แอลจีมั่นใจยอดขายสมาร์ทโฟนรุ่น G3 เพิ่มจากรุ่น G2 ถึง 3 เท่า ช่วยดึงส่วนแบ่งตลาดในระดับราคา 15,000 บาทถึงประมาณ 20,000 บาทให้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปัจจุบันอยู่ที่ราว 8% ส่วนในตลาดรวมโทรศัพท์มือถือมีส่วนแบ่งเพียง 1.5% และวางเป้าหมายระยะยาวในการเพิ่มแชร์ให้เกิน 10% ให้เร็วที่สุด

       นายเจค ควอน ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จุดที่แอลจีมั่นใจว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับกับ LG G3 คือในแง่ของประสิทธิภาพ และการใช้งานที่ง่าย เหมาะกับรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งยังเชื่อว่าจะสามารถจำหน่าย G3 ในช่วงแรกได้มากกว่าที่ขาย G2 ในช่วงปีที่ผ่านมาถึง 3 เท่าตัว

       โดยข้อมูลจากจีเอฟเคล่าสุดระบุว่า แอลจีมีส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์มือถือราว 1.5% อยู่ราวๆอันดับ 6 ในตลาด แต่ถ้ามองเฉพาะในช่วงระดับราคา 15,000-20,000 บาท จะมีส่วนแบ่งในกลุ่มนี้ราว 8% อยู่ในอันดับที่ 3 ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อ G3 เริ่มวางจำหน่ายเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในช่วงระดับราคาดังกล่าวได้เท่าตัว ไม่นับรวมกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นอื่นที่จะทยอยเข้ามาวางจำหน่ายเพิ่มในอนาคต

“เป้าหมายหลักของกลุ่มผลิตภัณฑ์มือถือคือการมีส่วนแบ่งในตลาดมากกว่า 10% แม้ว่าจะยังไม่สามารถกำหนดช่วงเวลาได้ แต่เชื่อว่าถ้าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้น่าจะไม่นานเกิน 2-3 ปี เพราะถือเป็นช่วงที่ตลาดกำลังมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง จากปัจจัยหลักคือการเปลี่ยนผ่านเครื่องจาก 2G สู่ 3G และ 4G”

       อย่างไรก็ตาม ตลาดสมาร์ทโฟนที่แอลจีให้ความสำคัญจะอยู่ที่กลุ่มระดับกลาง และบนเป็นหลัก โดยสัดส่วนปัจจุบันจะอยู่ที่ 50% ต่อ 50% และคาดว่าในสิ้นปีจะเปลี่ยนเป็น 40% ต่อ 60% ส่วนในตลาดสมาร์ทโฟนที่ระดับราคาต่ำกว่า 3,000 บาทมองว่าไม่คุ้มค่าที่จะลงไปแข่งขันด้วย แม้ว่าปริมาณในตลาดรวมจะค่อนข้างมาก แต่ก็มีคู่แข่งที่ทำตลาดกลุ่มนี้อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งแบรนด์จากจีน และล่าสุดก็เริ่มมีแบรนด์จากอินเดียเข้ามาทำตลาดด้วย

       สำหรับในปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจโทรศัพท์มือถือของแอลจีคิดเป็น 10% ของรายได้รวมบริษัท รองจากกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรทัศน์ที่มีสัดส่วน 40% ตามมาด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องซักผ้า 30% และเครื่องปรับอากาศ 20% ซึ่งถ้ายอดขายมือถือเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ สัดส่วนรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 15% ในสิ้นปีนี้

นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ แอลจี ให้ข้อมูลเพิ่มว่า ตอนนี้พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น หลังจากวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคมั่นใจจะใช้เงินมากขึ้น ทำให้ทุกผลิตภัณฑ์ยอดขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เชื่อว่าภาพรวมในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 8% เช่นเดียวกับในตลาดสมาร์ทโฟนที่จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%

       อย่างไรก็ตาม ในการทำตลาด LG G3 ทางแอลจีจะใช้งบเพิ่มขึ้นจากเดิมในรุ่น G2 ราว 2.5-3 เท่า โดยเน้นไปที่โฆษณาทางโทรทัศน์ให้มากขึ้น พร้อมกับปรับช่องทางการจำหน่ายร่วมกับโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ราย และร้านค้าปลีกโทรศัพท์มือถืออย่างทีจีโฟน และเจมาร์ท ส่วนศูนย์บริการหลังการขายเชื่อว่าจากจุดบริการของแอลจี 8 แห่ง และอีก 160 จุดรับสินค้าน่าจะเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคทั่วประเทศ

       สำหรับ LG G3 ที่นำเข้ามาวางจำหน่ยในประเทศไทยจะเป็นรุ่นที่ใช้หน่วยประมวลผลควอดคอร์ 2.5 GHz RAM 2 GB พื้นที่เก็บข้อมูล (ROM) 16 GB รองรับการเชื่อมต่อ 3G/4G พร้อมดึงจุดเด่นของหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด QuadHD ระบบกล้องที่ใช้เลเซอร์โฟกัส และฟังก์ชันการสัมผัสหน้าจอเพื่อล็อก และสั่งงานต่างๆ มาเพิ่มความน่าสนใจ

       ส่วนช่วงเวลาจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะอยู่ในวันที่ 1 ก.ค. แต่ลูกค้าที่จองสินค้าผ่านทางโอเปอเรเตอร์ และตัวแทนจำหน่าย จะทยอยได้รับสินค้าตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ลูกค้าที่จอง G3 ก่อน 1,000 รายแรกจะได้รับแท่นชาร์จไร้สาย และเคสพิเศษสำหรับ G3 โดยเฉพาะ

Company Relate Link :
LG