Smile Trip II : ยลพุทธศิลป์ที่ VR Museum
ยังมีทริปค้างปีมาเล่าต่อ ...เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้ร่วมกิจกรรมกับกลุ่ม Smile Trip อันที่จริงกลุ่มนี้จัดกิจกรรมเดินละครั้ง สองครั้ง แต่ช่วงเวลาที่จัด เราก็ติดเรื่องนั้น เรื่องนี้ ก็เลยไม่ได้ไปเดินเที่ยวด้วย จนมาถึงเดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปีแล้ว ...
3 ธันวาคม 2554 ทริปนี้ ชวนเที่ยวพิพิธภัณฑ์ที่สร้างจากของสะสมส่วนบุคคล ได้ข่าวเปิดมานานแล้ว แต่ไม่ได้ไปดู แต่ถ้าออกทริปเป็นกลุ่มแบบนี้ ต้องมีคนนำชมด้วย ชัวร์ ...อย่างนี้ จึงต้องไป
จุดนัดหมายคือที่ King Power ซอยรางน้ำ ...ก็พิพิธภัณฑ์ที่เราไปชม ตั้งอยู่ที่นี่ ตรงที่เห็นเป็นโดมกระจกนั่นแหละ
VR Museum พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จัดแสดงพระบูชาและพระเครื่อง ที่เป็นของสะสมของเสี่ยวิชัย รักศรีอักษร พอคณะเพื่อนร่วมทริปมาครบจำนวนแล้ว ก็แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม เราเดินตามภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์เข้าสู่พื้นที่จัดแสดงชั้นล่าง ซึ่งไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ... ในส่วนแรกเป็นพระบูชา ที่จัดแสดงเรียงตามลำดับศิลปะของ "พุทธศิลป์" ทวารวดี ศรีวิชัย ลพบุรี ล้านนา (เชียงแสน) สุโขทัย อู่ทอง อยุธยา รัตนโกสินทร์ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะพระพุทธรูปศิลปะไทย ยังมีศิลปะแบบอื่นๆ ที่จัดแสดงไว้ด้วย มีทั้งเป็นองค์หน้าตักใหญ่ และหน้าตักเล็ก หรือเล็กจิ๋ว มีคำอธิบายติดประกอบไว้ด้วย แต่เราอาศัยฟังเรื่องเล่าจากคนนำชมดีกว่า อ้อ ...ยังมีพวกเทวรูป รูปเคารพ ของศาสนาอื่นๆ อยู่ด้วยนิดหน่อย
ที่เด็ดสุด ...หาชมยากสุด ก็คงเป็นห้องถัดมาที่จัดแสดง "พระเครื่อง" พระเบญจภาคี พระสมเด็จจิตรลัดดา พระสมเด็จวัดระฆัง รวมถึงเหรียญของเกจิอาจารย์ดังๆ มีองค์จริงให้ชม แล้วก็มีภาพขยายทุกๆ มุมให้ศึกษาเรียนรู้ด้วย
ออกจากห้องนี้ พลางบวกเลขแบบนับไม่ถ้วนอยู่ในใจ ก็พระเครื่อง พระบูชา มูลค่าที่เช่ามาไม่ใช่ถูกๆ นะ แต่เมื่อนำมาจัดแสดงให้สาธารณชนได้เข้าชมได้ เราถือว่าเสี่ยคืนกำไรสังคมแล้วนะ
ขึ้นมาต่อชั้นบน เป็นพื้นที่จัดแสดงเปิดโล่ง อนุญาตให้ถ่ายภาพ จุดนี้ก็จัดแสดงพระบูชาตามลักษณะศิลปะเช่นกัน เอาไว้ให้ศึกษาพุทธลักษณะอยางใกล้ชิด ใครอยากรู้ละเอียด ก็ต้องอ่านหนังสือประกอบไปด้วย เราพอจับลักษณะได้อยู่บ้างแล้ว ...แต่ยังไม่ถึงกับสันทัดในเรื่องนี้ เพราะวิธีดูพระเนี่ย เยอะค่ะ พระเกตุ ชายผ้า ท่านั่ง ท่ายืน จุดที่จะให้จดจำมันเยอะอ่ะนะ เอาเป็นว่าขอแปะรูปให้ชมกันเองนะ ...
หมดจากพระพุทธรูป ก็เป็นรูปเคารพอื่นๆ
ดูกันจุใจแล้ว ก็แยกย้ายกันที่หน้าเคาน์เตอร์ขายบัตรเข้าชมทางด้านล่าง คือที่จริง พิพิธภัณฑ์นี้ เสียเงินเข้าชมนะคะ แต่กลุ่ม Smile Trip ทำหนังสือขอเข้าชมเป็นกรณีพิเศษ ก็เลยไม่มีค่าใช่จ่าย เพียงแต่จับจ่ายของที่ระลึกบ้าง และซื้อหนังสือที่ระลึกบ้าง ก็เป็นการช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถไปต่อได้แบบอ้อมๆ
จากนั้น ชาวคณะที่แจ้งชื่อไว้ล่วงหน้าก็พากันไปกินบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันที่ห้องอาหารรามายะณะกันต่อ ทริปควรจบลง ณ จุดนี้ แต่มีใครสักคนนึงกล่าวขึ้นว่า ไม่ไกลกันนี้ก็เป็นวังสวนผักกาดแล้ว กินเสร็จแล้วไปเที่ยวกันดีมั๊ย .....ทุกคนในที่นี้น เห็นพ้องต้องกัน เป็นอันว่า ทริปนี้มีของแถมอีก 1 แห่ง กินกันให้อิ่ม บุฟเฟ่ต์นานาชาติหลากหลายสุดๆ แต่พอทัวร์ลงก็ต้องทำใจนิดนึง
อิ่มแล้ว จ่ายเงินเรียบร้อย ก็ยกโขยงเดินตามกันไปเรื่อย มุ่งหน้าจุดหมายต่อไป
ปล. หนังสือที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์จะมีข้อมูลเกี่ยวกับพระบูชาที่จัดแสดง เรียงตามศิลปะยุคต่างๆ แม้จะไม่ทั้งหมด แต่ก็จะทำให้เราศึกษาเปรียบเทียบความงดงามของพุทธศิลป์แต่ละสมัยได้
โปรดติดตามตอนต่อไป
Create Date : 11 สิงหาคม 2555 |
|
2 comments |
Last Update : 12 สิงหาคม 2555 7:57:33 น. |
Counter : 2485 Pageviews. |
|
|
|