ไม่เหมือนเวลาจัดที่บริษัท ที่ต้องเข้าไปช่วยยุ่งเกี่ยววุ่นวายหลายเรื่อง
ครั้งนี้แค่เตรียมตัวกับเตรียมใจ แล้ว
จัดกระเป๋าเดินทางไป สำหรับทริปสั้นๆ 1 คืน ที่บางแสน
วันศุกร์ เป็นวันนัดหมายเดินทาง ออกเดินทางกันหลังจากกินมื้อเที่ยงแล้ว
มีคนไปร่วมงานได้เพียงแค่ 20 กว่าคน ไม่ใช่ทั้งหมด
เพราะต้องมีคนอยู่ทำงาน ...ก็เพราะแบบนี้แหละ เราจึงไม่เห็นด้วยกับการจัดงานนอกสถานที่ทำงาน
แต่เอาเถอะ ...ท่านอยากทำแบบนี้ ก็ตามใจท่าน เราก็ทำใจให้สนุกไปกับกิจกรรมละกัน
เราทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ด้วยการยกกล้องขึ้นเก็บภาพรายทาง
เหมือนเวลาที่เราไปออกทริปอื่นๆ นั่นแหละ
วันนั้น ฟ้าใส เลยทีเดียวก็ทำให้เราเพลินไปกับการถ่ายรูปได้ง่ายๆ
ถ่ายรูปไปพลาง ดูดีวีดีคอนเสิร์ตที่คนขับรถบัสเปิดให้ไปพลาง แล้วก็หลับไปพลางๆ
จนในที่สุดก็เข้าเขตบางแสนแล้ว ...ถึงจุดแรกที่จะแวะ ซะที
นั่นคือ จุดชมวิวบนเขาสามมุข
อันว่าเขาสามมุขนี้ เป็นเนินเขาไม่สูงนัก อยู่กึ่งกลางระหว่างบ้านอ่างศิลากับหาดบางแสน
บริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่เขาสามมุข และบนจุดชมวิวนี้ มีลิงป่าอาศัยอยู่มาก
เมื่อคนขับรถบัสนำรถเข้ามาจอดยังจุดให้จอดชมวิว
สาวๆ หนุ่มๆ ก็พากันลงไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เคล้ากลิ่นสาบลิง
บางคนก็ซื้อกล้วย ซื้อถั่ว ที่แม่ค้าเร่เข้ามาขายให้ แจกเป็นทานแก่เจ้าถิ่น
ทั้งลิงพ่อ ลิงแม่ ลิงลูก ไขว้คว้ากันสนุกไปเลย
เราไม่ค่อยสนใจลิงพวกนี้หรอก แต่มันกลับสนใจเราด้วยการกระโดดเกาะหลัง
ดีนะว่า มีเป้สะพายหลัง ไม่งั้นมันคงตะกายขึ้นหัว ...สะบัดตัวไปมานิดนึง มันก็กระโดดออกไปแล้ว
ไอ้พวกที่สงบเสงี่ยม นอนหาเห็บกันก็มี
เลิกวุ่นวายกับเจ้าลิงพวกนี้ หันมาสนใจกับวิวทิวทัศน์ตามสไตล์ที่เราถนัดดีกว่า
มองด้านนึงก็ย้อนแสง ได้ภาพซิลูเอทแบบที่ชอบ
มองไปอีกด้านนึง ก็เห็นหาดบางแสน
ดื่มด่ำกันอยู่ไม่นาน ก็ได้เวลาขึ้นรถ ...ลงจากเขามาแวะสักการะ ศาลเจ้าแม่เข้าสามมุข
มาถึงจุดนี้แล้ว ก็ต้องไหว้พระไหว้เจ้ากันบ้าง ...เข้าศาลเจ้าทีไร เรามึนกับการจุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกที
เพราะจุดเยอะมาก ไหว้ฟ้าดิน ไหว้เจ้าแม่ ไหว้เจ้าพ่อ ไหว้เซียน ไหว้เทพ ...ประดิษฐานกันไว้เยอะมาก
มัวแต่ไหว้ ก็เลยไม่ค่อยได้เก็บภาพที่นี่มากนัก ...แต่ไม่ลืมเก็บภาพเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่มาด้วย
ตามตำนานเล่าว่า ศาลเจ้าแม่เขาสามมุขนี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก
ระหว่าง "สาวมุก" กับ "หนุ่มแสน" ก็เลยมีเขาสามมุขกับหาดบางแสน
แต่เราค่อนข้างมั่นใจว่า ศาลเจ้าแห่งนี้ คือ ศาลเจ้าคุ้มครองผู้เดินทางทางทะเล
แบบเดียวกับ "ศาลเจ้าแม่ทับทิม" เพราะตำแหน่งที่ตั้งองค์เจ้าแม่ หันหน้าออกสู่ท้องทะเล
เปรียบประหนึ่งว่า องค์เจ้าแม่ทอดสายตาแลมอง ช่วยสอดส่องด้านความปลอดภัยให้กับผุ้เดินทาง
แต่ตำนานรักๆ ใคร่ๆ ก็สร้างความประทับใจได้ดี ถือเป็นตำนานท้องถิ่น อิงชื่อเรียกสถานที่
เอาหละ ...สมควรแก่เวลาแล้ว กลับไปขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ที่พักกันเลยดีกว่านะ
โปรดติตามตอนต่อไป