KINNAUR : สอง ข้าง ทาง (ในวันรถเสีย)
"ตกลงว่ารถมันคงวิ่งไม่ได้แล้ว เราต้องติดรถกระบะออกไปจากที่นี่"
หลังจิบชาร้อนจนหมดจอก ปราดัมก็พากลับมายังจุดรอรถโดยสารที่เดิม หนำซ้ำยังแอบมีข่าวร้ายบอกให้รู้อีกนิดหน่อย
"คนพวกนั้น หายไปไหนกันหมดแล้ว?"
ฉันสงสัยว่ากลุ่มชาวบ้านที่มารอรถกันเยอะแยะก่อนหน้า เดินทางออกไปกันยังไงนอกจากเดิน? หรือยังมีพวกรถขนไม้ ที่แล่นออกมาจากเขตหวงห้ามปลายหมู่บ้านตรงนั้นรับไป?
"พวกเขาอาจติดรถขนของเข้าเมือง ไม่ก็เดินไปโบกรถเอาข้างหน้า"
เฮียให้คำตอบกลับมา
หลังจากที่ได้เจรจากับเจ้าของรถว่าจะขอไปด้วย พื้นที่เบาะนั่งด้านหน้าก็ถูกจองจนเรียบเสียแล้ว
"โย่ ... นั่งข้างหลังได้ไหม"
ไม่รู้ว่าทำไมเฮียแกจะ 'โย่' ทุกครั้งก่อนขึ้นประโยคใหม่เวลาคุยด้วยเนี่ย?
"โย่ ..." เอ้ย "อัดช่า นั่งได้สบายมาก" จากนั้นเราก็กระโดดไปนั่งที่ท้ายกระบะกัน
ไม่เลวนะ... มีกระสอบใส่ขนจามรี ขนแกะ เป็นเบาะพิงชั่วคราว ขนสัตว์พวกนี้จะถูกนำไปทอเป็นผ้าคลุมไหล่สามารถให้ความอบอุ่นได้ดี ฉันเห็นชาวบ้านชาวเมืองย่านนี้ ใช้ห่มตัวเดินไปมาเวลาออกนอกบ้านจนชินตาแล้ว ผืนผ้าแบบนี้ บางทีพวกเขาก็เอามาใช้กันสรรพัดอย่าง มัดหอบข้าวของ ผูกเป็น ผ้าสะพายเด็กเล็ก ฯลฯ
ระหว่างนั่งรถ เมื่อได้คุยกันก็ทำให้รู้ว่า ปราดัม มาเดินสายตรวจงานที่ จิตกุล และจะแวะพักที่ซังกลาในวันนี้ จากนั้นก็เดินทางไปต่อที่ ซาราฮัน ที่เดียวกับจุดหมายแรกของฉัน แต่ในตอนนี้คงต้องกางแผนปรับแผนใหม่ก่อน
"จาก ซังกลา ก็ให้ต่อรถ ไปลง ที่แยก การ์ชัม ไปลงที่ เจอรี่ ต่อรถขึ้นไปอีก 18 กม. ก็ถึง ซาราฮัน ได้"
ปราดัม ช่วยอธิบายการต่อรถให้รู้คร่าวๆ
"แต่...จากซาราฮัน มีรถวิ่งตรงไปถึงชิมลา ได้"
"แบบนี้ฉันไป กัลป้า ก่อนน่าจะง่ายกว่า" กะว่า พอไปถึงที่สุดท้ายแล้ว ก็ยิงยาวนั่งตรงเข้าเมืองโดยไม่ต้องกังวลเรื่องต่อรถอีก "ค่อยปิดท้าย ที่ซาราฮัน"
"โย่! งั้นเราก็คงอาจได้เจอกันในวันมะรืน"
ปราดัม มีบ้านอยู่ที่นาร์กานดา เป็นชาวชิมลา โดยทำงานเป็นตำรวจชายแดนฯ (Indo Tibetan Border Police ตัวย่อคือ I.T.B.P.) ประจำอยู่ที่เมืองจันดิการ์ รัฐปัญจาบ
ในช่วงนี้ต้องเดินทางมาตรวจพื้นที่ ซึ่งเขาก็จะไปต่อยัง 'ซาราฮัน' เช่นกัน
ภาพของหมู่บ้านจิตกุล ที่กำลังลับหายไปอย่างช้า ๆ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ขาออกจากที่นี่จะต้องมานั่งท้ายรถกระบะไร้หลังคารับลมโกรกแบบนี้
รถกระบะแล่นผ่านมายังที่ทำการแห่งหนึ่ง ที่มีป้อมตรวจตราดูแลคนเข้า-ออก ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้า ก็มีเจ้าหน้าที่แต่งชุดเหมือนทหารยืนรักษาการณ์หนึ่งใน นั้นโดดขึ้นรถติดมาด้วย เขาสะพายเป้ลายพรางแบบเดียวกับปราดัม คงเป็นของ หลวงที่เอาใช้ในราชการ
เฮียบอกว่า นี่ก็เป็นเพือนร่วมงานของเขา... ผ่านระยะไปได้ไม่ไกลนัก ก็ได้เจอกลุ่มชาวบ้านที่เดินมาจากหมู่บ้านจิตกุล ล่วงหน้ามาไกลระยะหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นมีรถผ่านพวกเขาจึงพากันมานั่งท้ายกระบะ
หมู่บ้านรัคชัม
ไม่นานนัก รถก็วิ่งมาถึงหมู่บ้านรัคชัม ปราดัมกับเพื่อนจึงชวนฉันลงที่นี่ เพราะมันจะมีรถโดยสารแล่นผ่าน ซึ่งเป็นรถที่จะวิ่งตรงไปยังเมืองมานดี้
กัลป้า และ ซาราฮัน จะเป็นสองเมืองสุดท้ายสำหรับปิดการเดินทางในเขตคินนัวร์ครั้งนี้ แต่พอเกิดเรื่องพลาดรถไปเมื่อเช้าเข้า มันก็เลยรู้สึกดูอลหม่านไปนิด หากเป็นสถานการณ์นี้ฉันอาจไปยัง ซาราฮัน แทนก่อนได้ ...
แผนการ - มี! ...แต่รถ - ไม่มี! ฉันจึงยังกำหนดอะไรแน่นอนไม่ได้เลย
"นึกออกรึยัง ว่าจะไปที่ไหนก่อน"
ปราดัม คงสังเกตเห็นฉันเปิดอ่านแผนที่หนที่สามได้แล้วมั้ง
"เอาจริง ๆ เลยนะ ถ้ามีรถอะไรวิ่งผ่านมา ฉันก็คงต้องไปตามนั้น"
ปรากฎว่าเจ้ารถโดยสาร รอบเก้าโมงเช้ารถที่จะวิ่งไปมานดี้ก็ไม่มาตามกำหนด ในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลแบบนี้ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่มีตารางการเดินรถ บอกติดเวลาไว้ให้เราดูเลย
หรือถ้าจะถามคนพื้นที่ พวกเขาก็ได้แต่บอกเพียงคร่าว ๆ ว่ามันจะมาในช่วงเวลา ไหน แต่จะตรงเวลา ช้ากว่ากำหนด หรือไม่มา อาจเป็นเรื่องสุดวิสัย แต่ยังไงเสีย พวกเขาก็อาจใช้ทางเลือกอื่นเช่น โบกรถ, เดินเท้า ไม่ก็หาทางไปกันจนได้
เราติดแหง่กอยู่ที่หมู่บ้านรัคชัมนานพอควร ก่อนที่เจ้าเมล์รถคันเดิม ที่รอซ่อมจากหมู่บ้านจิตกุล มันกลับมาวิ่งได้ต่อ
"โย่! เอ็งไม่ต้องเปลี่ยนแผนแล้วก็ได้นะ คันนี้มันไปพีโอ"
พวกเราดีใจที่มีรถต่อไปได้แล้ว แม้ว่ากำหนดการเดินทางจะสายกว่าเดิมไปมาก
จุดหมายของปราดัมคือไปลงรถที่ซังกลา ส่วนฉันจะนั่งยาวไปลงที่พีโอ
"ถ้ารถนี่มันเสียอีก จะเปลี่ยนใจไปเปลี่ยนรถที่แยก การ์ชัม ก็ได้นะ"
แล้วเฮียก็หันมาเช็คแฮนด์ก่อนจะลาจากไป "โย่ ยินดีที่ได้รู้จัก"
แล้วก็เป็นไปตามที่ปราดัมคาดการณ์ไว้ รถบ้านี่เสียอีกแล้ว !
ที่แยกการ์ชัม ตรงนี้มีการสร้างทางกั้นน้ำ หรือเขื่อนที่อินเดียมาสร้างเอาไว้บริเวณพื้นที่แถบนี้
เจ้าเมกะโปรเจคที่บางคนก็ไม่ชอบ บางคนก็รู้สึกเฉย ๆ
แต่เรื่องรถโดยสารหวานเย็นคันนี้ ฉันคงต้องอยู่เฉยแม้จะไม่อยากไปด้วยนัก ก็ฉันเบื่อการต่อรถแล้วจะให้มองหารถอื่นที่มีป้ายติดเป็นภาษาฮินดีก็อ่านไม่ออก
กลัวไม่รู้ว่ารถที่ผ่านมาแยกนี้ คันไหนจะไปที่ไหน คนพื้นที่อาจไม่งง แต่คนต่างถิ่นอาจโคตรงง
จะตะโกนถามให้รู้เรื่องคงไม่ทันแหง
ไม่นานนักรถสตาร์ทเครื่องติดเหมือนเดิม ผู้โดยสารบางรายที่ลงไปเดินเล่น ข้างนอกต่างก็วิ่งกลับมาส่วนบางรายก็ตัดใจไปต่อกับคันอื่น
ผ่านพื้นที่ทุรกันดารที่มีฝุ่นตลบ ถัดไปจากตรงนี้ยังมีโครงการก่อสร้างเขื่อน ส่วนบางจุดก็ขึ้นป้ายห้ามถ่ายภาพเพราะเป็นเขตทหาร ...แอบหวั่น ๆ ว่ารถจะพังแถวนี้อีกนะเนี่ย
เมื่อมาถึงยังจุดนี้ที่ฉันเองก็ระบุพิกัดไม่ได้ว่ามันคือที่ไหนกัน? รถโดยสารก็ได้ทำการหยุดวิ่งอีกครั้ง กระเป๋ารถหันมาพูดอะไรก็ไม่รู้กับผู้โดยสาร จากนั้นทุกคนจึงพากันขนของลงไปกันหมด ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจลงพักกินข้าว ประเดี๋ยวก็คงกลับมากัน
ไม่รู้ว่าสิ่งที่คาดเดาไปนี้จะถูกต้องหรือปล่าว... เพราะฉันมองหาร้านขายอาหารไม่เจอสักแห่ง จะมีก็แต่อู่ซ่อมรถ
ผ่านไปนานกว่า 15 นาทีแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าผู้โดยสารคนอื่นจะกลับมา ทั้งเจ้ากระเป๋ารถและคนขับ ต่างพากันเดินหายวับไปไหนกันแล้วไม่รู้ คงเหลือเพียงแค่ฉัน ที่ยังเดินวนเวียนอยู่แถวอู่ซ่อมรถ
"คนขับ...ไปไหน?"
ฉันลองถามเด็กซ่อมรถที่กำลังเอาเครื่องมือ มางัดแงะเครื่องยนต์ของเจ้ารถเมล์คันดังกล่าว
"ปาตา นฮี!" ไม่รู้ ...เขาตอบ
ตายละเหวย ไม่มีใครฟังรู้เรื่องแล้ว ... "รถจะออกกี่โมง"
ฉันทำท่าชี้ไปยังรถกับชี้มายังนาฬิกา ทำท่าหมุนพวงมาลัย พวกเขาได้แต่บอกว่าไม่เข้าใจ "โน อิงลิช" ยังดีที่คนดูแลร้าน พยายามเรียงคำสั้น ๆ ให้พอเข้าใจได้บ้าง
"เธอพูด ฮินดี ได้ไหม?"
ฉันบอกว่าพูดฮินดีแทบไม่ได้เลย
"หนึ่ง สอง ชั่วโมง รถ วิ่ง ต่อ" นี่คือสิ่งที่เขาสื่อสารกลับมา
โห...กว่าจะไปถึงกัลป้า ก็คงค่ำมืดกันพอดี !
"จะไป พีโอ มันไกลมากมั้ย?"
เขาบอกให้ฉันเอากระเป๋าลงมาจากรถ เดี๋ยวจะเรียกรถเมล์ที่ผ่านมาให้
"ไม่ไกล แค่ สิบห้า นาที"
ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ...นี่ถ้ารู้จักพื้นที่ดีกว่านี้นะ ฉันคงไม่มายืนติดแหงกรอให้เสียเวลาเสียนานสองนานหรอก!
ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงของรถประจำทางคันหนึ่งกำลังวิ่งแล่นผ่านมา พี่คนนั้นเดินออกไปยืนโบกให้ พร้อมบอกว่าฉันมากับรถคันที่กำลังซ่อมอยู่ ผลก็คือกระเป๋ารถเมล์จึงไม่ได้เก็บค่าโดยสารฉันเพิ่ม
ในที่สุด ฉันก็มาถึงท่ารถเล็ก ในพีโอ หรือ Reckong Peo จากนั้นก็ต้องหารถขึ้นไปยัง กัลป้า อีกประมาณ 20 นาที
เพราะวันนี้ด้วยเหตุสุดวิสัยจากจิตกุล จึงทำให้ต้องมานั่งรถนานถึงสี่หน คงเป็นโปรโมชั่นพิเศษรับฤดูหนาว ที่จากปกติแล้วจะเดินทางกันแค่สองต่อ แล้วเรื่องราวก็จบลงในเวลาสี่โมงเย็นบนเนินเขาเล็ก ๆ ของ หมู่บ้านกัลป้า
ซึ่งข้าพเจ้าก็คิดว่าตัวเองได้ผ่านหลักสูตรการต่อรถฯ ขั้นพื้นฐานของอินเดียแล้ว ณ วันนี้ (ส่วนลำดับวิชาขั้นสูงคงต้องนั่งบนหลังคา 555)
Jai Ho !!!!!!
" อื่นๆ "
- เทียบชื่อหมู่บ้าน / เมือง บางข้อมูล อาจใช้การสะกดต่างกัน
พีโอ = Reckong peo/ Recong Peo จะเรียกสั้นๆ ว่า Peo ก็ได้ เป็นเมืองใหญ่ของเขต คินนัวร์
จิตกุล = Chhitkul / Chitkul ซังกลา = Sangla รัคชัม = Rakchham / Rakcham กัลป้า = Kalpa การ์ชัม = Karchham / Karcham เจอรี = Jeori ซาราฮัน = Sarahan
- การเดินทางด้วย รถโดยสารประจำทาง
Karchham เป็นทางแยกไปถนนเส้นหลัก สามารถต่อรถจากที่นี่ได้
การเดินทางไป Kalpa จาก Reckong Peo -จะมีสถานีขนส่งสองแห่ง หากไปลงที่ท่ารถเล็ก ให้เดินข้ามไปรอยัง ด้านหน้าที่ทำการไปรษณีย์
ค่ารถกระบะ จาก จิตกุล - รัคชัม = 31 รูปี ค่ารถโดยสาร รักชัม - พีโอ = 90 รูปี ค่ารถโดยสาร พีโอ - กัลป้า = 10 รูปี
------ ส่วนเรื่องของ กล้อง นับตั้งแต่บล็อกนี้ จะใช้ compact ถ่ายเป็นหลัก อาจมี DSLR ที่มีอาการร่อแร่มาแจมบ้าง ต้องขออภัยในความไม่สมบูรณ์ เรื่องภาพประกอบที่อาจขัดตาไปบ้างนะคะ
Create Date : 30 มิถุนายน 2559 |
|
24 comments |
Last Update : 8 กันยายน 2560 10:49:30 น. |
Counter : 1807 Pageviews. |
|
|
|
โย่ ฟังภาษาไม่ออกแต่ยังสื่อสารกันได้เก่งจัง
โย่ ต่อรถขนาดนี้ ทรหดสุดยอดเลยฟ้าเอ๊ย
โย่ รออ่านเรื่องพีโอต่อน้าา
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Max Bulliboo Klaibann Blog ดู Blog
mambymam Music Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
ข้ามขอบฟ้า Music Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
Bonjour_KiTTy Food Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น