เหตุเกิดที่สถานีรถไฟฯ (2) จบ
" ตกรถไฟแล้วโว้ย ! "
ฉันอยากตะโกนประโยคนี้เป็นภาษาไทย ให้ใครสักคนรับรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้เสียจริง และยิ่งถ้าหากมีสัญญาณเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยละก็ คงเป็นที่แน่นอนเลยว่า มันคงจะได้ถูกโพสต์ระบายลงในเฟซบุค เพื่อประกาศให้ใครต่อใครได้รับรู้ ไปพร้อม ๆ กับอาการสติแตก
แต่ ณ ขณะนั้นไม่ได้มีการเผยแพร่เหตุการณ์ที่ว่าผ่านช่องทางใด และบริเวณพื้นที่โดยรอบก็มีแต่คนอินเดีย
หลังรู้คำตอบเรื่องขบวนรถไฟ เจ้าหน้าที่ได้บอกให้รีบไปติดต่อแผนกสอบถามโดยไว ฉันเดินหอบกระเป๋ากลับไปยังอาคารผู้โดยสาร มุ่งไปยังเจ้าหน้าที่ผู้อยู่ประจำจุดเดียวกับที่ฉันเห็นผู้คน พากันมายืนมะรุมมะตุ้มกันเยอะ ๆ เมื่อคืนนี้นั่นแหละ
ฉันต่อแถวอย่างไม่เป็นสุขเพราะมีคนเข้ามาเบียดเยอะไปหมด แต่ไม่นานนักพวกเขาก็ยอมให้ฉันลัดคิวไปถามเรื่องตั๋วที่กำลังมีปัญหา
"รถไฟ ขบวน 12311 วันนี้มาตรงเวลา"
เจ้าหน้าที่หยิบตั๋วไปตรวจสอบเที่ยวรถฯ พร้อมบอกถึงเรื่องที่ฉันพลาดไปแล้ว และต้องทำการซื้อตั๋วใหม่สถานเดียว เพราะกรณีนี้จะเปลี่ยนตั๋วหรือคืนเงินไม่ได้
ฉันหยิบแบบฟอร์มสำหรับเอาไว้เขียนกรอกซื้อตั๋วมาหนึ่งใบ ด้วยความรู้สึกกระวนกระวายผสมกับอาการใจเสีย ที่ผ่านมาก็ล้วนแต่ให้ทางนายหน้าเดินเรื่องให้...และสถานีรถไฟแห่งนี้ ไม่มีแผนกบริการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียด้วยสิ
ตัวแบบฟอร์มที่ว่านี้มีสองภาษาให้เลือกเขียน ระหว่างที่ลงข้อมูลก็ต้องมาชะงักกับหมายเลขขบวนรถที่จะไป ฉันไม่รู้ว่ายังมีขบวนไหนของวันนี้ที่จะวิ่งไปจันดิการ์อีก มากสุดก็มีเพียงชื่อและหมายเลขของขบวนต่าง ๆ ที่จะวิ่งผ่าน มายัง Mughal Sarai เขียนติดบอกเอาไว้ที่ป้ายกระดานหน้าสถานี
แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสำหรับตัวเอง
ฉันมองดูกระดานฯ อยู่พักหนึ่งและถามคนแถวนั้นถึงหมายเลขไหนจะวิ่ง ไปทางเหนือบ้างในวันนี้? มีคนมาช่วยชี้บอกชื่อขบวน ๆ หนึ่งให้ซึ่งฉันก็รีบ ทำการกรอกตามไปโดยไม่ทันคิดให้ดี
พร้อมระบุเขียน ต้นทาง-ปลายทาง ว่า จะขึ้นจาก Mughal Sarai และลงที่ Chandigarh กำกับไว้
เมื่อทุกอย่างถูกเขียนลงไปในกระดาษแผ่นนั้นจนครบถ้วนแล้ว ฉันต้องยื่นส่ง ให้เจ้าหน้าที่ทำการพิมพ์ตัวเลขลงไปที่หัวกระดาษและรอการเรียกตามลำดับ ที่จะปรากฏบอกบนป้ายไฟให้เห็นตรงด้านหน้าช่องจำหน่ายตั๋วให้รู้
พนักงานหญิงคนหนึ่งได้รับเรื่องการออกตั๋วของฉัน ทำการป้อนข้อมูลตามแบบ ฟอร์มลงไปในคอมพิวเตอร์และไม่ได้พูดอะไรมากมายเท่าไหร่นอกจากจะถามว่า ต้องการจองชั้นโดยสารประเภทไหน?
ตั๋วเดินทางสำหรับรอบเย็นวันนี้ถูกพิมพ์ออกมาจากเครื่องฯ หลังจากที่จ่ายเงินไป แล้ว ตัวเองก็ได้แต่รอให้ถึงเวลาที่จะได้ออกไปให้พ้น ๆ จากที่นี่เสียที ฉันเดินกลับ ไปที่ชานชาลาบริเวณที่มีร้านอาหาร เพื่อกินมื้อกลางวันและหาที่นั่งพักสำหรับ ผู้โดยสารหญิง โชคดีที่พื้นที่นั้นมีแอร์เย็น ๆ เปิดด้วย คงเหลือเวลาอีกมากทีเดียว ในวันนี้...
นอกจากเรื่องแย่ ๆ ในเดลี ที่ได้เจอวันแรก ที่ซวยรองลงมาก็คือเรื่องตกรถไฟนี่แหละ
.....
หลังจากเวลาได้ผ่านไประยะหนึ่ง ฉันหยิบเอาตั๋วโดยสาร มาไล่ดู 'เวลา - วันที่- สถานี' อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
Mughal Sarai - Guhawati เที่ยวขบวนนี้จะมาถึงยังสถานี ตอนบ่ายสี่โมงครึ่ง...เอ๊ะ! ทำไมชื่อปลายทางมันดูแปลก ๆ หรือว่าจันดิการ์ มีสถานีรถไฟอีกแห่งที่ชื่อว่า Guhawati?
ฉันลองเปิดแผนที่จากไกด์บุคที่พกติดมาตรวจสอบรายชื่อสถานีที่ว่า จะอยู่จุดไหนของเมืองจันดิการ์... ปรากฏว่าหาไม่เจอ
แต่เมื่อค้นชื่อผ่าน Glossary ที่ท้ายเล่ม ใจของฉันแทบร่วงอีกหนเมื่อพบคำตอบว่า
Guhawati มันเป็นชื่อของเมืองใหญ่ที่อยู่ในรัฐอัสสัม !
รัฐอัสสัม ที่ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และอยู่คนละทิศทางกับจันดิการ์ ในรัฐปัญจาบ ที่ฉันจะไปเลยนะ
เฮ้ย! ยัยนั่น ออกตั๋วให้ฉันแบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย ??????
เรื่องแบบนี้ยังไงก็ผิดคนละครึ่งทาง! ฉันระบุลงในแบบฟอร์มอย่างชัดเจน ว่าจะไปลงยังจันดิการ์ อย่างน้อย ถ้าขบวนที่ว่ามันได้ไปยังทิศทางนั้น พนักงานออกตั๋วก็ต้องมีเอ่ยถามหรือพูดแย้งบ้างสิ ไม่ใช่มาลงปลายทาง แบบสุ่มเดาเอามั่ว ๆ อย่างนี้
กว่าจะมารู้ตัวในเวลานั้น ก็ปาไปบ่ายสองโมงกว่า ฉันกลับมาวิ่งวนเหมือนหนูติดจั่นอีกหนหลังจากเผลอชะล่าใจซะนาน ซึ่งในตอนนี้ก็ต้องวกกลับไปต่อแถวที่แผนกสอบถามอีกแล้ว
....
"พนักงานกรอกข้อมูลปลายทางให้ฉันผิดค่ะ"
ฉันโผล่หน้ามายังช่องติดต่อเดิมและพยายามอธิบายเรื่องที่พลาด และเนื่องจากยังมีคิวที่รอถัดไปจากฉันอีกมาก เจ้าหน้าที่จึงบอกให้ฉันเข้ามา พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลฯ ที่ห้องด้านในแทนเพราะคงต้องใช้เวลานานแน่
แม้ว่าจะเป็นห้องด้านในนั้นจะมีเครื่องปรับอากาศเปิดให้รู้สึกเย็นสบายก็ตาม แต่สีหน้าของฉันกลับซีดและเต็มไปด้วยเหงื่อ
"เราต้องการหลักฐาน ... เอาใบสำเนาที่คุณกรอกมาให้ดูหน่อย" เจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่ง แลดูเกรี้ยวกราดเล็กน้อย กำลังแสดงทีท่าเหมือนสอบสวนผู้ต้องหา
ฉันโต้แย้งว่าไม่มีสำเนาที่ว่าถามถึง...จำได้แค่เพียงหลังยื่นส่งเอกสารให้พนักงาน ออกตั๋วไปก็ได้รับบัตรโดยสารใบนี้กลับมา และที่สำคัญฉันไม่เห็นเธอคนนั้น นั่ง ประจำการอยู่ตรงที่เดิมแล้วด้วยสิ
"ฉันรู้ว่าตัวเองผิดตรงที่กรอกหมายเลขขบวนฯ ไม่ถูกต้อง..."
เอาวะ เรื่องไหนที่เราพลาดก็ต้องยอมรับไปตรง ๆ
"ฉันเขียนระบุปลายทางเอาไว้ชัดเจนว่าจะไปลงที่ไหน จะมีรถไฟขบวนอะไร วิ่งไปที่จันดิการ์บ้างก็ไม่รู้ ฉันเพิ่งมากรอกข้อมูลเพื่อซื้อตั๋วเอากระทันหันหลัง ตกรถไฟเมื่อช่วงสาย...ฉันเป็นคนต่างชาติและไม่รู้เลยว่า Guwahati มันอยู่ส่วน ไหนของประเทศนี้ ทำให้ไม่เอะใจแต่แรก ส่วนเจ้าหน้าที่คนนั้นก็ไม่แย้งอะไร สักอย่าง กระทั่งชื่อปลายทางที่เขียนไว้แต่กลับพูดถามเพียงแค่ว่า ต้องการชั้น โดยสารประเภทไหน"
มีเจ้าหน้าที่สามคนที่ยืนรับฟังฉันในตอนนั้นพอได้รู้ความ และเข้าใจปัญหาที่เกิดแล้ว พวกเขาก็ตกลงที่จะยอมเปลี่ยนตั๋วให้
"นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย?" เจ้าหน้าที่ชายได้หันไปถามเวลากับอีกคน
"บ่ายสามสิบห้า" หลังมีเสียงตอบกลับมา กลุ่มคนเหล่านี้ต่างก็วิ่งไปที่จุดรับผิดชอบของตัวเองในการเดินเรื่อง
"เร็วเข้า เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา ต้องรีบทำให้ทันก่อนบ่ายสี่ ! "
เจ้าหน้าที่หญิง ทำการเคลียร์บัญชีใหม่ ที่ต้องหักเงินค่าส่วนต่างของตั๋วเดิมออกมาคืนให้
"ส่วนเธอ เดี๋ยวรบกวนออกไปถ่ายเอกสารหน้าพาสปอร์ต ไว้เป็นหลักฐานให้หน่อยนะ "
พวกเขาต้องการสำเนายืนยันตัวตนที่จะนำมาแนบประกอบ ฉันเลยลองหยิบซองใส่เอกสารสำคัญที่พกมาดูเผื่อจะยังมีเอกสารเก่า ๆ ที่ถ่ายสำเนาเก็บไว้บ้าง แต่ก็ดันมีแค่สำเนาบัตรประชาชนรุ่นก่อน พอเจ้าหน้าที่เห็นดังนั้นจึงบอกว่า งั้นเอาอันนี้มาใช้แทนก็ได้
เอ่อ ...พอบทมันจะง่ายก็ง่ายเนอะ
พวกเขาส่งแบบฟอร์มสองใบให้กับฉันเพื่อยื่นคำร้องขอยกเลิกตั๋วใบเดิมหนึ่งใบ และสำหรับกรอกซื้อตั๋วใบใหม่อีกหนึ่ง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยชี้บอกว่าต้องเขียน อะไรลงไปบ้าง
"มันมีแค่ Kalka mail ที่จะวิ่งไปจันดิการ์"
เจ้าหน้าที่บอกข่าวร้ายกับฉันว่าจะต้องเดินทางไปในวันพรุ่งนี้เช้า กับเจ้าขบวนรถไฟเที่ยวเก่า ที่พลาดไปนั่นแหละ หลังจากที่ระบุเที่ยวโดยสาร ขบวนเดิมลงไป เราก็ต้องมาลุ้นกับหมายเลขที่นั่งอีกหน
"ยังมี AC เหลือไหมคะ"
ฉันถามถึงชั้นโดยสารที่น่าจะเป็นไปได้สำหรับการจองครั้งนี้
"โอเค เดี๋ยวจะตรวจดูให้" แต่ชั้นโดยสารปรับอากาศ ก็เต็มหมดแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเคาะไปยัง Sleeper class ที่เป็นตัวเลือกสุดท้ายแทน
"โชคดีนะ ยังเหลืออีกสามที่...เอาหมายเลขที่เป็นเตียงบนสุดละกัน"
เหลือเชื่อเลยฉันจะได้กลับไปนั่งขบวนเดิม แถมยังเป็นเลขที่เดิมซะด้วย!
ฉันรับเงินทอนที่หักคืนจากค่าตั๋วใบเก่าจากเจ้าหน้าที่หญิงเป็นที่เรียบร้อย แถมได้รับแบบฟอร์มเปล่าสำหรับใช้กรอกซื้อตั๋วรถไฟอีกสิบใบเป็นของแถม พวกเขาบอกว่าเอาเก็บไว้เขียนล่วงหน้า เวลาจะซื้อตั๋วครั้งใหม่จะได้ไม่ต้อง มาเหนื่อยแบบนี้อีก และทั้งนี้ฉันคงต้องขอขอบคุณกับการช่วยเหลือแบบเฉพาะ กิจเฉพาะกาลจากเจ้าหน้าที่เหล่านี้ด้วย แม้ในครั้งแรกจะดูเหมือนทำหน้ายักษ์ใส่ เพื่อเค้นหาความพลาดของฉันแทบตาย แต่สุดท้ายก็ช่วยกันวิ่งวุ่นเพื่อเร่งให้ทุก อย่างทันเวลา
ไม่รู้ว่าพนักงานออกตั๋วคนนั้น จะโดนสอบความผิดอะไรไหม?
"รถออกรอบหกโมงเช้า ให้มารอที่นี่ก่อนครึ่งชั่วโมง แล้วก็อย่าพลาดอีก พยายามถามคนที่จะไปเที่ยวขบวนเดียวกับเราไว้"
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งให้คำแนะนำกับฉันเอาไว้ ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องนี้
.....
และแล้วก็ถึงเช้าวันถัดมา
เมื่อคืนนี้ฉันนอนพักที่โฮสเทลแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลไปจากสถานีรถไฟ แม้ว่าสภาพมันจะย่ำแย่เสียจนไม่น่าพักเท่าไหร่และราคาสูง แต่ก็คงไม่ไหว ถ้าจะต้องมาหลับที่สถานีรถไฟหนที่สอง
ช่วงเวลาตีห้าครึ่ง ฉันกลับมานั่งรอที่อาคารผู้โดยสารอีกครั้ง เจ้ารถไฟสาย 12311 ก็แสดงสถานะปรากฏบนหน้าจออีกหน ครั้งนี้แจ้งว่ามันดีเลย์ไปครึ่งชั่วโมงและให้ไปรอที่ชานชาลาหมายเลข 2
ฉันออกไปรอที่เดิม เวลาเดิม โดยยังคิดไม่ออกเลยว่า
เมื่อวาน พลาดตรงไหน?
รถไฟแต่ละขบวนที่เข้าจอดที่สถานีนี้ ต่างก็ต้องต่อท่อส่งน้ำสำรองเก็บไว้ใช้ ระหว่างทางและพักทำความสะอาด จากกลุ่มเด็กที่ใส่เสื้อเชิร์ตสีขาวมอ ที่ขึ้น ไปกวาดพื้นบนรถไฟเหมือนกับที่เห็นเมื่อครั้งแรก ดู ๆ แล้วการในจอดก็น่าจะต้อง ใช้เวลาจอดขั้นต่ำราวๆ 15 นาที ได้ นั่นก็เท่ากับว่าแทบจะไม่มีรถไฟขบวนไหน จะวิ่งมารับผู้โดยสารแบบ มาไว ไปไว แน่นอน
ระหว่างนั้นก็เห็นผู้คนที่อยู่บนรถไฟที่จอดพัก คาดว่าโดยสารกันข้ามคืน ไปยืนออกันหน้าประตูทางขึ้นรถไฟ หรือไม่ก็โผล่มาที่หน้าต่างเพื่อแปรงฟัน ล้างหน้า บางคนก็พ่นน้ำหมากสีแดงเหมือนเลือดพ่นปรี๊ดลงมาที่รางด้านล่าง
สินค้าที่ขายดิบขายดีในยามเช้า คงหนีไม่พ้นกิ่งสะเดาข้อใหญ่ประมาณนิ้วโป้ง มีแม่ค้าเดินหอบมาขายมัดโต เพื่อเอาไว้ใช้สีฟัน เห็นพี่ที่นั่งรอรถไฟอุดหนุนมาสองก้าน
ลุงคนเข็นรถขายหนังสือ ได้หันมายิ้มทักทายเล็ก ๆ ก็เพราะเขาเอง คงจำฉันได้ดีจากที่เมื่อวานมานั่งรอรถไฟอยู่ตั้งนานสองนาน...
มีกลุ่มเด็กน้อยเดินลงไปเก็บขยะกลางรางด้านล่าง ในช่วงที่ยังไม่มีรถไฟวิ่งผ่าน ฉันคิดว่ามันเป็นพื้นที่สกปรกที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา พวกน้องกลุ่มนี้พากันคุ้ยหา ขวดพลาสติก เพื่อจะเอาไปขายพร้อมเดินข้ามมายังชานชาลาฝั่งฉัน ... เศษองุ่นเขียวที่พ่อค้าทำตกร่วงหล่นเรี่ยราดไปตามพื้นขณะที่เอากระจาดเทิน ขึ้นบนหัวเวลาที่จะย้ายพื้นที่ไปขายยังจุดอื่น พวกเด็กเหล่านี้ต่างหยิบเก็บขึ้นมา กินกันโดยไม่เช็ดไม่ล้าง
เรื่องบางอย่างเราก็พูดไม่ออก
การเดินทางครั้งนี้ มันได้เห็นอะไรแทบทุกอย่างจริง ๆ โดยเฉพาะความแตกต่างทั้งหลายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้
"Kalka Mail จะดีเลย์ไปอีกครึ่งชั่วโมง" มีผู้ชายคนหนึ่งถือตั๋วรถไฟขบวนเดียวกันกับฉัน บอกข่าวให้รู้จากเสียงประกาศ ที่ฟังยังไง ฟังเท่าไหร่ ก็ไม่กระดิกเข้าหูสักรอบ...ว่ามันจะมาสายในวันนี้
สักพักใหญ่พี่เขาก็หายตัวไป...
ฉันออกเดินตามหาจนเจอพบว่าแกออกมาที่แผงหนังสือ เพื่อหาอะไรอ่านฆ่าเวลาเลยต้องเข้าไปบอกตามตรง ว่าเมื่อวานตกรถไฟมาหนนึงแล้ว ยังไงก็ขอตามติดไปด้วยคน เขาจึงพยักหน้ารับทราบ
จากนั้นฉันก็ตามประกบซะเป็นเหาฉลามเพราะกลัวพลาดท่าอีก หลังจากนั้นเป็นเวลา 7.20 น. ใกล้เวลาที่รถไฟกำลังจะเข้าสถานี เสียงประกาศ แจ้งขึ้นมารัว ๆ บอกถึงอะไรบางอย่าง คล้ายเหตุการณ์เมื่อวันก่อนไม่มีผิด... พี่คนนั้นสะกิดบอกฉันให้ย้ายมารออีกจุดที่ชานชาลาด้านหลัง (หมายเลข 4)
พอนึกไปถึงเรื่องคนเมื่อวานที่บอกเราว่า "เจ็ด" แล้วเดินหายออกไป
ตาสว่างขึ้นมาทันที
รถไฟ เปลี่ยนชานชาลาเข้าจอด
แถมแจ้งกะทันหันก่อนแค่ ห้านาที !
7.30 น. ฉันได้ขึ้นมาอยู่บนรถไฟเป็นที่เรียบร้อย พร้อมที่จะไปได้ต่อ โดยไม่ต้องพะวงห่วงกังวลอะไรอีก เหลือเพียงแค่เวลาเดินทางที่พรุ่งนี้ ฉันจะไปถึงที่หมายยังจันดิการ์เพื่อมุ่งสู่มะนาลีตามที่ตั้งใจไว้เสียที...
Create Date : 15 กันยายน 2557 |
|
31 comments |
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2561 21:55:10 น. |
Counter : 2055 Pageviews. |
|
|
|