๊วส่วนตัว  เพื่อค้นหาตัวตนว่าจริงๆ เก้าอยากทำอะไรนอกเหนือจากงานที่ทำ

เก้าเลยกลับมานั่งเขียนบล็อคอีกที  รู้สึกขัดเขินอยู่เหมือนกัน  เพราะห่างแป้นพิมพ์มานานมากกก  เอาแต่กดเฟสบุคทั้งวันโดยที่ไม่ได้อะไรสักเท่าไหร่  ไม่ดีเลยนะเฟสบุคเนี่ย..

เลยขอความเห็นจากคนที่เคยอ่านบล็อคของเก้าอิมว่า  เก้าสมควรเขียนบล็อคต่อดีมั๊ยคะเนี่ย  ฮ่าๆๆ  เขียนไดอารี่อะไรๆ เรื่องเล่ามาก็เยอะ  อยากจะลงมือเขียนนิยายกับเค้ามั่งจะมีคนอ่านบ้างไหม  ใครจะรออ่านบ้าง..

นี่แอบโยนหินถามทางนะคะ..






Create Date : 17 มีนาคม 2557
Last Update : 17 มีนาคม 2557 13:59:40 น. 0 comments
Counter : 1061 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kaoim
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]








Friends' blogs
[Add kaoim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.