bloggang.com mainmenu search


คำถามที่เกิดขึ้นและคาใจผู้บริโภคหลายรายคือคุ้มไหมที่จะเสียเงิน 8,990 บาท ในการซื้อนาฬิกาอัจฉริยะที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ซึ่งมีหน้าจอเพียง 1.6 นิ้ว มาใช้งานดีหรือไม่ ซึ่งท้ายสุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานว่าซื้อมาเพื่อไว้ดูนาฬิกา หรือนำมาใช้งานจริง

       โดยความสามารถหลักๆของ Galaxy Gear ที่นอกจากจะเป็นนาฬิกาบอกเวลาแล้ว ยังสามารถใช้ในการดูข้อมูลสายเรียกเข้า ใช้โทรศัพท์ อ่านข้อความ ดูการแจ้งเตือน พยากรณ์อากาศ บันทึกข้อมูลการเดิน และความสามารถทั่วไปอย่างนาฬิกาจับเวลา อัดเสียง ซึ่งถ้าคิดแล้วว่าหยิบมือถือขึ้นมาง่ายกว่า ก็มองข้าม Gear ไปดีกว่า...

การออกแบบและสเปก



ด้วยความที่ Galaxy Gear ถือเป็นนาฬิกาอัจฉริยะ ในแง่ของการออกแบบจึงจะดูออกไปในแนวล้ำสมัย ด้วยการใช้สายหนังร่วมกับขอบอะลูมิเนียมขัดเพื่อให้ดูทันสมัย แต่ก็ยังมีการใส่กรอบที่มีลายหนังคล้ายใน Note 3 มาให้เผื่อต้องการหน้าปัดนาฬิกาขนาดใหญ่สำหรับคนที่ชื่นชอบ



       สำหรับขนาดของ Galaxy Gear จะอยู่ที่ 36.8 x 56.6 x 11.1 มิลลิเมตร น้ำหนัก 73.8 กรัม มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 6 สี คือ ดำ ขาว ส้ม ชมพู เหลือง และน้ำตาล ซึ่งสีที่เปลี่ยนแปลงไปจะมีผลที่บริเวณสาย และกรอบเท่านั้น



       ส่วนบริเวณหน้าจอจะเป็นจอทัชสกรีน Super AMOLED ขนาด 1.63 นิ้ว ความละเอียด 320 x 320 พิกเซล โดยมีปุ่มเปิด-ปิด อยู่ทางด้านขวา (สามารถตั้งเป็นปุ่มลัดเรียกใช้แอปฯได้จากการกดซ้ำ 2 ครั้ง) และจะมีไมโครโฟนอยู่ที่ฝั่งซ้ายและขวา อย่างละจุดด้วย



       บริเวณสายที่หันออกจากผู้ใช้จะมีกล้องที่ให้มาความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล มีเซ็นเซอร์กันสั่น BSI สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 720 พิกเซลได้ต่อเนื่อง 10 วินาที แน่นอนว่าในขณะถ่ายรูปจะมีเสียงชัตเตอร์ดังออกมาด้วย เพื่อป้องกันการนำไปใช้แอบถ่าย (ตามกฏหมายของเกาหลี ทำให้ไม่สามารถตั้งปิดเสียงได้)



       ส่วนจุดที่ใช้ล็อกสายข้อมือ สามารถปรับระดับได้ตามขนาดของข้อมือ และจะมีลำโพงสนทนาอยู่ เพื่อใช้ในการโทรศัพท์ และเล่นเสียงแจ้งเตือน



       ตัวกรอบจะมีหน้าที่หลักๆ 2 อย่างในการใช้งานคือ เป็นแท่นชาร์จ สำหรับเสียบสายไมโครยูเอสบี และเชื่อมต่อเข้ากับตัวนาฬิกา และอีกหน้าที่หนึ่งคือในการเชื่อมต่อครั้งแรก จำเป็นต้องใส่ตัวกรอบไว้เพื่อให้ตัวสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต สำหรับซิงค์ข้อมูลกับเครื่องได้



       สำหรับสเปกภายในของ Galay Gear จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล 800 MHz RAM 512 MB พื้นที่เก็บข้อมูล 4GB ใช้การเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ 4.0 + BLE แบตเตอรี่ 315 mAh เบื้องต้นจะสามารถใช้งานได้กับ Galaxy Note 3 และ Galaxy Note 10.1 2014 Edition ก่อน ส่วนตระกูล Galaxy รุ่นเก่าต้องรอให้ได้รับการอัปเดตแอนดรอยด์ 4.2.2 ก่อน

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ



       วิธีการเชื่อมต่อ Galaxy Gear ในที่นี้ใข้คู่กับ Note 3 ก็จะเริ่มกันที่ประกอบตัวนาฬิกาเข้ากับกรอบให้เรียบร้อย หลังจากนั้นนำ Note 3 ที่เปิดใช้งานบลูทูธ และ NFC เรียบร้อย เข้าไปสัมผัสที่หลังเครื่อง หลังจากนั้นตัว Note 3 จะทำการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Gear Manager มาติดตั้งไว้ในเครื่อง เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยตัวเครื่องจะทำการเชื่อมต่อกับ Gear ให้โดยอัตโนมัติ หลังจากนั้นก็สามารถใช้งาน Gear ได้ทันที

       ทีนี้มาดูกันที่ตัว Galaxy Gear เนื่องจากตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ในกรณีที่ผู้ใช้งานยกข้อมือขึ้นมาเพื่อใช้งานหน้าจอจะติดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ (ถ้าไม่ติดก็กดปุ่มข้างจอเอา) โดยที่หน้าหลักจะเป็นการแสดงผลนาฬิกา (สามารถเข้าไปเปลี่ยนรูปแบบนาฬิกา หรือโหลดเพิ่มเติมได้)



       จากหน้าหลัก ถ้าผู้ใช้งานลากนิ้วจากบนลงล่าง จะเป็นการเรียกใช้งานโหมดกล้องขึ้นมา โดยการถ่ายภาพทำได้โดยการกดสัมผัสลงไปที่หน้าจอ ภาพก็จะถูกบันทึกไว้ในตัว Gear โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าผู้ใช้มีการตั้งให้ Gear ซิงค์ภาพกับ Note 3 แบบอัตโนมัติ รูปที่ถ่ายก็จะถูกส่งต้อผ่านบลูทูธไปยัง Note 3 ในอัลบั้ม Galaxy Gear ทันที



       ถ้าลากนิ้วจากล่างขึ้นบน จะเป็นการเรียกใช้งานโหมดโทรศัพท์ ในที่นี้ก็จะให้เลือกทั้งกดเลขหมายจากปุ่ม หรือจะทำการค้นหาจากสมุดโทรศัพท์ ซึ่งเป็นการแสดงผลงรายชื่อที่อยู่ใน Note 3 มาให้เลือกกดโทรนั่นเอง



       หน้าจอขณะโทรจะมีการแสดงภาพโปรไฟล์คู่สนทนา พร้อมกับชื่อและปุ่มวางสาย โดยจะมีเมนูให้เลือกเพิ่มเติมคือ ปิดเสียงไมโครโฟน เปลี่ยนการคุยสายไปที่โทรศัพท์ และเรียกใช้งานปุ่มกดขึ้นมา พร้อมกับการปรับเสียง

       หรือถ้าผู้ใช้งานไม่สะดวกรับสายโทรเข้า ตัวเครื่องจะมีโหมดตัดสายทิ้งแล้วส่งข้อความสั้นกลับไปแทน แต่การส่งข้อความจะใช้การพูดเข้าไปที่ S Voice เพื่อแปลงเป็นข้อความและส่งกลับออกไปแทน



       การใช้งาน S Voice บน Gear จะจำลองความสามารถจากบนสมาร์ทโฟนลงมา ทำให้ใช้งานได้เฉพาะคำสั่งง่ายๆเท่านั้น อย่างเช่นสั่งให้โทรศัพท์ ส่งข้อความ บันทึกตารางนัดหมาย แสดงข้อมูลที่นัดไว้ ตั้งนาฬิกาปลุก หรือเข้าโหมดต่างๆในเครื่อง แต่ยังไม่สามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลหรือฟังก์ชันอื่นๆได้เหมือนบนสมาร์ทโฟน ส่วนตัวรีโมทควบคุม จะใช้เป็นปุ่มควบคุมมัลติมีเดียบนเครื่อง Note 3 ที่เชื่อมต่ออยู่เท่านั้น

       ฟังก์ชันการนับก้าวที่มีอยู่ใน Gear จะสามารถนำข้อมูลที่บันทึกไว้ไปซิงค์กับโปรแกรมอย่าง S Health เพื่อช่วยคำนวนปริมาณที่ใช้สำหรับออกกำลังกายได้ หรือถ้าไม่ต้องการซิงค์ก็สามารถตั้งเป้าหมายที่ตัว Gear ไว้ได้ว่าในแต่ละวันต้องเดินให้ครบกี่ก้าว (เมื่อครบจะมีสัญลักษณ์เหรียญทองขึ้นมาแสดง)



       ส่วนฟีเจอร์อื่นๆอย่างนาฬิกาจับเวลา บันทึกเสียง ดูพยากรณ์อากาศ หรือดูรูปในอัลบั้ม ก็ใช้การสัมผัสหน้าจอเพื่อสั่งงานได้ตามปกติเลย



       ทีนี้กลับมาที่หน้าจอหลัก ถ้ามีการเลื่อนปาดไปทางซ้ายหรือขวา จะเป็นการเลื่อนดูเมนูหลัก (ผู้ใช้สามารถตั้งเมนูหลักที่ใช้บ่อยได้) นอกจากนี้ก็จะมีในส่วนของหน้ารวมแอปฯ ซึ่งที่ลงมาให้ใช้งานในเบื้องต้นก็จะมี ฟังก์ชันการค้นหาอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ดูข้อมูลในเครื่อง บันทึกการใช้งานโทรศัพท์ รายชื่อ สภาพอากาศ เสียงที่บันทึก แกลอรี่ภาพ รีโมทควบคุมมัลติมีเดีย ใช้การสั่งงานเสียง กล้องถ่ายรูป จับเวลา ตั้งเวลา นับเวลาถอยหลัง การนับก้าว และ ปฏิทิน



       ซึ่งในส่วนนี้ผู้ใช้สามารถเข้าไปดูการตั้งค่า หรือดูแอปฯต่างๆที่ลงไว้ได้ใน Gear Manager บน Note 3 ได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ก็ยังสามารถไปดาวน์โหลดแอปฯเพิ่มเติมจากใน Samsung App Center ได้อีกด้วย



       อีกฟังก์ชันที่สำคัญก็คือ การค้นหาอุปกรณ์ โดยในตัว Gear ก็จะแอปฯ สำหรับสั่งให้ตัว Note 3 ส่งเสียงออกมา ในกรณีที่จำไม่ได้ว่าลืมวางทิ้งไว้ตรงไหน (แต่เครื่องยังต้องเชื่อมต่อกันอยู่) หรือในตัว Note 3 ก็จะมีฟังก์ชันที่สั่งให้ Gear ส่งเสียงออกมาเช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ระยะทางเขื่อมต่อก็ขึ้นอยู่กับระยะของบลูทูธอยู่เช่นเดิม

จุดขาย

       - ใช้เป็นโทรศัพท์ (ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และกล้องถ่ายรูปได้
       - ไว้ใช้ดูข้อมูลเล็กๆน้อยๆกรณีที่ไม่ต้องการยกมือถือขึ้นมาดู
       - มีให้เลือกหลายสี

ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่

       - ต้องเชื่อมต่อกับ Note 3 เพื่อใช้งานในหลายๆฟังก์ชัน
       - แอปฯที่รองรับยังมีค่อนข้างน้อย ต้องรอดูต่อไปในอนาคต
       - ถ่ายวิดีโอได้แค่ 10 วินาที

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป

ถ้ามองถึง Galaxy Gear จริงๆ ก็เหมือนเป็น Gadget ชิ้นหนึ่งที่ซัมซุงพยายามสร้างความโดดเด่น และบอกให้โลกรู้ว่าตนเองมีนวัตกรรมที่สามารถนำมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกควบคู่ไปกับการใช้งานสมาร์ทโฟน ซึ่งถ้าคุณเป็นผู้บริโภคที่ชื่นชอบและติดตามเทคโนโลยี และใช้สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตในตระกูล Galaxy เดิมอยู่แล้ว Gear จะกลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่ช่วยให้คุณได้ใช้งานสนุกขึ้นแน่นอน

       แต่กลับกันถ้าคุณไม่ได้ถือสินค้าในตระกูล Galaxy ของซัมซุง เลยสักชิ้น แล้วต้องการนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ ที่สามารถนำมาใช้งานได้ทันทีกับสมาร์ทโฟนเครื่องเดิมของคุณ ก็ยังมีตัวเลือกจากผู้ผลิตอีกหลายรายให้เลือกใช้กัน ดังนั้นกับราคาเปิดตัวมาที่ 8,990 บาท ถ้าอยากลองของใหม่แล้วมีงบประมาณ ก็ไม่เสียหาย...

Company Related Links :
Samsung



//www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9560000128604
Create Date :14 ตุลาคม 2556 Last Update :14 ตุลาคม 2556 20:27:50 น. Counter : 1601 Pageviews. Comments :0