Group Blog
 
 
มกราคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
30 มกราคม 2559
 
All Blogs
 
GAUMUKH (3) Bhojbasa ย่างก้าวเล็ก ๆ 14 ก.ม. แรก










"เดี๋ยวจะกลับมาประมาณวันพรุ่งนี้ช่วงเย็น...ยังมีข้าวของเก็บอยู่ที่ห้อง"

ประมาณตีห้ากว่า ๆ ฉันเดินสะพายเป้ลงมาเจอกับเจ้าเด็กที่เป็นคนดูแลที่พักพอดี 
เลยต้องบอกให้รู้ไว้ก่อนว่าจะหายตัวไปวันนึง 

"เฮ้ เพื่อน จะไปที่ไหนน่ะ?"

ฉันเหยียดแขนชี้ตรงไปยังทิศทางของภูเขาที่ตั้งอยู่บนเส้นทาง
ย้อนสายแม่น้ำภกีรติ เพราะคิดว่ามันคงเท่ดีว่ะ

"ฉันจะไป โกมุข"





เวลานี้คงอาจจะเช้าเกินไป ร้านรวงสองทางเดินยังปิดเงียบสนิทอยู่ 
อากาศหนาว ๆ และลมเย็น ๆ ที่พัดแทรกเข้ามาระหว่างช่องเขา ทำให้เริ่มกังวล
กับสภาพอากาศปลายทางไม่น้อย เพราะมันตั้งอยู่บนที่สูงพอสมควร 
ฉันเดินออกจากที่พักไปยังลานจอดรถอย่างเงียบเชียบ ดูแล้วยังไม่น่าจะมีใคร
เดินออกมาเช้าขนาดนี้ แต่ก็มาเจอกับชาวเนปาลีคนหนึ่งเข้า
และเขาก็ตรงเข้ามาถาม
ว่าอยากได้ลูกหาบหรือคนนำทางไหม?

ฉันบอกไปว่าจะเดินคนเดียวนี่แหละ เราคุยกันต่ออีกแค่นิดหน่อย
หลังจากนั้นก็แยกตัวออกมา เพราะต้องมารอทำใบอนุญาตเข้าพื้นที่

ขณะนั้นก็เริ่มมีรถจี๊ป สาม-สี่ คัน วิ่งมาจอดที่ลานและได้นำนักท่องเที่ยวหลายคน
ทยอยลงที่นี่ และพวกเขาต่างพร้อมออกเดินขึ้นไปยังทางด้านบนทันที
ส่วนตัวฉันยังคงกระวนกระวายอยู่ที่เดิม รอสำนักงานฯ เปิด  ใจหนึ่งก็แอบคิดว่า 
นี่ถ้าทำใบอนุญาตตั้งแต่อยู่อุตตระกาสี ป่านนี้ก็คงได้เริ่มเดินไปไกลแล้ว




หลังจากสุ่มเดินขึ้นไปสำรวจดูชั้นบนของสำนักงานฯ ว่าเปิดทำการหรือยัง 
ก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกำลังจัดเรียงเอกสารอยู่ลำพังในห้องทำงาน 
ฉันจึงรีบเสนอหน้าไปขอยื่นเรื่องทันที แต่คุณเจ้าหน้าที่กลับไม่ยอมดำเนินการให้

"ยังไม่ถึงเวลาทำการ รอไปก่อน"

เขาว่าที่นี่เปิดทำการสองช่วงเวลา
คือ 7.00 น. – 10.00 น. กับ 16.00 น. – 19.00น.
และฉันควรจะมาทำตั้งแต่เมื่อวานเย็นตอนมาถึง

พลาดเลย! เวลาเปิดทำการแปลก ๆ แบบนี้ ไหงไม่เห็นมีใครบอก


"แต่นี่ก็ได้เวลาแล้วนี่"
ฉันยกนาฬิกาข้อมือยืนยันว่า 7 โมงแล้ว อย่าอู้สิ!

เจ้าหน้าที่มองหน้าฉันอย่างเนือย ๆ พลางหันกลับไปเรียงเอกสารต่อ 

"แล้วจะเข้าไปคนเดียวหรือไง?" 

"ใช่" ฉันตอบ

"มีสำเนาวีซ่า กับพาสปอร์ตมาไหมล่ะ" 

เขาถามก่อนที่จะหยิบแบบฟอร์มสีขาวมาให้กรอก


ในที่สุดก็ได้ทำใบอนุญาตเสียที เจ้าหน้าที่บอกว่าให้นำไปยื่น
และจ่ายเงิน
ค่าทำเนียมเข้าอุทยานที่ด่านตรวจ 
ซึ่งมันจะอยู่ห่างจากที่นี่ถัดไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร



เอาหละ ได้เวลาออกเดินทางเสียที นี่ถ้าสายไปกว่านี้คงถึงที่หมายช้าแน่
ฉันหยิบเอาใบคำร้องนั่นมาตรวจดูอีกรอบ พร้อมตกใจกับเรื่องบางอย่างเข้า
เพราะเวลาที่เขียนลงกำกับนั้น คือ 6.10 น.!!!

เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมปรับนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาของประเทศอินเดีย 

เจ้าหน้าที่คงอาจคิดว่าฉันน่าจะเบลอเพราะมึนกับที่สูง? รึไม่ก็ปล่อย ๆ ให้เข้าไป
แต่เช้าเลยดีกว่า 
ถ้าเกิดมันเอาแต่เดินเอื่อยเฉื่อยทำตัวสโลว์ไลฟ์เดินช้าไปถึง
ตอนมืดค่ำอาจจะแย่

แทบอยากวิ่งลงเขากลับไปขอบคุณซะเดี๋ยวนั้น!






เป้าหมายเส้นทางของการเดินทางขาไป วันที่ 1 จะแบ่งออกเป็นสองช่วง 

  • 9 กม. จาก กังโกตรี (3,049 ม.) –> Chirbasa (3,600 ม.) พักกินข้าวกลางวัน

  • 5 กม. จาก Chirbasa –> Bhojbasa (3,792 ม.) หาที่พักแรมหนึ่งคืน



ทางอุทยานฯ  มีการขอความร่วมรณรงค์ให้งดนำบรรจุภัณฑ์ประเภทพลาสติกเข้าไป
แต่เท่าที่เห็น ก็ยังมีการจำหน่ายน้ำดื่มบรรจุขวดที่บริเวณด้านในอยู่ 
ที่นี่มีสัตว์ป่าหายากอย่างตัว Blue Sheep อาศัยอยู่ อาจมีลุ้นได้พบเห็นระหว่างทาง

หลังผ่านจุดตรวจฯ ที่นำใบอนุญาตไปยื่นเรียบร้อยแล้ว กลุ่มนักเดินทางหลายคน
ก็มุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออก ซึ่งใบหน้าเราจะหันรับแสงแดดท้า UV ที่จะสาดส่องเข้า
อย่างเต็ม ๆ เพื่อตรงไปยังจุดหมายเดียวกันนั่นคือโกมุข 


หนแรกนั้น ฉันเห็นการเดินที่พร้อมเพรียงเป็นหมู่คณะดีอยู่ ถัดไปไม่นานนักก็เริ่ม
แตกแถวแยกย้ายกันตามแรง ใครเดินไหวก็ไปต่อใครไม่ไหวก็นั่งพัก



ก็ตามที่คาดไว้เส้นทางนี้ดูไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ แต่แอบน่ากลัวตรงที่มันเป็นไหล่
ทางเลียบเขา บางครั้งก็แคบบางครั้งก็มีระดับลดหลั่น เสี่ยงต่อการลื่นไถลและเสีย
หลักได้ โดยเฉพาะมุมที่โค้งหักศอก  
สำหรับคนที่เดินไกลไม่ไหว 'การเช่าลาขี่'
ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของการผ่อนแรงที่ดี....
แต่เราจะกล้าไว้วางใจ ลา มากกว่า
ฝีเท้าตัวเองหรือปล่าวก็อีกเรื่อง



ตรงสะพานข้ามฟากก็เป็นอีกจุดเล็ก ๆ ที่แอบดูน่ากลัว...

นักท่องเที่ยวชาวอิตาลีกลุ่มใหญ่กำลังเดินข้ามกันอย่างตื่นเต้นทีละคน ๆ
เพราะตัวไม้ที่ทำพาดไว้มันดูไม่แข็งแรง และบุแผ่นสังกะสีทับไว้เท่านั้น
ฉันยืนรอจนกระทั่งคนสุดท้ายข้ามไปเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงตาของตัวเอง
ที่ต้องเดินข้ามแบบยักแย่ยักยัน กลัวพลาดพลิกคว่ำสะดุดร่วงจะตายไป

พี่ไกด์เสื้อแจ็คเก็ตแดงที่เป็นคนดูแลกลุ่มฯ จึงเดินย้อนตรงมาที่กลางสะพาน
ยื่นมือมาให้เกาะ
เพื่อพาเดินไปด้วย แม้ว่าฉันจะไม่ได้มากับพวกเขาก็ตาม



ฉันเจอพี่ไกด์ฯ คนนี้อีกหนก็ตอนไปถึง Chirbasa เขามานั่งรอลูกทัวร์
ตรงเนินหินก่อนถึงจุดแวะพักกินข้าวกลางวัน 

"ถัดจากนี้ก็เดินต่อไปแค่ 5 กิโลเมตร ก็ถึง Bhojbasa แล้ว
แต่ทางมันจะทุลักทุเลกว่านี้ จะเอาไม้เท้าไปใช้ค้ำไหม?"

พี่ไกด์จะให้ยืมฟรี ๆ นี่แหละ แต่ฉันเคยเดินป่าโดยใช้ไม้เท้ามาก่อน 
และรู้สึกว่าเดินไม่ค่อยดีนัก ก็เลยบอกไปว่าไม่เป็นไร

แต่ก็ยังไม่วายมีถามต่อ
ว่าแล้วจองที่พักแล้วหรือยัง ?


"ยังหรอก แต่คิดว่าจะไปพักที่อาศรม ลาล บาบา"  

ฉันไม่ได้โทรไปจองล่วงหน้า แต่คิดว่าน่าจะเดินทันอยู่

"โควต้าให้คนเข้าอุทยานแค่วันละ 100 คนมันก็น่าจะพออยู่เนอะ"


"แน่ใจนะ....ถ้าเกิดไม่ทันยังไงก็ มาบอกเดี๋ยวให้ยืมเต็นท์ไปนอน"


ถึงมันจะเป็นการเดินทางตามลำพัง แต่เพื่อนร่วมทางที่ได้พบเจอ
ก็ทำให้ฉันไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองโดดเดี่ยวสักนิด



ช่วงพักกินอาหารกลางวัน ที่ซุ้มเพิงผ้าใบ บางคนก็ล้มตัวนอนพักเหนื่อยกัน
บางคนก็นั่งจิบชา ... 
ฉันสั่ง ปาราทา โรตีที่ผสมมันฝรั่งกับผัก กินแกล้มกับ
มะม่วงลูกเล็กที่ดองให้มีรสเปรี้ยวสำหรับแก้เลี่ยน ซึ่งมันก็เป็นแค่เมนูเดียวที่มีขาย




ที่จุดแวะพักนี้ ฉันได้มาเจอกับพี่เนปาล คนที่เดินมาคุยเมื่อตอนเช้านี้ด้วย
(อันที่จริงแล้ว พวกเราก็วนเวียนไปไหนไม่ไกลกันนักหรอก)

เขาบอกว่าหลังจากที่ฉันเดินไปแล้ว ไม่นานนักก็ได้ลูกค้าที่ว่าจ้างเป็นคู่รัก
ชาวเยอรมันคู่หนึ่ง 
และจากที่คุยกันก็ทำให้ได้รู้ว่าในที่นี้มีชาวเนปาลีมาทำงาน
เป็นลูกหาบเยอะพอสมควร

ไม่นานนัก พี่ลูกหาบเนปาลก็ต้องขอตัวออกเดินทางไปพร้อมกับลูกค้าของเขา
ส่วนฉันก็ยังคงต้องนั่งพักสักเดี๋ยวก่อนเพราะยังไม่หายเหนื่อยเลย



ดูเหมือนว่าทุกอย่างในวันนี้เหมือนจะดีพร้อมไปเสียหมดใช่ไหมล่ะ 
แต่ก็ผิดคาด เพราะในที่สุดเรื่องที่ไม่ควรเกิดก็ดันเกิดขึ้นจนได้


ฉันมีปัญหาเรื่องเส้นทางนิดหน่อย  
เนื่องจากบริเวณนั้นดันมีกองหินพะเนินยักษ์มาปิดขวางไว้
ซึ่งบางทีอาจต้องใช้การลัดเลี้ยวหรืออ้อมไปทางอื่น




ในเมื่อตอนนั้นกลุ่มที่เหลือยังไม่มีใครพากันเดินต่อ ฉันจึงไม่รู้ทางไป
เลยได้ลองถามแม่สาวใหญ่เสื้อม่วง ที่เดินทางมาพร้อมกับไกด์และลูกหาบ
เธอชี้ตรงไปยังทางลงด้านข้างพร้อมบอกว่า ให้ตรงไปเลย ...

จากนั้นก็ทำให้ฉันเดินผิดทางนานกว่า 10 นาทีได้
ถ้าหากไม่ได้เจอทางลงแม่น้ำเสียก่อน ป่านนี้คงพลัดเข้าป่าไปไกลแล้ว 
ถึงมันจะดูไม่ไกลเท่าไหร่ แต่การที่ต้องมาเสียเวลาหลง  ไหนจะความสูง
ของพื้นที่ที่เริ่มเยอะขึ้นอีก
ความเหนื่อยและอารมณ์โกธรก็ยิ่งมีมากตามไปด้วย 

เมื่อฉันเดินกลับมาที่เดิม เธอก็ยังนั่งคุยหัวเราะกับลูกหาบ
และล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจเฉิบ แม้ไม่รู้เจตนาที่แท้จริง
แต่คงปล่าวประโยชน์ที่จะเข้าไปต่อว่า


และในความเป็นจริง เส้นทางที่ควรจะต้องไปต่อ
มันอยู่ที่ด้านหลังกองหินที่เธอนั่งอยู่ตรงนั้นต่างหากเล่า!




ป่าสนที่อยู่ถัดจากจุดนั้น กับร่มไม้ที่ผลัดใบจนอร่ามเป็นสีเหลืองทอง
มันได้ช่วยบังแดดเป็นร่มเงาไประยะหนึ่ง  สถานที่ตรงนั้นมันสวยมาก

จนทำให้ใจของฉันเริ่มสงบลงขึ้นเยอะทีเดียว 

เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ไม่แน่ว่าฉันคงอาจสติแตกไปแล้วก็ได้

คงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ได้รู้ -- ผู้หญิงด้วยกันเองนี่แหละอันตรายสุด ๆ




ส่วนอีกคนหนึ่งที่อยากพูดถึงนั่นก็คือ พี่ปาซัง ชาวเนปาล เผ่าเชอร์ปา
ไม่รู้ว่าทำหน้าที่อะไรในกลุ่มเดินทางเพราะสัมภาระบนตัวเขาดูไม่เยอะเหมือนลูกหาบ 

แต่ก็แยกตัวเดินปลีกห่างออกมาจากกลุ่ม และนำทางล่วงหน้าไปไกลพอควร
มองดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่ไกด์
ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงแล้วว่าพี่เขาทำหน้าที่อะไรกันแน่  

ฉันพบเขาตอนที่เดินผ่านมาและวานขอให้ช่วยถ่ายภาพตัวเองเป็นที่ระลึกระหว่างเดินให้ 
หลังจากนั้น ในบางจังหวะที่เดินทันกันก็ได้หยุดพักคุยกันตลอด แถมยังห้ามเตือน
เรื่องการไปลองกินผลไม้แปลก ๆ ที่ฉันดอดไปเด็ดมาชิมแบบสุ่มสี่สุ่มห้ามาหนหนึ่งซะด้วย   


เขายังชี้ให้ฉันดูถึงโค้งอันตรายหลังจากนี้ 
ตรงจุดข้างหน้าที่มีหน้าตาเหมือนประตู
เส้นทางจะมีการหักเลี้ยวและแคบชันมากขึ้น อาจเสี่ยงต่อการเจอดินถล่มนิดหน่อย



ตัว Blue Sheep  ปรากฏร่าง !!!



ฉันเริ่มหอบเหนื่อยมากขึ้นตามลำดับความสูง เมื่อต้องพยายาม
พยุงตัวเองเดินบนทางชัน และแอบลื่นล้มไถลไปหนึ่งหนจนได้แผล
ยิ่งใกล้ที่หมายเมื่อไหร่ อุปสรรคก็ดูเหมือนจะเยอะมากขึ้นเท่านั้น

แต่ถ้าจะให้คิดเดินย้อนกลับ ก็คงยากซะแล้ว



"เอาเป้มาฝากไหม พอไปถึงที่ Bhojbasa แล้วค่อยมารับคืนก็ได้"  

อยู่ ๆ พี่ปาซัง ก็ถามขึ้นมา หลังจากฉันเดินไล่ตามทัน 
เพราะแกนั่งพักเอาแรงกลางทาง พร้อมยื่นน้ำอัดลมให้ดื่มแก้กระหายด้วย

"ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก"  ฉันเกรงใจ ทั้งที่ตัวแกก็มีสัมภาระเยอะพออยู่แล้ว 


ถัดจากนี้ฝีเท้าฉันไล่ตามพี่ปาซังไม่ไหวแล้ว คงเหลือแต่ตัวเองเท่านั้น
ที่จะต้องประคองไปให้สุดทางกับเนินหินพะเนินยักษ์ หนสุดท้ายที่ต้องกัดฟันไปให้ถึง

แล้วภาพของภาคพื้นล่างตรงนั้นคือจุดหมายสำหรับวันนี้นั่นคือ Bhojbasa !

เข่าแทบพับขาแทบขวิดเป็นเลขแปด ถ้าเป็นไปได้ก็จะขอกลิ้งลงไปแทนจะดีกว่าไหม...

14 กิโลเมตร  ฟังดูเหมือนจะไม่ไกลเกินคว้าหรือดูน่าท้าทายเสียเท่าไหร่เลย 
แต่มันเป็นระยะทางที่ฉันอยากลองพิชิตอยู่สิ่งเดียว นั่นก็คือใจของตัวเองนี่แหละ




"นมัสเต จี" สวัสดี ค่า ....



ที่พักที่ชื่อว่า Lal Baba Ashram มีหน้าตาเป็นเพิงสังกะสีและหลังคาทรงแหลม
พอได้เห็นจากบนเนินเมื่อครู่นี้แล้ว ฉันก็รีบจ้ำตรงเข้าไปถามหาที่พักทันที ซึ่งใน
ตอนนั้นก็มีคนมาเข้าพักอยู่ก่อนแค่ไม่กี่ราย

หลังจากได้ห้องและวางสัมภาระลงแล้ว บาบาที่ดูแลอาศรมก็พามานั่งคุย
เอาชาร้อนและข้าวกับถั่วเขียวต้มเกลือ ให้กินเป็นมื้อต้อนรับ 

บอกตรง ๆ เลยว่ามันไม่น่ากินและดูน่าอร่อยเท่าไหร่
แต่หิวเป็นบ้าเลยวินาทีนั้น



บาบา ผู้ดูแลอาศรมที่ฉันไปพัก


เหล่าคนที่ทำงานในอาศรม

ฉันรู้สึกโชคดีนิดหน่อยที่มาถึงก่อนคนหลายกลุ่ม เพราะหลังจากบ่ายสามไปแล้ว
นักท่องเที่ยวรายอื่น ที่เพิ่งมาถึงต่างก็ต้องตระเวนเดินหาที่พักกัน บ้างก็ต้องอยู่แยกกลุ่ม
บ้างก็ได้พักที่เดียวกัน เพราะ
บริเวณแห่งนี้จะมีสถานที่รองรับอยู่ไม่กี่แห่ง 

แต่ก็มีคนบางส่วนที่จัดเตรียมเต็นท์มากางเอง

ช่วงเย็นนี้มีฝนปรอยลงมาเล็กน้อย พวกคนที่ทำงานในอาศรมต่างยังพากันออกมา
เล่นคริกเก็ต แก้หนาวได้แบบไม่สะท้านปอด
ไม่รู้ว่าหายใจกันคล่องได้ยังไง 

แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ดันวิ่งตามไปขอเก็บภาพริมขอบสนามเป็นที่ระลึกด้วย
เพราะบรรยากาศห้องพักในอาศรมมันดูทะมึนทึมทึบเกินกว่าจะนั่งอยู่ได้นานน่ะสิ




คริกเก็ต เป็นกีฬายอดนิยมของประเทศอินเดีย พวกเด็กผู้ชายจนถึงคนวัยโต
มักจะมารวมตัวกันเล่นกีฬาชนิดนี้กันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นสนามแข่งหรือ
กระทั่งพื้นที่ลานเล็ก ๆ ข้างทาง ซึ่งต่างไปจาก ฮ็อกกี้ กีฬาประจำชาติ ที่กลับ
ไม่ดังระเบิดเถิดเทิงเท่าไหร่

ถ้าพูดถึงกติกาการเล่นคริกเก็ต ฉันคิดว่ามันยากต่อการหาคำอธิบายพอสมควร
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวางตัวผู้เล่น การทำแต้ม ตลอดจนไม้สามเส้าที่ปักเอาไว้
มันช่างดูสลับซับซ้อนพอ ๆ กับคนอินเดียเลย






ห้าโมงกว่าแล้ว หลังดวงอาทิตย์ลับหายไปกับขุนเขาที่ล้อมรอบ อากาศก็เริ่ม-
เย็นเฉียบลงเรื่อย ๆ ฉันนอนคุดคู้อยู่ในห้องที่มีฟูกวางปูอย่างง่าย ๆ และห่อตัว
ด้วยผ้าห่มสามผืน ความที่อยู่กลางหุบเขาและมีแม่น้ำไหลขนาบอยู่ไม่ไกลนัก
มันจึงหนาวชื้นอย่างบอกไม่ถูก ไฟฟ้าในที่นี้ก็มีจำกัดเพราะใช้พลังงานจากโซล่าเซลล์
พอหลังหกโมงไปแล้วทุกอย่างก็มืดลง


ในช่วงหนึ่งทุ่ม จะมีคนมาไล่เคาะที่ประตูหน้าห้องเรียกบอกให้ทุกคนไปกิน
อาหารค่ำที่ห้องโถงกัน  ทีแรกก็ว่าจะไม่ลุกไปนะเพราะนึกว่าจะเป็นถั่วเขียวต้ม
ราดข้าวแบบที่กินไปเมื่อช่วงบ่ายแก่ แต่ก็ผิดคาดอาหารมื้อค่ำหนนี้ดูดีกว่าเยอะ


ที่ลานห้องโถง
ตรงพื้นปูนจะถูกปูพาดด้วยผ้ากระสอบผืนยาว ไว้รองรับให้แขกผู้มาพักนั่งลงรอ
จานและถ้วยที่ทำจากใบไม้ ถูกนำมาแจกวางไว้ข้างหน้า พร้อมแก้วน้ำโลหะ 
เพื่อรอการเสิร์ฟมื้อค่ำที่มีทั้ง ข้าว จาปาตี แกงถั่ว และผัดมันฝรั่งใส่โปรตีนเกษตร

ซึ่งครั้งนี้ฉันกินจนอิ่มตื้อสุด ๆ เพราะมีการเติมได้ตลอด 





แสงไฟสลัวที่อาศรมจะถูกเปิดเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง และหลังจากนั้นทุกอย่าง
ก็จะกลับเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง คืนนี้ท้องฟ้าเปิดจนมองเห็นทางช้างเผือกชัดเจน 
ฉันพยายามยืนมองมันให้นานเท่าที่จะทนหนาวได้จากลานด้านนอก

นานแค่ไหนแล้ว
ที่ไม่ได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้าจากพื้นที่ที่ไร้มลภาวะทางแสง
มารบกวน ท่ามกลางหุบเขาลึกที่ซึ่งไม่มีอะไรมาบดบัง
ก็น่าจะหนึ่งปีที่ผ่านมาหลังจากไปเยือนหุบเขาสปิติ หนนั้นละมั้ง



ก่อนเข้านอนและคิดฝันหวานถึงรุ่งอรุณในเช้าวันพรุ่งนี้
ฉันได้หยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อตั้งค่าการปลุกเตือนช่วงตีห้า 
แต่ก็พบว่าแบตเตอรี่มือถือมันดันหมดพลังงานลงเป็นที่เรียบร้อย 





Create Date : 30 มกราคม 2559
Last Update : 26 เมษายน 2561 9:24:12 น. 31 comments
Counter : 1569 Pageviews.

 
entry นี้หลายรสชาติมาก

ทั้งความใจดีในความเบลอของฟ้าของเจ้าหน้าที่คนนั้น

แม่สาวเสือม่วงที่น่าเผาพริกเผาเกลือแช่งเสียนี่กระไร..สงสัยเป็นเจ้ากรรมนายเวรเก่านะฟ้า หอยหลอดจริงๆ ทำเพื่ออะไรฟระะะะ

และคนที่อาสาแบกของให้นั่น

คงเหมือนชีวิตคนเราหละเนาะ เจอทั้งคนดีและคนร้าย ก็ต้องผ่านมันไปให้ได้หละนะ

โหหหห อาหารที่ที่พัก..สุดยอดอ้ะ พี่เป็นคนท้องเปราะมาก จะกินไหวมั้ยน้อ ฟ้าไปแบบนี้เคยมีท้องเสีย ท้องร่วงบ้างมั้ย?

ฟ้าโคตรแกร่งอ้ะ ยอมรับเลย พูดเลย


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:23:52:55 น.  

 
ป.ล.วันนี้โหวตเต็มแล้ว เดี๋ยวหลังเที่ยงคืนพี่มาโหวตให้ เพราะจะไม่อยู่ยาวเลยน่ะนะ แหะๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:23:53:30 น.  

 
โหวตนะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:0:11:49 น.  

 
ระหว่างทางได้พบเจอแต่คนดีมีน้ำใจนะคะ ยกเว้นสาวใหญ่เสื้อม่วงคนนั้น
ระยะทางการเดินไม่น้อยเลยนะคะ 14 ก.ม. ถ้าไปเดินเองคงไม่ไหวแน่ ๆ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้านป่า Pet Blog ดู Blog
กาปอมซ่า Literature Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog
PZOBRIAN Book Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: ALDI วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:3:44:00 น.  

 
อ่านเรื่องราวในทริปนี้แล้ว อ.เต๊ะ ต้องลิสต์รายชื่อ
บุคคลอันตรายพบเห็นทีไหน ต้องตีก่อนถาม ออกจากลิสต์เดิมอีกแหละ

เดิมมี งู แขก แล้วก็ น้องฟ้า เปลี่ยนใหม่เป็นแบบนี้

งู สาวใหญ่จอมสตรอ น้องฟ้า ตัดแขกออกไป เพราะแขกใจดีผิดคาด แต่น้องฟ้ายังติดโผเหมือนเดิม 555

แต่ดุๆไปแล้ว มันแปลกๆ ตั้งแต่ เจ้าหน้าที่ ที่อุทยานก้ใจดี อุตส่าห์ทำเรื่องให้ก่อนเวลา

ไกด์ก็ใจดี จะให้ยืมไม้เท้า เพื่อนร่วมทางก็จะช่วยแบกเป้ให้ มันต้องมีอะไรผิดปกติ แหงๆ

อ.เต๊ะ คงไม่สามารถคิดไปในทางอื่นได้เลย นอกจากเรื่อง น้องฟ้าเล่นของ อิอิ

อย่างเบาะๆ น่าจะมีสาลิกาลิ้นทอง ขี้ผึ้งเมตตามหานิยาม พกติดตัว แหงๆ 555

แล้วก้เส้นทางทุรกันดาร ขนาดนั้น เดินตัวเปล่า ยังหายใจลำบาก นี่แบกเป้พะรุงพะรังอีก

เป็น อ.เต๊ะ ไปด้วยละก็ ต้องจ้างลูกหาบซัก 4 คน ให้เค้าช่วยแบก ขี่คอ ขี่หลัง ขึ้นเขาไป อิอิ

ต้องมีออกซิเจนอีกซักถัง เผื่อหายใจไม่ทัน แล้วก็ข้าวเหนียวซักโล หมูปิ้งซัก 50ไม้ เป็นสเบียง เพราะกินข้าวกับแกงถั่ว ไม่เป็นอิอิ

น้องฟ้าบอก ไปเมืองแขก เอ็งจะกินหมูปิ้ง
วอนซะแหล่ววๆๆๆ ไอ้บร้า 555

จริงๆการเดินทางแบบนี้ ถือเป็นการฝึกร่างกาย และจิตใจ อย่างดีเยี่ยม ไม่ให้ย่อท้อต่ออุปสรรค

กำลังใจ และความมุ่งมั่นเท่านั้น ที่จะพาเราไปสู่จุดหมาย เหมือนเส้นทางชีวิตของเรา

ถ้าเห็นอุปสรรค อยู่ข้างหน้า แล้วท้อ ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ก้ยากที่จะทำอะไรสำเร็จได้จริงๆ

ปล. อ.เต๊ะ อยากเห็นภาพ น้องฟ้าล้มกลิ้ง หน้าคะมำ พอจะมีรูปบ้างมั้ยอ่า อิอิ

น้องฟ้าบอก เอ็งนี่มันเหลือเกิน ถ้าเอ็งไปกะข้า
เดินๆอยู่ ถ้าเอ็งเผลอ ข้ายันเอ็งตกเขาแน่ รับรอง 555




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog





โดย: multiple วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:5:01:41 น.  

 
ดีที่เค้าไม่สวนกลับเรื่องเวลามานะครับ เจ้าหน้าที่ก็ดีนะยังทำให้

การเดินทางเที่ยวแบบนี้หลายๆ ครั้งเราก็เจอเพื่อนร่วมทางที่ดีนะครับ

คริกเก็ตเคยได้ยินชื่อ และเห็นจากในหนังบ้าง

14 ก.ม. เอาเข้าจริงๆ 1 กิโลเมตรใช้เวลาเดินแบบชิลๆ ประมาณ 15 นาที แต่นั่นคือการเดินบนพื้นราบที่รู้ทาง นี่เดินบนที่ที่มีความสูงมาก ย่อมเหนื่อยเป็นธรรมดา อีกทั้งการที่ไม่เคยไปในเส้นทางนั้นมาก่อนนี่แหละจะทำให้ยิ่งกังวลและยิ่งเหนื่อยได้ง่ายๆ เลย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:13:20:01 น.  

 
โหวตตตตตต!!!! ค่ะ บันทึกการเดินทางดีๆข้อมูลแน่นๆแบบนี้ต้องโหวต
นี่เขียนถึงตอนที่สามแล้วหรือนี่? ขออนุญาตแปะไว้ก่อนนะคะ วันนี้จะไปว่ายน้ำ เดี๋ยวว่างจะรีบวิ่งแจ้นมาอ่านต่อไล่ตั้งแต่ตอนที่ 1 เลย อยากอ่านอย่างละเอียดอ่ะจ้า


โดย: Max Bulliboo วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:17:39:35 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:2:01:12 น.  

 
น่าทึ่งมาก ที่คุณฟ้า เดินทาง..แบบนี้

ถ่ายภาพสวยด้วย งั้นโหวต

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:10:19:42 น.  

 
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ กาบริเอล เรียบร้อยแล้วนะคะ
คุณเหลือ อีก 1 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
เป็นอีกหนึ่งการเดินทาง ที่ มีหลากหลายเรื่องราว ให้เรา ได้เรียนรู้ และ ได้เห็นถึง วิถีชีวิต ของ แต่ละที่ นะคะ
เป็นการ เดินทาง ได้ คุ้มต่า ค่ะ คุ้มค่า มากๆ
ต้อง เอา ไปเล่าให้ พี่ติง ฟัง นะคะ แบบนี้
เพราะ พี่ติง เคย ทำงานที่ประเทศนี้ ^^
เจ้าข้าวเหนียว เป็น น้องหมา ค้ะ ^^
เด๋ว จะเอาไป อยู่ site ใหม่ ด้วยกัน ค่ะ


โดย: kwan_3023 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:14:25:24 น.  

 
อ่านจบ...บอกตัวเองเลยว่า เอนทรีนี้ต้อง "โหวตให้จนกว่าจะหมดแรง" 555
เขียนได้สนุกมาก อ่านไปก็ตื่นเต้นไป ..น้อง blue sheep นี่ถ้าเจอคงขออุ้มกลับที่พักด้วย อาหารเย็นของช้านนนนน ฮ่าๆๆๆ

14กิโลเมตรแม้ว...นี่โหดมากนะคะ
ดูจาก "สภาพเส้นทางแล้ว" รองเท้าที่ใส่เดินต้องเจ๋งมากๆเลยอ่ะ!!!
ไม่งั้น "เท้าพังแน่นอน"

มีคู่รักจากเยอรมันไปถึงที่นั่นด้วยเหรอ
เดาว่าพอเห็นเส้นทางแล้วเค้าจะ "เลิกรักกัน" ระหว่างทางมั๊ยนั่น...อิอิ
เราชอบอินเดียอยู่อย่างนึง... ที่เคยอ่านมา เหมือนกับว่า พวกเค้าเป็นมังสวิรัติ กันใช่ไหมคะ คือไม่ทานเนื้อสัตว์เลย ชอบตรงนี้มาก...

พอเราได้เห็น สภาพเส้นทางแล้ว ทำไมเรานึกไปถึง Trial running ก็ไม่รู้นะ มันน่าจะเอาไว้แข่งวิ่งแบบ Ultra มากเลยนะนั่น อิอิ
อ่ะ รอติดตามชมตอนต่อไปจ้า เก่งจิงผู้หญิงคนนี้


โดย: Max Bulliboo วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:17:00:36 น.  

 
สวัสดีอีกรอบจ้า

ก่อนอื่น


คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ กาบริเอล เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 4 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ


แง้วววว แล้วตอนนั้นเอาตัวรอดมาจากการท้องเสียได้ไงง่ะ ถ้าเป็นพี่ต้องเข้าร.พ.อย่างเดียวแหงๆ พี่เป็นคนเปราะมากกับเรื่องนี้อะจ้ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:21:01:07 น.  

 
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ กาบริเอล เรียบร้อยแล้วนะคะ
แวะมาแปะหัวใจครับ
ไว้เดี๋ยวแวะมาอ่านครับผม


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:11:20:11 น.  

 
สวัสดีคุณฟ้า สวัสดีบันทึกการเดินทางที่มีเรื่องราว ทัศนียภาพน่าสนใจ ขอบคุณที่ไปทักทาย และดีใจที่คุณฟ้าได้รับความเพลิดเพลินใจครับผม


โดย: bite25 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:15:33:29 น.  

 
สวัสดีจ้าน้องฟ้า

กว่าจะมีโอกาสแวะเวียนมาอ่านบันทึกการเดินทาง ปาไปกี่ตอนแล้วนะ อิอิ
อ่านดูแล้วต้องบอกว่าน้องฟ้ากล้าหาญมาก ถ้าต้องไปเที่ยวคนเดียว พี่คงไม่เลือกไปอินเดียแน่ๆ อิอิ

ขำเลือกการลืมปรับเวลา พี่ก็เคยเจอเรื่องหน้าแตกเพราะลืมปรับเวลาเหมือนกัน มันเป็นอะไรที่ฮามาก อายมากด้วย

พี่เคยเทรค ระยะทางไม่ไกลมาก แต่ด้วยความที่มันสูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก เดินก้าวเดียวก็เหนื่อยแล้ว ระยะาทางครึ่งเดียวของน้องฟ้า ใช้เวลา 5 ชม และพี่เกือบตกเขาด้วย อึ๋ย พอผ่านจุดนั้นมา ความคิดที่อยากไป ABC EBC ตกลงไปเกือบปลายลิสทืเลยค่ะ

แต่ก้ดีใจนะ ว่าอย่างน้อยเราเคยไปสัมผัสมาแล้ว แม้จะไม่ใช่ทางที่เราชอบก็เถอะ ^_^


โดย: AdrenalineRush วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:20:34:27 น.  

 
ชี้ไปแบบเท่ๆเลย ฉันจะไปโกมุข ขุนเขากำลังเรียกหาฉัน ヽ(⌐■_■)ノ♪♬
ไปถึงก่อนเวลาเขาก็ยังให้เข้า ดีนะครับ ^^ อุทยานในเมืองไทยส่วนมากถ้าผมไปก่อนเวลาจะพบว่า!!! ......เจ้าหน้าที่ยังไม่มา เข้าฟรีโลด 555
เส้นทางเดินก็ดูแล้วอย่างโหด คนท้องที่ถึงตกใจตอนรู้ว่าคุณฟ้าจะลุยเข้าไปคนเดียวนะเนี่ย ดูแล้วชวนให้หลงทางอีก เสี่ยงเอาเรื่อง
กรี๊ดกับ Blue Sheep!!! มาเที่ยวแล้วได้เจอสัตว์หายากตามธรรมชาติตัวเป็นๆนี่สุดยอดประสบการณ์เลยนะครับ ...คิดว่าเป็นแกะขนสีน้ำเงินซะอีก เป็นเลียงผาหรอกเรอะ!
ตอนไปเที่ยวอินเดีย ตามโรงเรียนหรือสวนสาธารณะเห็นคนเล่นคริกเก็ตกันเยอะเหมือนกันครับ กีฬาประเภทนี้บ้านเราแทบไม่รู้จักเลย
บ้านพักก็อยู่ลำบากนะเนี่ย ใช้โซล่าร์เซลล์คงเก็บเข้าแบตเตอรี่ได้น้อย พอมืดไฟก็ดับไปด้วย (แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรเล่า!) แบตมือถือก็ไม่มีที่จะชาร์จ แต่คิดว่าคุณฟ้าคงลุ้นกับแบตกล้องมากกว่า สำคัญที่สุด สำหรับเก็บประสบการณ์ทนทรหดมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Opey Beauty Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
anigia Parenting Blog ดู Blog
หอมกร Movie Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

& ♥

จากบล็อกนู้นทั่นอเล็กซานเดอร์ตีไปถึงแอฟฟริกาตอนบนเลยละครับ สมชื่อเดอะเกรทจริงๆ ที่น่าชื่นชมคือท่านไม่ได้ทำลายอารยธรรมเดิมด้วยนะ แต่นำมาผนวกกับตัวตนของตนเองเพื่อสร้างการยอมรับของผู้คนในพื้นที่นั้นๆ แม้แต่อียิปต์โบราณยังนับพระเจ้าอเล็กซานเดอร์เป็นฟาโรห์องค์นึง นับถือเทพเจ้าอียิปต์และสร้างสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมตามแบบอียิปต์โบราณด้วย (แต่ไม่นานหลังจากนั้นพวกคริสต์ก็เข้ามาทำลายเทวสถานแบบอียิปต์ไปตรึม... เศร้าจัย)
ชาวตุรกีส่วนใหญ่สืบเชื้อสายเติร์กจากพวกชนเผ่าเร่ร่อนในเอเชียกลางครับ เพิ่งเข้ามามีบทบาทในพื้นที่ตุรกีเมื่อคริสศตวรรษที่ 10 (ในตารางคือยุคของเซลจูค) หลังจากนั้นก็สร้างจักรวรรดิออตโตมัน ส่วนชาวกรีกที่เข้ามาในพื้นที่ช่วง Hellenistic Period หมดบทบาทไปนานมากแล้ว


โดย: ชีริว วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:1:28:10 น.  

 
ตามไปเที่ยว และแปะใจให้ครับ


โดย: แมวเซาผู้น่าสงสาร วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:11:14:10 น.  

 
สุดยอดค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:9:58:49 น.  

 
แวะมาแปะหัวใจจ้า


โดย: honeynut วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:7:15:32 น.  

 
ลงชื่อไว้ก่อนยังไม่ได้อ่านนะ
แปะหัวใจก่อนเลย
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ กาบริเอล เรียบร้อยแล้วนะคะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:11:18:57 น.  

 
หนูจ๋า ป้าอ่านแล้วกลัวใจแทน ทำไมกล้าหาญชาญชัยนัก
ดูสิไปเดินคนเดียวก็ได้ เกิดล้มลุกคลุกคลานกลางทางใครจะช่วยเหลือ
แต่คิดอีกทีมันก็เป็นบทเรียนที่มีค่าไม่มีในตำราด้วยสิเนาะ
พรุ่งนี้ค่อยมาส่งกำลังใจนะ หมดตัวค่า


โดย: เนินน้ำ วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:11:29:54 น.  

 
อ่่านที่คุณฟ้าเล่าเรื่องแล้วเห็นภาพตามเลยค่ะ
ยกนิ้วให้กับความเก่งและอึดจริง ๆ
ให้ทำตามคุณฟ้าคงไม่ไหว แต่มีอย่างนึงที่อยากทำมาก
คือไปนอนดูดาวเต็มท้องฟ้า เต็มๆตากับพื้นที่ลานโล่งไร้มลภาวะทางแสงรบกวน
หรือ พื้นที่กลางหุบเขา แบบไม่มีตึกราบ้างช่องมาบดบัง
กดไลค์กับโหวตแถมหัวใจให้จ้า ^_^


โดย: haiku วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:25:35 น.  

 
@ haiku : ไปนอนดูดาวเต็มท้องฟ้าฯ
อย่าได้ไปทำเลยเชียวนะ กับที่โน่น ....
หนาวลมโกรก เย็นเจี๊ยบมาก อาจหลับไม่ตื่นน่ะ อิอิ
ฟ้ายืนดูได้ไม่ถึง 15 นาทีก็ต้องหลบกลับเข้าเพิงละ


โดย: กาบริเอล วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:9:19:52 น.  

 
ตามมาส่งกำลังใจจ้าน้องฟ้า
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:9:42:09 น.  

 
สวัสดีอีกรอบจ้าฟ้าาา

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ กาบริเอล เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 0 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ


ไม่รู้ว่าฟ้ารู้ตัวไหมว่าได้สำรองตอนสุ่มเวาเชอร์น่ะ 555 แต่ตอนนี้พี่โอกับพี่ตุ๊กรับรางวัลแล้ว เลยไม่ได้ให้รางวัลฟ้าน้าา เอาไว้ไปร่วมสนุกกันใหม่เนาะ


ปกติพี่ก็ไม่กินหมูมันเยอะๆ นะ แต่หมูกรอบที่นี่อร่อยจริงๆ สุดยอดอ้ะ อร่อยจริงๆ นา ขอบอกๆ

พี่ก็เสียดายซุปฟักทอง แทบอยากจะขอมากินต่อ แหะๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:12:31:51 น.  

 

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ กาบริเอล เรียบร้อยแล้วนะคะ

555ดูจากสไตล์การท่องเที่ยว และการใช้ชีวิตและวิธีคิดแล้ว

น้องฟ้านี่ ก็นักรบ ตาลีบัน+ อัลเคด้า+ มูจาฮีดีน มายำรวมกัน ดีๆนี่เอง 555

อ.เต๊ะ คงไม่อาจตัดจากลิสต์ บุคคลที่ต้องเฝ้าระวังสูงสุด ไปได้ง่ายๆหรอกจ้า 555






โดย: multiple วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:16:41:44 น.  

 
พูดอีกก็ถูกอีกนะ แต่คนเราจะเห็นธาตุแท้ก็ตอนที่มีอำนาจในมือนี่ล่ะ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:34:39 น.  

 
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ กาบริเอล เรียบร้อยแล้วนะคะ

มาเติมใจให้น้องฟ้าค่ะ
กลับมาอัพบล็อกแล้วนะคะ


โดย: AppleWi วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:20:36 น.  

 
เก่งแท้หนอ ฟ้าเอ๊ย

ผู้หญิงคนเดียวเดินทาง กับการไปอินเดียครั้งที่ 3




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:17:57:13 น.  

 
สุดยอดเลยยยยยยยยยยค่ะ


โดย: together_ws วันที่: 6 เมษายน 2559 เวลา:20:26:25 น.  

 
แวะมาทักทายจ้าาา sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite ร้อยไหม IPL Medisyst adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้วถาวร สักคิ้ว 6 มิติ Cover Paint สักไรผม 3D Eyebrow Haijai.com สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรเพื่อสุขภาพ น้ำมันมะพร้าว ขิง ประโยชน์ของขิง ผู้หญิง สุขภาพผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการ ตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อคนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4713825 วันที่: 10 สิงหาคม 2561 เวลา:17:34:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.