Group Blog
 
<<
มีนาคม 2559
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 
SPITI (ปี 2) Kee Monastery สุดท้ายก็ได้มาเยือน



ทางเลือกสุดท้าย

ข่าวเรื่อง Kunzum la กำลังจะถูกปิดเส้นทางสัญจรในไม่ช้านี้ กำลังทำให้ตัวเอง
ต้องตัดสินใจ
เตรียมตัวเดินทางออกจากสปิติไวกว่ากำหนด จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะ
แวะเวียนตะลอนเที่ยว
ไปอีกหลายแห่ง แต่เพราะข้าวของบางส่วนได้ถูกฝากเก็บไว้
ยังมะนาลี นั่น
จึงเป็นเหตุให้ต้องเดินทางกลับยังเส้นเดิม

"ไป Mud กันไหม มันไปทางเดียวกับ Dhankar"

อเล็กซ์เจอกับแพทริกเมื่อเช้า 
หลังจากที่ลุงหายไปเก็บภาพตามพื้นที่ต่าง ๆ
กับเพื่อนชาวสปิติของเขา 
และเย็นวันนี้เขาจะเดินทางไปยังหมู่บ้านที่ว่านี่ด้วย

"แต่ฉันยังไม่เคยแวะไป Kee Monastery เลยนะ "

เมื่อปีที่แล้วฉันเสียเที่ยวไปหนนึง เลยไม่อยากพลาดอีก 

ไม่ชอบเลย ที่ต้องมาคิดเลือก
ในเวลาที่กระชั้นชิดแบบนี้
อเล็กซ์เคยไปที่ คี มาแล้วแต่ยังไม่เคยไป หมู่บ้านมุด 
ส่วนฉันไม่เคยไปทั้งสองที่


ฉันรู้แค่ว่าเวลาที่นึกถึงสปิติ ภาพของอารามสงฆ์
ที่ตั้งบนเนินเขาแห่งนั้นคือสัญลักษณ์แรกที่นึกถึง

"เอางี้ คนละครึ่งทาง เราจะโบกรถไป คี กัน...
ถ้าครึ่งชั่วโมงจากนี้ไม่มีคันไหนจอด ก็ไป มุด แทน"

เออก็ดีนะ กว่าจะรถประจำทางจะออกมันก็เย็นเกินไป
เที่ยวรถที่จะวิ่งไป คี ต้องรอนานถึงบ่ายสี่โมงครึ่ง 
ส่วน มุด จะออกไวกว่า หากจำไม่ผิดก็รอบบ่ายสาม 





ประมาณบ่ายแก่ของวันนั้น หลังจากหอบข้าวของ
ไปยืนโบกรถอยู่นานสองนานแต่ไม่สำเร็จ 
ก็เลยต้องย้ายกลับมายังท่าจอดแทน 
โชคไม่ดีที่รถประจำทางสำหรับไป มุด ไม่มีวี่แววจะโผล่มาเลย ความที่ รถเที่ยว
นั้นมันไม่ได้กลับมาที่กาซ่าตั้งแต่เมื่อวาน
แล้ว เพราะหนาวเกินไป !

พวกรถแท็กซี่รับจ้าง ในวันนี้กลับเต็มเอียดไม่มีเหลือให้จองได้ 
แม้แต่ แพทริก ยังสาละวนเดินรอตรงคิวรถและไม่แน่ใจว่า 
ในเย็นนี้กลุ่มของพวกเขาจะได้เดินทางกันหรือปล่าว?

คงเหลือตัวเลือกสุดท้ายนั่นคือ การนั่งรถเมล์
ไปยัง Kee Monastery นี่แหละ ที่ดูจะไม่มีปัญหาอะไร

ประมาณครึ่งชั่วโมง รถเมล์ได้พาเราไต่ขึ้นเนินเขาเล็ก ๆ 
เพื่อแวะจอดส่งลงยังหน้าวัด ก่อนที่จะเลี้ยวกลับออกจากที่นี่
ไปสุดทางยัง คิบเบอร์ (Kibber) หมู่บ้านที่อยู่ถัดไปไม่ไกล

ก่อนที่วันรุ่งขึ้น รถเมล์คันเดิมนี้จะวิ่งกลับมายัง คี อีกครั้ง 
เพื่อตรงไปยัง กาซ่า ในเวลา 8.30 น. 





อารามสงฆ์ที่นี่เป็นสถาบันการศึกษาที่ใหญ่และเก่าแก่แห่งหนึ่ง ได้ถูกสร้างเมื่อ
ช่วงศตวรรษ ที่ 11 และปัจจุบันได้ขึ้นตรงกับ
นิกายเกลุกปา (หมวกเหลือง)
โดยตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 4,166 เมตร 

หากมองจากทางรถวิ่งผ่านก่อนจะเข้าสู่เมืองกาซ่า ก็จะเห็นกอมปาแห่งนี้
ตั้งอยู่เด่นชัดแม้ว่าจะดูไกลจนลับสายตาไปไวก็ตาม  และแม้ว่าสถานที่นี้จะดู
มีหน้าตาแสนโบราณราวกับถูกหยุดเวลาไว้ตั้งแต่ถูกสถาปนาสร้างขึ้นก็ตาม
ทว่าในด้านความเป็นอยู่ของพระที่นี่ กลับดูเหมือนจะไม่ได้ดำรงวิถี ตามแบบ
จารีตดั้งเดิมเสียหน่อย

เพราะภาพแรก ที่ก็ได้พบเจอกลับเป็น
"พระ" ที่บิดมอเตอร์ไซด์ร่อนลงมาจากเนินเขาซะนี่ !


มีชายชาวอินเดียสองคนที่ขับมอเตอร์ไซค์คันโต แวะมาเยือนที่นี่เช่นกัน 
ถึงเราจะเดินเข้ามายังอารามแห่งนี้ไล่เลี่ยกัน  แต่พวกเขาก็อยู่นานแค่ 10 นาที
ก่อนจะไปต่อยังที่อื่น 

เราตรงไปยังบริเวณพื้นที่ทางเดินเข้าไปยังด้านในห้องครัว 
ที่ ๆ ต้องเอากระเป๋าไปวางฝากไว้ มันดูมืดทึบลึกลับจนต้อง
หยิบเอาไฟฉายมาส่อง
รู้สึกได้ถึงความเก่าแก่ของที่นี่มากเลย

มีคนทำครัวอยู่สองคน กำลังเตรียมทำอาหารลงหม้อใบโต ที่วางตั้งอยู่บนเตา
ที่ใช้ฟืนสุมก่อไฟ 
มีคนหนึ่งทำหน้าที่ปั้นแป้งที่ปั้นเป็นทางยาว ดูคล้ายจะเตรียม
ทำปาท่องโก๋ 
ส่วนพ่อครัวอีกคนก็ทำหน้าที่บิแป้งเป็นชิ้น ๆ และโยนใส่หม้อซุป 

หม้อยักษ์ กระทะยักษ์ ตะหลิวยักษ์ ภาชนะต่าง ๆ ที่วางอยู่โดยรอบบริเวณนี้ 
มีไว้เพื่อรองรับการประกอบอาหารเลี้ยงพระที่พำนักอยู่ที่นี่ เป็นจำนวนถึง 350 รูป

พี่พ่อครัว บอกเราว่าตอนนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียน
ดังนั้นจึงอาจจะไม่ได้เห็นพระมากนักในเวลานี้

หลังจากฉันขออนุญาตเก็บถ่ายภาพในห้องครัวแล้ว ก็ถูกเตือนไว้ว่าอย่าไป
ถือกล้องเก็บภาพสุ่มสี่สุ่มห้าแบบที่นักท่องเที่ยวชอบทำกันนะ 
เพราะพระที่นี่
ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบให้ถ่ายรูป 

อีกทั้งภายในอารามสงฆ์แห่งนี้ ก็ห้ามบันทึกภาพด้วย 
โดยจะมีข้อความเขียนเตือนไว้หลายจุดรวมไปถึงกล้อง CCTV 




หลังพักจิบชาไปคนละถ้วย จนหายหนาวแล้ว ก็เดินออกไปดูพื้นที่ด้านนอก
พร้อมกับพระรูปหนึ่งที่นำเรามา  ห้องแรกที่หลวงพี่เปิดให้ดูจะมีพระพุทธรูปตั้ง
อยู่ตรงกลาง และ
มีภาพจิตรกรรมฝาผนังแนวทิเบต

ส่วนห้องที่สอง จะเป็นที่รวบรวมเก็บข้อบัญญัติทางศาสนา (Canon) 
มีที่ประทับและห้องพักที่เคยจัดรับรอง ทะไลลามะ องค์ปัจจุบัน 
ทุกอย่างถูกเก็บวางให้คงสภาพเดิมที่สุดเหมือนถูกสตาฟไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000
พวกเขายังคงดูแลไว้เป็นอย่างดี ไม่มีอะไรถูกเคลื่อนย้าย มีเพียงแค่พลาสติกใส
ปิด
คลุมกันฝุ่นเอาไว้

หลวงพี่อธิบายให้เราฟังเรื่องการรวบรวมตำราว่า ถูกแปลจากสันสกฤตมาเป็น
ฉบับภาษาทิเบตได้นั้นเพราะมาจาก
การแลกเปลี่ยนความรู้ทางศาสนากันระหว่าง
สองชนชาติ อินเดีย - ทิเบต ตั้งแต่เมื่อพันปีก่อนโน้น

"ที่ Tabo ใช่ไหมคะ?" ฉันนึกย้อนไปถึงสถานที่ ๆ มีฉายาเรียกว่า
อชันตาแห่งหิมาลัย
ที่เคยไปเยือนเมื่อปีก่อนได้ทันที 

"ถูกต้อง"

ไม่คิดว่ามันจะมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ 
ถูกนำมารวบรวมเก็บไว้ยังที่นี่เสียด้วยตื่นเต้นชะมัด

หลังจากนั้นเราก็ได้ไปนั่งดื่มชาที่ห้องเก็บของเก่า โดยที่หลวงพี่รูปนั้นยังทำหน้าที่
พูดคุย เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับที่นี่ ตรงห้องนั้น
ดูเหมือนจะมี ถ้วยชาม เครื่องดนตรี
จำพวก ฉาบ แตร 
อาวุธโบราณอย่างหอก โถใส่เมล็ดพันธุ์พืชบางอย่าง รวมไปถึง
กระบอกไม้ที่ใช้สำหรับตำเนย
เพื่อชงชาแบบทิเบต (butter tea) ที่มีรสชาติออก
ไปทางจืด ๆ เค็ม ๆ  
พวกเขาคงจิบดื่มกันเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นเท่านั้น 




มื้อค่ำวันนั้น เราต้องย้อนกลับไปยังห้องครัว ตรงบริเวณพื้นที่รอบนอกก่อนทาง-
เข้า 
เริ่มมีกลุ่มพระที่นั่งกันกระจัดกระจาย แต่ละรูปจะมีภาชนะใส่อาหารต่างกันไป
คงใช้เป็นของส่วนตัว รวมไปถึงช้อนตักมีทั้งแบบธรรมดาและไม่ธรรมดา 

ฉันเห็นพระบางรูปได้นำเศษไม้เก่า ๆ
ที่มีปลายแหลมมาจิ้มอาหารกินแทนใช้ช้อนตักก็มี 

ภายในห้องครัวช่วงค่ำ จะมีแค่แสงตะเกียงส่อง และบรรยากาศก็ดูมืดทึบยิ่ง
กว่าเดิม 
มีพระกำลังนั่งฉันมื้อค่ำอยู่ในนั้นประมาณ 20 รูปเห็นจะได้ 

และเมื่อกินเสร็จแล้วต่างก็ต้องล้างเก็บภาชนะประจำตัวกันเอง 



ฉันเดินไปหยิบชามใส่อาหาร พร้อม ๆ กับอาการประหม่าเล็กน้อย
อาจเริ่มกังวลว่าการเป็นผู้หญิงคนเดียวในพื้นที่นี้มันดูไม่คุ้นเท่าไหร่
ถึงจะรู้ว่าการวางตัวของพระทางฝ่ายวัชรยานจะแตกต่างไปจากพระในไทย
และการที่ต้องมากินข้าวรวมกับพระแบบนี้ ทำให้ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาด 
ถ้าพี่อเล็กซ์แกไม่มาด้วย ฉันก็คงอาจทำตัวไม่ถูก! 



ตรงหม้ออาหารมีผงสีแดงประหลาดตั้งอยู่ด้านข้าง เห็นพระบางรูปหยิบมาโรย
บางรูปก็ไม่สนใจ ฉันเลยหยิบเอามาส่องดูว่ามันคืออะไรอย่างเงียบ ๆ แต่ก็
มีเสียงบอกพร้อมกันอย่างเซ็งแซ่ คล้ายกับจะแย่งกันบอกว่านั่นคือ "พริกป่น"
สำหรับปรุงอาหารให้มีรสเผ็ด  พวกเขาคงเห็นฉันทำตัวไม่ถูกด้วยล่ะเลยพยายาม
ช่วยพูดช่วยคุยให้ไม่รู้สึกประหม่าเท่าที่จะทำได้

อาหารคืนในนั้น คือซุปเหลวกึ่งข้นคล้ายราดหน้า ต้มก้อนแป้ง ใส่ชีส(Paneer) 
และชิ้นผักที่มีอยู่เล็กน้อยอย่างมะเขือเทศกับมันฝรั่ง 




ที่พักคืนนี้ เป็นแบบดอร์ม...ดูเหมือนกระแสไฟฟ้าจะดับ ๆ ติด ๆ บ่อยครั้ง
หนนี้สิ่งที่ได้รับมาก่อนเข้าพักกลับไม่ใช่กุญแจ แต่เป็นเทียนไขหนึ่งเล่มกับ
ไม้ขีดไฟอีก
หนึ่งกล่อง

ฉันพยายามเขียนบันทึกเรื่องที่อารามสงฆ์แห่งนี้ ผ่านทางการจด
เท่าที่จะทำได้ 
เพราะไม่สามารถเก็บรายละเอียดจากภาพถ่ายได้ดีนัก



ลมหนาวในตอนกลางคืน จะพัดผ่านลอดหน้าต่างเข้ามาแทบตลอด ที่นี่ไม่มี
เครื่องทำความร้อนและหนาวยะเยือกได้ใจมาก  
การได้มานอนพักที่วัดโบราณ
แบบนี้ช่างได้บรรยากาศที่แตกต่างไปจากโฮมสเตย์มากเลย




....





ฉันลองตั้งค่ากล้องไว้ สำหรับถ่ายภาพตอนกลางคืน หนแรกก็กะว่า
จะได้เห็นทางช้างเผือกพาดท้องฟ้าอย่างที่ควรจะเป็น  
แต่ก็แย่นิดหน่อย
ที่เวลานั้นดันเป็นคืนข้างขึ้นไปซะได้

ถึงวิวข้างนอกจะไม่มีดาวสักดวงเพราะเป็นเดือนหงายแล้ว  
แต่แสงจันทร์ที่ตกกระทบลงหิมาลัย มันสวยมากทีเดียว 
ฉันเสียดายภาพที่อยู่ตรงนั้นมาก เพราะเก็บความทรงจำผ่าน
เมมโมรี่การ์ดเอาไว้ไม่ได้  การที่ออกไปยืนตากลมบนดาดฟ้า
คราวนั้น มันจึงทำได้ดีที่สุดก็แค่แหงนมอง

ยังตั้งค่ากล้องถ่ายรูปยังไม่เป็นอ่ะ...




ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนแผนมาเก็บภาพในช่วงหกโมงเช้าแทนละกัน

ฉันออกมาเดินลัดเลาะลงไปทางด้านข้างอารามแห่งนี้  สำรวจห้องหับที่อยู่
ลดหลั่นต่างระดับแยกเป็นส่วนต่าง ๆ  
ดูคล้ายกับถูกสร้างต่อเติมภายหลัง 
ตอนนั้นกำลังคิดอยู่ว่าจะหาทางลงไปยังศาลาข้างล่างเพื่อเก็บภาพมุมมหาชน
ของที่นี่ยังไงกัน?





ก๊อกน้ำตรงด้านนอก ถูกเปิดทิ้งไว้ในตอนเช้า และฉันว่าคงมีใครลืมปิด
เลยช่วยบิดกลับ กลัวว่าจะสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ  
แต่พอเดินกลับมา
อีกครั้งก็พบว่า มีพระเดินมาเปิดไว้เหมือนเดิม 
พร้อมบอกกับฉันว่าไม่ต้องปิดวาล์ว
เพราะ
ที่จริงแล้วเขาต้องการให้น้ำในท่อไหลระบายออก เพื่อไม่ให้จับตัวค้างเป็น
น้ำแข็งต่างหากล่ะ


ฉันหิ้วถังมารองน้ำเย็น ๆ จากก๊อก เพราะข้างบนไม่มีสำรองเหลือใช้
อีกทั้งยังไม่มีน้ำอุ่นจัดเตรียมให้ผู้มาพักอาศัย เหมือนกับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป

มีอยู่แค่ไหน ก็ใช้ไปเท่าที่มี 
ชีวิตใน สปิติ คงสอนฉันให้คิดแบบนี้ 




พี่อเล็กซ์ออกปากชวนให้เดินไปข้างนอก ตรงเนินเขาเพื่อไปถ่ายรูปจากตรงนั้นกัน
ทางเดินขึ้นเนินดูเล็กแคบและชัน เห็นแล้วก็แอบกลัวว่าจะลื่นกลิ้งตกลงมา 

แต่มุมภาพจากที่เห็น มันก็สวยแสนคุ้ม 

"ปีก่อน เคยลองเดินขึ้นไปสำรวจเนินบนถัดไปจากนี้"  อเล็กซ์ชี้ให้ดูทางที่เคย
ปีนขึ้นไป แต่ดูท่าจะเพลินไปหน่อย 
"พอได้ยินเสียงรถเมล์วิ่งเท่านั้นล่ะ
รู้เลยว่าตกรถแน่"
  เขาบอกว่าในวันนั้น ต้องเดินเท้ากลับไปที่กาซ่า 

ปัญหาการคมนาคมที่มีจำกัด 
มันช่างดูลำบากเอาเรื่องเหมือนกัน
ถ้าไม่ทันต่อตารางเวลา ก็
หวังว่าบทเรียนที่เคยพลาดไปครั้งนั้น
จะทำให้ระแวดระวังกันมากขึ้นเนาะ





อารามสงฆ์ ที่จริงแล้วก็ไม่ได้อยู่ยั้งคงทนมาตลอดหรอก เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยถูกทำลาย
และสร้างใหม่อยู่หลายครั้ง 
ทั้งจากความขัดแย้งของมนุษย์  ไฟไหม้ และ ภัยธรรมชาติ ฯ


เราเดินกลับมายังวัดเพื่อเก็บของเตรียมเดินทางออก แต่ระหว่างนั้นเมื่อเวลา
ที่ยังมีเหลืออยู่ 
พี่พ่อครัวที่เราเจอเมื่อวาน ก็นำเราไปหยิบชามขนาดย่อมมา
คนละใบ 
และให้ไปนั่งรอที่ห้องสวดมนต์ (Prayer Hall) 

ภายในห้องนั้นมีผ้าสีต่าง ๆ ประดับตามขอบคานและมีพู่ห้อยเป็นขอบระบาย
มีพระที่นั่งของ ดาไล ลามะ ตั้งอยู่ที่มุมกลางพร้อมกับภาพถ่ายตั้งวางไว้
คล้ายกับเป็นสัญลักษณ์ขององค์ประธาน 

มีโต๊ะสูงประมาณหนึ่งศอกตั้งวางไว้ด้านหน้าเบาะนั่งของพระ ที่ปูยาวและ
แบ่งออกเป็นสองฟาก บนโต๊ะจะมีคัมภีร์วางไว้ตรงหน้าสำหรับท่องอ่าน 
ฟากหนึ่งมีพระนั่งอยู่สองรูป และตรงกันข้ามมีหนึ่งรูปที่ธรรมมาศตรงหัวมุม
จะ
มีพระชั้นผู้ใหญ่นั่งอยู่บนนั้น 

ส่วนที่นั่งของเราก็คือ บนเบาะที่ปูวางตรงท้ายห้อง

เมื่อเสียงสวดเริ่มขึ้น ฉันรู้สึกว่าดูคล้ายกับการประสานเสียงโต้กันคนละคีย์ 
ส่วนที่โต๊ะหน้าธรรมมาส จะมีกระดิ่งเล็กที่พระผู้ใหญ่หยิบมาสั่นเคาะ คั่นระหว่าง
การสวด 
บ้างก็หยิบพู่กันจากขนนกยูงที่วางปักอยู่ ยกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง

ต่อมาก็จะมีพระหนึ่งรูปเดินถือกาน้ำเข้ามารินใส่ชามที่วางอยู่ด้านหน้า
ไล่เรียงตามลำดับจากพระผู้ใหญ่ ลงมาจนกระทั่งถึงชามของฉัน และ
ดูเหมือนจะมีการเติมชามาเรื่อย ๆ

สองหนแรกก็เป็นชานมธรรมดา และอีกสี่หนหลังเป็นชาเนย เค็ม ๆ มัน ๆ
ที่เราได้รับการเทซ้ำแล้วซ้ำอีกจนต้องขอบอกปัดในครั้งต่อไป เพราะ "จุก" 
ท่าทางมื้อเช้านี้ พื้นที่กระเพาะอาหารคงจะมีชาบรรจุเก็บไว้เป็นลิตรเลยล่ะ

ก่อนที่จะนั่งฟังพระสวดจนเพลินไปกว่านี้ พี่อเล็กซ์ได้หันมาบอกอะไรบางอย่าง 

"ไปกันเหอะ เมื่อกี้ได้ยินเสียงรถวิ่งออกไปแล้ว!"

เฮ้ออ ...

ประวัติศาสตร์ก็มักจะซ้ำรอยเช่นนี้แหละ








เช้านั้นเราเดินกลับกาซ่า ด้วยการเดินเท้า 

ไม่ก็อาจหวังว่าจะมีรถสักคันจอดรับให้ติดไปด้วยระหว่างทางเท่าไหร่ 
หมู่บ้านที่อยู่ถัดไปจากอารามสงฆ์แห่งนี้ ก็ดูจะคล้ายกับหมู่บ้านอื่น
ไม่มีอะไรต่างกันมากนัก มี
บ้านดิน ที่นา และปศุสัตว์ บางส่วนก็เริ่ม
มีการสร้างโรงเพาะปลูกแบบ Greenhouse ไว้ด้วย







บทส่งท้าย


"ที่นี่มันก็ไม่เปลี่ยนไปจากสมัยนั้นเท่าไหร่นัก เพียงแค่มีรถวิ่งสัญจรระหว่าง
หมู่บ้านเยอะขึ้น
ที่พัก โรงแรม เกสท์เฮาส์ ที่ผุดขึ้นเป็นระนาว แถว ๆ กาซ่า 
ส่วนเรื่องขยะมันก็เยอะแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร..."

จากที่เมื่อวานนี้เราได้เจอกับ แพทริก แถวท่ารถในตอนบ่าย
เขาได้บอกเล่าเกี่ยวเรื่องสปิติโดยคร่าวให้ฟัง  หลังจากที่ฉันถามถึง
สภาพ
แวดล้อมของที่นี่เมื่อ 22 ปีก่อน  และหากเทียบกับตอนนี้
หุบเขาสปิติ จะดูต่างไปจาก
ปัจจุบันน้อยมากแค่ไหน? 

ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงจากโลกภายนอก
จะยังดูไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่นี้มากเท่าไหร่

แต่อาจการนำมีเทคโนโลยีบางอย่าง ที่นำมาประยุกต์ใช้เพื่อการดำรงชีวิต
จากกลุ่ม NGO ที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่ 
อาทิเช่น การใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์
สำหรับกระแสไฟฟ้า ไม่ก็ใช้ทำน้ำอุ่นสำหรับอาบ 
เพื่อหวังจะการใช้ลดปัญหา
เรื่องมลพิษจากเชื้อเพลิงที่มาจากการเผาไหม้ของถ่านไม้ด้วย






เส้นถนนที่ปูลาดยาวบนทางไกล 12 กิโลเมตร กลายเป็นทาง
ที่ต้องเดินด้วยเท้าจาก คี กลับไปยัง กาซ่า หัวเมืองหลัก
สปิติ
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายของการเดินทาง

พอใกล้จะถึงบทลาจาก พื้นที่กลางหุบเขาแห่งนี้ 
ก็ยังรู้สึกไม่พร้อมเลยที่ต้องออกไป


ชีวิตข้างนอกมันยุ่งยาก และวุ่นวายจะตาย...






"อื่นๆ"


- ชื่อของ 'คี' พบว่ามีการสะกดไม่ตายตัว มีทั้ง Ki, Kee, Kye, Key

- คำว่า Gompa และ Monastery มีความหมายเดียวกัน

- การที่เดินเท้ากลับในวันนั้นใช้เวลาไม่นานนัก เพราะได้ติดรถชาวบ้านไปลงยังกาซ่า

- จำนวนของพระ อ้างอิงจากป้ายประชาสัมพันธ์ของทางอารามสงฆ์ 

- เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติสถานที่ จากวิกิพีเดีย https://en.wikipedia.org/wiki/Key_Monastery

- ค่าที่พัก ใน monastery 250 รูปี/คน 







Create Date : 25 มีนาคม 2559
Last Update : 7 เมษายน 2561 15:48:48 น. 37 comments
Counter : 1810 Pageviews.

 
แง้ววว ในที่สุดประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอย

เอนทรี่นี้ภาพสวยหลายภาพอีกแล้ว แต่พี่ชอบภาพหกโมงเช้าที่สุด สวยมากๆ ได้ความรู้สึกอ้ะ

อ่า..วชิรยาน กินมื้อค่ำ ขี่มอไซค์ ถ้าเป็นพี่ก็คงไม่คุ้นแหละ แหะๆ

แล้วตกลงนอกจากส่องแล้วได้ลองมั้ย พริกน่ะ?


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:20:05:45 น.  

 
ป.ล.ลืมบอก วันนี้โหวตเต็มแล้ว พรุ่งนี้มาโหวตให้เน้อ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:20:06:01 น.  

 
@สาวไกด์ใจซื่อ : เทพริกลงชามด้วยพี่เต้ย ซุปนั่นจืดมาก


โดย: กาบริเอล วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:20:33:21 น.  

 
พี่อุ้มชอบอ่านที่น้องฟ้า
บันทึกเรื่องราวแบบนี้


โดย: อุ้มสี วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:20:54:51 น.  

 
555 อ.เต๊ะ มาดูการวางแผน การตัดสินใจ ของทีมเที่ยว ตามยถากรรม เย้ย ทีมเที่ยวตามใจฉัน ชุดนี้แล้ว

หวั่นๆใจ ยังไงก้ไม่รู้ 555

คือ ต้องตัดสินใจกันวินาทีสุดท้ายตลอด
แบบเรียกว่า ไปตายเอาดาบหน้า ค่ำนี้จะไปอยู่เมืองไหน ก็ยังไม่รู้

มื้อต่อไปจะมีเมนูอะไรให้หม่ำ จะได้กินบุฟเฟต์ หรือต้องกินน้ำก๊อกลูบพุง555

สุดท้ายก็โชคดี ได้นอนวัด เป็นลูกศิษย์พระ
ได้หม่ำของอร่อยสุด ในรัศมี5000 กม ซุป รวมฮิตเป็นมิตรต่อหูรูด อิอิ

แล้วก็ทริปนี้ ที่ อ.เต๊ะ สนใจกลับเป็นที่นี่อะ อชันตา ถ้ำลึกลับแห่งหิมาลัย

เคยเห็นในรูป ของจริงน่าจะอเมซิ่ง จิงเกอเบลล์เอามากๆ

ดูแล้วมหัศจรรย์ ลึกลับ เหมือนฉากในหนังที่มี
พระเอก อินเดีย หน้าโจร เล่น ตามล่าหาสมบัติเลยอ่า

น้องฟ้า ไปมาแล้ว รีบเอามาลงเลย อ.เต๊ะ จะรอเชือด เย้ย จะรอชมจ้า 555

แล้วก็เรื่องตกรถนี่ อ.เต๊ะ ไม่รู้จะขำหรือจะสงสารดี

นี่เพราะเห็นแก่ ชาชัก เอ๊ย ชานม ชามเดียวแท้ๆเล้ยจริงๆ555

แล้วก็ทริปนี้ ทีแรก อ.เต๊ะ ว่าจะถอดรายชื่อน้องฟ้าออกจากรายชื่อ บุคคลที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ อยู่แล้วเชียว

แต่ดันมามีเรื่องแอบไปปิดก๊อกน้ำ วัดเค้าซะนี่
เลยถอดไม่ได้เด้ดขาด ต้องติดโผต่อไปจ้า 555







บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: multiple วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:21:06:45 น.  

 
@อุ้มสี : ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่า พี่อุ้ม :)

@Multiple : ถ้ำอชันตา ณ หิมาลัย ในที่นี้
มันคนละที่กับ เมืองออรังกาบาด นะฮับ

ตาบู ไม่อลังการณ์เท่าไหร่
แต่เป็นอีกสถานที่ ที่ชอบมากกกกกก....

อีกอย่างฟ้าคงไม่ลงเรื่องให้เชือดแน่นอน 555

เพราะ อ.เต๊ะ เคยเชือด เอ้ย ชมไปเรียบโร้ย ที่เอนทรี่เก่าค้างปีก่อนโน่นแน่ะ อิอิ

มีแถมภาพเก่าให้นึกเลยฮะ





โดย: กาบริเอล วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:22:14:33 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณน้องฟ้า..

อารามสงฆ์ สวยนะค่ะ..วิวริบๆสวยค่ะ

แต่ดูท่าทางจะร้อนนะค่ะ..ท้องฟ้าสวยมากด้วย



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:22:45:29 น.  

 
อ่อ ในเฟซคือที่มารอบที่แล้วไม่ได้แวะ แต่หนนี้ได้แวะสินะครับ
แหม่ น่าจะถ่ายพระขี่มอไซค์ทันนะเนี่ย แต่พอมารู้ว่าพระชอบความเป็นส่วนตัวก็ดีแล้วครับที่ไม่ได้ถ่าย เดี๋ยวโดนมวยเส้าหลิน
แถมไปพักเป็นสาวหนึ่งเดียวในอารามสงฆ์ เอาเถอะ ฟ้าจะไปที่ไหนผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่แล้วครับ คราวหน้าขอเกาหลีเหนือนะ
ภาพนกบินตอนเช้าสวยดีครับ ท่าทางอากาศดีน่าดู แต่ก็ท่าทางหนาวน่าดู เห็นท่อน้ำจับตัวแข็งแล้วอยากจับมาแลกความร้อนกับไทยตอนนี้จริงๆ

ภาพ Kee Monastery มุมสูงนี้เดินขึ้นไปถ่ายไกลป่ะครับ? มุมนี้สวยดี แต่ทำให้ตกรถ
ถือซะว่าได้เดินชมวิวนะครับ มีวัวให้ขี่กลับด้วย //ไม่ใช่!!

ผมเคยไปอชันตามาแล้ว ส่วนเอ็นทรี่ตาบูนี่จำไม่ได้ว่าแวะไปยัง?


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ชีริว วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:22:54:30 น.  

 
สวยมากเลยคะ


โดย: ลัลลลิลณ์ วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:22:55:32 น.  

 
ห้องครัวเก่าแก่ พ่อครัวสองคนคงทำอาหารด้วยความภูมิใจในห้องนี้นะคะที่เลี้ยงพระจำนวนถึง 350 รูป

อ่านที่น้องฟ้าบรรยายแล้วอยากเห็นห้องเก็บของเก่าจำพวกจานชามและเครื่องดนตรีด้วยค่ะ
สิ่งของก็สะท้อนถึงวัฒนธรรม

ได้รู้สาเหตุที่ต้องเปิดก๊อกน้ำอีกด้วย
ขอบคุณสำหรับบันทึกประสบการณ์ท่องเที่ยวนี้ค่ะน้องฟ้า

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.

นอนหลับฝันดีนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 26 มีนาคม 2559 เวลา:1:48:51 น.  

 
เหมือนย้อนเวลากลับไปใปในอดีต
ถ้าไม่มีพระขี่มอเตอร์ไซด์มาโฉบให้จินตนาการกระเจิงซะก่อน
งานนี้ผ้าใบสึกแน่ ๆ แน่ เดินกลับอีก 12 กม.
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Tui Laksi Photo Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 26 มีนาคม 2559 เวลา:8:36:27 น.  

 
มาโหวตน้าา

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Ces Photo Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 26 มีนาคม 2559 เวลา:23:15:07 น.  

 
ครัวที่นี่เป็นครัวแบบครัวโบราณเลย ที่นี่วัดรูปแบบธิเบตชัดเจนเลย

จริงๆ แล้วคนเราต้องการความเป็นส่วนตัวกันทั้งนั้นนะ ถ้าจำไม่ผิดที่ญี่ปุ่นถ้าเราไปถ่ายรูปเด็กแบบสุ่มสี่สุ่มห้ามีความผิดเลยนะครับ



กาบริเอล Travel Blog
+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 มีนาคม 2559 เวลา:17:41:18 น.  

 
ก็ไม่เลวร้ายเกินไปเนาะฟ้า ได้ติดรถชาวบ้านไป

ภาพน้ำไหลจากก๊อก ใกล้ ๆ มีน้ำแข็งเป็นย้อยเชียว

มุมมหาชนที่ฟ้าอุตส่าห์ไต่ลงมา คุ้มค่าจริง ๆ สวยจ้ะ


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 27 มีนาคม 2559 เวลา:18:19:54 น.  

 
สวัสดีอีกรอบจ้าฟ้า

ร้านนี้บรรยากาศดีมาก แต่อาหารไม่ผ่านง่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 28 มีนาคม 2559 เวลา:13:38:54 น.  

 
สวัสดีอีกรอบจ้า

ไม่แน่ใจว่าทัวร์ต่างชาติหรือเปล่านะ แต่มีทัวร์ไทยด้วยแน่ๆ

แต่อาจจะได้เรื่องบรรยากาศกับราคาแหละมั้ง



โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 28 มีนาคม 2559 เวลา:15:19:48 น.  

 
@คนผ่านมาเจอ : อากาศไม่ร้อนนะคะ หนาวมากกกกก

----------------------------------------------------

@ชีริว : เดินขึ้นไปไกลอยู่นะ กลัวร่วงลงมาเหมือนกัน
แต่เรื่องการเดินทางคนเดียวไม่ค่อยรู้สึกแปลกแยกเท่าหนนี้แฮะ 555

----------------------------------------------------

@ ลัลลลิลณ์ : ขอบคุณมากค่าา

----------------------------------------------------

@Sweet_pills : เสียดายที่เก็บภาพมาไม่ได้ค่ะพี่ต๋า แต่ก็อย่างว่า บางสถานที่เขาก็ต้องการรักษาความเป็นส่วนตัวจริงๆเนอะ
เลยมาลงเรื่องเขียนบรรยายให้อ่านแทน
ไม่รู้ว่าเก็บบรรยากาศได้ครบไหม ^^

----------------------------------------------------

@เนินน้ำ : เอารองเท้าวิ่งมาใช้ เย็บขอบอย่างดี....
กลับมาเท้าพังแทน 555
เห็นพระบิดมอ'ไซด์ แรกๆหนูก็ไม่ชินนะ แต่อยู่ไปสักพักก็เข้าใจสภาพความเป็นอยู่ว่าเค้าต่างจากเราเยอะน่ะ :)

----------------------------------------------------

@ สายหมอกและก้อนเมฆ : เห็นก๊อกน้ำแล้ว
ก็คิดถึงอากาศโน่น บ้านเรากำลังร้อนเลย
จะว่าไป ตอนอยู่ สปิตินี่เดินกันมาราธอน ดี
แต่ตอนเจอชาวบ้านขับรถผ่านมาแล้วให้ติดไปด้วย ก็ค่อยดีหน่อย

----------------------------------------------------

@toor36 : นักท่องเที่ยวบางคน เห็นแล้วก็ดูนิสัยไม่ดีนะ
กับการเที่ยวไล่ถ่ายรูป แบบไม่นึกถึงความเป็นส่วนตัวของคนพื้นที่ ฟ้าก็คิดเหมือนกันว่า เค้าไม่ใช่สิ่งโชว์น่ะ :)











โดย: กาบริเอล วันที่: 28 มีนาคม 2559 เวลา:15:58:50 น.  

 
555 อ้าวเชือดไปแล้วเหรอนี่ จำไม่ยักกะได้เลย แฮ่ๆ

อย่างว่า คนโจทก์แยะ ก็อย่างนี้แหละ 555

ลองว่าได้มาเม้นท์บ้านไหน แล้ว จขบ เขียนยั่วซะขนาดนี้

ไม่มีที่จะไม่เชือดเจ้าของบ้านนั้น หรอก อิอิ

ยิ่งบล็อกน้องฟ้านี่ ลงเรื่องไม่เหมือนชาวบ้าน แบบนี้ด้วย
แถมพฤติกรรมก้ต่างจากผู้คนธรรมดา ทั่วไปอีก
ถ้าไม่เชือด ก็ผิดไปละจ้า 555



โดย: multiple วันที่: 28 มีนาคม 2559 เวลา:18:08:12 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

อ่านยังไม่หมดเลย ขอส่งกำลังใจไว้ก่อน
นะคะน้องฟ้า พรุ่งนี้มาอ่านต่อค่ะ


โดย: AppleWi วันที่: 28 มีนาคม 2559 เวลา:22:31:19 น.  

 
น่าสนใจมากๆครับ คุณฟ้า
อยากให้รวมเล่มเป็นหนังสือครับ อุดหนุนแน่นอนครับ
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 29 มีนาคม 2559 เวลา:0:01:24 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ ถ้าให้ไปเองคงไม่มีโอกาสแน่นอน
ด้วยสังขารคงต้องถนอมไว้หน่อยค่ะ อะไหล่หาไม่ได้แล้ว
คุณฟ้ายังโชคดีนะคะ สุดท้ายก็ยังมีรถชาวบ้านผ่านมาให้ติดรถไปด้วย
ไม่งั้นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: ALDI วันที่: 29 มีนาคม 2559 เวลา:2:02:42 น.  

 

ธรรมชาติสวยงาม แต่ชีวิตก็มีความยากลำบาก slowlife ดีค่ะ

น้องฟ้า

กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พรไม้หอม วันที่: 29 มีนาคม 2559 เวลา:10:48:45 น.  

 
ขอบคุณมากครับที่อวยพรวันเกิด


โดย: The Kop Civil วันที่: 29 มีนาคม 2559 เวลา:11:48:31 น.  

 
แวะมาเที่ยวค่ะ อิอิ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 29 มีนาคม 2559 เวลา:19:28:36 น.  

 

ภาพสวย น่าเที่ยวมากเลยน้องฟ้า

แวะมาโหวตให้จ้า

มาช้ายังดีกว่าไม่มานะ อิ อิ


โดย: แม่โอ๋เรนเจอร์ วันที่: 29 มีนาคม 2559 เวลา:22:51:07 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ตอบนะคะน้องฟ้า
น้องฟ้าบรรยายมาให้อ่านสำหรับสถานที่ที่ห้ามถ่ายภาพ
ก็ขอบคุณมากเลยค่ะ ได้จินตนาการตาม

แอ่วเหนือช่วงนี้ยังร้อนอยู่นะคะ
พี่ต๋าเลยหาทางขึ้นดอยพอจะมีลมพัดบ้าง
พอลงดอยมาก็ร้อนเหมือนเดิมค่ะ อิอิ

นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะน้องฟ้า


โดย: Sweet_pills วันที่: 30 มีนาคม 2559 เวลา:0:44:25 น.  

 
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอยู่เรื่อยๆ
มนุษย์ที่สร้างประวัติศาสตร์ก็ไม่ค่อยจำกันเนอะ
สร้างซ้ำกันอยู่ได้

คุณฟ้านี่เที่ยวมันส์กว่าชายอย่างลุงชาติอีกนะครับ
ลุยส์ดีจัง...นับถิอครับ

ภาพสวยจัง

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ อ่านสนุกครับ คุณฟ้า



โดย: loongchat (สมาชิกหมายเลข 3016924 ) วันที่: 30 มีนาคม 2559 เวลา:8:50:04 น.  

 
อารมณ์โกรธไง น่ากลัวใช่ม้า~


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 30 มีนาคม 2559 เวลา:18:00:15 น.  

 
^
^ น่ากลัวมากๆครับ


ฟ้าเขียนเป็นตอนๆแบบนี้ดีแล้วครับ ติดตามและโหวตให้ง่ายดี ส่วนของผมอัดรวดจบเพราะเผื่อแปะลิงค์ไปที่อื่นให้คนเข้ามาดูจะได้ง่ายๆเฉยๆ
โรงอาบน้ำตอนก่อนที่เมืองเฮราโพลิสก็มีครับ ชาวโรมันเน้นห้องน้ำมากนะ ชอบอาบน้ำกันจริงจัง
ส่วนแมวนั้นเป็นสิ่งดีงาม แมวตุรกีจมูกไม่โด่งมั้ง หน้าตาทู่ๆตลกๆ


โดย: ชีริว วันที่: 30 มีนาคม 2559 เวลา:22:26:41 น.  

 
(จากบล็อกนู้น~~)

ก็อยากอัดคลิปอยู่นะ แต่ถ่ายคนเดียวมันดูเหงา ๆ อะ
คุณฟ้าก็มาเต้นด้วยกันสิ
เราจะอับอาย เอ้ย! โด่งดังเป็นหมู่คณะไง มามาะ 55 :D

.....
.....


อ่านย้อนตั้งแต่เรื่อง หมู่บ้านฟอสซิล แล้วล่ะครับ
แต่ยังไม่ได้เม้นต์ เพราะเม้นต์ไม่ทัน! ตามเคย แหะ ๆ ^^"
(มีอะไรน่าสนใจเลยตามไปเม้นต์ย้อนหลังแล้วล่ะ)

มาถึง Kee Monastery
ก็ได้รู้การดำเนินชีวิตของพระ Highland แบบบ้าน ๆ (ตัวจริง) ซะที
ค่อนข้างทรหดมากเลย *_*

ขอเม้นต์นี้รวม ๆ กับบล็อกที่แล้วเลยแล้วกันว่า
ผมชอบภาพ landscape ที่ถ่ายไกล ๆ
มองลงมาข้างล่าง เห็นบ้านหรืออาคารต่าง ๆ ดูเล็ก ๆ
แล้วเห็นเงาเมฆทอดผ่านเนินเป็นหย่อม ๆ มากเลย
มันทำให้เรารู้สึกว่า...
คนเรานี่ตัวเล็กจังนะเมื่อเทียบกับธรรมชาติน่ะ
อย่างภาพอารามสงฆ์นี่ก็บ่งบอกอะไรหลายอย่างเหมือนกัน ^^


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 31 มีนาคม 2559 เวลา:1:14:51 น.  

 
ใช่แล้วค่ะ วันนั้นพี่นั่งข้างคุณอ้อ
ฝั่งตรงข้ามกับคุณอุ้ม เยื้องๆกับน้องฟ้า

ชอบวิธีการเล่าเรื่องของน้องฟ้าจัง
อ่านสนุก มองเห็นภาพ เหมือนได้เดินไปด้วยกัน555

อากาศแบบนี้ โรงเพาะปลูกของที่นี่
คงต้องมีการบริหารจัดการน้ำอย่างดีเลยนะคะ
ชีวิตคือการเดินทาง ในระหว่างทางอะไรก็เกิดขึ้นได้นะคะ



แอมอร



โดย: peeamp วันที่: 31 มีนาคม 2559 เวลา:6:55:25 น.  

 
เห็นในรูปแล้วน่าไปเที่ยวมากครับ
ขอบคุณมากคับที่ไปอวยพรวันเกิด


โดย: The Kop Civil วันที่: 31 มีนาคม 2559 เวลา:10:12:10 น.  

 
วันนี้เข้ามาอ่านต่อค่ะน้องฟ้า
ชอบที่น้องฟ้าเล่าได้ละเอียด อ่านแล้ว
ก็นึกภาพตามไปด้วย บรรยากาศก็ดู
น่าแปลกอยู่หรอกค่ะ พระบิดมอเตอร์ไซค์
กินข้าวมื้อคำ มีพระมากขนาดนั้นก็สมควรแล้ว
ที่อุปกรณ์ทุกอย่างในการหุงต้มจะมีขนาดยักษ์
ตกลงน้องฟ้าได้กินชาถึง 6 รอบเลยเหรอคะเนี่ย
เรานิสัยคนไทยไงคะ เห็นก๊อกน้ำเปิดอยู่เป็นต้อง
เดินไปปิดทันที แต่ละทริปล้วนได้ประสบการณ์
มากมายจริง ๆ ค่ะ


โดย: AppleWi วันที่: 31 มีนาคม 2559 เวลา:14:13:18 น.  

 
พี่ไม่แน่ใจ ว่าชาวบ้านไปปลูกพืช หรือว่า เค้าปลูกป่าทดแทน ... ลองไปขยายรูปใหญ่ดู ก็ดูไม่ออกอยู่ดีล่ะพี่

เวลาเดินทาง พี่ชอบเดิน พี่จะจริงจังกับรองเท้ามาก คือ ต้องใส่สบาย ไม่ลื่น ไม่กัดเนาะ แต่สภาพอากาศ และท้องที่แต่ละที่ ที่ฟ้าไป พี่ต้องถามตัวเองก่อน จะไหวมั้ย ต่อให้เป็นรองเท้าดี ๆ ใส่สบายก็เหอะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:15:19:38 น.  

 
บร๊ะ!!!!พลาดเอนทรีนี้ไปได้อย่างไร... สแกนคร่าวๆก่อนนะ เดี๊ยวคืนนี้จะกลับมาตั้งใจอ่านจนจบนะก๊ะ จุ๊ฟ!


โดย: Max Bulliboo วันที่: 5 เมษายน 2559 เวลา:22:33:34 น.  

 
โหวตให้รัวๆ...Travel blog...
หูย กุฏิ(เรียกงี้ป่าวหว่า?) งดงามทันสมัยมาก หม้อทำอาหารนั่นทั้งดำ ..ทั้งใหญ่ ฮ่าๆ แต่หากต้องนั่งกินข้าวร่วมกับพระ เจ้คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกันว่ะ คงจะขออนุญาตตักเฉพาะที่ตัวเองชอบใส่จานพูนๆ และขอมาหามุมนั่งกินส่วนตัวได้ป่าว...
เค้าไปหา "ชีส" มาจากไหนกันอ่ะ ..ไม่เห็นมีตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตเลยนะ..

ทริปนี้..แนะนำว่า เช่าม้า...ขี่ไปจะดีกว่าไหมอ่ะ รถบัสนี่ท่าทางจะพึ่งไม่ค่อยได้เอาซะเรย...ฮึ่ยยยย
เรื่องก๊อกน้ำ.... พระท่านคงคิดว่าการเปิดให้มันไหลไปแบบนั้น จะระงับไม่ให้มันเป็นน้ำแข็งได้สินะ..จะบอกว่า ที่เยอรมัน ในปาร์คเค้าจะมีการเปิด น้ำพุ นึกภาพออกไหม..ตะนี้ มีอยู่ช่วงหนึ่ง อากาศดันหนาวขึ้นมาแบบกระทันหันตอนดึก..น้ำพุนะฮะ พุ่งออกมาเป็นน้ำแข็งเลยอ่ะ ตอนเช้าไปดูคนถ่ายรูปไว้ตรึม..ปัญหาคือ พอมันเป็นน้ำแข็งนี่ ก๊อกพัง..นะจ๊ะ .. ต้องซ่อมกันยาวเลยเพราะแรงดันของน้ำ บวกกับความเย็น..อันนี้พี่ก็ไม่รู้เรื่องทางเทคนิคนะ แต่ที่นี่เค้าจะมีการ "ปิดน้ำพุ" กันไว้ก่อนความหนาวจะมาเยือนอ่ะ..คงจะต่างกันแถววัดที่ฟ้าไปแน่นอน อิอิ


โดย: Max Bulliboo วันที่: 6 เมษายน 2559 เวลา:17:42:21 น.  

 
@ Max Bulliboo -
ขอแก้คำตอบเรื่องชีส ไว้ที่เอนทรี่นี้แทนนะคะ

> ลาดักฉบับเบา ๆ : CHURPI ชีสแห้ง.


โดย: กาบริเอล วันที่: 22 กรกฎาคม 2563 เวลา:18:09:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.