Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2559
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 พฤษภาคม 2559
 
All Blogs
 
DHARAMSHALA : ชีวิต และ ผู้คน (2)




ที่ด้านหลังวัดทะไลลามะ ยังมีสถานที่แห่งหนึ่งถูกซ่อนไว้แต่ไม่ถึงกับลึกลับ
จากถนนด้านข้างเมื่อเดินลงไปก็จะพบกับทางแยกเป็นทางจุดเดินเข้าแคบ ๆ ที่ดู
ไม่เป็นทางเสียเท่าไหร่ 
เว้นแต่มีสัญลักษณ์ของธงมนตราที่พาดแขวนบนกิ่งไม้
แจ้งบอกเป็นกลาย ๆ ว่าให้เลี้ยวมาทางนี้









ฉันตรงเข้าไปยังทางดังกล่าว หลังจากที่มองเห็นคนเดินล่วงหน้านำไปไม่ไกล
พวกเขาภาวนาเป็นเสียงพึมพำในคำสวด 'โอม มณีปัทเม ฮุม' อย่างไม่รู้จบ 
ในระหว่างเดินการเดินวนรอบ (Kora) ประทักษิณ เกือบตลอดตรงบริเวณซีกฝั่ง
ด้าน
ขวาจะมีแท่นหินที่สลักเป็นภาษาทิเบตวางเคียงอยู่กับรูปปั้น และภาพถ่ายตั้ง
สลับ
กับแนววางกงล้ออธิษฐาน


ในพื้นที่แถบนี้บางจังหวะก็อาจมีผู้คนเดินผ่านมา แต่ส่วนมากแล้วดูจะไม่พลุก-
พล่านนักและมักจะทิ้งช่วงเดินกันห่างค่อนข้างไกล  ตลอดทั้งการเดินนี้
จะไม่มี
การย้อนสวนทิศทางกลับมาอีกด้วย ดังนั้นหากเดินหลุดห่างจะระยะห่างไปจาก
คนที่มาก่อนหน้าเราไปแล้วมันก็จะดูเปลี่ยวทันที 


ระหว่างที่เดินเก็บภาพไปเรื่อยเปื่อย กล้องถ่ายรูปของฉันมันมีปัญหาเล็กน้อย
พอได้เจอกับจุดนั่งพักตรงกลางทางก็เลยหยุดแวะลงนั่ง
เพื่อเช็คเลนส์

ผู้หญิงทิเบตคนหนึ่งเดินผ่านมาและแวะเข้ามาคุย 
เธอบอกว่าอย่าถือกล้องออกมา
โชว์แบบนี้ เพราะมีคนวิ่งราวอยู่บ่อยครั้งทั้งนี้โจรที่ว่าอาจจะชกทรัพย์เราแล้วหนี
ลงเขาไปตามทางลาด ซึ่งยากทีเดียวที่จะไปไล่ตามตัวทัน  
ฉันรับปากว่าจะคอย
ระวังตัวให้ดี แต่ในตอนนี้ขอตรวจสภาพกล้องสักเดี๋ยวก่อน...





เมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินจากไป ก็มีคุณป้าสองคนมานั่งพักยังเก้าอี้ที่ไม่ไกลห่างจาก
ฉันนัก 
ทั้งสองคอยพยายามพูดเตือนเหมือนกับคนเมื่อครู่และนั่งรออยู่พักใหญ่
จนกระทั่งฉันจัดการนำเอาเลนส์มาติดกล้องได้เรียบร้อยแล้ว 
คุณป้าทั้งสองจึง
ลุกขึ้นเพื่อเดินต่อและชักชวนให้ฉันไปพร้อมกับพวกเธอด้วย

พอถึงจุดแวะพักอีกแห่ง ซึ่งดูคล้ายกับเป็นที่ตั้งของวัดและไม่ค่อยเปลี่ยวเท่าไหร่
คุณ
ป้าสองคนจึงขอแยกตัวและพากันไปเดินหมุนกงล้ออธิษฐานขนาดใหญ่ที่ตั้ง
กลางศาลากันต่อ  







ตรงศาลานั่งพักอีกมุมหนึ่ง ฉันได้มาเห็นภาพของผู้คนจำนวนหนึ่งถูกติดวาง
เรียงเอาไว้บนแผ่นกระดานขนาดใหญ่
มันเป็นภาพเดียวกับในพิพิธภัณฑ์ทิเบตที่
เคยเข้าชมเมื่อปีก่อน 
แต่รายละเอียดและจำนวนตัวเลขของผู้เสียชีวิตเหล่านั้นได้
ถูกหยุดไว้แค่ลำดับที่ 117 ... 
ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการเผาร่างพลีชีพเพื่อ
ประท้วงฯ ของชาวทิเบตเหล่านี้ได้ยุติลงเป็นที่เรียบร้อยในลำดับที่ว่านั้นหรอกนะ
แต่คง
เป็นเพราะว่าบนแผ่นกระดานนั้นมีเนื้อที่รองรับไม่มากพอต่างหาก 

และจวบจนถึงในปัจจุบันก็ได้มีผู้ที่จากด้วยการเผาร่างฯ
มากเลยไปจนถึงลำดับที่ 145+ เข้าแล้ว






รายนามผู้เผาร่างประท้วง :  Self-immolation
โดยมีชื่อ,สถานที่และอายุ ของผู้เสียชีวิตระบุไว้ 





ฉันใช้เวลาหยุดมองป้ายรายชื่อลำดับที่หนึ่งไล่เรียงไปเรื่อยจนครบ หากมองไม่
พลาด คนที่มีอายุต่ำสุดก็คือ 16 ปี และส่วนมากแล้วก็
มักจะมีอายุไม่มากเลยด้วยซ้ำ ... 

ฉันจำชื่อเรียกของที่นี้ไม่ได้แต่มันดูเหมือนกับ 'อนุสรณ์สถาน'
เพื่อรำลึกถึงการสูญเสียที่แอบ
หลบซ่อนเก็บตัวอย่างสงบเงียบ 






การเดินวนรอบนี้จะมาสิ้นสุดยังที่ตั้งของศาลาเล็ก ๆ ก่อนจะออกเลียบไปยัง
ทางออกด้านข้างวัดทะไลลามะถัดไปจากนี้ไม่ไกล 
ฉันได้พบคุณป้าชาวทิเบต
ทั้งสองตรงศาลาอีกครั้ง เธอตรงเข้ามาทักทายก่อนลาแถม
บ่นเตือนนิด ๆ ส่งท้าย
ว่า
ทีหลังอย่ามาเดินคนเดียวอีก...และแม้ฉันจะไม่ได้รู้จักกับคนเหล่านี้ดีเท่าไหร่
แต่ก็ยังรู้สึกอุ่นใจนะที่ยังมีคนเป็นห่วง


ขอสารภาพว่า เมื่อก่อนฉันไม่เคยสนใจเรื่องราวของทิเบตเลยสักนิด 
กระทั่งได้มาพบเจอกับผู้คนที่พลัดถิ่นจาก*แผ่นดินพ่อเหล่านี้ 
เรื่องราวของพวกเขาก็ได้ทำให้ฉันมองมองเห็นบางสิ่งบางอย่างชัดเจนขึ้น

(*เป็นการเรียกบ้านเกิดเมืองนอนแบบชาวทิเบต)




....



เรื่องทั่วไปในแมคลอดกันจ์ อย่างร้านอาหารและที่พักบางแห่ง หากลอง
สังเกตกันให้ดี จะพบว่าในบางที่
อาจเป็นกิจการของวัด ที่จัดทำขึ้นสำหรับหา
รายได้ในการทำนุบำรุงฯ อีกช่องทาง ซึ่ง
ร้านอาหารฯ ที่ฉันเคยแวะเข้าไปอุดหนุน
อยู่บ่อย ๆ คือ '
Shangrila' หรือบางทีฉันก็แอบตั้งชื่อเล่นไว้ว่า Monk Restaurant
นั่นก็เพราะ 
เราจะได้เห็นพนักงานในร้านนั้นที่เป็นพระผลัดเวียนกันเข้ามาดูแลร้าน

(โดยมากแล้วพวกเขาจะมีป้ายติดบอกให้รู้ว่า ที่พัก
หรือร้านอาหารนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ Monastery ไหน)






มีเรื่องหนึ่งที่ฉันเพิ่งรู้ก็คือ คนทิเบตจะกินอาหารเสียงดังพอควร และบางครั้ง
การกินแบบเงียบเชียบก็มักจะทำให้มีคำถามตามมาว่า
 "อาหารไม่อร่อย รึไง?"

อีกทั้งเมนูที่สะเทือนใจที่สุดก็เห็นจะเป็น ซัมป้า (Tsampa Porridge) 
อาหารเช้าสไตล์ทิเบต และยังเป็นที่นิยมบริโภคกันในแถบถิ่นหิมาลัยด้วย
มันทำมาจากข้าวบาร์เลย์คั่วบด 
ได้ยินมาว่ากินแล้วอิ่มท้องนานและดีต่อสุขภาพ

ดังนั้นในเช้าวันสุดท้าย
ก่อนที่ฉันไปจากชุมชนชาวทิเบตแห่งนี้ "ซัมป้า" จึงได้ถูก
เลือกสั่งมากินแทนข้าวโอ๊ตต้ม คงเพราะไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสกินอาหารทิเบตจาก
ที่ไหนได้อีก แต่หลังจากที่ได้ลองชิมแล้วก็แทบอยากจะประกาศลาขาด!

รสชาติมันจืดชืดสุด ๆ ไม่รู้ว่าผ่านการปรุงอะไรมาบ้าง 
มองไปมองมา ช่างเหมือนอาหารเด็กอ่อนไม่มีผิด





ยังจำพระทิเบตสองรูป ที่ได้บังเอิญมารู้จักกับพวกเขาในวันแรกได้ไหม?
ฉันยังได้เจอกับพระที่เคยช่วยเหลือในวันที่เดินทางมาที่นี่อีกครั้ง
พระรินเชน พอพูดภาษาอังกฤษได้บ้างแต่ก็ยังยากพอสมควรที่จะสื่อความกัน 
เราจึงต้องพยายามใช้วิธีผูกคำอย่างสั้น ๆ เพื่อให้เข้าใจแทนการพูดทั้งประโยค
และเขาก็เปิดปฎิทินในโทรศัพท์มือถือให้ดู...  "วันที่ 10 จะไป ชิมลา" 
พร้อมชี้ไปยัง พระยงซุล ในทำนองที่ว่าจะออกเดินทางไปพร้อมกัน 
ส่วนฉันก็ชี้ไปยังวันที่ 9 เดือนเดียวกันนี้ โดยบอกว่าจะแวะไปแถวนั้นเช่นกัน 
จากนั้นพระรินเชนก็ยื่นนามบัตรมาให้ ฉันจึงจับใจความได้ว่าพวกเขาชวนให้
แวะมาเยี่ยมที่ 'กอมปา' ซึ่งหมายถึง 'วัด' ที่พระทั้งสองพำนักอยู่

อันที่จริงฉันก็ไม่แน่ใจนักว่า หลังจากนั้นจะมีโอกาสได้พบกับพวกเขาอีกไหม?
แต่ก็ยังรับนามบัตรมาเก็บเอาไว้ โดยที่อยู่ในนั้นเป็นชื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน
เมือง
โซลัน อีกทั้งยังมีเบอร์โทรฯ และ WeChat ไว้ใช้ติดต่อถึงสองทาง
เอาเถอะ 
ถึงอุปสรรคทางภาษาจะมีมากจนทำให้พวกเราคุยกันยากไปหน่อย
แต่ฉันกลับไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่นะ หากมันปูด้วยพื้นฐานของมิตรภาพที่ดี 


....


ช่วงบ่ายแก่ของวัน ฉันตั้งใจออกมาเดินเล่นในวัดทะไลลามะอีกครั้ง ซึ่งก็รู้ดีว่า
ที่นี่เข้มงวดมากในเรื่องการตรวจตรา 
ฉันไม่อยากฝากของมีค่าเอาไว้ตรงซุ้ม
ด้านนอกเพราะพวกเขาจะเอาข้าวของเหล่านั้นมามัดผูกหมายเลขติดไว้ และอาจ
วางกองรวมกับของคนอื่น 
ก็เลยตัดสินใจพกสิ่งของติดตัวมาแค่ไม่กี่อย่าง



ตั้งของตำแหน่งวัด Namgyal ที่อยู่ภายใน Tsuglagkhang Complex
ตรงบริเวณชั้นล่าง มีรูปภาพของพระราชวังโปตาลาติดเอาไว้เหนือประตู 



(บริเวณชั้นสอง) ห้องโถงสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ด้านในจะมีพระพุทธรูป และธรรมาสน์ขององค์ทะไลลามะ  



ที่จัดเก็บพระไตรปิฎก (กันจูร์) และคัมภีร์ที่สำคัญอื่นของสันสฤต ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ
พุทธศาสนาโดยตรง (ตันจูร์) จะถูกจัดวางอยู่ที่ชั้นเก็บติดผนังของวัด



ธรรมาสน์ขององค์ทะไลลามะ ถูกเก็บคลุมเอาไว้ด้วยผ้าสีเหลือง
ซึ่งตำแหน่งการจัดวางจะตั้งอยู่ตรงเบื้องหน้าองค์พระประธาน 



บริเวณพื้นที่อื่นในห้องพิธีฯ ยังคงดูเป็นโล่งและว่างเปล่า 



พื้นที่ด้านข้างของอาคาร 



กลุ่มพระนักศึกษาในสถาบันที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นี้ 



เด็กนักเรียนที่มาทัศนศึกษา กำลังเดินหมุนกงล้ออธิษฐานที่ติดไว้รอบนอกโดยเวียนไปทางขวา




ห้องกระจกที่เต็มไปด้วยตะเกียงบูชา  


หนนี้ดูแปลกเสียจริง ไม่รู้ว่าทำไมจุดรับฝากของที่ซุ้มหน้าทางเข้าด่านแรก
ถึงปิดอย่างเงียบเชียบ
และเมื่อเดินไปยังจุดค้นตัวและตรวจสอบสิ่งที่พกพาเข้ามา
ก็กลับไม่ได้ถูกยึดเพื่อฝากไว้ชั่วคราวเหมือนกับครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมาและที่สำคัญ
ฉันเอากล้องเข้าไปได้ด้วย! 

ซึ่งแย่หน่อยนะ ที่หยิบเอากล้องคอมแพคพกติดกระเป๋ามาตัวเดียว




มีคนกำลังทำการกราบอัษฎางคประดิษฐ์ บนกระดาน ตรงพื้นที่ลานบริเวณชั้นสองหน้าห้องพิธีฯ 



บางคนก็ใช้เวลากับการนั่งอ่านคำสวด ไม่ก็หามุมนั่งทำสมาธิกัน 



ลานกว้างบริเวณด้านล่าง เมื่อมองลงมาจากชั้นที่สอง



เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวอินเดีย


วันนี้มีกลุ่มนักเรียนมาทัศนศึกษากันด้วย และเหล่านักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ต่าง
พากันยืนเก็บภาพกันอย่างเป็นเรื่องปกติ ราวกับว่าที่นี่ไม่ได้เข้มงวดอะไรนัก
ทำให้ฉันนึกไปถึงภาพวันงาน Long Life Puja ที่ผ่านมา ตรงบริเวณลานโล่งทั้ง
ด้านล่างและชั้นสอง ต่างก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากมาย 
และมีเจ้าหน้าที่รักษา
ความปลอดภัย 
เดินตรวจตราดูแลกันอย่างแข็งขันด้วยเหตุที่ต้องคุ้มกันองค์ทะไลลามะ
ที่อยู่ในพิธีฯ 




หน้าทางเข้าตำหนักฯ ขององค์ทะไลลามะ



ภายในห้องสมุดที่อาคารชั้นล่าง 


เมื่อมีโอกาส ฉันจึงพยายามเก็บภาพของสถานที่เอาไว้เท่าที่ทำได้ ให้ดูเพียงพอ
ต่อการนำกลับมาเล่าสู่กันฟังได้ว่าสถานที่พำนักของท่านทะไลลามะ จะมีหน้าตา
เป็นยังไง

และเนื่องจากหลายครั้งที่ผ่านมา ฉันยังไม่เคยรับอนุญาตให้พกอุปกรณ์บันทึก
ภาพและนำสิ่งของที่สุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัย (แม้แต่กระบอกไฟฉายก็ด้วย)
บางทีก็แอบกังวลเล็ก ๆ นะว่าจะมีจุดไหนบ้างที่ควรเลี่ยงถ่ายหรือมีจุดไหนที่หวง-
ห้ามบ้าง  กระทั่งโผล่หน้าไปเจอกับเจ้าหน้าที่ฯ คนหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ 


"ฉันสามารถถ่ายภาพในวัดนี้ได้ไหม?"
ขอถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบละกัน

"ตามสบาย!" เขาบอก แต่ก็มีเตือนไว้ว่าหากเป็นพื้นที่
บริเวณด้านหน้าตำหนักฯ ก็ไม่ควรเข้าไปใกล้จนเกินไป 

"แล้วทำไมก่อนหน้านี้ ถึงไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพได้ล่ะ ?" 

ในปีก่อนก็ใช่ แม้ว่าตอนนั้นจะไม่มีงานพิธีสำคัญอะไร
ฉันจำได้ว่าต้องฝากข้าวของหลายสิ่งไว้ที่ด้านนอกเลย

"แล้วแต่จังหวะ ... ถ้าติดช่วงเตรียมพิธีฯ
หรือมีงานสำคัญก็มักจะไม่อนุญาต"

ถ้างั้นกฏของที่นี่คงมีความอะลุ่มอล่วยอยู่บ้าง หากเทียบกับหนแรก
ที่เคยเขียนถึงความเข้มงวดเรื่องการตรวจตราที่เจอมาในครั้งก่อนหน้า

ก็นับว่าวันนี้ฉันโชคดีที่มาถูกเวลา







พระภิกษุชาวทิเบตรูปหนึ่งที่เข้ามาเยี่ยมชมสถานที่



และการที่ได้กลับมาเยือนเมืองนี้ ฉันคงได้รับการเติมเต็มไปจนครบหมดแล้ว
ไม่ใช่เพราะไล่เก็บสถานที่จนไม่เหลือให้ไปได้ต่อ แต่กลับเป็นการเข้าใจคำที่ใช้
เรียกแทน
ดารัมซาลาตอนบน หรือแมคลอดกันจ์ ในชื่อ ลาซาน้อย (Little
Lhasa) 
ด้วยความหมายที่แท้จริงโดยตรงเสียที




Create Date : 11 พฤษภาคม 2559
Last Update : 8 มกราคม 2561 12:06:03 น. 17 comments
Counter : 1486 Pageviews.

 
เจิมค่ะ
ครั้งนี้ไปถูกที่ถูกเวลานะคะ เลยได้เก็บภาพมาด้วย
แต่ก็เห็นด้วยกับคุณป้าทั้งสองนะคะ
คราวหน้าหาเพื่อนไปสักคนน่าจะดีค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
**mp5** Dharma Blog ดู Blog
mcayenne94 Home & Garden Blog ดู Blog
ชมพร Cartoon Blog ดู Blog
ก้นกะลา Music Blog ดู Blog
กาปอมซ่า Pet Blog ดู Blog
mastana Literature Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 11 พฤษภาคม 2559 เวลา:11:11:28 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

เป็นการเดินทางที่น่าประทับใจจริงๆ ค่ะ พี่ชอบมากเลย


โดย: Maeboon วันที่: 11 พฤษภาคม 2559 เวลา:14:39:37 น.  

 
เท่าที่ อ.เต๊ะ ตามอ่านมานี่ พอจะสรุปได้ว่า

ถ้าจะไป ธรรมศาลา ควรจะมีเพื่อนไปด้วยพออุ่นใจซักคน 2คน เพราะเคยมีคดีทำร้ายนักท่องเที่ยวมาแล้ว
ยิ่งถ้าเป็นสาวสวย หรือไม่สวยก็ตาม ไปคนเดียวยิ่งไม่ควร ถ้าเป็นอาซิ้มแก่ๆ ไปได้ไม่น่าห่วง อะไร ปลอดภัยมากๆ แฮ่ๆ555

การไปเที่ยวที่นี่ ควรให้ความสนใจกับ วัฒนธรรมประเพณี กับงานศิลปะ หัตถกรรม ฝีไม้ลายมืองานทิเบตนี่ สุดยอด น่าตื่นตะลึงมากๆ ต้องซื้อติดไม้ติดมือมาให้ได้ ห้ามพลาดเด้ดขาด ขอบอก

อาหารท้องถิ่นไม่น่าพึ่งได้ ควรเข้าร้านฟาสฟู้ด เบเกอรี่ หรือร้านสเต๊ก จริงๆก็มีอยู่นะ ที่น้องฟ้าไม่ยอมกิน อ.เต๊ะ เข้าใจว่า อยากจะเข้าถึงหรือสัมผัส ชีวิตความเป็นอยู่ของเค้า เลยต้องซดอาหารเหลวเด้กอ่อน ประทังชีวิตไปวันๆ555

เรื่องการต่อสู้ เพื่อปลดปล่อยทิเบต เป็นเรื่องน่าเห็นใจ
แต่ดูแล้ว น่าจะเกินกำลังเอามากๆ เหมือนจุดไม้ขีดไฟในทะเล คงได้แต่เอาใจช่วยจ๊ะ

ส่วนเรื่องถ่ายภาพนี่ คราวหน้าถ้าน้องฟ้าจะไปอีกนะ อ.เต๊ะ แนะนำ แว่นตาสปาย ถ่ายรูปได้ แบบที่ใช่ใส่โกงสอบเข้าหมอนี่ เด็ดมาก รปภ แถวนั้นน่าจะยังไม่รู้จักนะ ลองดูเลยจ๊ะ อ.เต๊ะ เอาใจช่วยนะ อิอิ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต


กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: multiple วันที่: 11 พฤษภาคม 2559 เวลา:18:15:24 น.  

 
เค้าคงเป็นห่วงจริงๆ ล่ะนะ ไม่อยากให้เจอประสบการณ์ไม่ดีกลับไปเหมือนที่นักท่องเที่ยวคนอื่นเจอ

กาบริเอล Travel Blog
+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 12 พฤษภาคม 2559 เวลา:0:48:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ...

เดินทางคนเดียวต่างประเทศ

น่าเป็นห่วงนะคะ..

แต่ก็โหวตให้เลยค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Ariawah Auddy Photo Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 12 พฤษภาคม 2559 เวลา:1:42:59 น.  

 
อืมม์...

เค้าเหล่านั้นตายเพราะอะไรคะ?

พี่แปลจากภาษาอังกฤษคือ ทำผิดศีลธรรมเหรอ?

อาหารที่ว่า หน้าตาก็ดูจืดชืดแล้วง่ะ พี่คงไม่ไหวเหมือนกันแฮะ

ดีจัง รอบนี้เลยได้ถ่ายภาพ ที่นี่เค้าอลุ้มอล่วยบ้างก็โชคดีที่ฟ้าไปถูกจังหวะนะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
**mp5** Dharma Blog ดู Blog
เรียวรุ้ง Funniest Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
Raizin Heart Food Blog ดู Blog
The Kop Civil Diarist ดู Blog
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
ชีริว Cartoon Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 12 พฤษภาคม 2559 เวลา:9:09:40 น.  

 
Tibet เป็นประเทศที่ถูกสาปรึเปล่านี่??? โห..น่าสงสารมาก จากประวัติศาสตร์ไล่มาตั้งแต่มองโกลเข้ามาที่หมู่บ้านนี้และฆ่าคนไปซะสี่ซ้าห้าร้อย จากนั้นต่อด้วยจีน อังกฤษ..และจบด้วยจีนอีก คำว่า "เป็นเอกราช" นี่คนคงจะเขียนกันไม่ถูกล่ะ..

"อำนาจ" เดียวอ่ะนะ ทำให้ประชาชนต้องมาแบกรับกรรม.. น่าเห็นใจคนประเทศนี้มากจริงๆ เราคิดว่าอาจจะต้องรอกันอีก หลายๆดาไลลามะเลยล่ะ กว่าที่จะสามารถ free tibet ได้..maybe impossible! รัสเซียตะก่อนก็มีหลายสาขาที่เข้าไปปกครองนะ แต่ต่อมาก็ค่อยๆปล่อยให้เป็นเอกราช หรือถ้าขายได้ก็ขายซะ 555 (เช่นอลาสก้า..เป็นต้น) ...จีนทำไมไม่ปล่อยเลยวะ ประเทศตัวเองก็ออกจะกว้างขวาง ฮึ่ยยยยยย

น่าจะส่งพระอะไรนะน้องฟ้า พระป๊อบคอร์นของไทยอ่ะไปเป็นตัวแทนต่อสู้ให้ธิเบต ดีไหม 555


โดย: Max Bulliboo วันที่: 12 พฤษภาคม 2559 เวลา:14:49:11 น.  

 
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


คนทิเบตเคร่งศาสนา
เขามีความปราถนาดีอยู่ในใจ
เลยรู้สึกห่วงใยผู้หญิงตัวเล็กที่เดินทางคนเดียว

ไปเที่ยวแล้วเจอแบบนี้มันอุ่นใจ คล้ายที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ คนญี่ปุ่นมีระเบียบและมีน้ำใจมากค่ะ



โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 12 พฤษภาคม 2559 เวลา:21:29:38 น.  

 
อนุสรณ์สถานที่เนื้อที่กระดานภาพไม่พอสำหรับจำนวนภาพ
หดหู่ใจค่ะน้องฟ้า อยากให้ตัวเลขหยุดที่เลขปัจจุบันจังค่ะ

เคยเห็นภาพห้องครัววัดทะไลลามะมาครั้งหนึ่ง
คราวนี้น้องฟ้านำกล้องไปถ่ายภาพได้ทำให้เก็บภาพมุมต่างๆได้มากขึ้นนะคะ โชคดีค่ะน้องฟ้า

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

....................................

นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 13 พฤษภาคม 2559 เวลา:1:01:34 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 13 พฤษภาคม 2559 เวลา:5:39:12 น.  

 
สวัสดีอีกรอบจ้าฟ้า

ไปหาความหมายมาแล้ว เก็ทแล้วหละ ขอบคุณมากนะฟ้า

ตอนแรกจะใช้เกวียนเหมือนกัน แต่ก็..แบบว่า..มันก็ไม่เหมือนเกวียนซะทีเดียวง่ะ แหะๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 พฤษภาคม 2559 เวลา:7:52:35 น.  

 

ในที่สุดก็จับตัวได้ ที่แท้น้องฟ้านี่เอง ที่แอบมารื้อบล็อก อ.เต๊ะอ่าน ยังไงก้อย่าลืมส่งค่าสมาชิกแฟนคลับมานะ 29 บาท แค่นั้นเอง เย้ย 555

แล้วก็ เรื่องทอง นี่ จริงไม่จริง ต้องรอคนได้มายืนยันจ๊ะ อิอิ

ส่วนเรื่องแมวนี่ อ.เต๊ะ ไม่ได้เลี้ยงน้า แต่แมวเพื่อนบ้าน เค้าชอบมาเที่ยว มาเล่นด้วย มานอนบนหลังคารถ คอยจับหนูให้ อ.เต๊ะก็จ่ายค่าจ้างเป็นปลาทูไปทุกครั้ง แฮ่ๆ

แล้วก้ปิ๋วศรีเป็นหมาใจดี ไม่กัดแมวหรอก แค่วิ่งไล่เฉยๆ555

ขอบคุณสำหรับโหวตด้วยจ้า



โดย: multiple วันที่: 13 พฤษภาคม 2559 เวลา:12:26:37 น.  

 
ผมติดตามงานเขียน ของคุณฟ้ามาตลอด.... บางครั้งรอดสายตา
ไปบ้าง ผมดูหน้าสารบัญนะครับ

สำหรับรายชื่อเพื่อนที่ผม add ไว้.วันไหนว่างมากหน่อยก้จะ
ไล่อ่านเรียงลงมา..

แต่ก็เจอปัญหา เพื่อนเขาทิ้งเราไปซะแล้ว 555 ไม่อัพบล๊อกมา
หลายเดือน บางคนหลายปี.. ผมเข้าไปคลิ๊กออกชั่วคราว..
เลยเหลือน้อยเต็มที..

แต่ถ้าใครอัพบล๊อกเรื่อย ๆ ก็สะดวกดี เพราะผมชอบอ่านงาน
เขียนของคนอื่น.. เพราะให้อะไรเยอะแยะ

ยกเว้นวันครบรอบ... แหะ ๆ ส่วนใหญ่จะไม่ดูครับ..คือว่าง
เปล่า เอ..ปากจัดไปหรือเปล่าหนอ

งานเขียนการเที่ยวคุณฟ้า.. ผมมักจะจำได้... คืออ่านแล้ว
เป็นห่วงครับ... ตัวคุณฟ้านิดเดียว ไปอยู่ในที่เปลี่ยว

เดินหาเกสต์เฮ้าตอนกลางคืน นั่งรถตอนกลางคืน กับใครไม่รู้


อย่าแต่คุณฟ้าเลย...ผมเองก็ชอบไปคนเดียว ตามท้องถิ่นที่
คนเขาไม่ไป เลยได้เห็นอะไรแปลก ๆ

บางทีก็มีคนเมียงมอง ที่เห็นผมนั่งคนเดียว โห..ตัวมหิมา
กลัวครับ 555 ใบหน้าเราเกลี้ยง พอดูด้วย

ดารัมชาที่ว่า เป็นที่เดียว กับสารคดี ตามรอยพระพุทธเจ้า
คุณอะไรน้า เป็นตัวเดินเรื่อง ผู้หญิงวัยกลางคน ที่พูดบรรยาย
พร้อมกับเดินทาง เสียงดีมาก น่าฟัง

แล้วคนที่ฆ่าตัวตาย จะเป็นการเผาตัวเอง หรืออย่างไร เขาฆ่า
ตัวเอง เกี่ยวกับ ดินแดนเหรอครับคุณฟ้า

โหวตก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะลืม
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 13 พฤษภาคม 2559 เวลา:15:15:51 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: ชมพร วันที่: 16 พฤษภาคม 2559 เวลา:9:55:00 น.  

 
ชอบจังค่ะ ขอบคุณหญิงเก่งนะคะ
+


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 17 พฤษภาคม 2559 เวลา:14:31:55 น.  

 
พี่โหวตไม่ได้

------------------

ขออภัยค่ะ ระบบจะไม่บันทึกการโหวตนี้
เพราะได้บันทึกคะแนนโหวตให้ Blog นี้
ในสาขา Travel Blog ในวันที่ผ่านมาไปแล้วค่ะ


-------------------

พี่ว่า พี่เพิ่งเข้ามาอ่านนะ ไม่มีคอมเมนท์พี่เลย


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 31 พฤษภาคม 2559 เวลา:13:30:34 น.  

 
ฟังฟ้าเล่า ก็ยังชื่นชม ความกล้า บ้าบิ่น ของฟ้าเหมือนเดิม

เจ๋งว่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 31 พฤษภาคม 2559 เวลา:13:31:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.