bloggang.com mainmenu search


หลังจากที่ห่างหายจากรีวิวโน้ตบุ๊กไปนาน มาวันนี้ทีมงานไซเบอร์บิซ นำโดยผม @dorapenguin ได้รับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จากเดลล์มารีวิวให้ชมกันอีกครั้งกับ Inspiron 7537

       ซึ่งถ้ามองชื่อรุ่นและดูรูปทรงภายนอก หลายท่านอาจเมินหน้าหนีเพราะจากรูปลักษณ์และชื่อรุ่นดูเป็นโน้ตบุ๊กกลุ่มธุรกิจออกทางไฮโซที่เหมาะแก่ใช้พิมพ์งาน ท่องอินเตอร์เน็ตเหมือนทุกรุ่นที่เคยรีวิวในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ช้าก่อนครับ!

       เพราะ Dell Inspiron 7537 ถูกเดลล์คิดค้นใหม่ หลังจากเคยเปลี่ยนแนวทาง XPS (โน้ตบุ๊กกลุ่มพรีเมียมของเดลล์) ไปแล้ว ในครั้งนี้เดลล์เลือกปรับโน้ตบุ๊กในกลุ่ม Inspiron ด้วยแนวทางใหม่ "On-the-Go Multimedia Ultrabook" ในรุ่น Dell Inspiron 7000 Series ซึ่งนำโดยรุ่น 7537 ที่ทีมงานได้รับมาทดสอบในบทความรีวิวนี้

การออกแบบ




       โดยการออกแบบทั้งหมดของ Inspiron 7537 จากเดิมที่มีพลาสติกผสม มาในรุ่นใหม่นี้ตัวเครื่องทั้งหมดใช้อะลูมิเนียมชิ้นเดียวเป็นส่วนประกอบแถมขอบเครื่องบริเวณหน้าจอและตัวฐานยังใช้เทคโนโลยี diamond-cut ตัดขอบให้อะลูมิเนียมขึ้นเงาพร้อมแนวทางการออกแบบเน้นการใช้งานบนโลกแห่งความจริงที่ผู้ใช้มีโอกาสพบเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น การใช้งานในอุณหภูมิที่สูงถึง 65 องศาเซลเซียส หรืออาจเจอกับผู้ใช้ที่ต้องเดินทางบ่อยและต้องมีการปิดเปิดหน้าจอบ่อยครั้ง แต่เดลล์เลือกใช้วัสดุส่วนข้อต่อจอกับฐานเป็นอะลูมิเนียมซึ่งรองรับการปิด-เปิดพับหน้าจอได้สูงเกิน 2 หมื่นครั้ง หรือแม้แต่การต้องขนย้ายเครื่องไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ บ่อยๆ Inspiron รุ่นนี้ก็รองรับการตกกระแทกเมื่อเครื่องเปิดใช้งานอยู่ในกระเป๋าเดินทางด้วย



       นอกจากนั้นนส่วนของหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วความละเอียด 1,920x1,080 พิกเซลยังใช้กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass เป็นส่วนประกอบหลัก พร้อมรองรับระบบหน้าจอสัมผัส Multitouch 10 จุดพร้อมกัน อีกทั้งเดลล์ยังบอกว่าหน้าจอของ Inspiron 7537 มีความสว่างของเม็ดพิกเซลดีกว่ารุ่นเก่าถึง 35% และรองรับมุมมองกว้างสุด 160 องศา มาพร้อมน้ำหนักตัวเครื่อง 2.60 กิโลกรัม ส่วนความหนาตัวเครื่องอยู่ที่ประมาณ 22-23 มิลลิเมตร



       ด้านคีย์บอร์ด สำหรับรุ่นที่นำมาทดสอบแป้นคีย์บอร์ดกับบอดี้จะเป็นอะลูมิเนีนมเหมือนกัน โดยจะมีคีย์ตัวเลขติดตั้งมาให้พร้อมไฟส่องสว่างใต้คีย์บอร์ด (Backlit) สำหรับใช้งานในเวลากลางคืน ส่วนปุ่มมัลติมีเดียจะติดตั้งอยู่บริเวณ f1-f12 โดยเมื่อต้องการใช้งานจำเป็นต้องกดคีย์ fn ค้างไว้เหมือนโน้ตบุ๊กทั่วไป



**สังเกตว่าสีของตัวอักษรที่อยู่บนแป้นพิมพ์จะมีโทนสีใกล้เคียงกับบอดี้และแป้นพิมพ์ทำให้มองค่อนข้างยากเวลาใช้งาน วิธีแก้คือเปิด Backlit ระหว่างใช้งานจะทำให้มองตัวอักษรบนแป้นพิมพ์ชัดเจนขึ้น**

       ในส่วนทัชแพด สำหรับรุ่นนี้จะเป็น ClickPad ขนาดค่อนข้างใหญ่และรองรับมัลติทัชสมบูรณ์แบบ สามารถใช้งานบนวินโดวส์ 8 ได้อย่างดี การตอบสนองค่อนข้างไวและวัสดุทัชแพดที่เลือกใช้จะเป็นอะลูมิเนียมสัมผัสคล้ายกับอะลูมิเนียมที่ความลื่นไหลกำลังดี ใช้งานได้ไม่ติดขัด



       มาดูด้านล่างสุดของเครื่องกันบ้าง จะเห็นว่ารุ่นนี้มีการวางยางรองเครื่องเป็นแนวยาวขนานทั้งสองฝั่งและช่องตะแกรงที่ดูเหมือนช่องระบายความร้อนนี้แท้จริงแล้วเป็นช่องดึงลมใต้ท้องเครื่องขึ้นมาระบายออกบริเวณจอภาพ (เทคนิคคล้ายการระบายความร้อนของ MacBook) ส่วนบริเวณรอบนอกสุดของตัวเครื่องที่เป็นสีเทาจะเป็นยางกันกระแทกและกันรอยพร้อมช่องลำโพง 2 ช่องแบบสเตอริโอ

สำหรับผู้ที่คิดอยากอัปเกรดเครื่องถามว่าทำได้ไหม ผมขอตอบว่าทำได้บางส่วนแบบกรณีเดียวกับ MacBook ของ Apple เลยคือต้องพยายามถอดฝาหลังของโน้ตบุ๊กออกมาให้ได้ก่อนถึงจะพบกับด้านในที่จัดเรียงมาอย่างฟิตมาก จะถอดอะไรก็แล้วแต่ทำได้ค่อนข้างลำบากและต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร




       มาดูในเรื่องพอร์ต Input/Output รอบตัวเครื่องกันบ้าง เริ่มจากด้านซ้ายของตัวเครื่องจะเป็นช่องใส่สายคล้องล็อคกันขโมย ถัดมาเป็นช่องเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ชาร์จไฟ ส่วนตรงกลางเป็นพอร์ต USB 3.0 2 พอร์ต

       ต่อไปด้านขวาของตัวเครื่องเริ่มจากซ้ายมือสุดจะเป็นช่องอ่านการ์ด SD Card ถัดไปเป็นช่องเสียบ Headset ขนาด 3.5 มิลลิเมตร พอร์ต USB3.0 2 พอร์ต HDMI 1 พอร์ตและช่องเสียบสายแลน RJ-45

สเปก



       สำหรับสเปก Dell Inspiron 7537 รุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบจะใช้หน่วยประมวลผล (ซีพียู) Intel Core i7 4500U (Haswell Ultrabook) ความเร็ว 1.80GHz รองรับ Turbo Boost ความเร็วสูงสุด 3 GHz พร้อมแคชขนาด 4MB

       ในส่วนแรมให้มา 6GB (3GB+3GB Dual Channel DDR3 1,600MHz) และมาพร้อมกราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce GT 750M ที่สามารถสลับการทำงานกับกราฟิกออนชิป Intel HD Graphics 4400 เพื่อประหยัดพลังงานได้



       และด้วยการที่โน้ตบุ๊กรุ่นนี้มาพร้อมกราฟิกจาก NVIDIA ทำให้สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ GeForce Experience ซึ่งช่วยในการปรับแต่งกราฟิกในเกมต่างๆ (Game Optimization) ให้สอดคล้องกับสเปกของโน้ตบุ๊กเราได้อย่างอัตโนมัติ



       สำหรับสเปกด้านการเชื่อมต่อ WiFi จะใช้ Intel Dual Band Wireless-N 7260 2x2 BGN + Bluetooth 4.0 พร้อมแบตเตอรี Lithium Ion ภายในขนาด 4 เซลล์



       ในส่วนฮาร์ดดิสก์ภายในเลือกใช้เป็น Seagate Hybrid Drive ขนาดความจุ 500GB (จานหมุน 5,400 รอบต่อนาที) + NAND Flash 32GB พร้อมบัฟเฟอร์ 64MB รองรับระบบ Intel Smart Connect สำหรับอัปเดตข้อมูลโซเชียล อีเมล์และข่าวสารจากแอปพลิเคชันได้อัตโนมัติขณะเครื่องปิดอยู่



       สุดท้ายในส่วนวินโดวส์ที่เดลล์เลือกใช้จะเป็น Windows 8 Pro แบบ 64 บิตเพื่อให้รองรับกับจำนวนแรมที่ใส่มามากถึง 6GB

ทดสอบประสิทธิภาพ



PCMark 7 คะแนนรวมที่ได้คือ 4,385 คะแนน แบ่งเป็นคะแนน Lightweight score = 2,470 คะแนน Productivity score = 1,857 คะแนน Creativity score = 7,943 คะแนน Entertainment score = 3,492 คะแนน Computation score = 17,150 คะแนน และ System storage score = 3,792 คะแนน



Cinebench R11.5 คะแนน CPU อยู่ที่ 2.20pts ส่วนคะแนนเฟรมเรตโดยเฉลี่ยกับการทดสอบ OpenGL อยู่ที่ 36.67 เฟรมต่อวินาที



3DMark06 คะแนนรวมที่ได้คือ 11,984 คะแนนแบ่งเป็นคะแนน SM2.0 5,267 คะแนน HDR/SM3.0 5,744 คะแนนและ CPU Score 2,767 คะแนน



3DMark Vantage ด้วยความที่โน้ตบุ๊กมาพร้อมกราฟิกแยก NVIDIA GeForce GT 750M ทำให้เราสามารถทดสอบ 3DMark Vantage (โหมด Performance 720p) ซึ่งใช้ชุดคำสั่ง DirectX 10 โดยคะแนนที่ได้อยู่ที่ 9,306 คะแนน แบ่งเป็นคะแนน GPU 9,813 คะแนน ส่วนคะแนนซีพียูอยู่ที่ 8,059 คะแนน และถ้าเฉลี่ยเป็นคะแนนเฟรมเรตจะอยู่ที่ประมาณ 26-30 เฟรมต่อวินาที ลื่นไหลไม่กระตุกแต่อย่างใด



3DMark 11 จากนั้นขยับมาทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกที่สูงขึ้นกับการเรียกชุดคำสั่ง DirectX 11 มาทดสอบกันบ้าง โดยคะแนนรวมอยู่ที่ประมาณ 2,696 คะแนน ส่วนถ้าคิดเป็นคะแนนเฟรมเรตเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 10-13 เฟรมต่อวินาที




       จบการทดสอบเก็บคะแนนมาถึงการทดสอบเล่นเกมด้วยความรู้สึกจากผมจริงๆ แน่นอนว่าในเมื่อ Inspiron 7537 มีสเปกไฮเอนด์เหมาะแก่เกมเมอร์ขนาดนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะขอรีดประสิทธิภาพแบบเต็มๆ ออกมาให้ผู้อ่านได้รับทราบกัน โดยเกมที่ผมนำมาทดสอบในวันนี้เป็น Call of Duty : Ghost ภาคล่าสุดที่ต้องการแรมขั้นต่ำถึง 6GB กับสเปกมหาโหดถ้าต้องการปรับคุณภาพกราฟิกสูงสุด ซึ่ง Inspiron 7537 สามารถเล่นเกมนี้ที่คุณภาพกราฟิกสูงสุด (แต่ปรับลบรอยหยักภาพเป็น MSAA) ที่ความละเอียด 720p ได้อย่างไม่มีปัญหา โดยเฟรมเรตที่ได้จะอยู่ที่ประมาณ 20-29 เฟรมต่อวินาที



       และด้วยการใช้ฮาร์ดดิสก์เป็น Hybrid ทำให้การโหลดข้อมูลทำได้รวดเร็วและสามารถเปิดแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้ขณะเล่นเกมอยู่ได้อย่างไม่มีปัญหาหน่วงหรือค้างแต่อย่างใด



       และเพื่อตอบคำถามว่าฮาร์ดดิสก์แบบ Hybrid ระหว่างจานหมุนรวมร่างกับ NAND Flash จะมีประสิทธิภาพเพียงใด ผมได้ทำการทดสอบคร่าวๆ เฉพาะเรื่องการอ่านข้อมูล ซึ่งจากผลทดสอบด้วย HD Tach จะมีความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 91.2 MB/s ซึ่งนับว่าทำงานค่อนข้างเร็วถึงแม้จะมีรอบจานหมุนอยู่แค่ 5,400 รอบต่อนาทีเท่านั้น



       ในส่วนแบตเตอรีจากสเปกระบุว่าให้แบตฯ มาแค่ 4 เซลล์แต่ด้วยอานิสงส์จากซีพียู Haswell ทำให้ประหยัดพลังงานพอสมควร โดยจากการทดสอบเล่นอินเตอร์เน็ต เข้าเว็บ ชม YouTube ตลอดวัน (ใช้ Intel HD ขับเคลื่อน) แบตเตอรีสามารถอยู่ได้ยาวนาน 6-7 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนถ้านำไปเล่นเกมด้วยกราฟิกแยก ส่วนนี้แบตเตอรีหมดไวตามปกติอยู่แล้ว



       สรุปในส่วนทดสอบประสิทธิภาพ ถึงแม้รูปลักษณ์ของ Dell Inspiron 7537 จะออกไปทางนักธุรกิจไฮโซมากกว่าจะเป็นโน้ตบุ๊กหน้าตาเท่แบบเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยสเปกที่ถือว่าสมบูรณ์แบบสำหรับงานมัลติมีเดียและเล่นเกม 3 มิติได้ทุกเกมที่มีในปัจจุบัน แต่อาจต้องปรับความละเอียดหน้าจอลงมาเหลือ 720p ถึงจะสามารถเล่นเกมได้ลื่นไหล ซึ่งถ้าไม่สนใจกราฟิกมากนักปรับคุณภาพกราฟิกในเกมให้อยู่ระดับกลางหรือต่ำ ผมคอนเฟริมว่าสามารถเล่นที่ความละเอียด 1080p ได้ทุกเกมแน่นอน

       ส่วนงานตัดต่อวิดีโอและงานมัลติมีเดียต่างๆ ด้วยสเปกโน้ตบุ๊กที่สูงระดับนี้ สามารถตอบสนองทุกการทำงานได้อย่างแน่นอน แถม Haswell กับแบตเตอรีที่จัดสรรพลังงานมาค่อนข้างดี ทำให้ Inspiron 7537 ถือเป็นโน้ตบุ๊กไฮเอนด์แนวธุรกิจที่รองรับทุกการใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ

จุดขาย

       - การออกแบบ งานประกอบดีเยี่ยม เป็นอะลูมิเนียมทุกส่วน
       - มีกราฟิกการ์ดแยกทำให้สามารถเล่นเกม 3 มิติสเปกสูงได้
       - ลำโพงสเตอริโอให้เสียงที่ดี
       - หน้าจอละเอียดมาก
       - Hybrid Storage ทำงานได้รวดเร็วเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป ไม่ต้องพึ่ง SSD เพียวๆ ซึ่งมีราคาสูงและความจุน้อย
       - วินโดวส์ 8 Pro ลิขสิทธิ์ 64 บิต สามารถอัปเกรดเป็นรุ่น 8.1 ได้ทันทีเมื่อเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก

ข้อสังเกต

       - ซอฟต์แวร์บางตัว เช่น Dell Intelligent Display ที่ช่วยควบคุมแสงสว่างหน้าจออัตโนมัติมีข้อผิดพลาด เวลาเปิดใช้งานจะทำให้หน้าจอดับสนิทเหมือน LED เสีย
       - ตัวอักษรและแป้นคีย์บอร์ดใช้วัสดุและสีเดียวกับตัวเครื่องทำให้มองเห็นยาก ต้องเปิด Backlit ตลอดเวลาถึงจะมองตัวอักษรในแต่ละคีย์เห็น

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?



       ต้องบอกว่า Dell Inspiron 7537 เป็นโน้ตบุ๊กไม่กี่ตัวที่ผมทดสอบแล้วไม่อยากเก็บคืน เพราะผมเองเป็นคนชอบเล่นเกมและทำงานอยู่ทุกเวลา ซึ่ง Inspiron 7537 ตอบสนองผมได้ดีมาก ถึงแม้น้ำหนักจะปาไปถึง 2.6 กิโลกรัม แต่ด้วยการออกแบบให้ตัวเครื่องมีขนาดบางเท่ากันทั้งหมดในสไตล์ MacBook Pro ของแอปเปิล ทำให้การพกพาใส่กระเป๋าทำได้ดีและทุกครั้งที่เปิดใช้งานก็พบแต่ประสิทธิภาพที่ผมว่าลงตัวมาก จนสามารถใช้แทนพีซีเครื่องหนึ่งได้สบายๆ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องทัชแพดที่ผมเคยยกให้ Samsung Series 9 เป็นโน้ตบุ๊กที่มีทัชแพดยอดเยี่ยมรองจาก MacBook ที่เทพสุดก็ตาม แต่เมื่อมาได้ลองสัมผัสทัชแพดเจ้า Inspiron 7537 ผมเปลี่ยนใจและยกให้ทัชแพดของโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ยอดเยี่ยมเทียบชั้น MacBook ได้เลยทีเดียว

       สุดท้ายในส่วนราคา คาดว่าจะอยู่ในระดับ 35,900 บาทเป็นต้นไป ซึ่งนับว่าเป็นราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้ามองในเรื่องของสเปก ฟีเจอร์เทียบกับวัสดุที่เดลล์ให้มาก็นับว่าคุ้มค่าคุ้มราคาเช่นกัน ผู้อ่านที่ชอบใช้โน้ตบุ๊กทำงานมัลติมีเดียหนักๆ รวมถึงเล่นเกม 3 มิติ Dell Inspiron 7537 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและตอบโจทย์ on the go สำหรับฮาร์ดคอร์ยูสเซอร์ได้ดีเหมือนเกมมิ่งโน้ตบุ๊กเลยทีเดียว

Dell Inspiron 7537การออกแบบสเปก/ฟีเจอร์ความคุ้มค่าภาพรวมทั้งหมด4051015Overall Rating91%


Company Related Link :
Dell

//manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9560000157799
Create Date :26 ธันวาคม 2556 Last Update :26 ธันวาคม 2556 20:37:03 น. Counter : 2162 Pageviews. Comments :0