น้ำท่วมคราวนี้ เรามาใช้เป็นโอกาสในการสอนสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้กับเด็กกันดีไหม เจนคิดว่าเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก เจนเองก็รู้สึกเศร้าเสียใจและเห็นใจคนเหล่านั้นเป็นอย่างยิ่ง (และในขณะที่เขียนนี้ก็คิดว่าคงอีกไม่นานเจนก็คงไม่พ้นเป็นหนึ่งในนั้นแน่) อย่างไรก็ตามเจนคิดว่าเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้น่าจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นโอกาสในการสอนเด็กได้มากมายหลายอย่าง ไม่ว่าที่บ้านจะโดนน้ำท่วมหรือไม่ก็ตาม ยกตัวอย่าง เช่น == สอนให้เด็กมีความรู้ด้านภูมิศาสตร์และวิทยาศาสตร์ == เท่าที่ฟังจากที่ลูกเจนเองคุยกับเพื่อนๆมา(เด็กมัธยม) ต้องบอกว่าเด็กหลายคนไม่รู้จักเขตสายไหม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากรุงเทพมีเขตๆนี้ นวนคร ประตูน้ำพระอินทร์ คลองหกวา อยู่ตรงไหน บ้านที่อยู่มาตั้งแต่จำความได้เด็กหลายคนไม่รู้ว่าจัดเป็นกรุงเทพฝั่งตะวันตกหรือตะวันออก ระดับน้ำทะเลปานกลางคืออะไร มวลน้ำ 1200 ล้านลูกบาศก์เมตรใหญ่แค่ไหน เด็กไม่เข้าใจและนึกภาพไม่ออก เจนคิดว่าตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะสอนให้เด็กมีความรู้ในสิ่งที่กล่าวมา เพราะในเวลานี้เด็กหลายคนสนใจที่จะรู้ในสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นอย่างมาก ตัวเจนเองน้องอิ๊กก็มาถามเหมือนกัน เจนก็บอกลูกว่า "คุณแม่ก็อยากรู้เหมือนกัน แต่คุณแม่ยุ่งมากเลย หนูลองไปค้นคว้าหาข้อมูลดูสิลูก ถ้ารู้แล้วมาบอกคุณแม่ด้วยนะ" เพื่อที่เด็กจะได้มีความรู้เพิ่มมากขึ้นไม่ใช่แค่จำกัดในหนังสือเรียน นอกจากนั้นเมื่อเด็กมีความรู้และสามารถเผยแพร่ความรู้เหล่านี้ให้แก่คนอื่นได้เด็กก็จะเกิดความภาคภูมิใจและเห็นคุณค่าในตัวเองมากยิ่งขึ้น == สอนให้เด็กรู้รักษ์ธรรมชาติ == จริงๆต้องบอกว่าเรื่องนี้เด็กส่วนใหญ่มีจิตสำนึกมากกว่าผู้ใหญ่ แต่เด็กบางคนก็ไม่สนใจ "โลกร้อนก็เปิดแอร์สิ" "งดถุงพลาสติคช่วยให้ห้างรวยไม่ได้ช่วยสิ่งแวดล้อม" "อนุรักษ์ธรรมชาติเรื่องไกลตัว ไม่เห็นอยากจะสนใจ" บทเรียนจากน้ำท่วมครั้งนี้น่าจะพอเตือนให้เด็กๆหันกลับมาคิดได้ว่า สิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป การบริโภคทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ลืมหู ลืมตา โดยอ้างแค่ว่าฉันรวย ฉันมีเงิน ฉันจะบริโภคจะกินทิ้งกินขว้างมากแค่ไหนก็ได้ สุดท้ายเมื่อธรรมชาติทนไม่ไหว มนุษย์ก็ต้องรับสิ่งที่ตัวเองทำไว้ == สอนให้เด็กเห็นคุณค่าความสามัคคีและยอมรับความไม่ยุติธรรมของโลกนี้ == ครูที่โรงเรียนบ่นให้เจนฟังตลอดว่าถ้าให้เด็กทำรายงานกลุ่มเมื่อไหร่ก็จะมีเด็กมาบ่นมาฟ้องตลอดว่าเพื่อนคนนี้กินแรง คนนั้นไม่ทำงานส่วนที่ได้รับมอบหมาย อีกคนก็ทำมาผิดๆถูกๆ พอคะแนนออกมาก็ไม่พอใจบอกหนูทำตั้งเยอะ ทำส่วนที่ยาก ทำไมได้คะแนนเท่ากับคนอื่นละครู ความยุติธรรมนะมีไหม จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เจนตั้งใจจะใช้เรื่องนี้ไปสอนเด็กๆ บอกเด็กว่าหมู่บ้านของครูเขาเรียกเก็บเงินเพิ่มเอาไปทำกำแพงกระสอบทรายบางบ้านก็ไม่จ่ายบอกคิดว่าไม่ท่วมจะเสียตังค์ไปทำไม สุดท้ายคนอื่นๆก็ต้องมาจ่ายแทนบ้านเหล่านั้น ถามว่ายุติธรรมไหม ครูก็คิดว่าไม่ แต่ในเมื่อเรามีทางเลือกแค่จ่ายแทนบ้านเหล่านั้นเพื่อที่กำแพงอาจช่วยรักษาบ้านเราไว้ หรือคิดแต่ว่าในเมื่อบ้านเหล่านั้นไม่จ่ายก็ไม่ต้องไปทำมันแล้ว น้ำมาก็ปล่อยให้ท่วมๆไป ครูก็เจอเหมือนที่หนูบ่นนะแหละ หนูอาจทำงานหนักกว่าเพื่อน ทำแทนเพื่อน แต่สุดท้ายก็ได้คะแนนเท่ากัน แต่ถ้าตัวเลือกมีแค่หนูทำแทนเพื่อนเพื่อให้รายงานเสร็จ กับหนูไม่ทำแทนเพื่อนแล้วสุดท้ายรายงานไม่เสร็จได้คะแนนต่ำๆหนูจะเลือกแบบไหน ครูเองก็เป็นคนที่ยึดถือเรื่องความยุติธรรมมาโดยตลอดแต่บางครั้งเราก็ต้องทำใจยอมรับความไม่ยุติธรรมของโลกนี้เมื่อเราไม่สามารถควบคุมสิ่งเหล่านั้นได้และเราได้ทำมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว เรื่องความสามัคคีก็เหมือนกัน ความสามัคคีไม่ใช่แค่จับคนมารวมกันแล้วบังคับให้ทุกคนทำงานอย่างเดียวกันเท่าๆกันทั้งๆที่แต่ละคนมีศักยภาพในแต่ละด้านแตกต่างกัน แต่จริงแล้วความสามัคคีหมายถึงการเสียสละที่จะต้องรับภาระหรือลำบากกว่าคนอื่นหรือยอมโดนตำหนิเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ == สอนให้เด็กตั้งอยู่ในความไม่ประมาท == อันนี้บอกก่อนว่าไม่ได้มีเจตนาตำหนิหรือซ้ำเติมใคร แต่อย่างญาติเจนเองครอบครัวหนึ่งอยู่หมู่บ้านอย่างดีแถวบางบัวทองก่อนหน้านี้ก็มั่นใจว่ายังไงก็ไม่ท่วมแน่ๆ เพราะหมู่บ้านมีกำแพงสูงสามเมตร พอกำแพงแตกน้ำมาก็ได้แค่ย้ายรถไม่มีเวลาได้เก็บอะไร กลับไปอีกทีน้ำก็มิดคอไปแล้ว ส่วนอีกครอบครัวเตรียมตัวตั้งแต่ยังไม่มีใครสนใจ ตอนเก็บของวางกระสอบทรายก็มีแต่คนถามว่าทำอะไร ตอนนี้ก็ท่วมไปแล้วเหมือนกันแต่อย่างน้อยก็เสียหายน้อยที่สุดในหมู่บ้านเพราะได้เตรียมรับมือไว้ การตั้งอยู่ในความไม่ประมาทนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะว่าความแน่นอนที่สุดคือความไม่แน่นอน และโลกนี้ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์นอกจากความตาย ถ้านำมาเปรียบเทียบสอนเด็กก็อาจยกตัวอย่างจากเรื่องเล็กน้อย เช่น ลูกไม่แน่ใจว่าเรียนพละพรุ่งนี้ต้องเอาไม้แบดไปไหม ก็บอกลูกว่าถ้าหนูไม่แน่ใจเอาติดไปก่อนดีกว่าไหม เพราะถ้าไม่ได้ใช้หนูก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ถ้าต้องใช้แล้วไม่มี หนูก็อาจโดนหักคะแนน หรือโดนดุได้ == สอนให้เด็กรู้จักเสียสละ และคิดถึงคนอื่น == ตัวเจนเองก็อยากพาลูกไปเป็นจิตอาสา แต่เนื่องด้วยที่บ้านก็คงอีกไม่นาน คุณตาคุณยายก็หนีน้ำมาอยู่ด้วย และยังรับน้องหมาของญาติมาดูแลให้ เจนก็คงต้องเปลี่ยนเป็นช่วยเหลือด้วยวิธีอื่นแทน แต่เจนจะใช้โอกาสในครั้งนี้สอนให้ลูกรู้จักเสียสละ อย่างเวลาคุณตาคุณยายมาอยู่ด้วยหนูก็ต้องให้ห้องกับคุณตาคุณยาย หนูคงมีความสะดวกสบายน้อยลง มีความเป็นส่วนตัวน้อยลง แม่ก็คงมีเวลามาทำอะไรให้หนูน้อยลงแต่มีสิ่งที่ให้หนูช่วยทำมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นโอกาสดีที่หนูจะได้มีโอกาสใกล้ชิดได้ดูแลคุณตาคุณยาย และจากข่าวที่ผ่านสื่อต่างๆทั้งเรื่องจิตอาสา อาสาสมัคร ความร่วมแรงร่วมใจ ก็น่าจะใช้เป็นตัวอย่างที่ดีที่จะนำมาสอนให้เด็กมีจิตสำนึกสาธารณะ รู้จักแบ่งปันและมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นกว่าเก่า == สอนให้เด็กไตร่ตรองก่อนพูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไร และสอนให้ยอมรับสิ่งที่ตามมาถ้าเลือกที่จะพูดหรือทำ == ทุกวันนี้ถ้าใครอ่านกระทู้เกี่ยวกับน้ำท่วมก็จะเห็นได้ว่านอกจากรายงานสถานการณ์แล้วยังมีการถกเถียง โต้แย้งไปถึงด่าทอ เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน ตัวเจนเองก็จะใช้โอกาสนี้สอนลูกว่าก่อนพูดหรือแสดงความคิดเห็น เราเป็นนายของสิ่งเหล่านี้แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ออกไปแล้วมันจะกลับมาเป็นนายเรา การกล้าคิดกล้าแสดงออกเป็นสิ่งที่ดีแต่ทั้งนี้ก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นและยอมรับในผลที่จะตามมาด้วย หรือถ้าหนูมั่นใจว่าความคิดตัวเองถูกไม่จำเป็นต้องฟังหรือสนใจความรู้สึกใคร ถ้าหนูแสดงออกมันออกไป ถ้าจะมีคนไม่เห็นด้วยไปจนถึงด่าทอหนูก็ต้องยอมรับมัน เพราะคนทุกคนมีวิจารณญาณและมุมมองที่แตกต่างกัน และถ้าหนูเลือกที่จะแตะประเด็นที่อ่อนไหวอย่างพูดเรื่องการเมืองในเวทีสาธารณะ หนูก็ต้องทำใจว่าไม่ว่าหนูจะพยายามพูดให้เป็นกลางแค่ไหนหรือยืนยันว่าหนูมีเจตนาดีหรือไม่ได้อยู่ข้างใคร แต่อย่างไรหนูก็ไม่พ้นต้องถูกด่าหรือถูกตำหนิแน่ๆ == สอนให้เด็กรู้จักปล่อยวางและทำใจ == การปล่อยวางและทำใจไม่ใช่การอยู่เฉยๆโดยที่ไม่คิดทำอะไรให้ดีขึ้นแต่คือการยอมรับผลที่จะตามมาไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหนในเมื่อตัวเองได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้ว ตั้งแต่ดูแลเด็กมาต้องบอกว่ามีเด็กจำนวนมากที่เป็นเด็กดี เก่ง ขยัน ฉลาดแต่แพ้ไม่เป็น สอบได้ที่สองร้องไห้โกรธเกลียดคนได้ที่หนึ่งจะเป็นจะตาย ได้สามจุดเก้าไม่พอใจเรียกร้องให้ตรวจข้อสอบใหม่ในวิชาที่ตัวเองไม่ได้เอ เด็กกลุ่มนี้น่าเป็นห่วงไม่น้อยไปกว่าเด็กที่ไม่สนใจเรียนหรือเรียนๆเล่นๆไปวันๆเพราะเมื่อโตขึ้นเด็กจะทนต่อความผิดหวังหรือความพ่ายแพ้อะไรไม่ได้เลยหรือเลวร้ายกว่านั้นอาจเลือกแก้ปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเองเมื่อผิดหวังเสียใจ น้ำท่วมครั้งนี้เราสามารถสอนเด็กได้ว่าถ้าเราแพ้หรือเสียหายจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้หรือเราทำมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วเราก็ไม่ควรที่จะโทษตัวเองหรือหาว่าเป็นความผิดของใคร เราเก่งแค่ไหนแต่คนที่เก่งกว่าเราย่อมมี มนุษย์มีความก้าวหน้ามากแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์จะเอาชนะได้ทุกอย่างโดยเฉพาะธรรมชาติ เมื่อเด็กพบกับความสูญเสียในอนาคตไม่ว่าจะสูญเสียของที่รัก คนที่รักหรือผิดหวังไม่ว่าเรื่องอะไร บทเรียนจากความสูญเสียครั้งนี้จะสอนให้เด็กเข้มแข็งยอมรับทำใจได้ดีกว่าเก่าและเข้าใจสัจธรรมของโลกนี้มากยิ่งขึ้น เจน สวัสดีค่ะ ครูเจน
ช่วงนี้บ้าถักนิตติ้งเลยไม่ค่อยได้แตะคอมเลยค่ะ แหะ แหะ เข้ามาโหวต และมาหาด้วยความคิดถึง โดย: แม่โอ๋เรนเจอร์ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:48:36 น.
ผมไม่แน่ใจว่าสำหรับเด็กแล้ว
น้ำท่วมคือความสนุกสนานรึเปล่านะครับ แหะๆๆ ตอนที่น้ำท่วมเชียงใหม่ เด็กๆดูสนุก ส่วนผู้ใหญ่เครียดมากครับ 555 โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:7:33:35 น.
|
JanE & IK
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 44 คน [?] All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
คลายเครียดรับน้องน้ำจ๊ะ.....
*~*~*~*..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*
..HappY BrightDaY..