Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
30 กรกฏาคม 2559
 
All Blogs
 

เมื่อข้าพเจ้าไปเป็นเด็กวัดที่ Bön Monastery(1)


** (พ.ย. 2022) ทำการแก้ไขการอ่าน Bön เป็น เพิน แทนคำเรียกเดิมที่ระบุว่า "บอน"   

 
 
 
“ นมัสเต..... ”
 

เสียงทักทายทางโทรศัพท์เป็นภาษาฮินดี ได้ถูกส่งไปถึงผู้รับสาย 
ที่ฉันไม่ค่อยแน่ใจนักว่าจะคุยกันรู้เรื่องหรือไม่ จากการไหว้วานให้ชาวอินเดีย
ช่วยเป็นธุระโทรไปแจ้งกับ “รินเชน” 
ว่าฉันกำลังจะไปเยี่ยมพวกเขาที่วัด 

เสียงตอบรับปลายสายดูเหมือนจะเงียบ ...รึว่า ภาษาฮินดีจะใช้ไม่ได้ผล?
ให้ตายเหอะ แล้วฉันจะไปหาคนที่สามารถติดต่อเป็นภาษาทิเบตได้ที่ไหนกัน 


“จู๊เล

คนที่ช่วยติดต่อได้ลองเปลี่ยนคำทักทายดู 

จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงแว่วออกมาจากปลายสายเบา ๆ  "จู๊เล..."


หัวข้อที่ร่างเป็นโจทย์ให้สอบถาม ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่า 
เพื่อนคนไทยที่เคยเจอในแมคลอดกันจ์ กำลังจะเดินทางไปเยี่ยมเยือน
แล้วจากโซลัน จะสามารถต่อรถจากตัวเมืองไปยังหมู่บ้านโดลันจิได้ยังไง? 
หมู่บ้านลึกลับที่แม้แต่คนอินเดียยังไม่ค่อยจะรู้จักกัน...

 

 

 

“พระบอกว่า โดลันจิ มีที่พัก แล้วก็จากเมืองโซลันจะมีรถแท็กซี่ 
ต่อไปยังหมู่บ้าน ค่ารถประมาณ 200 รูปี”

เขาหันมาบอกรายละเอียดจากที่ได้สอบถามมา แม้จะแอบบ่น ๆ
ว่า 'รินเชน' พูดภาษาฮินดีไม่ค่อยคล่องเสียเท่าไหร่นัก 


“ทิ่ก เฮ ! โอเครรรร.... มีที่ไปแล้ว 

 

 

นับตั้งแต่กล้องถ่ายรูปพัง ที่หมู่บ้านจิตกุล ตลอดจนกลับเข้าเมืองได้
ก็มาถึงเรื่องที่ทุกคนรอคอยมานานแสนนาน เพราะที่ผ่านมานั้น ฉันเกือบจะ
กลายเป็นเหมือนกับคนที่มาอินเดียแล้วไม่เข้าถึงแก่นแท้ซะที

เพราะในที่สุด...
ตัวเองก็ได้มาเกิดอาการท้องเสียนอนตายคาห้องพักไปเกือบสามวันจนได้   

ข้อสันนิษฐานแรกคงไม่พ้น 'โมโม่' มังสวิรัติ มื้อสุดท้ายก่อนนั่งรถออกจากซาราฮัน
ที่ดันตะกละสั่งกินสิบชิ้นรวด อันเป็นเหตุต้องทำให้การเดินทางต้องมาชะงักลง

ส่วนเรื่องที่จะไป หมู่บ้านโดลันจิ เป็นอะไรที่นอกแผนเสียจริง 
ก็ที่วัดนั่นฉันจะไปรู้จักใครได้... นอกจากพระทิเบตที่เคยให้ความช่วยเหลือ
เมื่อครั้งที่เดินทางไปถึงดารัมซาลา ตอนตีสองครึ่งหนนั้น 


และถ้าหากชื่อของอารามสงฆ์ที่ปรากฏในนามบัตร  
จะไม่ลงท้ายด้วยคำว่า
Bön Monastery มันก็อาจไม่มีอะไร
ที่จะกระตุ้นเตือนความอยากรู้อยากเห็นแน่  
เพราะฉันรู้โดยคร่าวว่า
ทั้ง
รินเชนและยงซุล 'เป็นพระในศาสนาเพิน' 

 

 

จากเมืองชิมลา เมื่อนั่งรถโดยสารมาถึงเมืองโซลัน (Solan)
จะใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ในระยะทางที่ห่างกันเพียงแค่ 50 กิโลเมตร 
เพราะถนนวิ่งเลียบภูเขาและเข้าโค้งบ่อยไปหน่อยจนน่าเมารถ

 

ลานท่ารถแห่งหนึ่งใน โซลัน ที่ตั้งอยู้ไม่ไกลจากตลาด


ที่ลานจอดรถกลางชุมชนเมืองโซลัน มีรถประจำทางต่อไปยังที่อื่นเยอะแยะ-

ไปหมด แต่ปัญหาใหญ่ก็คือป้ายที่ติดบอกหน้ารถเขียนไว้เป็นภาษาฮินดีทั้งนั้น
ฉันจึงควักนามบัตรออกมาดู
เพื่อท่องจำชื่อของหมู่บ้านให้แม่นซะก่อน 


“คันนี้จะไปถึง โดลันจิ หรือปล่าวคะ?

ฉันเดินเข้าไปถามกระเป๋ารถฯ ที่ออกมายืนพักจิบชาอยู่ที่หน้ารถ

เขาพยักหน้าและบอกใบ้ให้รู้ว่าไปกับรถคันนี้ได้ ฉันจึงแอบโล่งใจนิด ๆ แต่ก็ดู
เหมือนว่ากระเป๋ารถคนดังกล่าวจะยังมีเรื่องกังวลบางอย่าง พร้อมหันไปถามกับ
คนขับรถครู่หนึ่ง ... และ
พวกเขาก็พูดกันแต่ภาษาฮินดี

หลังจากที่ขึ้นมาจองที่นั่งด้านบน กระทั่งใกล้ถึงเวลาออกเดินทาง กระเป๋ารถเมล์
ก็เดินเข้ามาพูดคุยอะไรบางอย่างกับชายสองคนที่นั่งเบาะหลังเยื้องถัดไปไม่ไกล
จากฉันนัก ต่อมา
หนึ่งในนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งที่เบาะด้านข้างเพื่อคุยด้วย

“รถคันนี้จะไปไม่ถึงหมู่บ้านโดลันจิ เธอต้องลงที่แยกออชกาต  แต่ไม่ต้องห่วง
ลุงกระเป๋ารถเมล์จะช่วยหาแท็กซี่ต่อให้จากที่นั่น วางใจได้”

อ๋อ! อย่างงี้นี่เอง เขาพยายามหาคนมาสื่อสารให้ฉันทำความเข้าใจก่อน


ถัดไปครึ่งชั่วโมงได้ผู้คนบนรถเริ่มเบียดเสียดเป็นปลากระป๋อง
จะกลัวแต่เพียงว่ากระเป๋ารถเมล์จะลืมบอกที่หมายให้ลงเท่านั้นล่ะ

ฉันไม่รู้จักเมืองโซลันสักนิดและไม่เคยนึกภาพของเมืองนี้ออก

ก่อนรถจะจอดลงกลางที่แยกแห่งหนึ่งก็มีคนบนรถบางส่วนเดินลงที่นี่ 
และผู้โดยสารขาใหม่ก็รีบกุลีกุจอก้าวย่างอัดเข้ามาในรถเพิ่มเติม ส่วนฉัน
ก็ยังนั่งกังวลอย่างเงียบเชียบ

แต่อยู่ดี ๆ ก็
เหมือนกับมีอะไรมาเคาะที่กลางหัวอย่างจัง  
ฉันหันกลับมองหาตัวการว่าใครกันฟระ ช่างกล้ามาเล่นหัวเรา !?

คนที่ว่านั่นก็คือลุงกระเป๋ารถฯ นั่นเอง แกพยายามเรียกให้ลงรถที่นี่
แต่ด้วยความที่มีคนเบียดกันเต็มรถ ก็เลยทำให้เอื้อมมือมาสะกิดไม่ถึง
เขาเลยวานให้ใครก็ไม่รู้ช่วยเรียกบอกให้รู้ตัวหน่อย 

ลุงกระเป๋ารถฯ เดินนำหน้าฉันไปที่จุดจอดแท็กซี่ที่แยกออชกาต
และเป็นธุระบอกให้ไปส่งยังที่ตั้งของวัดใน 'หมู่บ้านโดลันจิ' ให้


ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ที่หลังจากนี้จะเหมือนนั่งรถเข้าป่า
กระทั่งเริ่มไกลออกไปจากตัวเมืองไปไกลทุกที ในใจฉันก็แอบหวั่นไม่น้อย

แม้ว่าคนขับแท็กซี่จะพยายามเปิดเพลงอินเดียกลบบรรยากาศ มาคุ ก็ตาม


ก่อนหน้านี้ ฉันเคยเปิดหาหน้าตาของวัด ผ่านทางเวบไซต์หนึ่งซึ่งมันก็มีโชว์
แต่เพียงหน้าตาของอารามสงฆ์ ส่วนบรรยากาศ
สถานที่โดยรอบกลับไม่มีภาพ
ให้พอได้ลุ้น ดังนั้นฉันจึงไม่ได้นึกเผื่อเลยว่าจะต้องหลุดหลงเข้ามาอยู่ในป่าแบบนี้

สภาพของบ้านเรือนที่หมู่บ้านโดลันจิ ที่อยู่ใกล้กับวัด

ที่ปากทางเข้า Yungdrung Bön Monastery 
 

แล้วรถก็วิ่งมาจอดยังหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่ตรงนั้นมีแผ่นป้ายติดเป็นภาษาฮินดี
ส่วนบ้านเรือนที่ตั้งอยู่รายรอบกลางเขาแถวนั้นก็มีไม่กี่หลังคาเรือน คนขับแท็กซี่
หันมาบอกว่า 'สุดทางแล้ว' ...และฉันต้องเดินเข้าไปยังด้านในวัดเอง


ฉันลงจากรถและไปยืนตั้งหลักที่ร้านขายของตรงปากทางเข้าวัด 
ดูเวลาตอนนี้ก็ปาไปสี่โมงเย็นแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่ตั้งของเกสท์เฮาส์ใด ๆ
อยู่แถวนี้สักแห่ง ไม่แน่ว่าที่พักสำหรับคืนนี้จะเป็นที่วัด???

 

ขณะนั้นมีพระทิเบตสามรูปกำลังยืนจิบชากันที่หน้าร้านขายของชำ 
และฉันหวังว่าจะพอคุยกับใครได้สักคน 

“นี่คือ Yungdrung Bön Monastic Centre ใช่ไหมคะ” ฉันพยายามอ่านชื่อ
ของที่อยู่ดังกล่าวจากนามบัตรให้พอชัดเจนว่าเป็นวัดเดียวกับที่จะมา


“ใช่”

เฮ้อ...ค่อยใจชื้นหน่อยเมื่อพระตอบกลับมา

“แล้วได้ติดต่อใครไว้ก่อนหน้านี้หรือปล่าว?”

จากนั้นฉันจึงหยิบนามบัตรของรินเชนมายื่นให้ดู

“เขาชื่อรินเชนค่ะ”

ตอนน้นก็ลุ้นอยู่นะว่า ถ้าเกิดมาผิดวัดนี่อาจซวยและหาทางออก
จากที่นี่ลำบากแน่ มองไปทางไหนก็ดูไกลโพ้นโลกซะขนาดนี้

“เขาอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวจะโทรเรียกให้มารับ” 

พระช่วยโทรไปติดต่อ (เป็นภาษาทิเบต)
เจรจากันอยู่ครู่เดียว และก็ได้ข้อสรุป

“รอตรงนี้นะ เดี๋ยวเขาออกมารับ” หลังช่วยบอกแจ้งไปแล้ว 
พระทั้งสามต่างก็พากันเดินหายออกไปยังทางถนนลูกรัง

 

 

 

"จู๊เล!"

ไม่นักพระร่างสูงที่คุ้นหน้า ก็เดินออกมารับหน้าวัดก่อนจะพานำไปยังที่พัก
รินเชนทักฉันด้วยคำว่า จู๊เล!...ดังนั้นฉันก็เลยตอบไปว่า "จู๊เล"  เช่นกัน

และหลังจากนี้ฉันก็หลงคิดไปว่านี่คือคำทักทายในภาษาทิเบต กระทั่งได้เผลอ
ปล่อยไก่ทักทายคนโน้นคนนี้ไปทั่ว...แต่ก็ไม่เห็นมีใครทักท้วงนะ ยกเว้นทักกลับ
แบบยิ้ม ๆ  

หรือบางทีพวกเขาอาจจะคิดไปว่าฉันคงเป็นชาวลาดักห์ ???

 

 

ที่วัดนี้จะมีสถานที่พักจัดแยกไว้สำหรับให้คนที่มาเยือน ซึ่งส่วนมากก็มักจะเป็น
ชาวตะวันตก  หลายคนที่ได้เห็นต่างก็มาเข้าอยู่กันนานหลายวันแล้วด้วยซ้ำ   
นั่นก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกสงสัยเข้าไปใหญ่
ว่า สถานที่ลึกลับแห่งนี้มีอะไรน่าสำคัญ?

หลังเก็บข้าวของที่ห้องเสร็จแล้ว รินเชนก็พาชาวทิเบตอีกคนหนึ่งมาเป็นเพื่อน 
เขาชื่อ ล็อบซัง มาจากประเทศเนปาล แต่ล็อบซังที่น่าสงสาร...ฉันออกเสียง
เรียกชื่อของเธอผิดเพี้ยนมาตลอดว่าเป็น "รับสั่ง" จนกระทั่งวันกลับที่โผล่หน้า
ตะโกนเรียกจากบนรถเมล์เพื่อให้ทันโบกมือลา!

 

พวกเขาออกปากชวนให้ลงไปยังทางเดินด้านล่างที่ต้องออกแรงลงบันได
จากเนินที่พักไปโผล่ยังร้านน้ำชาของคนทิเบต ซึ่งถือว่าตั้งอยู่นอกเขตวัด   

ที่ร้านนี้จะมีชา มีน้ำอัดลม และทำอาหารขายด้วย 

ทั้งรินเชนและฉัน พวกเราก็พอจะคุยกันรู้เรื่องบ้างแล้ว
เพราะครั้งนี้มีล็อบซังมาช่วยทำหน้าที่เป็นล่ามให้

 


โต๊ะอาหารในร้านมีเพียงแค่โต๊ะเดียว ดังนั้นเราก็จำเป็นต้องมาร่วมวงกับคนอื่น
ที่เขามานั่งอยู่ก่อน ฉันเห็นพระที่เป็นผู้หญิงกับวัยรุ่นสาวทิเบตหนึ่งคนกำลัง
จิบชาด้วยกันอยู่  
ส่วนตรงหัวโต๊ะด้านฝั่งประตูทางเข้าก็มีพระอีกรูปที่นั่งอยู่ 

ฉันและล็อบซัง พากันไปนั่งที่มุมด้านในส่วนพระรินเชนก็ปิดที่หัวโต๊ะ 
บรรยากาศในตอนนั้นมีแต่บทสนทนาที่ระรัวส่งกันเป็นภาษาทิเบต

 

รินเชนบอกว่าช่วงนี้ยุ่ง ๆ กับงานสอนหนังสือที่หลังจากนี้อาจไม่ได้
มาทักมาเจอได้ 
แต่ยังไงก็ฝากล็อบซังช่วยดูแล และก่อนที่เขาจะออก
ไปจากร้านก็ยังคะยั้นคะยอ
ให้ฉันสั่งอาหารเพื่อเลี้ยงต้อนรับ

 

“เอาซุปโมโม่ ดีป่ะ?” ล็อบซังช่วยเสนอตัวเลือกมาให้
หลังจากที่เราได้ชาทิเบตมาดื่มคนละถ้วยจนปากมันแผล่บ

 

โอ๊ะ! ...ฉันเพิ่งจะท้องเสียจาก 'โมโม่' ได้ไม่ทันไร
แล้วนี่จะต้องมากิน โมโม่ อีกแล้วรึเนี่ย ...

มีแบบใส่เนื้อหรือปล่าว ฉันไม่ค่อยชอบโมโม่มังสวิรัติ”

 

 

 

.....

 

 

ถัดมา ล็อบซังได้พาไปดูวิทยาลัยการแพทย์แผนทิเบตที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับที่พัก-
ของฉัน  ตรงอาคาร
ด้านบนจะมีหอสวดสำหรับนักศึกษาที่จะสวดมนต์กันก่อนเข้า
ชั้นเรียนโดยจะนั่งแยกชายหญิงคนละฝั่ง นอกจากนักเรียนที่เหมือนจะมีแต่ชาวทิเบต  

ก็ยังมี 'พระ' ที่เป็นนักศึกษามาร่วมเข้าเรียนในชั้นด้วย

เวลาที่ไปในตอนนั้นก็ถือว่าเย็นมากแล้ว ฉันจึงแทบไม่เห็นใครบนอาคารนี้เลย

นอกเสียจากนักศึกษาฯ อีกคนที่กำลังเดินท่องตำราวนไปวนมาอยู่หน้าห้องเรียน
อย่างจริงจังยังกับจะสอบจอหงวน  ซึ่งเขาก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของล็อบซังนี่แหละ

 

ภายในห้องเรียนกับโต๊ะเรียนแบบทิเบตดั้งเดิม
ทั้งนี้พวกเขาจะนั่งแยกกันคนละฝั่งระหว่างชายหญิง 


รูปภาพของ His Holiness Lungtok Tenpai Nyima
ผู้นำทางจิตวิญญาณของเพิน องค์ปัจจุบัน (Menri Trizin ลำดับที่ 33) 

 


และรูปปั้นบนแท่นบูชากลางห้องที่เป็นศาสดาและผู้ก่อตั้งศาสนาเพิน
ล็อบซัง ได้บอกฉันว่าบางคนมักเข้าใจผิดว่าเป็น 'พระพุทธรูป' ก็เยอะ
 

 

 

“ศาสนาเพิน” เป็นลัทธิความเชื่อเดิมของชาวทิเบต
อาจรู้จักกันในนามของ Pre-Tibetan Buddhism 
เพราะเป็นที่นับถือก่อนหน้าที่พุทธศาสนาจะเข้ามามีอิทธิพลภายหลัง 
และด้วยแนวคิดที่ถูกผสมผสานกลมกลืนกัน ทั้งพุทธวัชรยานทิเบตและเพิน
จึงดูเหมือนกับคำเปรียบเปรยที่ว่า "Same same but different"

บทกล่าวนำในเรื่อง Bön in Exile 
จากหนังสือ Tibet's Ancient Religion Bon

ในปี ค.ศ. 1959 หลังจากที่ จีนเข้าทำการยึดครองดินแดนทิเบต
อินเดียจึงกลายเป็นสถานที่ลี้ภัย ของชาวทิเบตที่อพยพเข้ามา 

หนึ่งในนั้นก็ยังมีชนกลุ่มหนึ่งที่นับถือศาสนาเพินลี้ภัยมาอาศัยอยู่บริเวณ
ทางตอนเหนือฯ 
อย่าง ลาดักห์, มะนาลี, ดาร์จีลิ่ง และกาลิมปอง
หรือกระทั่งในประเทศเนปาล  โดยในช่วงแรกเริ่มนั้นพวกเขายังไม่มีที่ตั้ง
ของศูนย์กลางทางศาสนาอย่างเป็นทางการเท่าไหร่ 

กระทั่งได้รับเงินสนับสนุนช่วยเหลือมาจากชาติตะวันตก ในปี ค.ศ.1967
จนสามารถก่อร่างสร้างอารามสงฆ์แห่งแรกใน 'หมู่บ้านโดลันจิ' ได้สำเร็จ 
และถือได้ว่าที่โดลันจิแห่งนี้เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางหลักของ ศาสนาเพิน
แม้จะอยู่ในสถานะที่พลัดถิ่นก็ตาม

แต่ปัจจุบันก็ได้มีที่ตั้งของวัดในศาสนาเพินที่อินเดียถึง 4 แห่ง นั่นก็คือ
โดลันจิ (ถือเป็นศูนย์กลางหลัก), สิกขิม, ลาดักห์ และ เดห์ราดูน

 

 

ภาพจากในห้องสมุดของวัด และหนังสือ Bön in Exile

มุมสูงจากวัดด้านบน ในทุก ๆ เช้าที่เต็มไปด้วยไอหมอก

ที่นี่มีการสอนภาษาทิเบตสำหรับชาวต่างชาติอีกด้วย แต่ชั้นเรียนนี้จะเปิดในช่วงฤดูร้อน

 

ที่ห้องอาหารของที่พักวัดในมื้อเย็นวันนี้  ถือว่าเป็นช่วงเวลาการรวมตัวกัน
ของผู้มาเข้าพักทั้งหลาย  เพราะต้องมากินอาหารกันตามเวลาที่เกสท์เฮาส์
ได้กำหนดไว้ตลอดสามมื้อ และดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกไหนที่ดีไปกว่านี้


จากที่เห็นโดยมาก ก็คงหนีไม่พ้น 'ชาวรัสเซีย' ที่พากันมาเป็นกลุ่มใหญ่
พวกเขามาพำนักอยู่ที่นี่เพื่อฝึกและเรียนรู้วิถี “เพิน” กันเป็นแรมเดือน

ส่วนคนบางส่วนที่มาไกลกว่านั้นก็เห็นจะมีคู่รักหนึ่งคู่จากเม็กซิโก 
ที่มาเข้าพักอยู่นานหลายเดือนแล้ว พวกเขาบอกว่ามาตั้งแต่ฤดูร้อน
ดังนั้นพวกเขาจึงจำคำว่า 'ร้อน' ในภาษาทิเบตได้ขึ้นใจ ซึ่งผิดกับฉัน
ที่จำได้แต่ '
trang-mo' ที่แปลว่า เย็น, หนาว

ทั้งนี้ก็ยังมีสาวยุโรปตะวันออกที่เป็นชาวเช็ก อีกหนึ่งรายด้วย 
พวกเขาเหล่านี้ต่างคุ้นหน้าค่าตากันมานานหลายปี 

ดังนั้นฉันจึงกลายเป็นคนประหลาดไปเสียได้
เมื่อถึงคราวถูกถาม เรื่องแรงจูงใจในการมาเยือนสถานที่นี้ 

"แล้วเธอ ...มาที่นี่เพื่อเรียนรู้วิถีของเพินใช่ไหม?"

ก็ว่ากันตรง ๆ ละกัน "ปล่าวหรอก ฉันแค่มาเยี่ยมเพื่อนเฉย ๆ"  


คนกลุ่มนั้นพากันคิ้วขมวดไปประมาณพักหนึ่ง  ก่อนพากันหัวเราะลั่น 
เมื่อได้ฟังคำตอบที่ผิดไปจากสิ่งที่คาดคิดไว้แบบนี้




-----------------------------------------------------------------------------------------------

[เพิ่มเติม]

 

** Dolanji ถือเป็นหนึ่งในเขตพื้นที่พิเศษ ซึ่งมีชาวทิเบตลี้ภัยมาพำนักอาศัยหากจะค้างแรม
จำเป็นต้องทำใบอนุญาต (PAP ; 
Protected Area Permit) ยื่นแจ้งก่อนเข้าพักเสียก่อน  

** เรื่อง Bön ในบล็อกนี้ จะไม่ลงเนื้อหาที่เน้นหนักไปทางศาสนศาสตร์นะคะ
แต่ละเล่าถึง บรรยากาศ สภาพแวดล้อม ของผู้คนในที่นี้มากกว่า 

** และการทักทายของชาวทิเบต ไม่ใช่ จู๊เล อย่างที่เผลอเข้าใจไปทีแรก จริง ๆ แล้วคือ
"ทาชิ เดเลก" Tashi Delek ต่างหาก....(เดินทักรอบวัด มาหลายวันก็งี้ หน้าแตก 555)

** ค่ารถ

Shimla - Solan ุ65 รูปี 
Solan - แยก Oachgart 15 รูปี 
Taxi 100 รูปี




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2559
31 comments
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2565 10:09:36 น.
Counter : 2090 Pageviews.

 

ทำไมมาเยี่ยมเพื่อนถึงฮาหละ งง

แง้ววววววววว สามวันเลยเหรอ ฮือออ แสดงว่าหนักจริง แล้วได้พกยาไปไหม รอดพ้นมาได้ไงอ้ะ

อ่านแล้วรู้สึกว่าฟ้ามีโชคทางการเดินทางพอควรเลยนะ มีคนคอยช่วยเหลืออยู่เนืองๆ อ้ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
zungzaa Parenting Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
ออโอ Book Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
ลุงแมว Photo Blog ดู Blog
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 30 กรกฎาคม 2559 21:58:01 น.  

 

@สาวไกด์ใจซื่อ : ที่นี่ดูตัดขาดไปจากโลกภายนอกมาก
แล้วก็ไม่ใช่สถานที่ๆสำหรับ แวะมาเที่ยวด้วย ก็มีแต่พระนี่เนอะ
เขาก็เลยเข้าใจว่ามา ฝึกทางธรรม อะไรแบบนี้ค่ะพี่เต้ย 555

 

โดย: กาบริเอล 30 กรกฎาคม 2559 22:53:58 น.  

 

สวัสดีค่า คุณฟ้า ^^
วันนี้มาอ่านพอดีคุณฟ้าอัพบล็อกเลย
อ่านได้ครึ่งนึงแล้วค่ะ
เดี๋ยวค่ำๆมาอ่านต่อค่า
ฝากกำลังใจไว้ก่อนนะคะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Opey Diarist ดู Blog
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน Food Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
comicclubs Parenting Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
พันคม Literature Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: lovereason 31 กรกฎาคม 2559 11:15:02 น.  

 

กลายเป็นเด็กวัดไปซะแล้ว ...โกนหัวป่ะ? //ไม่ได้บวชชี!

ภาษาอังกฤษใช้ไม่ได้ก็ยังอุตส่าห์ใช้ฮินดี แต่ที่นี่แม้แต่ฮินดีก็ยังใช้ไม่ได้ ....ใช้ท่าไม้ตายสุดท้ายครับ ภาษามือ //เขาโทรศัพท์ จะใช้ภาษามือได้ไงเล่า ปัดโธ่!

ท้องเสียเพราะกินมังนี่เอง นั่นสินะครับ ฟ้าที่กินเนื้อมาตลอดต้องมานั่งกินแป้งมั่ง แกงถั่วมั่ง T^T

นั่งแท็กซี่คนเดียวเข้าป่าเขาในเมืองที่เราไม่รู้จักนี่เสี่ยงมากคร้าบบบบ... โอ้ แม่สาวน้อย ทำไมเธอต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงแบบนี้ T^T แต่ดีนะเขายังพามาส่งวัดจริงๆ

เพิ่งจะเคยได้ยินศาสนาบอนนะครับ คิดว่าทิเบตเป็นพุทธมาตั้งแต่แรกเสียอีก ช่างแสนเป็นแดนไกล แต่ก็ยังอุตส่าห์มีทั้งชาวเชก ชาวเม็กซิโกมาพักกัน อาจฮิตเงียบๆในหมู่ฮิปปี้ อิอิ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Opey Diarist ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
ออมอำพัน Literature Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: ชีริว 31 กรกฎาคม 2559 13:44:50 น.  

 

สวัสดีอีกรอบจ้าฟ้า

สำหรับที่นี่มีเมนูที่พี่ชอบมาก และเฉยๆ จ้ะ ตามที่สรุปไว้สุดท้ายเลย

แต่เชฟเก่งจริง ไม่ค่อยเจอเชฟที่ดึงรสชาติวัตถุดิบออกมาแบบนี้เท่าไหร่น่ะจ้า

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 31 กรกฎาคม 2559 19:48:11 น.  

 

ถนนบนเขานี่วิ่งเร็วไม่ได้ทำเวลาไม่ได้ล่ะครับ ลำบากหน่อย

ดีที่กระเป๋าค่าไม่ลืมนะ มันก็น่ากังวลใจจริงๆ แหละครับ ถือว่ามีโชคเรื่องการเดินทางนะครับ เจอผู้คนดีๆ ค่อนข้างเยอะ

จะว่าไปมันเดินทางลำบากด้วย แต่ก็ยังมีคนเดินทางมา พวกชาวยุโรปค่อนข้างชอบแบบนี้ด้วยมั้ง มีสอนภาษาด้วย

ในการท่องเที่ยว ท้องเสียนี่ถือเป็นเรื่องที่เลวร้ายอันดับต้นๆ เลย

กาบริเอล Travel Blog
+

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 31 กรกฎาคม 2559 22:21:55 น.  

 

สวัสดีค่า คุณฟ้า ^^
มาอ่านต่อจบแล้ว
มีพูดถึงลาดักห์ด้วย รู้สึกว่าบูมมากในช่วงปีนี้เลยนะคะ
คุณฟ้าได้ไปรึเปล่า เห็นเพื่อนไปกันบอกสวยดีแต่สูง หนาวด้วย

ศาสนาบอน เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกเป็นความรู้ใหม่ค่ะ
ที่คุณฟ้าไประยะทางไม่ไกลแต่หลายชั่วโมง แค่คิดก็หนาวแล้ว
แสดงว่าทางลำบากมาก
ไปคนเดียวน่าลุ้นมาก

อ่านแล้วได้ประสบการณ์แปลกดี สนุกค่ะ
ขอบคุณมากๆ ค่า
เอาไว้มาอ่านตอนต่อไปนะคะ

ท้องเสียแบบนี้ดีที่ว่าได้พักอยู่ที่พักนะ
ถ้าระหว่างเดินทางคงลำบากแย่
ที่นั่นรถบัสไม่มีห้องน้ำด้วยนี่ีนา แค่คิดก็หวาดเสียวแล้ว อิอิ

 

โดย: lovereason 31 กรกฎาคม 2559 22:22:44 น.  

 

เอาภาพบรรยากาศแบบไกลๆ มาให้ดูกัน เป็นที่ตั้งของ monastry ที่ไปค่ะ และ เกสเฮาส์ของวัดนั้นจะเป็นส่วนของวงกลมสีแดง นอกเหนือจากที่เห็น ก็มีแต่ภูเขา
ล้อมรอบ ส่วนพลเมืองรอบข้าง แทบนับหลังคาเรือนได้เลย
ดูตัดขาดจากเมืองข้างนอกไปมาก วังเวงดีแท้ 555

(ภาพนี้เลยถ่ายมาจากฝั่งตรงข้ามที่เป็น อารามของพระผู้หญิง ที่ตั้งแยกส่วนเอาไว้ต่างหาก)


images by free.in.th




------------------------------------------------------
@lovereason : ยังไม่เคยไป ลาดักห์ เลยค่ะ ตอนนั้นยังหาแรงบันดาลใจไม่ได้นะ ( /เป็นคนเยอะ 55)
อีกอย่างช่วงนั้น ก็เข้า เดือน พ.ย. ถนนปิดทางสัญจรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะนั่งเครื่องบินไป ค่าเครื่องก็แพงอ่ะ

ไว้รอบหน้าค่อยว่ากันอีกที


 

โดย: กาบริเอล 1 สิงหาคม 2559 12:43:10 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ถ้าอยากเที่ยวเหมือนกับไปเที่ยวด้วยตนเอง
ต้องมาบ้านน้องฟ้า ละเอียดและมีให้ลุ้นเสมอ
เดินทางเก่งมาก ๆ เลย ศาสนาบอนเพิ่งเคย
ได้ยินค่ะ เป็นสถานที่ลึกลับแต่ก็ยังมีผู้มาเยือน
แสดงว่าต้องมีสิ่งที่น่าสนใจแน่นอน ที่จริงแล้ว
เรียกล๊อบซัง เพื้ยนเป็น รับสั่ง ก็เข้าท่าดีค่ะ

 

โดย: AppleWi 1 สิงหาคม 2559 14:38:15 น.  

 

“ทิ่ก เฮ !” อีนี้ ฮัดช่า ซาบาละเฮ่ จู๊เล่ ถ้าเป็น อ.เต๊ะ ละก็ ไปยากเย็น ขนาดนี้
โดดขึ้นหลังคารถเมล์ ตีตั๋วเครื่องบิน กลับเมืองไทยดีฝ่า 555

แต่คิดไปคิดมา ให้น้องฟ้าอยู่ต่อ ดีฝ่า จะได้มีเรื่องฮาๆ มาเล่าให้ฟังอยู่เรื่อยๆ

แต่จะว่าไปทริปนี้ มีช๊อตเด็ดๆ อยู่ตรง กินโมโม่ สูตรใหม่ ผสมเชื้อ อีโคไล
กินแล้ว ท้องเดินไป 3วันนี่ ไปต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ กินอาหารที่เป็น มัง ผักสารพัด
ควรจะมีความรอบคอบ พก น้ำด่างทับทิม เอาไปแช่ผักด้วย ไม่งั้นก็ควรกินแต่ ผักต้มแพะตุ๋น
ไปเลยดีกว่า นะ อิอิ

แต่จะว่าไป อ.เต๊ะก้ไม่มั่นใจ เรื่อง อนามัยส่วนบุคคล ของน้องฟ้าเท่าไหร่ อิอิ
คราวหน้าขอให้ น้องฟ้าอาบน้ำแปรงฟัน ให้เรียบร้อยก่อน ฉัน โมโม่ ทุกมื้อน้า เย้ย 555

แล้วก็เกสเฮ้าส์ แถวถนนข้าวสาร ที่น้องฟ้าไปพักนี้ ดีจังเลย อยู่ฟรีกินฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย อิอิ

น้องฟ้ารีบตะโกนลั่น วัด เฟร้ย วัด เดี๊ยะๆ เอาเชื้ออีโคไล ป้ายปากเล้ยย 555

จริงๆ ศาสนา บอน นี่ มาตั้งสถาบัน ซะลึกลับซับซ้อนกลางหุบเขาลึก ซะขนาดนี้
อ.เต๊ะ เห็น คำว่า บอน ทีแรก ยังนึกว่า ต้องเป็น รร. ฝึกสายลับ แบบ เจมส์ บอน 007 แหงๆ
ไหง เป็นวัดไปได้เนี่ย งง จริงๆ555

แล้วก็ การตกแต่ง สถานที่ใน วัดแห่งนี้นี่
ช่างฉีกกฏเกณฑ์ การออกแบบ การใช้สี อย่างสุดขั้วจริงๆ

หรือนี่ จะเป็นกลยุทธ์ ที่ทำให้ คนมานั่งเรียน มาสวดมนต์ ในวิถีแห่ง บอน ไม่มีทางหลับได้ แหงๆ555

เพราะสีสัน แปร๊ด ซะไม่มี แม่สีล้วนๆ ยิ่งห้องเรียนสีชมพูหวานจ๋อยนี่ อื้อหือ
แซ่บ จริงๆเลยจ้า 555

แล้วก็ บทสนทนา ที่เหล่าผู้มาพักก่อนหน้านี้ กับ น้องฟ้า คุยกันนี่
เค้าก็ต้องขำ แหงๆในความไร้เดียงสาของน้องฟ้า
ที่ไปบอกเค้าาว่ามาเยี่ยมเพื่อน จริงๆ ที่นี่เค้า เอาไว้มาฮันนีมูน ต่างหากล้า

ดูจากห้อง ดีลักซ์ สีชมพูหวานจ๋อยก็รู้แล้วน้าขนาด อ.เต๊ะ หน้าตาเซ่อๆ ยังรู้เลย เย้ย 555

ปล ลิง จริงๆนี่ น้องฟ้าอยู่ในคิวเขียนคนต่อไปเลยน้า เสียดายที่โชคช่วย บล้อก อ.เต๊ะ มาเจ๊งไปซะก่อน ไม่งั้นละก้ สนุกแน่ แฮ่ๆ555

เพราะแยะ และแปลกขนาดนี้ ไม่เขียนถึงก็บร้าแล้วละ เย้ย 555




บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: multiple 2 สิงหาคม 2559 5:19:29 น.  

 

@ multiple : พักฟรีที่ไหรเล่า เสียตังค์คร้าบบบ ตอนแรกได้ห้อง 600 รูปีแน่ะ
ต้องรอก๊วนรัสเซียกลุ่มหนึ่งเค้าย้ายไป ถึงไปขอเสียบแทนที่ห้อง 300 รูปี ค่อยลดค่าใช้จ่ายลงหน่อย ....

ไม่งั้นจ่ายไม่ไหว ATM แถวนั้นก็ไม่มีอ่ะจิ่ ที่มีข้าวให้กินสามมื้อเพราะออกไปหาอะไรข้างนอกกินได้ที่ไหน ไกลโพ้นโลกขนาดนี้ เย้ยยย...

 

โดย: กาบริเอล 2 สิงหาคม 2559 8:29:32 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
On-rainy-days Music Blog ดู Blog
ขุนเพชรขุนราม Science Blog ดู Blog
simplyusana Food Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: ชมพร 2 สิงหาคม 2559 11:51:19 น.  

 

สวัสดีครับคุณฟ้า
บรรยากาศของผู้คนขณะเดินทาง ผู้ที่พบเจอระหว่างทาง ทำให้คิดได้ว่า ต่างถิ่น กันดาลอย่างไร จิตใจของผู้คนก็คล้ายๆกัน ถ้าพูดถึงจิตใจไม่รวมเรื่องวัตุอื่นๆ ผมว่าบรรยากาศเหมือนกับไปต่างจังหวัดบ้านเรา เพียงแต่ภาษาพูดเท่านั้นที่อาจมีปัญหา เชื่อว่าการเดินทางต่างบ้านต่างเมืองไม่อยากอย่างที่อยู่ในใจเรา ผมมักเพ้อฝันถึงการเดินทางเสมอครับ
โหวต Travel Blog

 

โดย: Insignia_Museum 2 สิงหาคม 2559 21:31:55 น.  

 

จากบล็อก จอมมารผมใช้แทนตัวผมตอนไปงานบล็อกแก๊งมิตติ้งครับ เรื่องมันเกิดก็ตอนมิตติ้งเนี่ยะแหละ

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 3 สิงหาคม 2559 0:36:50 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณฟ้า
ไปแบบนี้น่าจะพกยาแก้ท้องร่วงไปด้วยนะคะ เกิดฉุกเฉินจะได้ป้องกันไว้ก่อน
ไปเมืองไทยพกประจำ ไปเจอส้มตำ อาหารเผ็ดๆ ก็จอดเหมือนกัน
เที่ยวได้สมบุกสมบันและกล้ามากๆค่ะ ถึงจะชอบเที่ยวแบบลุยๆ
แต่ถ้าไปแบบนี้ ขอมีเพื่อนไปให้อุ่นใจหน่อย แฮ่ๆ
แต่คุณฟ้าก็โชดดีนะคะเจอแต่คนใจดี ช่วยเหลือ
ตอนนั่งแท็กซี่ไปวัดคนเดียว เข้าป่าด้วย เป็นเราคงนั่งไม่ติดแน่ๆ

กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

 

โดย: ข้ามขอบฟ้า 3 สิงหาคม 2559 3:18:26 น.  

 

สวัสดีค่ะ

ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเป็นเด็กวัดเลยรึคะเนี่ย

สุดยอดอะ ดีนะที่รถเมล์ไม่ลืมบอกให้ลงด้วย

เราเคยขึ้นรถเมล์ที่ยุโรปบอกปลายทางคนขับอย่างดีให้ช่วยสะกิดให้ลงหน่อย

แล้วก็นั่งหน้าๆให้เขาได้เห็น แต่สุดท้ายเขาก็ลืมจนได้

ศาสนาบอน เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละค่ะ


โหวตให้ค่ะ

กาบริเอล Travel Blog

ขอบคุณที่แวะทักทายนะคะ

 

โดย: เรียวรุ้ง 3 สิงหาคม 2559 7:30:32 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
BlogGang Hang Girls Parenting Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
The Kop Civil Literature Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Food Blog ดู Blog
VELEZ Travel Blog ดู Blog
ออมอำพัน Literature Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
ravio Education Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ชอบบรรยากาศที่น้องฟ้าทม่องเที่ยวจังค่ะ
โหวต....ได้ความรู้เพียบเลย

 

โดย: อุ้มสี 3 สิงหาคม 2559 7:36:36 น.  

 

สวัสดีอีกรอบจ้าฟ้า

ไม่ตั้งหน้าหลักเราก็กลับไปโหวตให้ได้อยู่ดี อิอิ

น้องเหมียวน่ารักขนาดนั้น ต้องโหวตจิ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 3 สิงหาคม 2559 8:53:51 น.  

 

ไปเป็นเด็กวัดซะแล้วน้องฟ้า
ทำไมชอบไปที่ลำบากจริง ๆ เชียว
พี่ล่ะหวาดเสียวตลอด ๆ เวลาอ่าน
แต่โชคดีมีคนช่วยเหลือตลอดเวลาเดินทาง
แถมยังไปท้องเสียซะสามวัน ไกลหมอขนาดนั้น
แต่เชื่อว่าไม่เข็ดหรอกใช่ป่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อุ้มสี Food Blog ดู Blog
เจ้าการะเกด Food Blog ดู Blog
ออมอำพัน Literature Blog ดู Blog
เตยจ๋า Topical Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

 

โดย: เนินน้ำ 3 สิงหาคม 2559 9:16:05 น.  

 

เป็นอีกหนึ่งตอนของฟ้า ที่ลุ้นระทึกไปด้วย

ท้องเสีย สลบคาห้องพัก 3 วัน นี่คือสิ่งที่รอคอยรึฟ้า 5555

ตอนนั่งรถอีกต่อเข้าหมู่บ้าน ถึงจะแค่ 10 กิโล แต่ด้วยเส้นทางแบบนี้ ระทึกอีกล่ะพี่

คุณ "รับสั่ง" ไปเรียนวิทยาลัยการแพทย์ใช่ไหม แต่ฟ้า "ไปหาเพื่อน"

ซุปโมโม่อีกรอบ แบบไม่มัง ปลอดภัยดีใช่มั้ย

พี่เพิ่งเคยได้ยิน "ศาสนาบอน" ครั้งแรก



บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
touch the sky Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
AdrenalineRush Travel Blog ดู Blog
lovereason Book Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 3 สิงหาคม 2559 13:52:02 น.  

 

สวัสดีจ้าน้องฟ้า
ไม่ได้มาเสียนานไปเป็นเด็กวัดแล้ว ;)

เพิ่งเคยได้ยินเรื่องราวของ ศาสนาบอนวันนี้เอง
ตอนที่พี่ไปเที่ยวลาดักห์ก็คิดว่าเป็นพุทธ อีกนิกาย
คือ บับ ไม่ได้หาข้อมุลละเอียดด้วย

ว่าแต่สรุปคือมาเเยี่ยมเพื่อน หรือมาเป็นเด็กวัดจ้ะ ^_^

 

โดย: AdrenalineRush 3 สิงหาคม 2559 13:53:35 น.  

 

(((ตอบรวม)))

เรื่องยา --> พกเจ้าตัว CA-R-BON ไป ฉุดไม่อยู่จริงๆ แถมยังมาเป็น รอบเดือนพอดี เรียกว่า ซวยซ้ำซ้อน ทีเดียว 55 เขาว่ามาอินเดียแล้วท้องไม่เสียนี่ ถือว่ามาไม่ถึง

จริงๆก็ไปเยี่ยมพระสองรูป ที่เคยเจอตอนไป ดารัมชาลา นั่นแหละ
แต่ไปๆมาๆ ก็อยู่ที่เกสเฮาส์วัดซะนาน
เลยถือโอกาสสืบส่อง เรื่องของ "บอน" มานิดหน่อยค่าาา
ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ โมเม เป็นเด็กวัดไปซะเลย อิอิ

// แต่ค่าที่พักนี่ไม่ได้พักฟรีนะ



@AdrenalineRush : เรื่องวัดที่ ลาดักห์ ของพี่หนึ่งเป็นวัดทางพุทธค่ะ

ส่วน Bon monastery ที่สาขานั้นอาจเพิ่งสร้างภายหลัง
น่าจะหลังปี ค.ศ. 1967 ไปแล้ว (ที่เริ่มได้รับเงินสนับสนุนจากต่างชาติ)

คงไม่ได้ เก่าแก่ หรือใหญ่โต เท่าไหร่ ...

เพราะชาว(บอน)ทิเบต ก็เพิ่งจะอพยพย้ายย้ายถิ่นมาที่นี่
หลังจีนยึดครองฮับ





 

โดย: กาบริเอล 3 สิงหาคม 2559 16:25:41 น.  

 

มาผจญภัยต่างแดนด้วยค่ะ
+

 

โดย: tuk-tuk@korat 4 สิงหาคม 2559 16:45:38 น.  

 

มองเกสเฮาส์จากด้านล่างแล้วขึ้นเขาไปเยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย



ตรงลอดท้องมังกรที่ถ้ำเลเขากอบเห็นกระทู้ในพันทิปมีคนมาเล่าว่าโดนหินขูดขากันหลายคนเหมือนกันครับ คงมีพลาดเป็นระยะๆ โชคดีหวยไม่ลงที่เรา (หรือไม่ก็โชคดีที่เราตัวเล็ก)
รูปเที่ยวตรังหายไม่เป็นไรหรอกครับ ไปเมื่อไหร่ก็ได้ (พาไปเอาป่าว?) แต่รูปอินเดียพวกเนี้ย ห้ามหายเด็ดขาด! มันเป็นมรดกของมนุษยชาติ!

 

โดย: ชีริว 4 สิงหาคม 2559 19:29:55 น.  

 

ขอบคุณที่แวะทักทายกันค่ะ

ตอนข้าศึกบุกนี่หน้าดำหน้าแดงค่ะ

บิดแล้วบิดอีกอะ

แต่พอผ่านพ้นมาได้ก็ฮาดีนะคะ

 

โดย: เรียวรุ้ง 8 สิงหาคม 2559 19:05:32 น.  

 

เห็นคุณหยี น้ำฟ้าป่าเขา ไปเที่ยวลาดักห์แล้วน่าไปเนาะ
ท่าทางจะได้เหนื่อยหลายหอบ อิอิ
เฮ้อ อยากไปไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ไปกะเค้ามั่งค่า

 

โดย: lovereason 8 สิงหาคม 2559 21:21:42 น.  

 

คิวเบย์ (ตามในการ์ตูน) เป็นตัวเลวเลยครับ

จำนักแสดงตัวอื่นๆ ไม่ได้ไม่เป็นไร ขอแค่จำท่านผู้นำฮารุฮิอยู่ในใจได้ก็พอ

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 8 สิงหาคม 2559 23:11:47 น.  

 

สวัสดีอีกรอบจ้าา

เป็นทริปที่สนุกจริงๆ ผู้หญิง แต่สบายๆ ไม่เรื่องมาก ไม่ทำตัวยุ่งยาก

แล้วแต่ละที่ที่พาไปนี่ก็..นะ ถูกจริตทั้งนั้นเลยจ้าา

ขอบคุณที่แวะไปเที่ยวด้วยกันนะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 9 สิงหาคม 2559 8:36:42 น.  

 

มาอีกรอบ น้องฟ้าก็ยังเป็นเด็กวัดอยู่เหมือนเดิม คริคริ...

 

โดย: เนินน้ำ 9 สิงหาคม 2559 16:38:43 น.  

 

เดินเล่นเมืองกรุง .. ร้อนมากฟ้าเอ๊ย ต้องใช้คำว่า เหงื่อไหลไคลย้อยได้เลย

นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินบ้านเรา บางคนก็ใส่หมวก บางคนก็กางร่ม แรก ๆ พี่ก็ใส่หมวกใส่เป้ไป หลัง ๆ มา ขี้เกียจถอดเข้าถอดออก หลายสถานที่ เดินเข้าไป ใส่หมวกดูไม่สุภาพเนาะ ตัดปัญหา พี่ก็เดินหน้าดำงั้นแหละ

พี่เคยเป็นแบบฟ้าล่ะ กำลังทำดราฟท์อยู่ ไฟตก บางทีเมฆทำงานไฟล์ word ด้วย หายเรียบเลย เจอไป 3-4 รอบ ตอนหลังมา ปะป๊าเลยซื้อ UPS มาให้

*** มัสยิดฮารูณ เป็นมัสยิดที่ 2 ของประเทศไทย เดิมเป็นเรือนไม้สัก ต่อมาทรุดโทรม เลยเปลี่ยนเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ไม้ของเดิมใช้ทำพื้น และเสากลม ลายปูนปั้น ลวดลายแกะสลักหน้าต่างของเดิมจ้ะ




 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 9 สิงหาคม 2559 16:50:04 น.  

 

อดรอไม่ไหว ต้องรีบแวะมาเริ่มอ่านตอนแรกนี้ก่อน... เลยได้รู้จักศาสนาบอน น่าสนใจมากกก คิดๆไปแล้วน่าเห็นใจชาวธิเบตมากๆเลยนะคะ พลัดถิ่นมาซะไกลเลย
วัดสวยมากนะ โดยเฉพาะสีที่ใช้ทานั่น แบบสุดยอด!!!!! อาหารที่นี่เค้ายังยึดมังสวิรัติไหมคะสำหรับศาสนาบอน เนี่ย? แอบสงสัย ฮ่าๆๆ เพราะเรื่องกินเรื่องใหญ่(มากกกก) ฮ่าๆๆๆ

 

โดย: Max Bulliboo 12 กันยายน 2559 16:26:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.