Sangla, KINNAUR 2019 : โรงเรียนเก่า
บนโลกคู่ขนานทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีเท่ากันหมด มีคอนเทนต์แพร่หลายเต็มบน Reels, Instagram, Tiktok, Youtube เด็ก ๆ ในโรงเรียนที่ตั้งกลางพื้นที่ชนบทอินเดีย พกพาสมาร์ทโฟนเชื่อมต่อสัญญาณ 4G พร้อมไลฟ์สดกันเดี๋ยวนั้น
หลังเชิญธง เข้าแถวร้องเพลงชาติโชว์ไปหนึ่งจบแล้ว พวกเขาก็เรียกร้องให้ชาวต่างชาติ ผู้มาเยือนรายนึง ซึ่งหลงเข้ามาเจอโรงเรียนเล็ก ๆ ที่หลบซ่อนจากมุมถนน จากการเดินตาม นักเรียนสามรายเข้ามา ให้ช่วยร้องเพลงชาติไทยให้ฟังสักหน่อย เป็นการแลกเปลี่ยนกับที่ พวกเขาเพิ่งทำไปเมื่อครู่นี้ "อะแฮ่ม"...ชาวต่างชาติผู้นั้นกระแอมเสียงเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน หลังถูกร้องขอแกมกดดันของเด็กเกือบทั้งโรงเรียน(จำนวนหลักสิบ) รวมความกล้าในการยืนร้องเพลงชาติคนเดียว จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันยกมือถือขึ้นมารายล้อมและอัดถ่ายไว้ คลิปนี้อาจถูกแพร่ภาพไปยังช่องทางไหนสักที่บนโลกออนไลน์ แทรกไปด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก ๆ
เราคิดทบทวนเรื่องอดีตไปเรื่อยเปื่อย กับเส้นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว วางทาบกับไทม์ไลน์ในปัจจุบัน ขณะที่กำลังพิมพ์เอนทรี่นี้ในปี 2024
โรงเรียนเก่า (ย้อนกลับมาที่ปี 2019 กันต่อเนาะ) เสียงฝนจากด้านนอกที่ได้ยินแต่เช้านี้ เป็นสัญญาณไม่ดีสักเท่าไหร่สำหรับการกลับมาเยือน Sangla เราแทบไม่มีโอกาสที่จะออกเที่ยวได้อย่างสบายใจกับเวลาครึ่งวันเช้าที่เหลืออยู่ รถประจำทางไปยัง Chitkul มีออกสองรอบคือเจ็ดโมงเช้าและรอบเที่ยงวัน
บรรยากาศที่เฉอะแฉะด้านนอกชวนให้ไม่อยากเดินออกไปหาอะไรกินตอนเช้า ได้แต่หยิบเอาผลไม้ และขนมปังซื้อติดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนมากินคั่นเวลาไปก่อน พลางควานหาน้ำดื่มจากกระบอกน้ำที่พกติด มา แต่ก็หาไม่เจอ มันหายไปไหน คราวก่อนก็ทำร่วงหายไประหว่างเดินทางเและคราวนี้มันหายไป ไหนอีก ไม่คิดว่ามันจะเป็นวัตถุทีชอบหายซ้ำซาก พอนึกทบทวนได้ ก็ต้องรีบเดินจ้ำฝ่าฝนออกไป จากห้องพักทันทีตรงดิ่งไปที่ร้านเมื่อคืนซึ่งตั้งอยู่เยื้อง ๆ กัน ป้าเปิดร้านแต่เช้า พอเห็นหน้าปุ๊บก็รู้ทันที แกเดินไปหยิบกระบอกน้ำที่ลืมไว้มาให้
โอ...ขอบคุณมาก เดี๋ยวก่อนเดินทางตอนเที่ยงจะแวะมาอุดหนุนนะ
⭗ ลานทางขึ้นบันไดหน้าที่พัก อยู่ใกล้กับซุ้มหน้าหมู่บ้าน Sangla ที่วันนี้มีแต่ฝนปรอยตกจนพื้นถนนเฉอะแฉะ
ข้ามถนนกลับเข้าที่พัก เจอพี่รปภ. ยืนตรงห้องลงทะเบียนเข้าพัก ยกมือทักทาย แกพยักหน้ารับตามมารยาท พอเห็นกระบอกน้ำ ที่ถือติดมือมาก็ถามว่าจะเติมน้ำร้อนมั้ย เลยยื่นส่งให้เอาไปเติม แผนการในช่วงครึ่งวันรอบเช้านี้ไม่มีอะไรมาก รูปถ่ายเด็ก ๆ จากปี 2015 ที่ยังคงเหลืออยู่ในอัลบั้มเรา นึกไม่ออกว่าจะมอบให้กับใครดี ที่อยู่ของครู ที่เคยจดไว้ มันก็ป่นยุ่ยไปกับการหอบผ้าปูที่นอนไปซักลงเครื่องเสียหมด ทำให้ไม่ได้ฝากส่งผ่านไปรษณีย์ตามแผนแรก เราเดินผ่านไปยังเส้นทางที่คุ้นเคย ฝ่าฝนที่ยังไม่ยอมหยุดโปรยมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ จ้ำผ่านเส้นถนนที่เฉอะแฉะ ผ่านสวนแอปเปิ้ลที่เพิ่งจะออกลูกเป็นสีแดงและฝูงแพะ ระหว่างนั้นก็ได้รับการทักถามจากคนพื้นเรื่อย ๆ ว่าจะไปที่ไหน? "ไปโรงเรียนค่ะ" โชคดีที่ตอบไปแล้วไม่มีใครถามถึงเหตุผลต่ออีก ก็แหม คนอินเดียชอบต่อความยาวสาวความยืดด้วย why? เสมอ ๆ นี่นา
⭗ ฝูงแพะ ที่เดินสวนผ่านระหว่างทาง บางตัวก็ดูขนกล้อน บางตัวก็ยังมีขนพริ้วอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นพันธุ์ที่เลี้ยงสำหรับกินเนื้อหรือ เลี้ยงไว้เพื่อเอาขนไปทอเพราะแถวนี้เขามีชื่อเสียงเรื่องผ้าทอขนสัตว์อย่างผ้าคลุ่มไหล่ผืนหนาสำหรับห่มคลุมกันหนาวอย่าง Kinnauri shawl กับลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ (ส่วนเรื่องของอาหาร non-veg แถวนี้ก็จะมีตัวเลือกหลัก ๆ คือเนื้อแกะ และไก่)
ถึงจะยังจำตำแหน่งได้ดี แต่ว่าตรอกทางเข้า แอบดูแปลกตาไปกว่าเดิมจนน่าสับสน ไม้พุ่มเขียวที่ขึ้นรกบดบังจนมองเหมือนเป็นทางตัน ทำให้เราต้องถอยกลับมาตั้งหลัก ที่หน้าถนนใหม่อีกครั้ง ฤดูกาลที่เคยมาเยือนครั้งแรกเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ภาพที่จำกับภาพปัจจุบัน มันดูต่างกันจนไม่น่าเชื่อ จากการนำทางของนายหัวฟู อรุณพนักงานดูแลเกสเฮาท์ ทรงฮิปปี้ ที่ตั้งอยู่เยื้อง ๆ กับแคมป์ อาสาพาเดินแหวกป่าฝ่าดงไม้ที่ชุ่มเปียกไปด้วยฝน ตรงเส้นทางเข้าตรอกเดิม เปิดรั้วกั้นที่เป็นประตูไม้พาเข้าไปยังเขตโรงเรียนจนสำเร็จ
ช่วงเช้าตรู่ของวันฝนตก จำนวนเด็กนักเรียนมีแค่ไม่กี่รายที่มาถึง เครื่องแบบของพวกเขา ยังไม่ปรับเป็นเสื้อกันหนาวสีน้ำเงิน เราแอบหวังที่จะเจอใครสักคนในรูปถ่ายที่ยังคงอยู่ จะได้ฝากภาพถ่ายทั้งอัลบั้มที่เหลือนี่ไว้เป็นที่ระลึก ด้วยว่าหลายปีที่ผ่านมานั้น ไม่มีการ ติดต่อกับใครสักคน เด็ก ๆ รุ่นโน้น น่าจะย้ายไปเรียนที่อื่นกันหมด บุคคลเดียวที่น่าจะ ประจำการที่นี่เห็นจะเป็นคุณครูจันเดอร์ โมฮัน
⭗ ลานปูที่มีเสาสำหรับเชิญธงชาติก่อนเข้าเรียน
⭗ เด็ก ๆ รุ่นปัจจุบันที่เจออยู่แค่ไม่กี่คนในเช้าของวันฝนตก อาคารของโรงเรียนหลังนี้กำลังถูกต่อเติมส่วนบนให้มีสองชั้น
ไม่มีเวลาเหลือมากเท่าไหร่นัก เลยเรียกเด็กสักคนมาถามดีกว่า เพราะถ้าจะฝากพวกเขาเอาไปให้ครู ดูทรงแล้วไม่น่าจะเหลือรอด อย่าว่างั้นงี้เลย เจ้าแก็งนี้มันดูเฮี้ยว ๆ ฝากร่มให้อรุณช่วยถือบังฝน เราก็ค้นกระเป๋าหยิบอัลบั้มรูปยื่นส่ง ไปให้เด็กสองคนที่เข้ามาคุย "พอจะรู้จักใครสักคนในรูปพวกนี้มั้ย" น้อง ๆ มีท่าทีเลิ่กลั่ก เหมือนกับว่าคู่สนทนารายนี้ไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ พวกเขาเปิดเห็นรูปถ่ายหมู่ที่มีคุณครูยืนอยู่ พลางกระซิบกระซาบ ถัดไปอีกรูปก็ยังคงเป็นภาพถ่ายรวม ๆ กันหลายคน ระบุยากอยู่ เปิดจนมาถึงภาพที่มีอยู่เพียงสองคนที่ดูเป็นเป้าหมายที่ชัดขึ้น "หิมานชู!"
เออ ชื่อนี้แหละ "รู้จัก หิมานชูด้วยหรอ" พวกเขาพยักหน้าตอบรับ แล้วบอกว่าคนในภาพย้ายไปเรียนอีกที่นึงแล้ว นับตามอายุแล้วก็คงต้องเป็นแบบนั้น ว่าแต่ไปอยู่ไหนไกลปะ? เด็ก ๆ ชี้ย้อนไปยังทิศทางเดียวกับที่เราเดินมา "ตรงข้ามท่ารถ โรงเรียนกูรูกุล…" อ๋อ จำได้ว่าแถวนั้นมีโรงเรียนตั้งอยู่ แล้วโรงเรียนที่ว่าอยู่ถัดลงไปจากที่พักของเรานี่เอง! หลังจากที่ได้ข้อมูลการตามหานี้แล้ว คุณอรุณก็เดินแหวกพุ่มกิ่งไม้ที่ถูกลมฝนพัดล้มระเนระนาด จนกลบตรอกทางเดินนำทางมาถึงหน้าปากทางที่เป็นถนนเส้นหลัก ตรงข้ามเกสเฮาส์ที่เขาเป็น พนักงานดูแล พร้อมขอเวลาคุยโปรโมทนิดหน่อยว่าถ้ากลับมา Sangla ก็แวะมาพักที่นี่นะ บรรยากาศดีแหละ แต่อยู่ไกลจากท่ารถชะมัด เอาเป็นว่าใครชื่นชอบสไตล์บุปผาชนก็อาจถูกใจ เรทที่พักแถวนั้นก็ราคาไล่เลี่ยพอ ๆ กันคือ 700 รูปี
โจทย์ใหญ่คราวนี้ ไม่ใช่เรื่องของระยะทางที่ต้องเดินกลับ แต่เป็นโรงเรียนแห่งใหม่ที่ต้องลองสุ่มถามจากคุณครูที่นั่น โดยปกติแล้ว คนอินเดียจะมีนามสกุลลงท้าย เพื่อระบุบอกถิ่นฐาน หรือพื้นเพที่มา และนามสกุลของครอบครัวที่ดูจะเฉพาะเจาะจงกว่า แน่นอนว่าชาว Kinnaur จะมีคำลงท้ายชื่อว่า Negi เหมือนกันหมด ที่ฝั่งตรงข้ามกับท่ารถ บันไดที่เป็นทางขึ้นไปยังบริเวณลานของโรงเรียนด้านบน มีเหล่านักเรียน กำลังมายืนรวมตัวกันอยู่อย่างปะปน คะเนจากสายตาดูแล้วเป็นเด็กโตในวัยมัธยมเสียส่วนมาก มีคละกันทั้งชายหญิง เราหยุดยืนอยู่ตรงเชิงบันไดด้านบน ไม่ได้ก้าวข้ามจากจุดนั้นเข้าไปยังพื้นที่ พอเห็นครูที่ยืนคุมไม่ไกลจากตรงนั้น เลยรวบรวมความกล้าที่มีอยู่น้อยนิดเข้าไปสอบถาม มันเป็น การถามแบบหว่านแหมาก ด้วยชื่อของน้องมันมีแนวโน้มที่จะซ้ำกับใครหลายคน เราก็ไม่รู้นามสกุล ครอบครัวพอที่จะระบุได้ว่าคือใครคนไหน "ที่นี่มีเด็กนักเรียนที่ชื่อ หิมานชู มั้ยคะ" หลังจากครูได้ฟังก็บอกให้เรารอเดี๋ยว กวักมือเรียกน้องคนนึงให้เดินมาหาและ แจ้งให้ไปตามหิมานชูให้มาที่นี่ ซึ่งไม่รู้ว่าครูจะสุ่มเลือกมาได้ตรงอย่างที่คิดมั้ย?
ครู่หนึ่งมาเด็กอีกคนเดินตรงมาหา ด้วยท่าทางไม่แน่ใจว่าครูเรียกให้มาทำไม เป็นเด็กวัยมัธยม ที่ตัวสูงกว่าเราแล้ว น้องมีผิวคล้ำและดูท้วมขึ้นเล็กน้อย เค้าโครงเดิมยังมีอยู่ ใช่...คนนี้แหละ ! ไม่รู้ว่าครูใช้วิธีไหนคาดเดานะ แม่นจริง ๆ
เราโบกมือทักทายด้วยความดีใจ แม้จะรู้ว่าน้องมันคงจำไม่ได้ ครูอนุญาตให้ยืนคุยกัน (แต่ก็มีครูอีกคนยืนสังเกตการณ์ไม่ไกล) โดยพวกเราก็ใช้เวลาไม่มากนัก "หวัดดี เธอคงจำไม่ได้ พี่เอารูปมาให้" ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมาก เราหยิบเอาอัลบั้มภาพส่งให้น้องทันที เขาเปิดดูรูปด้านในและยิ้ม ซึ่งทำให้พอจะจำอะไรได้ลาง ๆ อยู่บ้าง น้องถามชื่อและประเทศให้พอได้นึกทบทวนความหลัง คุณครูที่แอบซุ่ม ดูอยู่ใกล้ ๆ ยืนหัวเราะลั่นเมื่อเห็นภาพในอัลบั้มนั้นตอนถูกเปิดดูทีละรูป "แล้วรู้ได้ไงว่าผมเรียนอยู่นี่" "เด็กที่โรงเรียนบอกมา" "พี่แวะไปที่นั่นมาด้วยเหรอเนี่ย แล้วพักที่ไหนครับ" เราชี้ไปยังที่พักที่อยู่เลยสะพานไปนิดเดียว จริง ๆ แล้วมันก็อยู่ใกล้กับโรงเรียนใหม่นี่เอง บอกน้องว่าจะไปที่ Chitkul เที่ยงนี้ แล้วก็กลับบ้าน ที่เมืองไทย อัลบั้มใส่รูปมีพื้นที่ ด้านในสำหรับให้เขียนระบุอะไรลงไป เราจึงเขียนชื่อกับอีเมล์เอาไว้ เผื่อว่าวันนึงจะ กลับมาติดต่อกัน แล้วจากนั้นก็แยกลาแบบปุบปับ ไม่มีการถ่ายภาพเป็นที่ระลึกใด ๆ จบสิ้นภาระกิจนี้แล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกันต่อ กลับห้องไปเก็บข้าวของ เตรียมตัวไปยังหมู่บ้าน ที่ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านสุดท้ายของอินเดียกันอีกครั้ง
⭗ สถานีขนส่งของ Sangla ที่เพิ่งสร้างใหม่เอี่ยมอ่อง พื้นที่บางส่วนของอาคารยังไม่ได้ถูกใช้อย่างเป็นทางการ ทุกอย่างดูใหม่หมดยันเก้าอี้ที่มีร่องรอยพลาสติกหุ้มอยู่ ในอดีตจุดจอดรถจะอยู่ตรงศาลาเล็ก ๆ ฝั่งตรงข้ามที่พักของเรา เที่ยวรถรอบเที่ยง Sangla-Chitkul มันเป็นรถที่วิ่งมาจาก Reckong Peo ได้เจอผู้โดยสารต่างชาติหน้าคุ้น คู่รักอังกฤษ-ออสเตรเลีย นั่นเอง พวกเขาจะตรงไปที่ Chitkul กันก่อน (แล้วค่อยกลับมา Sangla ทีหลัง) ทั้งสองเล่าว่าติดค้างกันที่ Spellow วันนึงเพราะเจอดินถล่มปิดทาง ช่วงเวลาการ เดินทางก็ดูไล่เลี่ยกับเราไม่ไกล เพียงแค่ในบางจังหวะบังเอิญไปเจอแจ็คพอตเข้า จุดหมายปลายทางของพวกเราในวันนี้เป็นที่เดียวกัน ขณะเดินทางฝนรอบบ่ายตกหนักขี้น ๆ พวกเขาได้จองที่พักล่วงหน้าเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคงจะเป็นทางออนไลน์ ถ้าให้ย้อนกลับ ไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว อย่าว่าแต่สัญญาณโทรศัพท์เลย มันก็มีที่พักที่มีอยู่ไม่กี่แห่งที่เป็นตัวเลือก
นอกเหนือไปจากโฮมสเตย์ที่ต้องพักอยู่กับชาวบ้าน ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่ที่มากับรถรับจ้าง จึงเลือกที่จะแวะมากันไม่นานแล้วตีรถกลับไปเที่ยวที่หมู่บ้านอื่น ภาพสุดท้ายในครั้งนั้น คืองานก่อสร้างอาคารที่พักหลังใหม่ ไม่รู้ว่าจะมีผุดขึ้นมาเยอะขนาดไหน จริงสิเกือบลืมไปอีกคน "กั๊ต" กั๊ตยังอยู่ที่นั่นมั้ย หรือว่าเมื่อคืนนี้จะถอดใจไปลงที่ Rakcham แทน?
⭗ เส้นทางไป Chitkul จาก Sangla รถโดยสารจะต้องวิ่งลงไปยังหมู่บ้านด้านล่างเสียก่อนเพื่อรับผู้โดยสารตามที่ต่าง ๆ
⭗ พื้นที่เนินเขาและป่าไม้ระหว่างทาง
⭗ เส้นทางเล็ก ๆ ที่รถต้องค่อย ๆ ไล่ลง และขับย้อนขึ้น
⭗ หมู่บ้าน Basteri ด้านล่าง พื้นที่แถบนี้มีทำสวนแอปเปิ้ลกันเป็นหลัก
⭗ เส้นถนนอันแสนแคบและเปียกลื่น ก่อนถึง Chitkul หลังบ่ายไปแล้วฝนเทหนักมากจนถ่ายรูปแทบไม่ได้อย่างที่คาดไว้
⭗ ลูกแพะ ที่เดินโผล่ออกมาจากประตูไม้ของบ้านหลังหนึ่งใน Chitkul
⭗ มีลูกแพะตัวสีน้ำตาลที่วิ่งมาสมทบอีกหนึ่ง พวกแพะแกะที่ตัวโตกว่านี้ในช่วงกลางวันมันจะถูกต้อนฝูงไปหาแหล่งอาหารกิน นอกหมู่บ้านและจะกลับมาอีกทีก่อนพลบค่ำ ตัวเล็ก ๆ แบบนี้น่ารักดี เราหยุดยืนเก็บรูปมันไว้ก่อนจะรีบเดินจ้ำเข้าไปยังพื้นที่ ด้านในหมู่บ้านเพื่อหาที่พักให้เร็วที่สุด ก่อนที่สัมภาระที่แบกมาและตัวเราจะเปียกปอนไปมากกว่านี้
Create Date : 02 มีนาคม 2567 |
|
9 comments |
Last Update : 6 มีนาคม 2567 22:32:30 น. |
Counter : 786 Pageviews. |
|
|
|
พอดี ช่างโทรมาตามว่า รถที่ไปซ่อมเสร็จแล้วนะ
ให้รีบมาจ่ายเงินซะดีๆ 555 เลยต้องรีบไป
กลับมา ทำนู่นทำนี่ กว่าจะได้เปิดคอมก็ ทุ่มกว่าเลย
เอาละนะ พร้อมยัง ไปเลยจ้า
เพลงชาติไทย
อ.เต๊ะ ไม่ได้ร้องเพลงชาติ มาชาตินึงจะได้มั้งตั้งแต่จบมัธยม
ว่าแต่ว่า การเดี่ยวเพลงชาติหน้าเสาธง ในต่างแดนนี่
มันน่าจะเพิ่มความรู้สึกรักชาติ อีกมากโข
ทำยังไงถึงจะได้ฟังกันละเนี่ย ขอlink ด่วน อิอิ
กระบอกน้ำหาย
ของสำคัญซะด้วย เพราะการเดินขึ้นเขาลงห้วย
ไม่มีน้ำกิน นี่มันทรมาณมาก
ที่สำคัญเป็นน้ำกระท่อม ชุ่มคอเต็มกระบอกด้วย เย้ย555
โชคดีที่ยังนึกขึ้นได้ โล่งอกไปที
เด็กหาย ไม่ได้โดนอุ้มนะ
แต่เด็กย้าย รรไป แต่โชคดีมาก
ที่ยังอุตส่าห์มีคนจำหน้า+ชื่อได้มหัศจรรย์มาก
ตามจนเจอจริง ๆ สัญญาต้องเป็นสัญญา
ถ้าเป็น อ.เต๊ะ คำนวณ ค่าเครื่องบินแล้ว ต้องเบี้ยวเด็ก แน่นอน ไม่ต้องคิดเลยว่าจะดั้นด้นไปหา แฮ่ 555
แพะอร่อย เอ๊ย น่ารัก
จริงๆแพะหน้าตาน่ารักนะ ขนก็น่าจะนุ่มน่ากอดน่าฟัด
แต่ทำไมคนถึงใจร้าย กินมันได้ลงคอ
อย่าว่างู้นงี้เลย อ.เต๊ะ ขอแบบ medium rare
ย่างทั้งตัวเลยก็แล้วกัน อิอิ
น้องฟ้า ร้องกร๊๊ดดด เอ็งมันไอ้คนใจโหด
ข้าขอร้องอย่างนึง เอ็งช่วยเก็บขนไว้ให้ ข้าด้วยนะ ข้าจะเอาไปทำผ้าพันคอ เย้ย 555