| จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียฝันร้ายเมื่อกองทัพรัสเซียพ่ายแพ้แก่ญี่ปุ่น (ภาพโฆษณาชวนเชื่อโดยจิตรกรญี่ปุ่น โคะบะยะชิ คิโยะชิกะ) | | | คนเกาหลีจำนวนมากที่อยู่ในญี่ปุ่นปัจจุบันนี้คือมรดกจากสมัยอาณานิคม ตอนญี่ปุ่นผนวกเกาหลีใหม่ๆ ที่ญี่ปุ่นมีคนเกาหลีอยู่ประมาณ 2,500 คน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คนเกาหลีถูกเกณฑ์มายังญี่ปุ่น ถูกบังคับใช้แรงงานเพื่อแก้ปัญหาความขาดแคลนคนยามสงคราม พอสงครามสิ้นสุด ตอนนั้น ในญี่ปุ่นมีคนเกาหลีราว 2 ล้านคน ญี่ปุ่นแพ้แล้ว ยอมให้คนเกาหลีกลับประเทศได้ คนที่กลับได้ก็กลับไป แต่คนที่ไม่รู้จะกลับไปไหนหรือกลับไม่ได้ด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ต้องตกค้างอยู่ในญี่ปุ่นซึ่งมีอยู่ไม่น้อย ต่อมาคนเหล่านั้นมีลูกหลานที่กลายเป็นเกาหลีรุ่นที่ 2 รุ่นที่ 3 ซึ่งไม่เคยไปเหยียบแผ่นดินเกาหลีมาก่อนเลยในชีวิตและพูดภาษาเกาหลีไม่ได้ แต่ยังไงๆ ก็ต้องบอกว่า ข้าเป็นเกาหลี เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นไม่ให้สัญชาติ โดยมีข้อกำหนดว่าถ้าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งไม่ใช่คนญี่ปุ่น ถึงแม้เกิดในญี่ปุ่นก็จะไม่ได้สัญชาติ จริงๆ แล้วในช่วงที่เกาหลีเป็นดินแดนของญี่ปุ่น คนเกาหลีในญี่ปุ่นเคยได้สัญชาติญี่ปุ่น แต่เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามและหมดอำนาจเหนือคาบสมุทรเกาหลี คนเหล่านี้ก็หมดสัญชาติญี่ปุ่นไปด้วยตามสนธิสัญญาสันติภาพซานฟรานซิสโก ที่ญี่ปุ่นตกลงทำกับฝ่ายสัมพันธมิตรในปี พ.ศ. 2495 การถูกเพิกถอนสัญชาติเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่เหมือนกับถูกบอกว่า พวกท่านไม่ใช่คนญี่ปุ่นอีกต่อไป แต่เป็นคนต่างด้าว น่าตกใจน้อยเสียเมื่อไร หากมีใครมาบอกว่าเจ้าเป็นญี่ปุ่นได้ถึงคืนนี้ แต่จงเป็นเกาหลีตั้งแต่ฟ้าสาง เมื่อสถานะถูกเปลี่ยน คนเหล่านี้จึงไม่ได้รับสวัสดิการอย่างที่ประชาชนญี่ปุ่นทั่วไปได้ และมีจำนวนมากที่ประสบความลำบากในการดำรงชีวิต สถานการณ์ดีขึ้นหน่อยเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่น เมตตา ปรับสถานภาพให้เป็นผู้พำนักถาวรพิเศษ โดยให้สิทธิแก่คนเกาหลีที่อยู่ในญี่ปุ่นก่อนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และลูกหลานของคนเหล่านั้น พอมาปี พ.ศ.2534 จึงขยายให้แก่คนเกาหลีรุ่นที่ 3 แต่ก็ยังไม่ให้สัญชาติญี่ปุ่นอยู่ดี สถิติจากกระทรวงยุติธรรมของญี่ปุ่นที่เผยแพร่ในเดือนมิถุนายน 2558 ชี้ว่ามีผู้พำนักถาวรพิเศษที่เป็นคนเชื้อชาติเกาหลีอยู่ในญี่ปุ่นประมาณ 370,000 คน การไม่มีสัญชาติญี่ปุ่นทำให้คนเกาหลีกึ่งญี่ปุ่นถูกกีดกันในหลายด้าน และเกิดเสียงเรียกร้องสิทธิอยู่เนืองๆ อันที่จริง การยื่นขอสัญชาติญี่ปุ่นสามารถกระทำได้ แต่ปัญหาใหญ่คือ ความรู้สึกทางด้านชาติพันธุ์ทำให้ไม่อยากกลายเป็นคนญี่ปุ่น และอีกอย่างหนึ่งคือ ข้อกำหนด การตรวจสอบ ตลอดจนกระบวนการขอสัญชาติญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ คนที่เป็นเกาหลีจึงยอมเป็นเกาหลีทั้งๆ ที่อ่านภาษาเกาหลีไม่ออกสักตัว ชัดแล้วว่าเพื่อนคนที่ประกาศตัวว่าเป็นเกาหลีแม้จะฟังเพลงของ Girls Generation ไม่ออกนั้นมีที่มาเช่นนี้ เป็นที่มาที่ต่างจากน้องคิมและที่ไปคงต้องต่างกันแน่ เพราะคิมซึ่งแม้ไม่รู้เรื่องเกาหลีมากมายแต่เป็นเกาหลีแท้ๆ โดยสัญชาตินั้น จะสามารถกลับเกาหลีใต้ได้อย่างไม่รู้สึกแปลกแยก แต่เพื่อนใหม่ซึ่งเป็นเกาหลีจากมรดกอาณานิคมนั้น อยู่ญี่ปุ่นก็เป็นญี่ปุ่นไม่เต็มตัว ครั้นจะกลับเกาหลี ก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ที่ไปของเขาคือญี่ปุ่น แต่คงต้องรอรัฐบาลเมตตายกฐานะให้สัญชาติ...สักวัน? หลายเรื่องราวทั้งทางการเมืองและเรื่องประวัติศาสตร์ ทำให้ตอนนี้เกาหลีกับญี่ปุ่นไม่ค่อยถูกกัน โบราณท่านว่า คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน นั่นน่ะสิ...ญี่ปุ่นกับเกาหลีถึงได้เกิดมาคู่กัน แต่อาจเป็นคู่เวรมากกว่าที่จะเป็นคู่มิตร มาในยุคหลังสงครามโลก มี 2 เกาหลี เกาหลีเหนือซึ่งเป็นประเทศเผด็จการ ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับญี่ปุ่น แต่ทำญี่ปุ่นหนาวๆ ร้อนๆ อยู่ตลอด เดี๋ยวทดสอบขีปนาวุธ (ขู่?) เดี๋ยวแอบผลิตนิวเคลียร์ และที่แสบที่สุดคือการส่งสายลับย่องมาจับตัวคนญี่ปุ่นไปหลายคน ว่ากันว่าจับไปล้างสมองบ้าง จับไปสอนภาษาญี่ปุ่นบ้าง แต่จริงๆ แล้วจับไปทำอะไรบ้าง ฝ่ายนั้นไม่เคยออกมายอมรับตรงๆ ที่แน่ๆ คือไม่ได้จับไปเรียกค่าไถ่ ญี่ปุ่นต้องพยายามอย่างหนักเพื่อทวงคนกลับมา แต่ได้คืนเพียงไม่กี่คนเพราะเกาหลีเหนือโยกโย้ ปัญหานี้จึงเป็นประเด็นระดับประเทศที่ญี่ปุ่นปวดเศียรอยู่ทุกวัน ด้านเกาหลีใต้นั้นพอทำเนา เป็นประเทศประชาธิปไตย มีความชัดเจน ทะเลาะกับญี่ปุ่นก็ว่ากันตรงๆ ออกข่าววิจารณ์กันให้ได้ยินชัดๆ แม้สองประเทศนี้มีเรื่องไม่ลงรอยกันอยู่บ้าง แต่ถ้าว่ากันในระดับบุคคลแล้ว ไม่ได้หมายความว่าคนกับคนจะต้องโกรธเกลียดกันถึงขั้นแค้นฝังหุ่น เพราะคนญี่ปุ่นยุคปัจจุบันไม่ใช่คนที่ไปทำร้ายคนเกาหลีใต้ในอดีต และขณะนี้นักศึกษาเกาหลีใต้ที่มาเรียนในญี่ปุ่นก็มีจำนวนมากถึงราว 16,000 คน (สถิติเดือนมิถุนายน 2558) สร้างพันธมิตรและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับญี่ปุ่นกันอย่างกระตือรือร้น มองย้อนกระแสเกาหลีที่ญี่ปุ่น กลิ่นอายเกาหลีมีมาช้านานในญี่ปุ่นดังที่เล่ามา แต่เป็นกระแสเก่าในเชิงประวัติศาสตร์และการเมืองเสียมาก ความเป็นเกาหลีกระแสใหม่ที่สร้างสีสันและรอยยิ้มในญี่ปุ่นมากกว่าเรื่องเดิมๆ เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงประมาณ 10 ปีนี้โดยผ่านมาทางวัฒนธรรมป๊อป และกลุ่มแรกๆ ที่เป็นปัจจัยก่อกระแสไม่ใช่เด็กวัยรุ่นอย่างเช่นในเมืองไทย แต่เป็นคุณป้า! เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนที่ผมได้เจอคนเกาหลีที่เกือบจะเป็นญี่ปุ่น กับน้องคิมที่เกือบจะหมดความเป็นเกาหลี รู้สึกว่าตัวเองรู้จักเกาหลีมากขึ้นเล็กน้อย แต่นอกจากความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นผ่านทางเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย ก็ยังมีโอกาสได้ไปเมืองเกาหลีในโตเกียวอยู่บ่อยๆ ด้วย หลายประเทศในโลกมีไชน่าทาวน์ ในญี่ปุ่นก็มีเช่นกัน และด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ อีกหนึ่ง ชาว ที่มีมากพอดู ถึงขั้นกระจุกตัวอยู่กันเป็น ทาวน์ ด้วยก็คือชาวเกาหลี
|